1. เต็นเดี่ยว ( Solo tent)
เต็นเดี่ยวชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าเป็นเต็นท์ที่ใช้นอนได้เพียงคนเดียว ขนาดของเต็นท์แบบนี้ค่อนข้างกระทัดรัด มีน้ำหนักเบา แต่มีพื้นที่จำกัดสามารถใช้วางสัมภาระส่วนตัวและนอนได้1คนเท่านั้น เต็นท์เดี่ยวเหมาะมากกับนักเดินทางที่ต้องการความคล่องตัวไม่ต้องการแบกหนักๆ อย่างพวกนักจักรยาน นักเดินป่า ฯลฯ สำหรับรูปแบบเต็นท์มีหลายลักษณะเช่นรูปทรงสามเหลี่ยมเหมือนเต็นท์ใหญ่ ใช้เสาไฟเบอร์กลาสขนาดสั้น ความสูงของเต็นท์ไม่มากนัก รูปทรงแบบนี้ใช้นอนได้เพียงอย่างเดียวจะนั่งภายในเต็นท์ก็ค่อนข้างลำบาก ข้อดีเพียงอย่างเดียวคือเรื่องน้ำหนักที่เบากว่าเต็นท์ทั่วๆ ไป อีกทั้งราคาไม่แพงจนเกินไปนัก รูปทรงถัดมาจะมีลักษณะทรงโดมย่อส่วนใช้เสาไฟเบอร์กลาสหรือเสาอลูมินั่ม 2 เส้น ไขว้กันอยู่ บางรุ่นจะมีรูปทรงแบบอุโมงค์หรือทรงกรวย 2 กรวยประกบกัน 2 แบบหลังนี้มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอต่อความต้องการสำหรับคนเดียว อีกทั้งการนั่งภายในเต็นท์มีความสะดวกสบายมากกว่าแบบสามเหลี่ยม นอกจากการใช้เสา 2 เส้นแล้วในปัจจุบันได้มีการพัฒนาการออกแบบเต็นท์ล้ำสมัย โดยใช้เสาเพียง 1 เส้นทางเท่านั้นก็สามารถกางเต็นท์ได้ พื้นที่ใช้สอยของเต็นท์เสาเดียวนั้นมีมากพอใช้งานอย่างสบายๆ
ลักษณะของเต็นท์เดี่ยว ตัวเต็นท์จะใช้ผ้าร่มที่ไม่เคลือบสารกันน้ำทั้งนี้เพื่อให้ลมผ่านเข้าออกได้ สำหรับมุ้งนั้นใช้ประเภทที่ริ้นไม่สามารถเข้าได้
2. เต็นท์แบบ 2-3 คน
เต็นท์ประเภทนี้ได้รับความนิยมจากนักแรมทางมากที่สุด เพราะมีหลายแบบให้เลือกอีกทั้งคนไทยคุ้นเคยกับการเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ รูปแบบของเต็นท์ประเภทนี้มีตั้งแต่เต็นท์สามเหลี่ยม เต็นท์โดม เต็นท์โดมแบบหกเหลี่ยม Hoop tent เต็นท์ประเภทนี้เหมาะกับนักแรมทางที่ชื่นชอบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดหรืออาจจะเป็นผู้ประกอบการทัวร์ทั้งหลาย
3. เต็นท์แบบ 4 คน
เต็นท์แบบนี้เหมาะกับกลุ่มขนาดเล็กที่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์หรือเดินป่าแบบมีลูกหาบ เป็นเต็นท์ที่ให้ความสะดวกสบายมากที่สุด รูปทรงที่นิยมคือแบบหกเหลี่ยม เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงลมมากกว่าเต็นท์แบบอื่นๆ
4. เต็นท์แบบครอบครัวหรือ Family tents
เป็นเต็นท์ที่มีขนาดใหญ่ให้ความหรูหราสะดวกสบาย มีพื้นที่ใช้สอยมากมาย ตัวเต็นท์มีการแบ่งสัดส่วนการใช้งานอย่างชัดเจนเหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวหรือกลุ่มใหญ่ และนักเดินทางในรูปแบบ Car camping