คิดอะไรมากมายครับ
วันหนึ่งข้างหน้าเราก็จากโลกนี้ไปแล้ว เขาคือผู้ทรงอยู่ต่อไป
ตอนเรารับช่วงไม่ผลัดต่อจากรุ่นพ่อรุ่นปู่ เราก็ถูกบ่นว่า
พอรุ่นลูกรุ่นหลานจะรับช่วงต่อจากเรา ก็ทำขัดใจเราจนเราต้องบ่นต้องว่าเหมือนกัน
อะไรที่เราคิดว่าดี เหนี่ยวรั้งรักษาไว้ได้ก็รักษาไว้ เกินกำลังก็ต้องปล่อยมือครับ
สาธกว่า....
....เรามีรถอยู่คันนึง รักหวงดูแลและใช้มาตลอด
วันหนึ่งเรามีลูก วันหนึ่งเราก็ต้องยกรถของเราคันนี้ให้ลูก
ลูกพยายามลองขับรถคันนี้มาหลายครั้ง ลองขับแต่ละครั้งเราถึงกับไมเกรนขึ้น
กระแทกคลัทช์แรง เปลี่ยนเกียร์ผิดจังหวะ เหยียบคันเร่งหยาบ และประคองพวงมาลัยไม่ได้ดั่งใจเลย
พอสอนให้ก็เถียง แถ แก้ตัว
พอเราไม่สอนก็เอากุญแจออกไปขับเอง เราไปเห็นแหกเลนไปขับสวนเลนขวา....
กลับมาเราด่ายกใหญ่ มันก็เถียงว่า เมืองนอกเมืองนาที่เขาเจริญแล้วเขาขับเลนขวากันทั้งนั้น
เราโกรธ ด่าว่ารุนแรงไป รถคันนี้พวงมาลัยขวา ออกแบบมาให้ขับเลนซ้าย
บ้านนี้เมืองนี้ขับเลนซ้ายมาตั้งแต่โบราณนานมา แกเพิ่งออกมาดูโลกได้ไม่กี่ปีจะมาเปลี่ยนแปลงเรอะ
มันก็สวนเผ็ดร้อนดุเดือดมา ว่าเราโบราณคร่ำครึ อยู่แต่ในกะลา ออกไปดูโลกภายนอกบ้าง
ถ้าเลนขวาไม่ดีทั้งโลกเขาจะขับเลนขวากันทำไม
เราก็ยังยืนกรานคำขาด ว่า ต้องขับแบบที่สืบทอดกันมาเท่านั้น
ไม่งั้นกูไม่ให้รถกับมึง
...... แต่เราก็ต้องยอมรับความจริง ว่า เมื่อเราขับไม่ไหว เขาคือคนขับรถคันนี้ต่อจากเรา
แล้วเราก็จะวางอุเบกขาได้
แม้ว่าเขาจะเอารถคันสุดรักสุดหวงคันนี้ไปขับแบบไม่ปราณีปราสัย เอามาจอดก็จอดไม่รอบคอบ
รถไหลลงเนิน เราจะเอาตัวเข้าไปผลักไปดัน รังแต่จะเจ็บตัวแถมเสียแรงเปล่าอีก
ปล่อยให้มันไหลไป ตกน้ำตกคูรึไปติดอยู่พุ่มไม้ไหนก็ปล่อยไป
สุดท้าย เมื่อเขาไม่มีรถขับ เขาก็ต้องไปเอารถคันนั้นแหละมาซ่อม มาปะผุพ่นสี มาปรับปรุงใหม่
ถึงตอนนั้นมันก็จะเป็นรถของเขาโดยสมบูรณ์ แม้ว่ามันจะมีรอยซ่อมรอยเสียหาย
แต่ตอนนั้น เราไม่ได้อยู่แล้ว