เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 08:36:20 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 16 17 18 [19] 20 21
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รวมคำพิพากษาฎีกาที่มีประโยชน์  (อ่าน 251164 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
yongpayne
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 237


« ตอบ #270 เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 12:57:06 PM »

ขอบคุณพี่ธำรง ครับ ชื่อเดียวกับ สวป.ของผมเลย แต่พี่ธำรงใช้glock17 เก่าๆยิงแม่นมากอิอิ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #271 เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 08:36:47 PM »

บวกคะแนนแรกให้ สำหรับสมาชิกใหม่คุณตำรวจyongpayneครับ  Grin
บันทึกการเข้า
yongpayne
Full Member
***

คะแนน 12
ออฟไลน์

กระทู้: 237


« ตอบ #272 เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 10:47:19 AM »

ขอบคุณครับพี่ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10363



« ตอบ #273 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2011, 12:11:32 PM »

ปิดเทอมว่างๆก่อน ผมจะก๊อปคำพิพากษาฎีกาทั้งหมดที่พี่ธำรงและท่านอื่นๆเอามาลง ทำเป็นรวมเล่มไว้อ่านเองเล่นๆ เผื่อมีโอกาสได้ใช้(แต่โอกาสแบบนี้ ชีวิตนี้ขออย่าได้ใช้เลย)ขอบคุณมากๆครับ ไหว้ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
เก้า
Newbie
*

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 4



« ตอบ #274 เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 09:10:22 AM »

      ขอบพระคุณครับมีประโยชน์มากๆๆๆๆๆๆๆ หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หลงรัก หลงรัก หลงรัก
บันทึกการเข้า
KunPa008-รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 7
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 113


มิใช่ ตำรวจ หรือ ทหาร ที่ หวง แหน แผ่น ดิน ไทย


« ตอบ #275 เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 02:54:57 PM »

 เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยมความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณมากๆครับ  ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

วิญญาณ ปู่ ย่า ตา ยาย จะร่ำไห้ เพราะลูกหลานจัญไร
boilerman
Sr. Member
****

คะแนน 28
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 573


« ตอบ #276 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2011, 02:25:39 PM »

มีปืนไว้ให้คนเกรง ไม่ได้ต้องการให้เกิดการยิงกันจริงๆ
บันทึกการเข้า
dynamic
Newbie
*

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #277 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2011, 02:26:22 PM »

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๙๔๒/๒๕๕๐
           พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ มิได้กำหนดองค์ประกอบในการกระทำความผิดว่าอาวุธปืน หรือ
อาวุธที่พาไปต้องเป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้ทันที ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางไปโดยมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิงหรือไหม่ก็ตาม
ก็ครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ แล้ว
                                                                                                                                                                เล่มที่ ๖หน้า ๑๓๗



ผมขับรถ แล้วนำพาปืนไป โดยเก็บในกระเป๋าเสื้อผ้า แยกลูก แยกสไลด์ และปกปิดมิดชิด ต้องเปิดกระเป๋า ต้องประกอบปืน ต้องใส่ลูก ถึงจะใช้ได้ จะผิดตามคำพิพากษานี้มั๊ยครับ (ปกติ ก็ทำแบบนี้ครับ)
 
บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #278 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2011, 12:45:42 PM »

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๙๔๒/๒๕๕๐
           พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ มิได้กำหนดองค์ประกอบในการกระทำความผิดว่าอาวุธปืน หรือ
อาวุธที่พาไปต้องเป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้ทันที ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางไปโดยมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิงหรือไหม่ก็ตาม
ก็ครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ แล้ว
                                                                                                                                                                เล่มที่ ๖หน้า ๑๓๗



ผมขับรถ แล้วนำพาปืนไป โดยเก็บในกระเป๋าเสื้อผ้า แยกลูก แยกสไลด์ และปกปิดมิดชิด ต้องเปิดกระเป๋า ต้องประกอบปืน ต้องใส่ลูก ถึงจะใช้ได้ จะผิดตามคำพิพากษานี้มั๊ยครับ (ปกติ ก็ทำแบบนี้ครับ)
 


คำพิพากษานี้ มีประเด็นข้อเท็จจริง ที่ศาลท่านว่าไว้ดังนี้ครับ......

........จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “...พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมยึดได้อาวุธปืนสั้นออโตเมติกขนาด .45 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน กระสุนปืน 7 นัด และซองกระสุนปืน 1 ซอง เป็นของกลาง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า จำเลยกระทำความผิดตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษหรือไม่ โจทก์มีจ่าสิบตำรวจสนิท ดอนทองแดง และจ่าสิบตำรวจสัญญา ลิบไพรวัลย์ ผู้ร่วมจับกุมเป็นพยานเบิกความว่า วันเกิดหตุจ่าสิบตำรวจสัญญาได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งว่า จำเลยจะขับรถจักรยานยนต์ไปเอายาเสพติดให้โทษโดยจำเลยพกอาวุธปืนไปด้วย ให้ไปดักจับที่บ้านจำเลยในซอยข้างปั๊มน้ำมันสุนทรีออยล์ พยานทั้งสองกับพวกจึงไปยังบริเวณบ้านจำเลย พบจำเลยขับรถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้าน พยานทั้งสองแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยวิ่งหลบหนีโดยวิ่งวนรอบบ้าน ระหว่างวิ่งจำเลยชักอาวุธปืนสั้นออกจากเอวโยนทิ้งไปที่พงหญ้าข้างบ้าน จ่าสิบตำรวจสัญญาหยิบอาวุธปืนดังกล่าวขึ้นมา ต่อมาจ่าสิบตำรวจสนิทจับกุมจำเลยได้ชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพ เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสองไปบ้านเกิดเหตุเพื่อจับกุมจำเลยตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าจำเลยไปเอายาเสพติดให้โทษโดยพกอาวุธปืนไปด้วย เชื่อได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองไปเพื่อตรวจค้นจับกุมจำเลยตามอำนาจหน้าที่ พยานโจทก์ทั้งสองต่างเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ โดยไม่ปรากฏว่าเคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย เมื่อจำเลยเห็นพยานโจทก์ทั้งสอง จำเลยก็วิ่งหลบหนีอันเป็นพิรุธส่อให้เห็นว่าจำเลยมีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่ในครอบครอง ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน พยานโจทก์ทั้งสองวิ่งไล่ตามจำเลยระยะห่างประมาณ 10 เมตร เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งสองเห็นจำเลยโยนอาวุธปืนของกลางทิ้งไปที่พงหญ้า เมื่อจำเลยโยนอาวุธปืนดังกล่าวทิ้ง จ่าสิบตำรวจสัญญาก็เก็บอาวุธปืนของกลางทันที ทั้งชั้นจับกุมจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามบันทึกการจับกุม นอกจากนี้โจทก์ยังมีพันตำรวจตรีพัฒนา ฉายาวัฒน์ พนักงานสอบสวนเบิกความว่า ชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพตามบันทึกคำให้การ เมื่อรับฟังประกอบคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจสนิทและจ่าสิบตำรวจสัญญาแล้ว พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง ที่จำเลยฎีกาว่า บริเวณบ้านเกิดเหตุมีต้นไม้ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จ่าสิบตำรวจสนิทและจ่าสิบตำรวจสัญญาต้องวิ่งติดตามจำเลยและกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นจำเลยโยนอาวุธปืนของกลางทิ้งนั้น เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจวิ่งติดตามจับกุมจำเลยไปในระยะใกล้ ย่อมต้องสังเกตการกระทำของจำเลยเพื่อจะได้สามารถติดตามจับกุมจำเลยได้ทัน แม้บริเวณที่เกิดเหตุมีต้นไม้ขนาดเล็กและขนาดใหญ่กับพยานโจทก์ต้องกระโดข้ามสิ่งกีดขวาง ก็ไม่เป็นเหตุให้คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองรับฟังไม่ได้ ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่นำหญิงพลเมืองดีผู้แจ้งเหตุมาเบิกความเป็นพยานและไม่นำอาวุธปืนของกลางอ้างส่งต่อศาลเพื่อให้จำเลยรับรองว่าเป็นอาวุธปืนของกลางจริง กับพนักงานสอบสวนไม่ได้ตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือบนอาวุธปืนของกลาง เพื่อยืนยันว่าเป็นอาวุธปืนของจำเลยจริงนั้น เห็นว่า โจทก์จะนำสืบพยานบุคคลใดหรืออ้างส่งวัตถุของกลางใดต่อศาล กับพนักงานสอบสวนจะตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือบนอาวุธปืนของกลางหรือไม่ เป็นดุลพินิจของโจทก์และพนักงานสอบสวน การที่โจทก์และพนักงานสอบสวนดำเนินการดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามที่พยานผู้จับกุมเบิกความ ทั้งคดีนี้มีจ่าสิบตำรวจสนิทและจ่าสิบตำรวจสัญญาผู้ร่วมจับกุมเป็นประจักษ์พยานเห็นจำเลยโยนอาวุธปืนของกลางทิ้ง จึงรับฟังคำเบิกความของพยานผู้จับกุมได้ ที่จำเลยฎีกาว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยคดีนี้ตามบันทึกการจับกุม และจับกุมจำเลยในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 เวลาเดียวกัน เป็นพิรุธนั้น เห็นว่า เวลาจับกุมจำเลยตามบันทึกการจับกุม และตามคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 1 เป็นเพียงระยะเวลาที่ผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนประมาณเอาคร่าว ๆ เท่านั้น ทั้งจำเลยเบิกความรับว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยก่อนแล้วจึงพาไปบ้านนายโอดำ ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีน จึงไม่เป็นพิรุธถึงกับทำให้คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองเสียไปจนรับฟังไม่ได้ ที่จำเลยฎีกาว่า จ่าสิบตำรวจสนิทและจ่าสิบตำรวจสัญญาเบิกความแตกต่างกันเกี่ยวกับการวิ่งหลบหนีของจำเลยและอาวุธปืนของกลางนั้น เห็นว่า ข้อแตกต่างดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดมิใช่สาระสำคัญจนถึงกับทำให้คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองไม่มีน้ำหนักรับฟัง ที่จำเลยฎีกาว่า พยานโจทก์ได้รับแจ้งเรื่องอาวุธปืน ไม่ได้รับแจ้งเรื่องยาเสพติดให้โทษ แต่มีการสอบถามจำเลยเรื่องยาเสพติดให้โทษเป็นพิรุธนั้น เห็นว่า จ่าสิบตำรวจสัญญาซึ่งเป็นผู้รับแจ้งจากหญิงพลเมืองดีเบิกความว่า ได้รับแจ้งว่าจำเลยจะขับรถจักรยานยนต์ไปเอายาเสพติดให้โทษโดยพกอาวุธปืนไปด้วย ทั้งบันทึกการจับกุมก็ระบุว่านำตัวจำเลยส่งสถานีตำรวจภูธรตำบลสามควายเผือกเพื่อดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย สอดคล้องกับคำเบิกความของจ่าสิบตำรวจสัญญา พยานโจทก์จึงไม่เป็นพิรุธ และที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานตำรวจพบอาวุธปืนของกลางโดยกระสุนปืนของกลางไม่อยู่ในรังเพลิง ไม่สามารถใช้อาวุธปืนของกลางได้ทันที จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว” และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 บัญญัติว่า “ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร...ต้องระวางโทษ...” โดยมิได้กำหนดองค์ประกอบในการกระทำความผิดว่าอาวุธปืนหรืออาวุธที่พาไปต้องเป็นอาวุธปืนหรืออาวุธที่สามารถใช้ได้ทันที ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางไปโดยมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิงหรือไม่ก็ตามก็ครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 แล้ว สำหรับฎีกาข้ออื่นของจำเลยเกี่ยวกับการกระทำความผิดไม่ใช่ข้อสาระสำคัญที่จะทำให้ผลของคำพิพากษาเปลี่ยนแปลง จึงไม่จำต้องยกขึ้นวินิจฉัยให้ พยานหลักฐานจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

          มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า จำเลยมีและพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายและเป็นอันตรายต่อผู้อื่นอย่างยิ่ง ทั้งหากจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวก่อเหตุใด ๆ ขึ้น ย่อมยากแก่การตรวจสอบหาตัวผู้กระทำความผิดที่แท้จริง พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัวก็ยังไม่เป็นเหตุอันควรให้ความปรานีแก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”

          พิพากษายืน

บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #279 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2011, 12:28:14 PM »

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๙๔๒/๒๕๕๐
           พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ มิได้กำหนดองค์ประกอบในการกระทำความผิดว่าอาวุธปืน หรือ
อาวุธที่พาไปต้องเป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้ทันที ดังนั้น ไม่ว่าจำเลยจะพาอาวุธปืนของกลางไปโดยมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิงหรือไหม่ก็ตาม
ก็ครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ และ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ แล้ว
                                                                                                                                                                เล่มที่ ๖หน้า ๑๓๗



ผมขับรถ แล้วนำพาปืนไป โดยเก็บในกระเป๋าเสื้อผ้า แยกลูก แยกสไลด์ และปกปิดมิดชิด ต้องเปิดกระเป๋า ต้องประกอบปืน ต้องใส่ลูก ถึงจะใช้ได้ จะผิดตามคำพิพากษานี้มั๊ยครับ (ปกติ ก็ทำแบบนี้ครับ)
 

คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๔๙๔๒/๒๕๕๐ ที่มีบทคัดย่อมาข้างต้น ลงโทษจำเลยที่พกปืนเถื่อนไปค้ายาเสพติด

ที่นี้มาดูคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๓๙๔๕/๒๕๔๐ ที่พิพากษากลับ ยกฟ้องจำเลยดูบ้าง ว่าต่างกันอย่างไร
คดีนี้ผมนับถือจำเลยที่สู้ตั้งแต่ต้น แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าผิด ปรับ๑๕๐๐บาท ก็ยังสู้ต่อถึงศาลฎีกา  เยี่ยม  ลองอ่านดูครับ

....... โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371

          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ปรับ 2,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 1,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

          จำเลยฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรบฟังเป็นยุติได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับตรงกันว่า ตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุที่ฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นและพบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่และวางอยู่ที่เบาะหลังรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับ คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาแต่เพียงว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า กระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลางบรรจุอยู่ภายในนั้นโดยสภาพและคำพยานจำเลยแสดงว่า มีกุญแจล็อกถึง 2 ด้าน ทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้นย่อมเป็นไปยาก จึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพาติดตัวทั้งเหตุผลที่จำเลยนำสืบประกอบข้ออ้างว่าเป็นการขนย้ายไปยังบ้านที่จังหวัดนครราชสีมานั้น จำเลยมีสำเนาทะเบียนบ้านมานำสืบว่ามีการย้ายภูมิลำเนาไปจริง แม้จะภายหลังวันเวลาเกิดเหตุแต่ก็เพียงไม่กี่วัน ต้องรับฟังเป็นคุณแก่จำเลยตามที่อ้างว่าเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของทั้งเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นจึงต้องฟังว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ที่จะพาอาวุธปืนของกลางไป จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง

          พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

บันทึกการเข้า
dynamic
Newbie
*

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #280 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2011, 11:37:48 AM »

ขอบคุณ คุณธำรงมากเลยครับ ที่กรุณาชี้แนะ
บันทึกการเข้า
หนุ่มเมืองร้อยเกิน
Jr. Member
**

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 39



« ตอบ #281 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 11:26:10 AM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

BLACK HORSE
"กรุงศรีอยุธยา จะไม่สิ้นคนดี"
Jr. Member
**

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 63



« ตอบ #282 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2011, 10:11:18 PM »

เรียนถามเรื่อง ปืน .38 super แต่ใช้กระสุน 9 มม. ติดแม็ก หากนำพาติดรถไปถูกตรวจค้น จะมีความผิดเรื่องชนิดกระสุนหรือไม่ ป4.ระบุขนาด 9 มม.
ฟันธงหน่อยครับ
บันทึกการเข้า

'' อย่าใช้อาวุธปืนของท่าน ไปในทางก้าร้าว...รังแกใคร  ควรต้องใช้ปกป้องตนและคนที่ถูกรังแก..คนมีปืนต้องไม่ใจเสาะนัก...ครับ.." (พี่โร้ด)
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #283 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2011, 09:48:41 AM »

เรียนถามเรื่อง ปืน .38 super แต่ใช้กระสุน 9 มม. ติดแม็ก หากนำพาติดรถไปถูกตรวจค้น จะมีความผิดเรื่องชนิดกระสุนหรือไม่ ป4.ระบุขนาด 9 มม.
ฟันธงหน่อยครับ
เท่าที่ทราบยังไม่มีกรณีนี้มาถึงศาลสูง
คงจบที่ศาลชั้นต้นว่าถ้าผู้เชี่ยวชาญอาวุธปืนของศาล ระบุว่ากระสุน 9มม. นั้นยิงได้เป็นปกติในปืนนั้น ก็น่าจะรอดครับ

38 Super แต่ ป.4 ระบุเป็น 9มม. -- มท.ถือเป็นปืนขนาดเดียวกัน .... โหลดหนังสือมท.ฉบับนี้เก็บไว้อ้างอิงก็น่าจะดีครับ

http://ilab.dopa.go.th/downloads/mt03074-17765.pdf
บันทึกการเข้า
THANAKRIT
Jr. Member
**

คะแนน 9
ออฟไลน์

กระทู้: 65


« ตอบ #284 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2011, 12:22:52 PM »

ขอบคุณครับพี่ธำรง สำหรับสาระดีๆเหล่านี้ ผมว่าสุจริตชนในเวปนี้ต้องศึกษาให้ดีและตระหนักถึงผลที่จะเกิดขึ้นถ้าหากมีปืนแล้ว ต้องรู้ข้อปฏิบัติของกฎหมายด้วยครับ และเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นสมาชิกในเวปนี้ ขอได้โปรดอย่าเอาช่องว่างของข้อปฏิบัติไปใช้รังแกประชาชนผู้สุจริตโดยมีเจตนาสุจริตเลยครับ ทุกอย่างอยู่ที่ดุลยพินิจอันสุจริตใจของท่านครับ เห็นบางคดีแล้วสงสารจำเลยซึ่งเจตนาสุจริตครับ ต้องเสียเวลาเสียเงินสู้คดี และที่สำคัญคดีรกโรงรกศาลครับ ดำเนินคดีเฉพาะผู้ที่มีพฤติการณ์และเจตนาส่อไปในทางที่เป็นอันตรายต่อสังคมดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 16 17 18 [19] 20 21
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.09 วินาที กับ 22 คำสั่ง