แหลงในนี่หวา
อาจารย์ฉ๊องครับ ที่ว่า สตง. ไปท้วงติงเรื่องการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นก็พอเข้าใจ เท่าที่เห็น สตง.ไปท้วงเรื่องการบริการสาธารณสุขของ อบจ. ตรังด้วยครับ แต่นายกก็ยังเดินหน้าทำต่อไป นายกให้เหตุผลว่า เพราะเป็นการกระจายการบริหารงานจากส่วนกลางให้ท้องถิ่นได้ทำเองเลยทำกัน ถ้าไอ้นี่ทำไม่ได้ แล้วทำไมถนนทำได้ ส่งเสริมท่องเที่ยวทำได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมทำได้ สตง. ท้วงเรื่องนี้ไปหลายจังหวัดได้หยุดแล้ว แต่ที่ตรัง นายก อบจ. ไม่หยุดยังทำต่อไปเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนครับ
คราวนี้ผมเลยสงสัยแล้วละครับนะ เอาเรื่องเมืองตรังนี่แหละ ไปก่อสร้างอาคารแสดงผลิตภัณฑ์โอท๊อปสามประเทศในเขตโบราณสถาน คราวนี้ปรากฎว่า อธิบดีศิลปากรสั่งรื้อ ก็ต้องรื้อ เรื่องแบบนี้ สตง. ไม่เข้าตรวจสอบหรือครับ ทั้งตอนสร้างตอนรี้อ ภาษีประชาชนล้วนๆครับ
สตง. ทำงานในสองมิติครับ
หนึ่ง การตรวจสอบตามพีเรียด คือ เดือนละครั้ง หรือปีละครั้ง แล้วแต่เป็นหน่วยงานแบบไหน
สอง คือตรวจตามหนังสือร้องเรียน อันนี้แหละเด็ดดวง เพราะ สตง. จะต้องหาตัวการจนได้ และส่วนใหญ่ก็หาได้จริง ๆ
เรื่องที่น้าจงยกตัวอย่าง อยู่ที่มุมมองที่ สตง.จะมองครับ
คีย์ของ สตง. คือ ทำให้รัฐเสียประโยชน์ อันนี้เจอเมื่อไหร่มีโอกาสนอนคุกเมื่อนั้น
ถ้าการสร้างของ อบจ. ชอบด้วยกฏหมายตั้งแต่ทีแรก แล้วอธิบดีสั่งรื้อ***ด้วยคำสั่งที่ชอบด้วยกฏหมายเช่นกัน อันนี้ใครก็ทำอะไรไม่ได้
ตรงที่ทำ *** เอาไว้ ตรงนั้นมีนัยยะสำคัญ คืออธิบดีคงไม่นอนฝันไปแล้วตื่นมาก็สั่งเลยหรอกครับ
จะต้องมีกระแสคัดค้าน หรือข้อท้วงติง ข้อหารือ ส่งมาก่อน แล้วอธิบดีจึงตั้งคณะกรรมการหาข้อยุติ
หรือ อาจจะสั่งแล้ว อบจ.ไม่รื้อ ก็เลยขออำนาจศาล ศาลพิจารณาแล้วจึงให้อำนาจแก่อธิบดีสั่งรื้อ(น้าจงบอกอธิบดีสั่ง)
ทีนี้ ตอนก่อสร้าง ประเด็นนี้ยังไม่มีที มาเพิ่งมีเอาทีหลัง กฏหมายไม่ให้มีผลย้อนหลังด้านร้ายเสียด้วย
ปอลอ มโนล้วน ๆ
ขอบคุณครับสำหรับความรู้ครับ
มโนก็จะตามอ่านนิครับ เดี๋ยวว่างๆต้องไปนั่งสนทนาด้วยสักทีแล้วครับ นานแล้วนิไม่ได้เจอกันเลยครับ