ไม่ยอมไปหาหมอจริง ๆ เลยหรือนี่
ถ้าเป็นน้อง เป็นนุ่ง โดนตีแล้วนะเออ ก่อนหมอจะตัดสินใจใช้เข็มฉีดยา เค้าถามเรา ปรึกษาเราก่อนมั๊ยล่ะ
แล้วถ้าหมอจะฉีดยา เราห้ามได้มั๊ย วิ่งหนีได้มั๊ย
แล้วถ้าเกิดโดนฉีดยาขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ....
หลายปีก่อน อุ้มลูกไปตรวจสุขภาพที่อนามัยตามใบนัด...หมอฉีดยาลูก แต่พ่อมันเป็นลม....
ของผมมีที่มา
กลัวเข็มฉีดยาเหมือนผมเลย ผมกลัวแต่เข็มเท่านั้นนะ ไม่กลัวแผล ไม่กลัวเลือด
ตอนนั้นผมจบใหม่ๆ ทำงานในโรงงานปีแรก ธรรมดาเด็กจบใหม่จะไม่ค่อยรู้ภัยต่างๆที่แฝงอยู่ในโรงงานหรอก
ผมก็หนีไม่พ้นความไร้เดียงสานี้ วันหนึ่งผมทำงานกับเครื่องจักที่กำลังเดินเครื่องอยู่ มือผมเผลอไปจับลูกกลิ้ง
ของเครื่องทึ่กำลังหมุนอยู่ แค่ลูกกลิ้งมันทำอะไรมือผมไม่ได้หรอก แต่มือที่ไปสัมผัสมันทีกำลังหมุนด้วยความเร็ว
มันสะบัดมือผมอย่างแรงจนไปโดนฟุตเหล็ก ที่ขันน็อตยึดตายไว้บนคานวัดความยาวผลผลิต
ผลคือมือผมโดนสะบัดไปชนขอบวัตถุแข็งไม่คมของฟุตเหล็ก จนหนังและเนื้อที่โคนนิ้วชี้ขาดออกจากกันราวสามเซ็นติเมตร
ที่โรงงานเห็นว่าห้องพยาบาลที่มีแต่แอมโมเนียของโรงงานคงเอาอาการนี้ไม่อยู่จึงพาผมส่งโรงพยาบาลบ้านค่าย
เพื่อทำการหุบผิวหนังที่แยกจากกันเผงิบๆ อยู่
ไปถึงโรงพยาบาลบ้านค่ายก็ทันใจครับหมอมาถึงเห็นไม่ต้องวินิจฉัยอะไรมากสั่งเย็บเลย พยาบาลถามจะฉีดยาชาไม๊
ผมบอกเย็บเลยรออะไรอยู่ พยาบาลเลยเย็บสดๆ คุณรู้ไม๊ เวลาเข็มเย็บแทงลงเนื้อทีละข้างของขอบของแผล มันเจ็บยังไง
แต่......ผมทนได้....กี่เข็มกี่ครั้งที่แทงลงมาผมทนได้จนเย็บเสร็จ..............................แต่พอเสร็จเท่านั้นแหละ หมอบอกว่า ต้องฉีดยากันบาดทะยักด้วยนะ
โดยไม่ต้องรอว่าผมยอมไม๊ หมอกุมหลอดฉีดยาอยู่ในอุ้งมือแล้ว....ผมเหลือบเห็นเห็นเข็มอันเบ้อเร่อ ปลายแหลมเปี๊ยบ.........ผมมองตามมือหมอจนเข็มปัก..ใจวูบ....ผมมองได้แค่นั้นแหละ
ผมเกิดอาการวูบหมดสติขึ้นมาบนเตียงที่ผมนอนให้หมอเย็บแผลสดๆผมนั่นแหละ
รถโรงงานรอจนผมฟื้นจากเป็นลมนั่นแหละถึงพาผมกลับได้