เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 20, 2024, 07:11:34 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 33250 33251 33252 [33253] 33254 33255 33256 ... 35779
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนคอปืน...ด้ามขวาน  (อ่าน 25861166 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 80 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
cz_dee *รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 236
ออฟไลน์

กระทู้: 893



« ตอบ #498780 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 08:37:17 PM »

เลิกมา4ปีกว่าละ พอๆกะอายุหลานสาว มีตอนดื่มบ้าง แต่ชีวิตประจำวันไม่แตะเลย  Grin

แต่ก่อนผมไม่สูบ แต่หวางนี้เริ่มสูบ เศร้า
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #498781 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 08:46:44 PM »

เลิกมา4ปีกว่าละ พอๆกะอายุหลานสาว มีตอนดื่มบ้าง แต่ชีวิตประจำวันไม่แตะเลย  Grin

แต่ก่อนผมไม่สูบ แต่หวางนี้เริ่มสูบ เศร้า


สูบแต่เวลากินเหล้าก็พอแล้วครับ กินเบียร์ กินไวน์ กินยาดองอย่าไปสูบครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #498782 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 08:55:31 PM »

ร้านขายเครื่องดนตรีนั้นไม่มีสาวๆเข้าเลยหรือว่าพรือนิ แลท่าเขารู้กันทั้งเกาะแล้วว่าเจ้าของร้าน  หื่นออกหน้าออกตา

ยังแต่รูปโหม๋ยังเดือยเพ ผมแลของเองก้าได้ครับถ้าแลรูปโหม๋ยังเดือยงั้น ไม่กดไลค์ให้ครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #498783 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:00:59 PM »

 โดนชก โดนชก โดนชก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
cz_dee *รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 236
ออฟไลน์

กระทู้: 893



« ตอบ #498784 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:13:07 PM »




สูบแต่เวลากินเหล้าก็พอแล้วครับ กินเบียร์ กินไวน์ กินยาดองอย่าไปสูบครับ

สูบเวลาเครียดจัดครับพี่ นานๆที เหล้าเบียผมกินไม่ค่อยบ่อยเพราะไม่มีโอกาส
บันทึกการเข้า
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #498785 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:13:44 PM »





สมัยที่ไปทำงานที่เมืองหลวงในอดีตครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #498786 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:14:33 PM »




สูบแต่เวลากินเหล้าก็พอแล้วครับ กินเบียร์ กินไวน์ กินยาดองอย่าไปสูบครับ

สูบเวลาเครียดจัดครับพี่ นานๆที เหล้าเบียผมกินไม่ค่อยบ่อยเพราะไม่มีโอกาส


ก็นั่นไงครับ สูบเฉพาะเวลากินเหล้าเบียร์ก็ถูกแล้วนิ จะได้สูบให้น้อยไงครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #498787 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:53:01 PM »

ในนี้ยังไม่มา แต่ในหน้าหนังสือมาแล้วนะ เรื่องเพื่อนภาคสองนะ รอให้เจ้าของเรื่องมาลงเองนะ ผมฟินแล้ว ไปนอนแล้วครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #498788 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 10:17:56 PM »

ชาด....  บู่
บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #498789 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 10:21:44 PM »

เมื่อเช้า ตัดยางพร้อมกับเก็บขี้ยาง ลากสอบแกรก ๆ ไปด้วย

ลงตีสาม เสร็จเอาสิบโมงเช้า เหนื่อยและเนือยจนหมดแรง....ได้โลละ ๒๗ บาท....

นั่นคืออีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผมต้องหาแปลนสำรองมาทดแทนรายได้จากยาง


พอตกบ่าย กับลังเคลิ้ม ๆ หลังกินข้าวเสร็จ ... ฝนก็เทตูมลงมาไม่ลืมหูลืมตาร่วมสองชั่วโมง

ยางที่ตัดทิ้งไวเป็นอันเกลี้ยงกริบ....!!

นั่นคือเหตุผลที่สอง ที่ทำให้ผมตัดสินใจอะไรอีกอย่าง  ตอนอายุใกล้แตะสี่สิบ....
บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #498790 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 10:28:52 PM »





เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมขับรถผ่านสี่แยก....

หันไปมองขวาแว่บหนึ่ง เห็น จยย.ขับมา คนขับก็รู้จักกัน เห็นแล้วว่าปลอดภัยเพราะเขาอยู่ไกลพอ และเขาก็เห็นรถผมแล้ว

พอผ่านสี่แยก (ผมทางหลัก เขาเป็นทางซอย) ก็ได้ยินเสียง โครม....ด้านหลัง

หันไปมองกระจก อ้าวเฮ้ย ชิบ..แล้ว มาชนตรูได้ไงฟระ....

จอดรถลงไปช่วยเหลือ คนขับ(ที่รู้จักกันดี) สลบเหมือด..(มีกลิ่นเหล้าหึ่งเลย)

คนแถวนั้นบอกว่า เห็นแกพุ่งเข้าใส่รถผมเลย เหมือนกับจะรีบให้ผ่านสี่แยกงั้นแหละ

ก็เรียกรถฉุกเฉินมารับตัวแกไป รพ.


ดราม่ามันเริ่มตรงนี้ ตรงที่รถเป็นของลูกสาวแก ซึ่งไม่ค่อยจะมีเงินอยู่แล้ว

ผมก็เลย ชะงักในการที่จะเรียกประกัน....(ผม...ผิดพลาด..)

เพราะถ้าเรียกประกันมา รับรองได้ว่า ประกันกับตำรวจต้องเอาเรื่องแกถึงไหนถึงกันแน่ ๆ

แถมยังจะเรื่องเมาแล้วขับอีก ประเมินคร่าว ๆ แล้ว ค่าซ่อมรถผมไม่น่าจะต่ำกว่าหมื่น(เคาะทำสีเขาทำรายชิ้น บังเอิญชิ้นนั้นเบ้อเริ่มเทิ่ม)......

แกก็มีแต่ตัว ลูกสาวแกก็ไม่มีจะจุนเจือ

ผมตัดสินใจ....คนเห็นหน้ากันมาหลายสิบปีแล้ว จะใจดำกันมันก็เกินไป

เลยแจ้งความประสงค์ว่า จะไม่เอาเรื่อง และจะซ่อมรถคันที่ขับมาชนผมให้อีก (ตรงนี้ ทำเอาคนที่เห็นเหตุการณ์ตรงนั้นอ้าปากค้างเลย แล้วบอกให้ผมคิดดูให้ดี ๆ ก่อน)

ส่วนที่โรงพยาบาล เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวผมจะตามไปดู

ไปถึง รพ.ในอีกชั่วโมงต่อมา (ค่ำมืดแล้วแหละ) จนท.กำลังเอ็กซเรย์

ผลคือ ไหปลาร้าหัก หัวปูด และแกบ่นเจ็บหน้าอก ระหว่างนั้น แกก็พูดด้วยฤทธิ์เมาอยู่ตลอด ว่า กินเหล้าเมา ขับรถล้ม นอกนั้นจำไม่ได้....

เป็นอันจบกันกับเรื่องสิทธิตาม พรบ.ฯ

เมื่อเป็นความบาดเจ็บอันเกิดจากอุบัติเหตุจราจร ก็ปิดประตูเรื่องสิทธิสามสิบบาท

จนกว่าค่ารักษาตามสิทธิ พรบ. จะเกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท จึงจะโยกไปใช้สิทธิ์สามสิบบาทได้

(ส่วน พรบ.นั้น รถแกไม่มี ส่วนประกันของรถผม ผมไม่กล้าเรียกมา เพราะกลัวแกจะโดนหนักกว่าเก่า)

เมื่อ พรบ.ไม่มี ก็ต้องจ่ายเงินสด...นั่นทำให้ลูกสาวแกหน้าเหลือสองนิ้ว กับเรื่องที่พ่อเขาก่อให้

ผมก็เลย....ก็เลย ออกหน้า รับอาสาจ่ายให้..(ตาย ตรูตาย โดนเมียฆ่าแน่ ๆ ไหนจะโดนประณามว่าโง่อีก...)

เอาวะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เรื่องตรงนี้ ความเป็นความตายของคนสำคัญกว่า ใครจะผิดจะถูกมองข้ามไปก่อน.....

ก็เลยรับปากพยาบาลว่า พรุ่งนี้จะมาจ่ายให้

หันไปดูคนเฝ้าไข้(ลกสาวแก)...หน้าแห้งเชียว ถามว่า มีเงินติดตัวมั่งรึเปล่านั่น

....เงียบ....!!

ก็เลยควักกระเป๋าเอาเงินให้ไป สามร้อย.....


วันรุ่งขึ้น...ผมเสร็จภารกิจช่วงเช้า ก็เข้าไป รพ. ซื้อของกินข้าวกล่องไปด้วย

ก็เข้าไปดูอาการ เห็นหายเมาแล้ว แต่ไม่อยากพูดอะไรมากความ ก็เลยไปเอาใบสำคัญจ่ายที่พยาบาล

เห็นค่าใช้จ่าย 2,700 บาท พอดีติดตัวมีสองพันถ้วน ก็เลยต่อรองการเงินว่า พันห้าก่อนนะ ที่เหลือค้างจ่าย....

แล้วก็กลับมาที่ห้องผู้ป่วย เอาใบเสร็จมาให้ลูกแกดู

แล้วก็ ควักเงินให้ไปอีก สามร้อย...

แล้วผมก็กลับมาที่เกิดเหตุ เอารถกระบะมา เอารถเครื่องคันที่ชนผมขึ้นรถกระบะ พาไปร้านซ่อม

บอกช่างว่า ซ่อมเต็มที่ อะไรที่เกิดจากอุบัติเหตุ ซ่อมได้ซ่อม ซ่อมไม่ได้ เปลี่ยน....

ตอนสาย หรือใกล้ ๆ เที่ยงนี่แหละ ลูกแกโทร.มาบอกว่า ให้ผมเข้าไปจ่ายเงิน สองพันสอง....

ผมก็ อะไรฟระ...นี่เพิ่งจะเที่ยง ก็เลยสอบถามได้ความว่า หมอที่มาตรวจ สงสัยว่าแกจะเป็นอะไรตรงช่วงอกหรือเปล่า

ก็เลยจะเจาะตรวจ แต่คนเจ็บไม่ยอม หมอเลยบอก ถ้างั้นก็ต้องส่งตัวไป รพ.จังหวัด....

แต่ค่าใช้จ่ายที่นี่ต้องเคลียร์ก่อน....2,229 บาท .....

ผมกำลังติดพันภารกิจอยู่ ก็เลยบอกว่า ทำค้างจ่ายเอาไว้ก่อนนะ เดี๋ยวก่อนสี่โมงเย็นจะเข้าไปจ่าย

แล้วก็ถามต่อว่า ไปที่โน่นแล้ว ค่าใช้จ่ายจะเป็นยังไง ??

 เขาบอกว่า ไม่รู้หรอก... ผม(ซึ่งตอนนั้น บวกลบคูณหารแล้วว่า เงินสำรองที่มีอยู่สี่ห้าพัน คงจะเกลี้ยงแน่แท้แล้ว)

ก็บอกว่า ผมสุดกำลังที่จะจ่ายแล้วนะ ที่เหลือหลังจากนี้ ต้องหาเงินจากแหล่งอื่นมาจ่ายแล้วหละ....

แล้วก็ไปกดเงิน เหลืออยู่สองพันแปด กดมาหมดเลย เดี๋ยวเติมน้ำมันสี่ร้อย จ่ายค่า ร.พ. สองพันสอง ก็ยังพอมีเหลือนี่นา....

ก็เลยเติมเงินออนไลน์ให้ลูกแกไปสองร้อย เผื่อว่าพอได้โทร.หาใครต่อใครบ้าง

แล้วผมก็ไปจ่ายเงินที่ ร.พ. ตามที่รับปากไว้ ค่าใช้จ่ายเป็น 2,429 บาท....

อ้าว มาจากไหนสองร้อย สอบถามได้ความว่า ค่าอ็อกซิเย่นตอนอยู่ในรถพยาบาล....อ้อ....

ก็จ่ายไป เป็นอันจบสำหรับ ร.พ.อำเภอ....

แล้วผมก็ไปปรึกษาน้องสาวแก โดยตรงนี้ ผมข้ามรายละเอียดไปละกัน ไม่น่าฟังนักหรอก ....

ผมบอกเล่าเรื่องราวให้น้องแกรู้ เป็นกระบอกเสียงไปยังคนอื่น ๆ ด้วย ว่า ผมช่วยจนสุดกำลังแล้วนะ

มากกว่านี้ก็ต้องหยิบยืมเงินคนอื่นแล้วหละ ขอให้เขาและญาติคนเจ็บเข้าใจเหตุผลที่ผมหยุดความช่วยเหลือด้วย....

เพราะสำหรับผู้เสียหายที่เป็นฝ่ายถูก กลับต้องมาจ่ายเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม ผมว่าขนาดนี้ เยอะแล้วนะ......

จบภาคแรกครับ....ไว้มาต่อภาคสอง....



ก็อบมาจากเฟส....ผมคงไม่โง่พอจะพิมพ์ใหม่  แลบลิ้น
บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #498791 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 10:38:13 PM »

ต่อภาคสอง กับเรื่องดราม่า อุบัติเหตุ จยย.ชนรถตู้.....

.....ภาคแรกถึงไหนนะ อ้อ... ผมช่วยค่า รพ.อำเภอและช่วยค่าใช้จ่ายอื่นไปจนเงินหมดเกลี้ยง

คนเจ็บถูกส่งไป รพ.จังหวัด ไม่มีสถานะของสิทธิรักษาพยาบาลใด ๆ เลย และ ค่ารักษาที่โน่น น่าจะหนักหนาสาหัสกว่าเดิม.....


.....วันรุ่งขึ้น คนเจ็บอยู่ รพ.จังหวัด ผมต้องไปส่งขาหมูตุ๋นยาจีนให้ลูกค้าให้ทันถวายพระในงานบุญ

ตอนเช้านั้น ลูกสาวแก(คนเดิมแหละ ...) ก็โทร.มาบอกว่า หมอให้ไปเอ็กซเรย์ช่วงอกซ้ำ

ผมบอกว่า ก็จัดการไปละกัน ผมติดภารกิจที่คนอื่นทำแทนไม่ได้ ก็เลยไไม่ว่างจะเข้าไป (จริง ๆ ก็ไม่รู้จะเข้าไปทำไม เงินก็ไม่มี จะไปทำอะไรได้...)


ส่งขาหมูเสร็จช่วงสาย ๆ (ยังไม่ได้รับเงินค่าขาหมูหรอก ตอนไปเก็บหม้อคืนโน่นแหละ...)

 ผมก็มาเคลียร์งานซ่อมคอมฯที่ร้าน ยังไม่ทันซ่อมเสร็จสักเครื่อง ภรรยาซึ่งเป็นครูอยู่โรงเรียนใกล้ ๆ ก็โทร.มา

บอกว่ามีพรรคพวกคนเจ็บ คงจะเป็นลูกสาวหรืออะไรนี่แหละ จะขอคุยเรื่องอุบัติเหตุกับผม

(อะไรฟระ ตรูอยู่ตรงนี้ โรงเรียนเมียตรูอยู่ตรงนั้น ทำไมต้องไปคุยกะเมียตรูฟระ...)

ก็ให้เขาคุย ...หะแรกเขาบอก เป็นลูกสาวคนเจ็บ(ลูกอีกคน...เขามีลูกสามคนและแยกกันอยู่กับเมีย)

เขาขอให้ผมรับว่า ผมเป็นฝ่ายผิดได้ไหม..!!! เพื่อเขาจะใช้สิทธิ์ตาม พรบ.ได้

เพราะตอนนี้ เขาไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา(ตรูก็ไม่มีเหมือนกัน..)



....ผมได้ยินดังนั้นก็ปรี๊ดแตก...ตอบไปชัดถ้อยชัดคำว่า ...

"ผม เป็นฝ่ายเสียหาย เป็นฝ่ายถูกชน แต่ก็ไม่เอาความทั้งที่รถผมต้องซ่อมหลักหมื่น

ไม่เรียกประกันเพราะกลัวฝ่ายนั้นจะลำบาก แถยังจ่ายค่ารักษาให้ ยังไม่พอ ยังซ่อมรถให้อีก...นี่ยังไม่ถือว่ามากอีกเหรอ???

ผมช่วยจนเงินหมดเกลี้ยงเลยนะ ถ้าจะให้ยอมรับเป็นฝ่ายผิดอีก ผมทำไม่ได้หรอก มันมากเกินไปแล้ว....!!!"



เด็กมันคงจะตกใจ....ก็เลยวางสายไป


....ผมเริ่มจะสำเหนียกในความไม่ชอบมาพากล รีบไปที่ร้านซ่อมรถเครื่อง จะไประงับการซ่อมไว้ก่อน...

จะด้วยเครดิตดีหรืออย่างไรไม่ทราบ ปรากฏว่า ร้านมันลัดคิวซ่อมให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว สนนราคาค่าซ่อม 1,900 บาท...

เจ้าร้านบอก ไม่พาตังค์มาก็เอารถไปก่อนได้นะ .... เออ...!! ขอบใจ...


ผมขอให้ช่างเอาชิ้นส่วนที่ถอดออก มากองเรียงรายแล้วถ่านรูป ให้ช่างยืนชี้ว่าเปลี่ยนอะไรไปบ้าง.....

ไม่รู้นะ ผมทำได้แค่นี้แหละ เพราะรถถูกซ่อมไปแล้ว จะให้ช่างเปลี่ยนกลับมันก็เกินไป....



มานั่งตั้งสติที่ร้าน....ยังไงต่อดีวะเนี่ยกู...!!?!

นึกอะไรไม่ออก อัพเรื่องเล่าลงเฟสดีกว่า....ก็เป็นที่มาของภาคแรกเมื่อวานนั้นแหละ

 
สักพักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เห็นเบอร์ไม่คุ้นโทร.เข้ามาที่ซิมสอง ซึ่งเป็นซิมสำหรับคนในครอบครัว ก็รับสาย....

.....คนโทร.มาเป็นผู้หญิง พอแนะนำตัวแล้วผมก็รู้จัก เป็นคนย่านเดียวกับบ้านเมียคนเจ็บ

เรียกผมว่า"ไอ้หลาน" ( ซึ่งผมก็นึกไม่ออกว่าสายญาติแกมาเกี่ยวพันเป็นน้าหลานกับผมช่วงไหน )

คนนี้ เจรจาเรื่องเดียวกับที่ทำให้ผมปรี๊ดแตกตอนช่วงสาย ....แต่คนนี้ จิตวิทยาพอมีมั่ง ก็เลยคุยกันต่อได้....


.....เขาบอกว่า เขาคุยกับทางตำรวจแล้ว(ประมาณว่า เขาเข้าถึงวงในโรงพัก ว่างั้น..)

สามารถเอารถคันอื่นไปสลับกับรถคันที่ชนจริงได้ ...หมายถึงว่า รถคันที่ชนจริง ของน้อง ไม่มี พรบ. แต่จะเอารถของพี่ ที่มี พรบ. มาเสียบแทน

เพื่อจะทำให้คนเจ็บ สามารถใช้สิทธิ์ พรบ.ได้ .....ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ผม ผมต้องเป็นคนไปแจ้งที่โรงพัก

ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ใครมาทางไหน ชนกันยังไง แล้วให้ชี้ว่ารถคันนั้นแหละชน และลงบันทึกประจำวันไว้ด้วย

เพื่อจะได้เอาสำเนาบันทึกประจำวันนั้น ไปขอใช้สิทธิ์ พรบ.ที่ รพ.จังหวัด ซึ่งขณะนั้น ค่าใช้จ่ายเรื่มเรียกหาเงินหมื่นแล้ว.....



ผมบอกตรง ๆ ครับ ว่าผม ไม่ไว้ใจเสียแล้ว ครั้นจะให้ผมตกปากรับคำทันที ผมก็รับปากไม่ได้ ก็เลยบอก ขอคิดดูก่อน....



สักพัก ก็โทร.มาใหม่ ผมนั้น นาทีนั้น ไม่เหลือทางเลือกมากแล้ว

เพราะสงสารคนเจ็บ และสงสารญาติ หรือลูกแก ที่ต้องรับภาระที่ดูเหมืออนจะไม่มีความช่วยเหลือจากคนอื่นเข้ามาเลย

ก็เลยตัดสินใจ เสี่ยง...

โดยหาวิธีที่จะเซฟตัวเองให้มากที่สุด ผมบอกไปว่า เดี่ยวผมไป แต่ขอคุยรายละเอียดกันก่อนขึ้นโรงพักนะ.... เขาก็ตกลง



ผมจัดการเตรียมเม็มฯขนาด 8 กิ๊ก เปลี่ยนแบ็ตฯกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่ ให้สามารถบันทึกวีดีโอให้ได้นานที่สุด

ตั้งโหมดวีดีโอเป็น เอช ดี ปรับเสียงให้รับได้ชัดสุด แล้วก็ไป....





ไปถึง ผมบันทึกภาพและเสียงด้วยกล้องที่สะพายอยู่ไว้ตั้งแต่ลงรถ คุยกับใครผมก็แพนกล้องไปทางนั้น

(เอาเทปดำปิดไฟLEDสถานะไว้ ปิดจอหลังด้วย) โดยผมพยายามทวนเรื่องราวให้เขารับรู้และตอบรับให้มากที่สุด

(คนมันวิตกจริตนี่นา) แล้วก็ขึ้นไปหาสิบเวร

พอเห็นหน้าสิบเวร ผมก็ใจชื้น เขาเป็นญาติผมเองแหละ

แม้จะเสียวหลังเมื่อรู้ว่าสัญญาบัตรที่อยู่ด้วยเป็นใคร แต่ก็เอาเถอะ ญาติผมคงไม่ปล่อยให้ผมเพลี่ยงพล้ำหรอก


ผมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตามความเป็นจริง เลี่ยงเรื่องเมาแล้วขับเอาไว้ เพราะมันบันทึกเอาไว้ตอนแรกรับผู้ป่วยที่ รพ.อำเภอแล้ว

สิบเวรก็สอบถามรายละเอียดจุดสำคัญ ๆ ตามสมควร และผมได้แจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายที่ผมได้รับผิดชอบไปก่อนหน้าตามหลักมนุษยธรรม เรื่องที่ผมเอารถไปซ่อมให้ด้วย.....




ถ้าดูตามบันทึกประจำวัน ก็เป็นเพราะผมวิตกเกินเหตุไปเอง

ในนั้นไม่ได้บันทึกว่า ผมจะไม่เอาเรื่อง แต่ที่ชัดเจนคือ บันทึกว่าคนเจ็บขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ....

ต้องปรับ ห้าร้อยบาท โดยให้มารายงานตัวในอีก ๑๕ วัน ส่วนผม ไม่ต้อง...

(ถ่ายวีดีโอไว้หมดทุกข้อความแหละ สิบเวรโรงพักไหน ๆ ก็เหมือนกัน ลายมือยังกะขอม...!!)



แล้วก็ให้ลงลายมือชื่อตามพิธีการ ผมเห็นว่าปลอกภัยก็ลงชื่อไป

หลังจากนั้น สิบเวรก็ถ่ายเอกสารให้ญาติคนเจ็บไป ส่วนผมก็ไปภารกิจต่อ....


ขับรถออกมาจากโรงพัก คนเดิมก็โทร.มา

บอกว่า ใบเสร็จที่ผมถืออยู่เป็นค่าใช้จ่าย รพ.อำเภอ จำนวนเกือบสี่พันนั้น ให้เอาไปฝากไว้ที่ญาติคนเจ็บ

เขาจะได้แนบไปเพื่อจะเบิกเงินคืนในส่วนที่จ่ายไปแล้ว ผมก็รับปาก(ถ่ายเอกสารไว้แล้วแหละ)....


รุ่งขึ้นอีกวัน เจ้าเดิมก็โทร.มา บอกว่าวันนี้ น้องภรรยาเขาจะไปเยี่ยมคนเจ็บ ให้ฝากใบเสร็จไปด้วยเลย วันจันทร์จะได้แนบส่ง....

ผมก็ไปซื้อผลไม้(เพิ่งได้ตังค์ค่าขี้ยางมานิดหน่อยเมื่อตอนเช้า) ฝากไปเยี่ยมไข้

และฝากเงินให้คนเฝ้าไข้ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มักไม่มีคนนึกถึงอีก สามร้อยบาท....


และนั่นคือเหตุการณ์ล่าสุด ก่อนจะมาเล่าเรื่องภาคสอง






เรื่องนี้ ยังไม่จบหรอก ตราบใดที่คนเจ็บยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลโดยคำสั่งแพทย์

ผมอาจจะโดนแจ็กพอทเพิ่มอีกใครจะไปรู้ได้ เท่าที่เตรียมไว้ก็ไม่รู้จะรัดกุมพอหรือเปล่า




จากทั้งสองภาค เป็นอุทาหรณ์เล็ก ๆ ที่พอจะสรุปได้ว่า

- อย่าเมาแล้วขับ ความฉิบหายอันประเมินไม่ได้มันจะเกิดกับตัว

- อย่าใจดีเกินเหตุ เอื้อได้แต่ต้องเซฟตัวเอง ไอ้อย่างผมเนี่ย แถวละตินอเมริกาเขาเรียกว่า"โง่...!!"

- อย่าปล่อยให้ พรบ.หรือเอกสารรับรองสิทธิ์อื่นใดหมดอายุ หรือละเลยกับมันด้วยความมักง่าย ผลัดวันประกันพรุ่ง
  เพราะเวลาเกิดเรื่อง ความซวยมันไม่ได้ชะโงกมาดูว่าเอกสารเราพร้อมสำหรับต้อนรับความซวยหรือไม่

- สุดท้ายแล้ว จะยังไงก็ช่าง ผมยังยึดมั่นในความดีและน้ำใจเท่าที่ให้กับเพื่อนร่วมสังคมได้อยู่
  แม้ว่ามันจะทำเอาผมเดือดร้อนไปบ้างในบางทีก็ตาม


นี่ก็ก็อปฯมา   Grin
บันทึกการเข้า
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #498792 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 10:41:49 PM »

“ซีเมนส์” ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ 11,600 ตำแหน่ง อ้างเหตุผล ต้อง “ปรับโครงสร้าง”



  รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - โจ เคเซอร์ ซีอีโอกลุ่ม “ซีเมนส์ เอจี” ยักษ์ใหญ่ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งเยอรมนี
ประกาศแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่ 11,600 ตำแหน่งในวันพฤหัสบดี (29) ตามแผนปรับโครงสร้างองค์กรที่มีเป้าหมายลดค่าใช้จ่ายภายใน
ลงกว่า 1 พันล้านยูโร หรือราว 44,607 ล้านบาท
       
       เคเซอร์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มซีเมนส์เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ออกมาเปิดเผยที่มหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ
โดยระบุว่าการปลดพนักงาน 11,600 คนนั้นถือเป็นมาตรการที่มีความจำเป็นต่อการอยู่รอดของบริษัทและจะช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดได้ดีขึ้น
       
       อย่างไรก็ดี ซีอีโอของกลุ่มซีเมนส์ยอมรับว่า ในจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดออกทั้งหมด 11,600 คน อาจมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ที่จะมีโอกาสได้รับพิจารณากลับเข้าทำงานใน “ตำแหน่งใหม่” ที่มีความเหมาะสม
       
       ทั้งนี้ แผนปรับโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ของกลุ่มซีเมนส์ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จก่อนถึงปี 2020 มีขึ้นหลังจากที่รายได้ของบริษัทในเครือ
ปรับลดลงมากกว่า 80,000 ล้านยูโรหรือ “ราว 3.57 ล้านล้านบาท” ในปีที่แล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวที่แพร่สะพัดมานานหลายเดือนว่า
ผู้บริหารของกลุ่มซีเมนส์มีแผนปรับลดจำนวนพนักงานในสังกัดลงอย่างสำคัญ จากระดับปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 362,000 คนทั่วโลก


http://www.manager.co.th/around/viewnews.aspx?NewsID=9570000060425
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #498793 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 10:53:18 PM »

โจ เคเซอร์ ซีอีโอ คนปัจจุบัน เป็นลูกหม้อ  SIEMENS มายาวนาน
ผู้มาแทน ปีเตอร์ ลอร์เชอร์ ซีอีโอคนแรกใน SIEMENS ที่มาจากคนนอก ที่เขาเรียกว่า ผู้บริหารมืออาชีพแต่....

อย่างไรก็ดี  ปีเตอร์ ลอร์เชอร์ นั่นมาแทน ซีอีโอ คนก่อน klaus kleinfeld ผู้ต้องรับผิดชอบ ในข้อครหาที่ว่าบริษัทใหญ่แห่งนี้ได้โปรเจคใหญ่มาด้วยความน่ากังขา
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า klaus kleinfeld ไม่ได้เป็นคนทำอะไรแบบนั้น แต่เขาคือผู้นำองค์กร เขาต้องแสดงความรับผิดชอบ

Peter Loscher


klaus kleinfeld



นั่นคือที่มาของนโยบายของบริษัทใหญ่แห่งนี้เรื่อง compliance ความโปร่งใสในการดำเนินธุระกิจ ซึ่งยังไม่มีบริษัทใหญๆไหนเลยทั้ง
ในอเมริกา ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี เพราะฉนั้นอย่าหวังเรื่องความโปร่งใสในประเทศไหนๆ ที่บริษัทเหล่านั้นไปดำเนินธุระกิจอยู่

แต่ในเมืองไทย SIEMENS ได้ดำเนินธุระกิจด้วยนโยบาย  compliance (ความโปร่งใสในการดำเนินธุระกิจ) มานานแล้ว
โปรดแน่ใจได้ว่า ทุกโปรเจคในเมืองไทยและทั่วโลก  SIEMENS จะไม่การจ่ายใต้โต๊ะให้ใครเด็ดขาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 31, 2014, 11:04:43 PM โดย Southlander » บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #498794 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 10:59:18 PM »

ส่วนผมและ พนง. เมืองไทยจะโดนผลกระทบจากแผนปรับโครงสร้างอันนี้หรือไม่ ใครจะบอกได้
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำใจรับให้ได้เท่านั้น
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
หน้า: 1 ... 33250 33251 33252 [33253] 33254 33255 33256 ... 35779
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.406 วินาที กับ 22 คำสั่ง