การตะลุยเดินหน้า โดยไม่ได้ตั้งสติหันมองเบื้องหลังเสียบ้าง นำมาซึ่งความเสียใจ........นี่คือความรู้สึกของผมตอนนี้
เรื่องนี้ ไร้สาระและพล่ามยาวเหยียด กรุณาสกรอลข้ามหากไม่พร้อมอ่านเรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมีที่ดินมรดกอยู่แปลงหนึ่ง พ่อผู้ล่วงลับของผม ได้ปลูกไม้จำปาเอาไว้เต็มพื้นที่ สิบกว่าไร่
ระหว่างต้นจำปาเหล่านั้น พ่อแซมไม้เตียนเอาไว้ อัตรา จำปา ๔ ต้นต่อเตียน ๑ ต้น
นอกจากนี้ ยังมีไม้หลุมพอ ไม้จิกนม ไม้ตะเคียนประปรายทั่วพื้นที่
ผม ผู้บุ่มบ่ามและโง่บัดซบ ไม่เข้าใจว่าพ่อปลูกไม้เตียนใบหนาทึบชนิดนี้ไว้ทำไม
ใบหนาทึบ โตเร็วก็จริง แต่เนื้อไม้ ห่วยจนนำมาใช้งานไม่ได้ จะทำได้บ้างก็เป็นไม้แบบงานปูน ซึ่งก็ต้องผ่านการแปรรูปก่อน
พี่สาวผมกำลังเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย ผมเลยชวนมา โค่นไม้เตียนขายไม้ท่อน โลละบาทสามสิบ....
....เราทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โค่นไม้ลง ตัดท่อน ยกขึ้นรถเอาไปขาย ทำแทบทุกวัน....
จนไม้เตียน ร่อยหรอลงไปเกือบครึ่ง.... เราคึกคะนองกับรายได้ช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รายได้จากอย่างอื่นไม่มีเข้ามา
ผลพลอยได้ในความคิดโง่ ๆ ของผม คือ จำปา ซึ่งเป็นไม้หลัก ถูกเตียนเบียดพุ่มจนโตไม่ออก จะได้โตซะที
..........
วันนี้ ช่วงเที่ยง เราโค่นไม้สองต้น ตัดท่อนแล้วขนมาริมถนน.... รอหายเหนื่อยจะยกขึ้นรถ
พี่เขยก็พูดเรื่อง เขาจะเลี้ยงแพะ....เหตุผลเพราะ เขาเห็นคนรู้จัก เลี้ยงแพะไม่กี่สิบตัว ได้เป็นกอบเป็นกำกว่าเลี้ยงวัวเยอะ
แล้วก็คุยท้าวความไปเมื่อครั้งพ่อยังมี ว่า พ่อแกเลี้ยงแพะสี่ห้าสิบตัว ทำคอกให้อยู่แล้วตัดหญ้าให้กิน
แพะมากมาย ตัดหญ้าเท่ากับตัดให้วัวสองตัวก็พอ แล้วแพะนั่นก็ กินไม่เลือกหญ้าอีกตะหาก
........
คุยต่อเนื่องเรื่อยไป พี่เขยก็บอกมาคำหนึ่ง ว่า
"พ่อแกคิด แกทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน แกคิดก่อนคนอื่น คิดล่วงหน้าเป็นสิบปี..."...........ผมนิ่ง ...แล้วคิดตาม ....เออแฮะ เราลืมข้อนี้ไปนานแล้วนี่นา ตั้งแต่พ่อเสีย ผมก็แทบลืมคำสอนของพ่อเสียสิ้น
.. พ่อเป็นคนแรก ที่ปลูกหญ้าอาหารสัตว์ตามพื้นที่ว่างและริมถนน ชาวบ้านก็ว่าคนอื่นเขาจะทำให้เตียน แต่พ่อผมปลูกหญ้า...
เกือบสิบปีต่อมา หญ้าตามริมถนนที่พ่อผมปลูกไว้ พวกเลี้ยงวัวแย่งกันตัดจนโตไม่ทัน บางรายก็เริ่มปลูกหญ้าในที่ตัวเอง
.. คนอื่น ๆ เขาไม่อยากให้ใครเดินผ่านที่ดิน เดี๋ยวผลอาสินจะเสียหาย แต่พ่อผม ทำถนนผ่ากลางที่แทบทุกแปลง
แล้วยังทำเรื่องบริจาคที่ดินตรงถนน ให้เป็นสาธารณะ สิบกว่าปีต่อมา ไฟฟ้าและถนนคอนกรีตก็มา....
.. คนอื่นเลี้ยงวัว พ่อผมเลี้ยงแพะ....
.. คนอื่น ๆ เขาตัดไม้มาใช้ แล้วปลูกยางพารา พ่อผม โค่นยางพารา แล้วปลูกไม้ยืนต้น
............................. ครั้งนั้นก็ถูกชาวบ้านหัวเราะยกใหญ่
เขาว่า ปลูกเรียนปลูกเงาะ ยังพอได้กินลูก ปลูกยางปลูกปาล์ม ยังได้กรีดได้แทงขาย ไม้ยังทั้งป่า ไม่ต้องปลูกก็มีใช้...
เสียงหัวเราะทั้งมวล เงียบลงเมื่อผ่านไปได้ราวสิบปี ตอนเจ้านายเขามาบอกว่า ห้ามเข้าไปตัดโค่นต้นไม้ในป่าอีก
คล้อยหลังคำสั่งห้าม มีคนเริ่มหาต้นพันธ์ไม้ยืนต้นมาปลูกไว้ให้ลูกหลาน....ในขณะที่ต้นไม้ของพ่อเท่าถังแก๊สไปแล้ว
ผมคิดถึงตรงนี้ สะดุดตรงความคิดของพ่อ โจทย์ที่ผมตีไม่แตกหรืออย่างไร....
??...พ่อปลูกไม้เตียนไว้ทำไม....??!??!...!?!
พ่อทำอะไร มีเหตุผลเสมอ และมักไม่ใช่เหตุผลพื้น ๆ ที่ไอ้ชูไอ้เรืองไอ้เมืองไอ้ทองจะเข้าใจได้ง่าย ๆ
?? ? ....
ผมไปส่งไม้ มักจะมีคนมาถามซื้อยกต้น เพื่อเอาไปเลื่อยทำไม้แบบงานปูน แต่เขาจะซื้อต้นละพัน แถมเลือกอีก
ผมปฏิเสธไปทุกราย จนเริ่มตะหงิด ๆ ว่า ทำไมถามกันจัง(วะ) ไม้เนื้ออ่อนตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่ไปหาเลื่อยเอา
ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วก็โทร.หาเพื่อนผู้นับเหมาคนหนึ่ง เขาว่า ไม้แบบหายากจะตาย หายากกว่าไม้ใช้งานอีก
เดี๋ยวนี้ ไม้แบบราคาปาเข้าไปนิ้วละสิบห้าบาทก็มี .....
....สิบห้าบาทต่อนิ้ว ??
ไม้แบบหนึ่งแผ่น หน้านิ้วคูณหก หรือนิ้วคูณแปด ยาวสามเมตร เท่ากับแผ่นละ ๒๔ นิ้ว
นิ้วละ...เอ้า คิดโง่ ๆ นิ้วละสิบบาทขาดตัว .....
๒๔๐ บาทต่อแผ่น....
ไม้ท่อนละเมตร ๓ ท่อน ถ้าไม่ตัดท่อน เอามาแปรเป็นแผ่น เฉลี่ยได้อย่างหมา ๆ ก็ สิบกว่าแผ่น
๒,๔๐๐ บาท...!!!ต้นหนึ่ง ๆ ที่เอาได้ราว ๑๘ เมตร ได้ ๖ ท่อน เอาเถอะ ท่อนปลาย ๆ อาจได้ไม่กี่แผ่น แต่ท่อนโคนโอบไม่รอบนั่นก็ชดเชยได้
ตีกันหยาบ ๆ คิดเรตต่ำสุด ต้นหนึ่ง ๆ เราจะได้ราว
หนึ่งหมื่นห้าพันบาทสองต้นก็สามหมื่น......แล้วเราสองคน..ดันเอามาขายสองต้นสามพันห้า...คนโง่นี่ มันช่างโง่จริง ๆ .... แปลเจตนารมย์ของพ่อไม่ออก