ทำไมฮิตเลอร์ถึงเกลียดยิวถึงกับฆ่าล้างเผ่าพันธ์ยิวหมดไปถึงอย่างน้อย 2 ใน 3 ของประชากรยิวในยุโรป
ข้อมูลจาก เสธฯน้ำเงิน ผู้เขียนเฟสชื้อดังและร้อนแรงที่คอการเมืองติดตามมากเฟสหนึ่ง...แฉ..ความลับ
https://www.facebook.com/topsecretthai?fref=ts ก่อนชาวยิวมีธรรมเนียมการทำธุรกิจแบบเอารัดเอาเปรียบ ผูกขาด แบบที่สมัยนี้หลายประเทศถือว่าผิดกฎหมาย
ตัวอย่าง เช่น ชาวยิวกลุ่มหนึ่ง เป็นลูกหลานของกิจการค้าเพชรพลอยที่มั่งคั่งร่ำรวย และอิ่มตัวแล้ว
จะต้องหาทางไปลงทุนในกิจการอย่างอื่น กลุ่มนายทุนชาวยิวพวกนั้นจะมาประชุมกัน สมมติว่าตกลงจะลงทุนในธุรกิจโรงงานทำขนมปัง
นายทุนชาวยิวจะให้ทุนลูกหลาน คนรุ่นใหม่ ไปลงทุนทำธุรกิจโรงงานทำขนมปัง
แต่เขาจะไม่ทำแค่แห่งเดียว แต่จะทำหลายๆ โรงงาน หลายๆ ชื่อ พร้อมๆ กัน
เนื่องจากมีเงินทุนหนา ตอนแรกจะยอมขาดทุน โดยอาศัยเงินทุนจากกิจการเพชรพลอย
มาค้ำโรงงานทำขนมปัง ไว้ ก็เพื่อกดดันให้โรงงานทำขนมปัง ของคนเยอรมันที่เป็นรายย่อย
เลิกกิจการไปนั่นเอง..หลักการคล้ายโชห่วยของไทย โดนห้างใหญ่เยอร์มัน ฝรั่งเศส มาเปิด จนเจ๊งวินาศตอนนี้
เมื่อโรงงานขนมปังอื่นเริ่มประกาศขายกิจการ ยิวก็จะเข้าไปซื้อกิจการนั้นเพิ่ม
พอยิวมีส่วนแบ่งรวมในตลาดมากพอ ก็จะกดดันร้านขายขนมปัง โดยสร้างเงื่อนไขว่า
ต้องซื้อขนมปังจากโรงงานของชาวยิวเท่านั้น ถ้าพบว่าร้านขายขนมปังแห่งใด
ซื้อจากโรงงานของคนเยอรมัน โรงงานขนมปังของยิวทั้งหมด
จะไม่ยอมขายขนมปังให้ ด้วยข้ออ้างสารพัด เช่น ผลิตไม่ทัน ฯลฯ
โรงงานยิว จะขายขนมปังให้ร้านของชาวยิวในราคาถูกพิเศษ แบบไม่เอากำไร
ทำให้ร้านขายขนมปังของชาวยิว สามารถขายปลีกขนมปังในราคาถูกกว่าร้านของคนเยอรมัน
แล้วยิวบีบให้ร้านขายขนมปังเยอรมัน ต้องซื้อจากโรงงานของชาวยิวในราคาที่แพงกว่าเท่านั้น
โรงงานขนมปังของคนเยอรมันที่เหลือ ก็เจ๊งหมด ค่อยๆทะยอยปิดกิจการลง
ยิวก็เข้าไปกดราคาบังคับซื้อร้านขายขนมปังเอาถูกๆ อีก พอยิวได้ครอบครองโรงงานขนมปังทั้งหมด
ก็เริ่มตั้งร้านขายขนมปังของตนเอง ส่วนคนงานทำขนมปังก็เริ่มถูกกดค่าแรง ไม่มีทางย้ายที่ทำงาน เพราะโรงงานทั้งหมดเป็นของยิว
ในที่สุดยิวก็ครอบครองกิจการผลิต จำหน่ายขนมปังได้ทั้งหมด ครบวงจรแล้ว ยิวก็จะขึ้นราคาขนมปังตามใจชอบ
ฟันกำไรชดเชยกับที่ยอมขาดทุนในตอนแรก ประชาชนเยอรมันต้องซื้อขนมปังในราคาแพง.....
โปรดคลิกลิ้งค์ตามไปอ่านต่อที่เฟสของ เสธฯน้ำเงิน