ตำรวจเมืองไทย พึ่งพาได้ อุ่นใจจริงๆ ชาด
http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9590000006012ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เสี่ยร้านคอมร้องสื่อคดีไม่คืบ หลังสูญเงินกว่า 1.7 ล้านบาทจนหมดตัว เรียกร้องตำรวจเร่งติดตามจับกุม เผยมีเหยื่อลักษณะเดียวกันอีกหลายรายสูญเงินร่วม 10 ล้านบาท
วันนี้ (18 ม.ค.) นายชรินทร์ คงคาสุริยฉาย อายุ 46 ปี อดีตนักธุรกิจเจ้าของกิจการร้านจำหน่วยคอมพิวเตอร์ ชื่อร้านมายมิ้ลด์คอม ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หอบหลักฐานทั้งใบแจ้งความและหมายจับของศาล จ.สงขลา รวมทั้งเอกสารการโอนเงินของธนาคารเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน และเรียกร้องไปยังตำรวจให้ติดตามจับกุม น.ส.สุพิศ ชัยทอง อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.สงขลาคดีฉ้อโกง ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นแก๊ง 18 มงกุฎ ที่หลอกให้ร่วมทำธุรกิจและเชิดเงินหนีไปจำนวน 1.7 ล้านบาท จนตัวเองถึงขั้นหมดตัวต้องปิดกิจการและขายบ้าน อีกทั้งยังหลอกคนอื่นอีกหลายรายในลักษณะเดียวกับตน รวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังหนีลอยนวล ซึ่งอาจจะมีคนตกเป็นเหยื่ออีก
นายชรินทร์ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเปิดกิจการร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ โดย น.ส.สุพิศ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า พิศหรือนุ้ย ได้เข้ามาที่ร้านและตีสนิทกับภรรยาของตนเอง และมาที่ร้านเป็นประจำนานนับปี จนมีความสนิทชิดเชื้อไว้ใจกันเหมือนญาติคนหนึ่ง กระทั่งเมื่อเดือน มี.ค.56 น.ส.สุพิศ เริ่มออกอุบายขอยืมเงินเพื่อนำไปทำธุรกิจขายส่งเหล้าต่างประเทศบอกว่ามีกำไรดี จึงได้โอนเงินผ่านธนาคารงวดแรกเมื่อวันที่ 19 มี.ค.56 จำนวน 1 แสนบาท และ น.ส.สุพิศ ได้คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวม 1.1 แสนบาท
ตร.สงขลาสุดยอด! เสี่ยร้านคอมฯ ร้องสื่อกว่า 2 ปีคดีถูกโกงไม่คืบทั้งที่รู้ตัวคนร้าย-มีหมายจับ
จากนั้นจึงได้ยืมเรื่อยมาแต่จะคืนให้เฉพาะดอกเบี้ยร้อยละ10 และงวดสุดท้ายวันที่ 28 ธ.ค. 2556 ได้ยืมไป 1.5 แสนบาท จากนั้นจึงหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย รวมเงินทั้งหมดที่ยืมไปทั้งสิ้น 1.7 ล้านบาท เมื่อไปตามหาที่บ้านและที่ร้านขายดอกไม้ที่อ้างว่าอาศัยอยู่ กลับได้รับคำตอบว่าไม่ใช่บ้านและร้านของ น.ส.สุพิศ แต่อย่างใดจึงเชื่อว่าตนทั้งสองถูกหลอก และเมื่อสอบถามพฤติกรรมของ น.ส.สุพิศ ก็พบว่ามีหลายคนที่ถูกหลอกในลักษณะนี้และสูญเงินไปรวมกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยเฉพาะตนซึ่งถึงกับหมดตัว เพราะไม่มีเงินหมุนเวียนในบริษัทและต้องขายตึกและปิดกิจการร้านคอม เพื่อนำเงินลงทุนทำกิจการใหม่
นายชรินทร์ กล่าวว่า ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาพยายามตามหาตัว น.ส.สุพิศ รวมทั้งแจ้งความกับตำรวจ แต่เรื่องก็ยังเงียบไร้วี่แววและพยายามเดินเรื่องจนศาล จ.สงขลาออกหมายจับเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และทราบเบาะแสล่าสุดอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีเพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุหลอกลวงใครอีก แม้ว่าเงินจำนวน 1.7 ล้านบาท ของตัวเองจะไม่ได้คืนแล้วก็ตาม