อีกเรื่องสำหรับคนที่คิดจะเรียนสายเคมี
บริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมันเจ้าหนึ่ง นำผลผลิตที่ฮิตเลอร์ทำไว้คือการรมแก๊สฆ่าหมู่ชาวยิว
แก๊สนั่นคือ ฟอร์สจีน ยังมีการผลิตตราบจนทุกวันนี้ แต่เรียกเสียใหม่สวยหรูว่าผลิตภัณฑ์พิทักษ์สัตว์และพืช
พวกยาฆ่าแมลง แมงสาบ ยุง มด ปลวกนั่นแหละ
ใครเดินเข้าบริเวณผลิตแก๊สนี้ต้องติดกระดาษลิตมัสที่อกเสื้อเพื่อว่าแก๊สรั่วจะได้รู้ตัว
ก็ไม่รู้เหมือนกันจะแก้ได้ไม๊ ถ้าขนาดกระดาษลิตมัสแดงขึ้นมาคนติดกระดาษก็คงตายห่านไปแล้ว
มีตัวอย่างจากการสัมผัสเคมีมาเหลาสักหิด
จนท.สรรพสามิต ที่ชลบุรี มีหน้าที่ประจำการตรวจตราเรื่อบรรทุกน้ำมัน ที่ต้องไปตรวจตราปริมาณน้ำมันทุกวันซึ่ง
ก็ต้องลงเรือขนน้ำมันที่มีไอน้ำมันมหาศาลทุกวัน ปรากฎว่า ทุกคนที่ทำหน้าที่นี้ หัวหงอกขาวโพลนทุกคนครับ
Not used proper PPE
PPE เป็นมาตรการรับมือกับอันตราย ทำได้แค่ passive เท่านั้นครับตายคาชุดทั้งทีสวม PPE ครบก็มีครับ
การป้องกันอันตรายที่ดีที่สุดคือ active ครับ หลีกเลี่ยงอันตรายก่อนที่อันตรายจะมาถึงตัวก่อนดีกว่าครับ
แต่ถามว่าคนทำงานทั้งหลายจะทำได้ไม๊ ทำไม่ได้หรอกครับ คนมันต้องทำงานต้องกินต้องใช้ บอกว่าอันตราย
แล้วตรูไม่ทำ หัวหน้าก็เชิญไปอยู่บ้านเท่านั้นเอง ยิ่งอันตรายจากเคมี มี PPE ใช่ว่ากันได้หมดเสียเมื่อไหร่
ครับพี่ คือหลังจากมาตราการทุกอย่างที่ใช้มาเพื่อให้ทำงานปลอดภัยแล้ว ในการทำงานกับสารเคมีต่างๆ PPE คือปราการด่านสุดท้ายแล้วครับ
นิสัยคนไทยอย่างหนึ่ง ขี้รำคาญ พอให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล พี่ดุลย์เคยลงมาทำงานกลางเล บ้างครั้งพี่ดุลย์ก็ได้เห็นว่าเรื่องบางเรื่อง ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทางบริษัทพยายามทำทุกมาตราการเพื่อให้พนักงานมีความปลอดภัยในการทำงาน แต่สุดท้ายก็ต้องเกิดเหตุเนื่องจากความบกพร่องของพนักงานเองครับ