เย้เด็กจะเลิกตัดผมสั้นแล้ว นางศิริพร กิจเกื้อกูล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาข้อเสนอในการปรับปรุงกฏหมายเกี่ยวกับแบบทรงผมของนักเรียน นักศึกษา เปิดเผยว่า
เมื่อเร็วๆ นี้คณะทำงานได้พิจารณากรณีที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนว่า ศธ. กำหนดแบบทรงผมของนักเรียนคือ นักเรียนชายต้องตัดผมสั้นเกรียน และนักเรียนหญิงต้องตัดผมสั้นเห็นติ่งหู กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และบางโรงเรียนได้อนุโลมให้นักเรียนที่เรียนนาฏศิลป์สามาถไว้ผมยาวได้ เป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งกรรมการสิทธิ์ฯ ได้พิจารณาและเห็นว่าไม่เป็นการจำกัดสิทธิ เพราะมีกฎระเบียบที่โรงเรียนสามารถอนุโลมได้ จึงส่งเรื่องให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ ซึ่งทาง ครม.ได้ส่งเรื่องต่อให้ ศธ.พิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
รองปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะทำงานได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนหลายฉบับ ซึ่งเรื่องทรงผมก็เป็นเรื่องหนึ่งและโรงเรียนก็สามารถพิจารณาตามความจำเป็นได้อยู่แล้ว ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ไปรวมกฎระเบียบในฉบับต่างๆ และยกร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ให้เหลือเพียงฉบับเดียว โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และประโยชน์สูงสุดของนักเรียน รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับนักเรียน นักศึกษานั้น อาจจะมีการแยกเป็นรายละเอียดของระดับชั้นว่า ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษาควรเป็นอย่างไร โดยมีความยืดหยุ่นให้สถานศึกษาสามารถพิจารณาเป็นรายกรณีได้ ทั้งนี้ให้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนอต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาในครั้งต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก สยามรัฐนางศิริพร กิจเกื้อกูล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาข้อเสนอในการปรับปรุงกฏหมายเกี่ยวกับแบบทรงผมของนักเรียน นักศึกษา เปิดเผยว่า
เมื่อเร็วๆ นี้คณะทำงานได้พิจารณากรณีที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนว่า ศธ. กำหนดแบบทรงผมของนักเรียนคือ นักเรียนชายต้องตัดผมสั้นเกรียน และนักเรียนหญิงต้องตัดผมสั้นเห็นติ่งหู กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และบางโรงเรียนได้อนุโลมให้นักเรียนที่เรียนนาฏศิลป์สามาถไว้ผมยาวได้ เป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งกรรมการสิทธิ์ฯ ได้พิจารณาและเห็นว่าไม่เป็นการจำกัดสิทธิ เพราะมีกฎระเบียบที่โรงเรียนสามารถอนุโลมได้ จึงส่งเรื่องให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ ซึ่งทาง ครม.ได้ส่งเรื่องต่อให้ ศธ.พิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
รองปลัด ศธ. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะทำงานได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนหลายฉบับ ซึ่งเรื่องทรงผมก็เป็นเรื่องหนึ่งและโรงเรียนก็สามารถพิจารณาตามความจำเป็นได้อยู่แล้ว ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ไปรวมกฎระเบียบในฉบับต่างๆ และยกร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ให้เหลือเพียงฉบับเดียว โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และประโยชน์สูงสุดของนักเรียน รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับนักเรียน นักศึกษานั้น อาจจะมีการแยกเป็นรายละเอียดของระดับชั้นว่า ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษาควรเป็นอย่างไร โดยมีความยืดหยุ่นให้สถานศึกษาสามารถพิจารณาเป็นรายกรณีได้ ทั้งนี้ให้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนอต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาในครั้งต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก สยามรัฐ