วันก่อน ได้ยินเรื่องน้าเบิ้มแหลงเรื่องงานช่าง ก็พอดีนึกได้ ว่าพวกผองเพื่อนของผม ที่มาสายช่างด้วยกัน
มีไม่กี่คน ที่หลุดวงจรช่างออกไปทำอย่างอื่น
ส่วนใหญ่ วนเวียนอยู่วงการนี้
แต่มันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ที่เป็นพวกนุ่งขายาวผมรองทรงเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ช่าง...
...และเรื่องราวของมัน น่าสนใจทีเดียว
ในวงสนทนา ถ้าใครพาเข้าเรื่องนี้ หมดเหล้ากันเป็นแบนเป็นกลมก็ยังเล่าไม่จบ
คนมีลาภสัตว์สองเท้า....ฟังดูน่าอิจฉานะ
แต่ไอ้เพื่อนผมคนนี้ มันหนักไปทางทุกขลาภ
ชื่อจริงมันชื่ออะไรผมก็ขอสงวนนามเอาไว้ละกัน
ผมไม่กลัวเรื่องมันมาอ่านเจอแล้วจะมาตีปากผมหรอก
แต่มันเป็นเพื่อนผม ไง ๆ ก็ เว้นชื่อจริงมันไว้ตามธรรมเนียมละกัน
ผมขอสมมุติชื่อเพื่อนผมคนนี้ว่า "ไอ้ไหล" ก็แล้วกัน
ส่วนสารรูปหุ่นทรง ผมมีตัวอย่างที่หลายคนรู้จักมาเป็นแซมเปิ้ล
"ไอ้ไหล" จากซิตคอมเป็นต่อ แต่ผมเกรียน ๆ หน่อย
อายุอานามก็ราวนั้นแหละ การพูดการจาท่วงท่าก็ใกล้เคียง
มันเรียนห้องเดียวกะผมตอนประถม ที่โรงเรียนวัดห้วยคางคูต
ผมจบแล้วไปต่อโรงเรียนอำมาตย์เต้น แต่มันไปต่อโรงเรียนประจำอำเภอ
บ้านอยู่ใกล้กันแต่คนละฝั่งคลอง คนละหมู่บ้านกันแต่เห็นหลังคากัน
เรื่องมัน ผมรู้ ......เรื่องผม มันก็รู้
...ม.๓ ต้นปี ไอ้ไหลถูกเรื่องหญิง หญิงเป็นเด็กสาว ม.๕ รอบจัดปานเครื่องเบนซิน
ไอ้ไหลเราก็แค่เด็กหน้าเห่ย ๆ ธรรมดา ไปเที่ยวงานแต่ง เขามีเธคเล็ก ๆ จัดกันเอาสนุก
หญิงนั้นโรงเรียนเดียวกัน เพื่อน ๆ และผู้ชาย ให้สมญาเธอว่า "อีแmดเหล็ก"
เพราะสามารถรับได้คราวละทีม ๔-๕ คน
ส่วนไอ้ไหลเรา นอกวงโคจร ไม่ได้ไปเกลือกกลั้ว แต่คนมันจะมีเคราะห์.......
หญิงมากะหนุ่มผมยาว แต่หนุ่มผมยาวดันไปสีสาวอื่นในงาน
หญิงประชด หันเห็นไอ้ไหลเราเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเคยเห็นหน้ากัน
ก็มาคว้าไอ้ไหลออกไปดิ้นในฟลอร์ หนุ่มผมยาวยังไม่สน
หญิงชวนไอ้ไหลออกนอกงาน.... พาซ้อนท้ายรถเครื่องกันมา
........
เหตุการณ์ต่อจากนั้น เป็นเหตุ ว.๕ ....
แต่กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เมื่อขณะกำลังอัดซีเมนต์ลงในรู.....
ผ่าดันมีคนส่องกบผ่านมาเห็น(บอกแล้ว คนมันจะซวย...)
(อรรถาธิบายนิดนึง คือ บ้านนอกคอกนาป่าเขานี่ มันไม่มีบังกะโลหรอก
มีแต่ริมทางกับร่องห้วยที่มันพอเตียน ๆ คู่นี้เขาเลือกร่องห้วย)
แล้วคนส่องกบนั่น ดันเป็นลุง เป็นญาติผู้ใหญ่ของหญิง
...อันมายาหญิงนั้น ร้อยเล่มเกวียนก็ยังไม่ได้หนึ่งในสี่....
หญิงร้องขอช่วย....บอกว่าขอให้ไอ้ไหลมาส่งบ้าน
แต่กลับถูกไอ้ไหลลากลงในร่องห้วยและทำมิดีมิร้าย
....ทุกคนรู้ดี ว่าหญิงนั้น ช่ำชองชุ่มโชกปานไหน
และอ่านเหตุการณ์ออก ว่างานนี้ ใครปล้ำใคร
แต่ตำรวจเขาว่าไปตามที่เห็น....และหากมีข้อกังขา ก็จะยกประโยชน์ให้ฝ่ายเสียหาย คือฝ่ายหญิง
งานนั้น ข้อกฏหมายว่าไงต่อไม่รู้ รู้แต่พ่อไอ้ไหลต้องจ่าย ห้าหมื่น...... (สมัยทองบาทละห้าพันห้า) เพื่อให้หญิงยอมความ
ดูเหมือนจบงานนี้ ไอ้ไหลจะเสียชื่อเสียเสียง.....
แต่เสียชื่อกับคนดีครับ ผ่าดันไปมีชื่อเสียงในหมู่สาวรักสนุก ซึ่งสมัยนั้น นับว่ามากหน้าหลายตาอยู่
ไอ้ไหล เริ่มต้นตอน ม.๓ ได้ฝึกวิทยายุทธ เนื้อเหลือเจือเนื้อขาดอยู่บ่อยครั้ง
จนพวกเราสรุปได้ว่า ไอ้ไหล เป็นผู้มีลาภสัตว์สองเท้า (แม้บางทีจะมีเท้าผัวหรือเท้าญาติของหญิงปนมาบ้าง)
คนเรา หาอะไรก็ได้อันนั้น.... ไอ้ไหล จากเด็กหนุ่มหน้าเห่ย รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัว
อาบน้ำวันละสี่ห้าครั้ง เพราะมีคติว่า หล่อหรือไม่ไม่สำคัญ แต่ถ้าซกมก เป็นอันอดแดรก....
แต่งเนื้อแต่งตัวประณีต บรรจง มีสไตล์ ...เข้าร้านเสริมสวยด้วย (สมัยนั้น ผู้ชายเข้าร้านเสริมสวย มีแต่กะเทย)
ถึงหน้าตาเห่ย ก็ทำให้ไอ้ไหลดูดีขึ้นมาได้
จบ ม.๓ ไอ้ไหลเรียนต่อ ปวช. .... หึหึ ลองทายซิ มันต่อ ปวช.สาขาอะไร ??
....สาขา การขาย ที่วิทยาลัยอาชีวะครับ....
ทั้งห้อง มีนักศึกษาราวสี่ห้าสิบคน มีมันเป็นชายแท้อยู่หน่อเดียว(นอกนั้น ตู๊ดดดด)
โอ้.... คุณพระช่วย งานนี้ ไอ้ไหล เหมือนนั่งอยู่ในโคลนเลนที่ปลายแหลมตะลุมพุกเลย
.....รอบข้าง เต็มไปด้วย ....หอย....!!
พวกเรา ยังเป็นเพื่อนกับมันอยู่ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เที่ยวด้วยกันบ่อยนัก
เพราะมัน มีแนวทางและเป้าหมาย คือหอย
ส่วนผมและผองเพื่อน แนวทางและเป้าหมาย คือ...ตีน...!!
ช่วงที่ไอ้ไหลอยู่ ปวช. ช่างเต็มไปด้วยข่าวและเรื่องราวน่าอิจฉา
มันบรรลุเป้าหมายของการเบนเข็มมาเรียนสาขากระเทยได้อย่างชุ่มโชก
เราไปดักรอคู่อริตรงป้ายรถเมล์หน้าพระเงิน แต่ไอ้ไหลพาสาว ปวส.ซ้อนท้ายกอดเอวผ่านหน้าไป.....
สมัยนั้น การกอดเอวออกสื่อ แปลว่าได้มีการ"สละม่าว"กันเรียบร้อยแล้ว (สละ=ให้ , ม่าว=ทิ่ม)
ไอ้ไหลได้คนนั้น จีบคนนี้ ทุกคนโน้น ฟันคนนั้น เปรอะไปหมด
แล้วก็โดนดีรอบสอง......
....สมมุติชื่อสาว เด็ก ปวส. จบ ปวช.มาจากอาชีวะจังหวัดอื่น
สาวก็ดูไวไฟไม่ใช่เล่น เปิดเทอม ปวส.ได้ไม่ถึงเดือน ก็ไปสละม่าวกับไอ้ไหลแล้ว
จะสังเกตุได้ว่า ไอ้ไหล มักได้สาวแก่กว่าหรือสาวรุ่นพี่ คงเป็นเพราะมันเปิดเกมส์ด้วยสาวรุ่นพี่นั่นเอง
สาวกับไอ้ไหล ดูจะออกสื่อเปิดเผยอยู่สักหน่อย เพราะสาวไม่มีเพื่อนที่รู้จักมาก่อนในเมืองนี้
รู้คร่าว ๆ ว่า พ่อกับแม่ของสาวเลิกกันตั้งแต่สาวหัดเดิน พ่อพาสาวไปอยู่ต่างจังหวัด
ส่วนแม่ของสาวเป็นคนพื้นเพที่นี่ เลิกกันพ่อก็ได้ใหม่ แม่ก็ได้ใหม่
สาว พอโตเป็นสาวก็เริ่มมีปัญหากับลูกของแม่เลี้ยง น้องต่างแม่ ทะเลาะกันรุนแรง
จนพ่อของสาว ติดต่อเมียเก่า ว่าให้สาวมาอาศัยสักพักได้ไหม เพื่อบรรเทาปัญหา แล้วจะส่งค่าใช้จ่ายมาให้
แม่ของสาวตกลง แต่ก็มีปัญหาคล้าย ๆ กัน เพราะแม่ของสาว ก็มีลูกที่เป็นน้องต่างพ่อ
ก่อนปัญหาจะซ้ำ แม่ของสาวเลยให้สาวอยู่หอพัก นาน ๆ จะกลับไปบ้านสักที
ก็เปรมสิยังงั้น สาวใช้ชีวิตนัวเนียอยู่แต่กับไอ้ไหล อย่างไม่แคร์สื่อ
คบกันมา รวมปริมาณสารคัดหลั่งได้สักสี่ห้าลิตร ก็ถึงฤดูผลไม้ เงาะ ลางสาด มังคุด ทุเรียนออกตลาด
สาวชวนเพื่อน ๆ รวมทั้งไอ้ไหล ไปเที่ยวที่บ้านแม่....ซึ่งก็คือบ้านพ่อเลี้ยงนั่นแหละ
ก็รวมกันไปได้สักห้าหกคันรถเครื่อง ซ้อนสอง ซ้อนสามกันไปจนถึงลานสกา
พอไอ้ไหลได้เห็นหน้าแม่ของสาว ก็มีอันเข่าอ่อน หน้าซีด.......
.....แม่ของสาว เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแม่ไอ้ไหล เป็นป้าของไอ้ไหลเอง....!!!!
ไอ้ไหล ล่อพี่สาวตัวเองเข้าให้แล้ว.........
เรื่องภายในครอบครัวของเขาจะเป็นยังไงไม่รู้ได้ แต่คงซับซ้อนไม่ใช่เล่น
เพราะไอ้ไหล ไม่ได้สำเหนียกเลยว่า คนที่มันเข้าไปสี จนได้เรื่องได้ราวอยู่นานช้านั้น เป็นพี่สาวตัวเอง
..........
จบเรื่องนั้น ไอ้ไหลเลิกกับสาวเป็นการถาวร เจอหน้าก็ต่างคนต่างหลบ....
แต่เรื่องราวครั้งนั้น ทำไอ้ไหลเสียชื่อในหมู่คนดีไปอีกหลายขุม.....
.....ยัง....ยังไม่พอ บอกแล้ว เรื่องไอ้ไหลเล่ากันหมดเหล้าเป็นกลม.....
ไอ้ไหลต่อ ปวส. ที่เดิม ตอนปีสอง สาวเรียนจบ ไปต่อ วค.แล้ว
(ปัจจุบันเป็นข้าราชการอยู่เทศบาลแถวนี้แหละ)
ไอ้ไหลไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน และเหมือนธาตุไฟแตก มันเริ่มล่อหญิงไม่ค่อยเลือก
วิธีการเข้ามวยของมัน ก็เริ่มมีดิบเถื่อนให้ได้ข่าวอยู่บ่อย ๆ (พวกเราไม่ได้เป็นเฟรชชี่เรื่องเพื่อนหรอกนะ ตั้งแต่สมัยนู้นแล้วแหละ)
เรื่องใหญ่เรื่องโตหลังสุด ก่อนที่มันจะหายไปจากวงการ และกลับมาอีกทีเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
มันเกิดขึ้นแบบ บ้านนอกมาก ๆ
ไอ้ไหลมาเที่ยวงานลอยกระทงแถวบ้าน แล้วสีหญิงคนหนึ่งในงาน
สาวนั้นก็ไวไฟดีแท้ รู้จักกันไม่ถึงชั่วโมง ก็มานั่งเบียดให้ไอ้ไหลทั้งล้วงทั้งควักหน้าจอหนังกลางแปลงแล้ว
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นหนังไม่ทันจบ มันก็เดินตามหลัง หายกันไปหลังตลาดที่เป็นไร่ป่าไสของชาวบ้าน
.......
เช้ามา ไอ้ไหลก็มานั่งหน้าแหลมรอพ่อมันมาประกันตัว.....
ข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส... ซึ่งหนักหนาเอาการทีเดียว
พวกเรา งงกันมากกับเรื่องที่ไอ้ไหลเจอ เพราะเท่าที่เรารู้จักไอ้ไหลมา ไอ้นี่มันไม่ใช่ประเภทซาดิสหรือนิยมบังคับ
แต่จะใช้สรรพวิชาวิทยายุทธของมัน จนหญิงโอนอ่อนผ่อนตาม และให้เกียรติหญิงในระดับดีทีเดียว
ประกันตัวออกมา ก็ต้องสัมภาษณ์กันขนานใหญ่ ได้ความว่า.-
-. มันพาหญิงคนนั้น ซึ่งเฉอะแฉะชุ่มฉ่ำแล้ว ไปหลังตลาด ตามคำขอของฝ่ายหญิง ว่าช่วยพาไปไหนก็ได้...
มันผ่านดงกล้วยเล็บมือนาง เดินเข้าไปมืด ๆ ในสวน แล้วเห็นราง ๆ เป็นที่เตียน ๆ อยู่ในดงหญ้า
ก็เริ่มบรรเลงทันที.....
....ฝ่ายหญิงแหงนหงายให้มันเป็นฝ่ายรุกล้ำ แล้วก็นึกกระหยิ่ม เพราะหญิงดิ้นพราด ร้องครวญครางพาอารมณ์กระเจิง
มันรีบเดินเกมส์รุกอย่างดุเดือดไม่แพ้กัน จนหญิงเด้งกายแอ่นอกแหงนหงาย ดีดดิ้นสักพักก็ถึงฝั่ง
หญิงนั้นนิ่งเงียบไป มันก็หอบหายใจหนักหลังผ่านศึก.....
แล้วก็มีเสียงคนเดินมา..... จนมันนึกได้ว่า ทางหลังตลาด มีทางเดินเท้าอยู่ทั่วทั้งสวน อาจจะเป็นชาวบ้านแถวนี้ผ่านมา
มันก็เลยรีบดึงมือสาวให้แอบหลบ แต่สาวเหมือนจะสำลักความสุข และระทวยกับลีลาและขนาดของมัน
สาวไม่ยอมลุก.... มันก็เลยคว้าผ้าผ่อนแอบชิ่งออกไป
....เช้ามา ตำรวจและผู้ใหญ่บ้านมาหาถึงบ้าน พร้อมกับโดนแจ้งข้อหา แม้ว่ามันจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่เป็นผล
จนมาถึงโรงพัก จึงได้เข้าใจแจ่มแจ้ง ว่า หญิงนางนั้นบาดเจ็บสาหัส เป็นแผลฉกรรจ์หลายแผลที่กลางหลัง
เพราะโดน"ตอขี้แรด" ที่ถูกพร้าฟันล้มกอเอาไว้ ทิ่มแทงกดทับและบดบี้ถึงกับสลบไป
จนมีชาวบ้านมาเจอในสภาพเปลือยเปล่า และพาส่งโรงพยาบาล
พ่อของฝ่ายหญิงผู้เสียหาย เป็นสารวัตรกำนันอีกตำบลหนึ่ง ประกาศจะเอาเลือดหัวมัน
ระหว่างประกัน ไอ้ไหลก็เลยเก็บผ้าผ่อน หนีหายไปจากสังคมหลายปี
ไปอยู่ไหนไม่รู้..... เพิ่งจะเจอมันเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง
อืม อ่านจนจบครับ แต่ไม่ขอคอมเม๊นต์ครับ ผมคนขี้อิจฉาครับ