เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ ไม่แน่ใจว่าเคยเอามาขยายสักทีรึยัง
เรื่องของครอบครัวอลวนกับมรดกอลเวง....
....เรื่องของป้าจาบ (ชื่อสมมุติเพแหละ) กับลูกทั้งห้า
นายศักดิ์ นายสุข นางสม นางศรี นายสั้น.....
เหตุและเรื่องราวที่เล่านี่ ราวสิบปีกว่า ๆ ถัว ๆ ไปว่า ราวสิบห้าปี
ป้าจาบ แกเป็นคนขี้เนียน ผัวตายไปนานแล้วแกก็ไม่หาผัวใหม่ เหตุเพราะกลัวผัวใหม่จะมาเบียนสมบัติ
แล้วสมบัติแกเยอะ...?? คงจะเยอะอยู่แหละ
เท่าที่คนทั่วไปเห็น ที่ดินจำนวนหลายแปลง ล้วนแล้วแต่แปลงงาม ๆ ริมถนนทั้งนั้น
แกมาจากตระกูลคนบุกเบิกหมู่บ้าน แล้วไปแต่งกับลูกของตระกูลคนบุกเบิกอีกคน
ผัวแกตายทิ้งที่ดินไว้เกือบร้อยไร่ ถึงมันจะไม่ติดถนนสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นที่สวนราบแปลงใหญ่มาก
ส่วนของป้าจาบ แกมีที่ดินและบ้านเช่าในตลาดหกเจ็ดห้อง
ตอนนั้นให้เช่าเดือนละพันต่อห้อง(ทุกวันนี้ ทุบทำใหม่ให้เช่าเดือนละสองพันห้า)
แปลงอื่นก็มีสวนลางสาดกับมะพร้าว เนื้อที่ราวยี่สิบไร่
แต่ลางสาดกับมะพร้าวนั่นไม่กระไรหรอก ด้านหลังติดคลอง ด้านหน้าติดถนนนี่สิ
มันหวานหอมสำหรับคนที่จะเอาไปจัดสรรทำรีสอร์ท หรือแบ่งขายให้เอาไปทำบ้านพักผ่อน
หน้ากว้างราวร้อยวาเศษ ติดคลองด้านหลังทำเลสวยมาก....
อีกแปลงที่เด่น ๆ ก็คือสวนยาง ติดถนนเหมือนกัน สมัยนั้นยางกิโลละสามสิบกว่า ๆ
แต่พื้นที่ร่วมสามสิบไร่นั้น ก็ทำรายได้มหาศาลอยู่ ลูกจ้าง( เรียกลูกกุลี ) สามราย ....เจ้าของรับเน้น ๆ
กับแปลงอื่นห้าไร่หกไร่อีกสามสี่แปลง แล้วก็แปลงที่ตั้งบ้านราวสี่ไร่
บ้านเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ชั้นเดียว....หน้าตาภายนอกเหมือนบ้านคนจน
เอาเป็นว่า...ที่ดินเยอะ... กับลูกห้าคน
ส่วนพฤติกรรมป้าจาบ แกเป็นคนสมัยเก่า หัวเก่า .... เป็นนักค้านักขาย
แกไม่ใช่นักพัฒนาที่ดิน ไม่ใช่นักเกษตรด้วย แกเป็นแค่คนที่(โคตร)มัธยัสถ์
ในสวนของแก มันจะมีต้นไม้สารพัดขนาน ผสมผสานกันไป
ในสายตาคนอื่น อาจจะมองว่าใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่า สวนด้านข้างเขาเป็นสวนยาง สวนมังคุดเข้าแถวเป็นระเบียบ
แต่แกก็หากินหาได้อยู่กับสวนมั่วของแกมานานนม
ดอกดาหลา ดีปลีขี้นก ยอดหมุย หัวข่าลิง ลูกหนุนปุด ใบขี้หมิ้น ใบกรูด ยอดอม ลูกเขือพวง ล้วนแล้วแต่ขายได้ทั้งนั้น
หลายคนอาจจะมองว่าราคามันถูก... แต่ต้องดูจำนวนและปริมาณด้วย...
ที่ดินแกเยอะ ผักหญ้าถ้าปลีเลยเยอะตาม แล้วแกก็ขยันเป็นมดคันเลยแหละ
แกเอาไปขายตลาด มีรถจักรยานเก่า ๆ อยู่คันนึง บรรทุกผักไปขายตลาด
ขากลับ แกก็ซื้อกับข้าวจากตลาด....
...ปลาพุงแตก ปลาจวดร้า ปลาทูขี้หนอน ของพันนั้นเท่านั้นแหละที่แกซื้อ
ทีนี้ ลูกแกห้าคน....นายศักดิ์ นายสุข นางสม นางศรี นายสั้น.....
นิสัยคล้ายคลึงกัน คือ สาบสั้น.... เห็นแก่ตัว จะพอมีดีอยู่บ้างก็นายสั้น ประเภทเดียวกันแต่น้อยกว่าคนอื่นเขา
นายศักดิ์ อาศัยความเป็นพี่ เลือกก่อน เอาสวนยางสามสิบไร่
นายสุข สวนสมรม ลางสาด มะพร้าว มังคุด สารพัดพืช นั่นก็ราว ๆ สามสิบไร่เศษ (ตอนนี้เป็นสวนปาล์ม)
นางสม ก็สวนสมรมที่ป้าจาบแกหากินอยู่นั่นแหละ แต่นางสมมีผัวนักเกษตร ทำฟาร์มไก่เนื้อและฟาร์มเห็ด (ตอนนี้ แปลงนั้นก็เป็นสวนปาล์ม)
นางศรี ได้ผัวเจ้าเล่ห์ ชอบคดชอบโกง เลือกที่แปลงใหญ่เป็นแปลงงามหน้าติดถนนหลังติดคลอง
นายสั้น ไม่มีเมียที อยู่กับป้าจาบ ช่วยงานสวนงานไร่ไปตามเรื่อง ได้ที่บ้านสี่ไร่
และน่าจะได้แปลงเล็กอีกสี่ห้าแปลงเพื่อให้ใกล้เคียงพี่ ๆ
ที่ดินทุกแปลง ยังเป็นชื่อของป้าจาบ ไม่โอนให้ลูกคนใดเลย แม้ว่าผลอาสินจากที่ดิน ลูก ๆ จะเอาไปโดยไม่มีแบ่งปันให้แม่
....แล้วแกก็เป็นลมตายในวันหนึ่ง ผมไปงานศพแกด้วย ยังจำได้ถึงงานศพที่ถูกนินทาแหลกลาญงานนั้นได้ดี
มีนายสั้นอยู่คนเดียว ที่คอยดูแลในงาน....
พี่ทั้งสามสี่คน อยู่แต่ที่หน้างาน....คอยรับซองจากแขกมางาน
ใครรับก็เข้ากระเป๋าคนนั้น แล้วก็มีแย่งกันลาแขก เป็นที่กระอักกระอ่วนแก่แขกมางาน
กับข้าวกับปลานั้นเล่า ก็น่าเห็นใจ....คือแบบว่า เขากินอย่างไร ก็เลี้ยงแขกอย่างนั้น
ยังจำแกงส้มหมูเนื้อขาวกับลูกมุดได้ดี.... น้ำชุบเคียงผักแหละเป็นพระเอกอยู่ได้
ทีนี้ ดราม่ามันเกิดหลังจากเผาศพแม่เสร็จ..... เขาก็ทะเลาะแย่งที่ดินกัน....
...อ้าว ก็ไหนว่าแบ่งกันลงตัวแล้ว ยังทะเลาะอะไรกันอีก ??
แปลงใหญ่แบ่งกันแล้ว แต่พวกแปลงเล็กห้าไร่สิบไร่ที่เล็ง ๆ กันไว้ว่าได้นายสั้นนั้นแหละ พี่ ๆ เขาแย่งกัน
นายสั้นเป็นคนไม่อะไรกับพี่ ๆ มาตั้งแต่ต้น ไอ้ที่เขาแย่ง ๆ กันนั้นควรจะเป็นสิทธิ์ของนายสั้นด้วยซ้ำ
แต่นายสั้นก็หือไม่ขึ้น เพราะพี่ ๆ แต่ละคน พร้อมจะจัดเต็ม....ไหนจะคู่สมรสคอยยุคอยเสริมอีก
สรุปว่า... งานนี้ พี่ ๆ เอาที่ดินไปแย่งไปแบ่งกันจนหมด เหลือไว้แต่ที่ตั้งบ้านสี่ไร่ไว้ให้นายสั้น
กับห้องเช่าในตลาดอีกห้องหนึ่งซึ่งปลีกมาจากแปลงอื่น หน้ากว้างสามวา (ตอนนี้ไม่มีใครเช่า หลังคารั่วรุบ ๆ แล้ว)
ส่วนห้องเช่าแถวใหญ่ นายสุขกับนางศรีแบ่งไปคนละครึ่ง แต่ก็หลังจากผ่านโรงผ่านศาลแล้ว
ทีนี้ มันก็มีญาติผู้ใหญ่ที่ทนดูไม่ได้ กับความไม่ยุติธรรม...เข้ามาสาระแน
แต่คนสาบสั้น คนเห็นแก่ตัว คนดื้อด้าน จะเอาวิธีอะไรมาจัดการได้
ซ้ำคนสาระแน ยังถูกหลานถอนหงอก ด่าซะเสียคนไปซะอีก ค่าที่จะดึงอ้อยออกจากปากช้าง
ด่าคนแก่กระเจิงไปแล้ว....ยังมาบีบบังคับนายสั้นให้ลงชื่อในสัญญา
สัญญาที่เขาไปปรึกษาทนายมา....ว่า.-
"นายสั้นจะไม่ฟ้องร้องเรียกเอามรดกส่วนอื่นใด นอกจากที่ดินสองแปลง บ้านหนึ่งหลังและสมบัติส่วนตัวต่าง ๆ ของนางจาบ"
ซึ่งนายสั้น ก็เชื่องเป็นหมาถูกรมยา..... ยอมเซ็นต์โดยดี ทั้งห้าสำเนา เก็บไว้คนละสำเนา...
คือ....พี่ ๆ ทั้งสี่คนนั้น ออกจากบ้านไปหมดตั้งแต่แต่งงาน แล้วไม่มาดูดำดูดีแม่เลยจนวันตาย
เพิ่งจะมาพร้อมหน้ากันก็ตอนแย่งซองวันงานศพนั่นแหละ
ก็เลยไม่ได้รู้ความเป็นไปของแม่โดยละเอียด รู้แต่ว่าแม่หาผักหาหญ้าไปขายตลาดพอได้เลี้ยงตัว....
กับทั้งมีค่าเช่าจากห้องแถวในตลาดพอเป็นเงินเก็บ....
...ซึ่งเงินเก็บนั้น ถูกถอนออกมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายงานศพ (จ่ายออกอย่างเดียว เงินโมนาเข้ากระเป๋าพี่ ๆ หมด)
ส่วนที่เหลือหลายแสน ถูกญาติผู้ใหญ่และคนที่ทนดูไม่ได้ช่วยกันกดดัน จนถึงมือนายสั้น
ในสัญญามัดมือชกที่พี่ ๆ บังคับให้นายสั้นเซ็นต์ยินยอม ก็เลยรวมบัญชีธนาคารของป้าจาบด้วย
แล้วพี่ ๆ ทั้งหมด ก็หายไปตั้งแต่หลังงานศพ ค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ยังค้างก็ลงบนกะบาลนายสั้น
....เรื่องมันฮือฮาขึ้นมา ก็ราวเดือนเศษ ๆ หลังงานศพ
เมื่อพนักงานธนาคาร มาหานายสั้นที่บ้าน เพื่อแจ้งให้นายสั้นไปทำเอกสารรับมรดกบัญชีเงินฝากประจำอีกบัญชีหนึ่ง
ซึ่งป้าจาบเก็บไว้เป็นความลับ....และไม่มีใครคาดคิด ว่าคนขี้เนียนและบ้านนอกอย่างป้าจาบ จะรู้จักการฝากเงินแบบฝากประจำ
แกจะฝากสะสมมาตั้งแต่สมัยไหนนั้น ไม่มีใครรู้ แต่ที่มันฮือฮาก็คือ ยอดเงินในบัญชีต่างหาก
คงจะฝากมาหลายสิบปี และยอดฝากแต่ละงวดคงจะหลายอยู่
เพราะยอดเงินฝากที่ปรากฏ...เป็นเงิน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท(สิบสองล้านบาทถ้วน)
เงินสิบสองล้าน ในยามที่ทองบาทละเจ็ดพัน...มันน้อยซะเมื่อไหร่
ลาภที่นายสั้นได้รับมหาศาล มากกว่าพี่ ๆ ทุกคน (ที่ดินตอนนั้นยังถูก ประเมินแล้วคนละไม่เกินห้าหกล้าน)
ลาภนั้นก็กลายเป็นทุกขลาภ.....
....พี่ ๆ ต้องการจะเอาเงินนั้นมาแบ่ง(เอามาแย่งกันซะมากกว่า) แต่ติดที่สัญญาเห็นแก่ตัวที่ทำไว้ก่อน
แต่กระนั้น พี่ ๆ ก็ยังมาวนเวียน สลับสับเปลี่ยนมาตอแยนายสั้น จนไม่เป็นอันอยู่สุข
....นายสั้นหนีหายไปในวันหนึ่ง... เก็บเสื้อผ้า ฝากบ้านไว้กับคนข้างบ้าน
แล้วหนีไปอยู่ที่อื่น..... ไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ไหน
ผมเพิ่งได้เห็นหน้าเห็นตานายสั้นเมื่อสองสามปีที่แล้ว ....นายสั้นบ่าวแก่ มีเมียแล้ว
เป็นข้าราชการสังกัด อบต. เพิ่งย้ายมาประจำตำบลนี้ นายสั้นก็เลยกลับมาบ้านด้วย
มีลูกสาวฝาแฝด แก่กว่าลูกสาวผมนิดหน่อย ย้ายมาจากระนองยกครัวมาอยู่บ้านเดิม
คือโดยรวมแล้ว ผิดไปจากนายสั้นที่หงอให้คนอื่นอย่างเมื่อก่อน
ไม่ใช่คนที่จะให้พี่ ๆ ข่มเหมือนเมื่อก่อน
สวัสดีตอนเช้าครับพี่ๆทุกคน
เช้านี้บริโภคเรื่องเพื่อนแต่เช้าเลย สุดยอดครับ คนสมัยแต่แรกช่างเก็บเงินกันเก่งจริงๆครับ ยอมรับครับ
แต่การลงนามในนิติกรรมใดๆ ถ้าเราถูกบังคับหรือไม่เต็มใจก็จะทำให้นิติกรรมนั้นเป็นโมฆะครับ
ขอบคุณครับ