เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 09:43:51 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 17 18 19 [20] 21
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รวมคำพิพากษาฎีกาที่มีประโยชน์  (อ่าน 251270 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BLACK HORSE
"กรุงศรีอยุธยา จะไม่สิ้นคนดี"
Jr. Member
**

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 63



« ตอบ #285 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 07:53:39 PM »

ขอขอบคุณมากๆครับ
บันทึกการเข้า

'' อย่าใช้อาวุธปืนของท่าน ไปในทางก้าร้าว...รังแกใคร  ควรต้องใช้ปกป้องตนและคนที่ถูกรังแก..คนมีปืนต้องไม่ใจเสาะนัก...ครับ.." (พี่โร้ด)
BLACK HORSE
"กรุงศรีอยุธยา จะไม่สิ้นคนดี"
Jr. Member
**

คะแนน 7
ออฟไลน์

กระทู้: 63



« ตอบ #286 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 07:56:08 PM »

ขอบคุณมากๆครับ ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

'' อย่าใช้อาวุธปืนของท่าน ไปในทางก้าร้าว...รังแกใคร  ควรต้องใช้ปกป้องตนและคนที่ถูกรังแก..คนมีปืนต้องไม่ใจเสาะนัก...ครับ.." (พี่โร้ด)
octo.17
Jr. Member
**

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 36



« ตอบ #287 เมื่อ: กันยายน 28, 2011, 08:49:23 PM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า
krulong
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50


« ตอบ #288 เมื่อ: ตุลาคม 07, 2011, 09:12:44 AM »

ขอบคุณมากครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
SIERRA1
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่คือการชนะใจตนเอง
Jr. Member
**

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 44



« ตอบ #289 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2011, 11:01:38 PM »

 ไหว้ เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า

ผู้ชนะสร้างผู้ชนะ
wut.
Jr. Member
**

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 20


« ตอบ #290 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2011, 12:53:29 PM »

ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากมาย
บันทึกการเข้า
wut.
Jr. Member
**

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 20


« ตอบ #291 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2011, 01:45:39 PM »

อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๙๔๒/๒๕๕๐  กับ  คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๓๙๔๕/๒๕๕๐

ดูแล้วมีเจตนาต่างกัน  ปืนไม่มีทะเบียนกับมีทะเบียน  แล้วเรื่ององค์ประกอบล่ะครับ

บันทึกการเข้า
penpeum
Full Member
***

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 130


« ตอบ #292 เมื่อ: มีนาคม 04, 2012, 03:20:08 PM »

เรียนถามเรื่อง ปืน .38 super แต่ใช้กระสุน 9 มม. ติดแม็ก หากนำพาติดรถไปถูกตรวจค้น จะมีความผิดเรื่องชนิดกระสุนหรือไม่ ป4.ระบุขนาด 9 มม.
ฟันธงหน่อยครับ
ไหว้กรณีนี้ ไม่นานนี้ปี 25555 สมาชิกที่ถูกจับกรณีนี้ ในเวป gun in  มาโพสต่อจากปีที่แล้ว2554 ความว่า ศาลท่านตัดสิน ปรับพกปืน  ส่วนกระสุนยกครับ  นำสืบว่าใช้ยิงได้ครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
black-army
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 827
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4100



เว็บไซต์
« ตอบ #293 เมื่อ: มีนาคม 25, 2012, 08:32:35 AM »

ผมได้ข้อมูลจากโพสของคุณสะดุ้งมาร.ในอีกกระทู้ เลยไปสืบค้นคัดลอกมาแปะเพิ่มเติม ( คิดว่าคงไม่ซ้ำกับที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้.. ไหว้  )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5139/2545


     การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืนก่อนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนได้ จะออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.3) ให้ ผู้ขอจึงนำใบ ป.3 ไปซื้ออาวุธปืน แล้วจึงนำไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ต่อไปตามขั้นตอนดังกล่าวถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนได้อนุญาตให้ผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนแล้วตั้งแต่ออกใบ ป.3 ส่วนการไปซื้อ จนกระทั่งออกใบ ป.4 เป็นขั้นตอนเพื่อควบคุมอาวุธปืนให้รู้ว่าแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใด ไม่ได้หมายความว่าผู้ขอเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบ ป.4 ให้ประกอบกับการที่จำเลยซื้อและครอบครองอาวุธปืนของกลางตามใบ ป.3 และดำเนินการขอออกใบ ป.4 จนได้รับใบ ป.4 ก่อนที่ใบ ป.3 จะสิ้นอายุ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฝ่าฝืนกฎหมาย จึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

     จำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของกลางก่อนที่ศาลชั้นต้นสั่งริบอาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 จึงริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้




พีครับผมขอสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกา  ฉบับสมบูรได้ไหมครับ   ผมโดนเรื่องแบบนี้เช่นกันครับ  โดนจับปืน มีแค่ ป.3 ยังไม่มี ป.4 เนื่องจากซื้อ มาได้แค่ 6 วัน  อัยการนัดครั้งแรกวันที่ 29 มี.ค. 55 นี้และครับ  อีกอย่าง ผมจะนำคำสั่งบรรจุเช้าเป็น อาสามัครทหารพราน ไปยื่นให้อัยการ ว่าผมเป็น อาสสมัครทหารพรานปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความจำเป็นต้องใช้ อวป. เพื่อไม่ให้สาลสั่ง ริบ อวป. นะครับ
ขอขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ
บันทึกการเข้า

           
จากกุ๊ยข้างถนน    ดิ้นรนรับใช้ชาติ   ไพรีจงพินาศ  มิได้ขลาดเพื่อชาติพลี
black-army
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 827
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4100



เว็บไซต์
« ตอบ #294 เมื่อ: มีนาคม 25, 2012, 08:35:50 AM »

ขอทาง เมล์ tanawat.1@hotmail.com     ขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ
บันทึกการเข้า

           
จากกุ๊ยข้างถนน    ดิ้นรนรับใช้ชาติ   ไพรีจงพินาศ  มิได้ขลาดเพื่อชาติพลี
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #295 เมื่อ: มีนาคม 25, 2012, 10:22:28 AM »

ผมได้ข้อมูลจากโพสของคุณสะดุ้งมาร.ในอีกกระทู้ เลยไปสืบค้นคัดลอกมาแปะเพิ่มเติม ( คิดว่าคงไม่ซ้ำกับที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้.. ไหว้  )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5139/2545


     การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืนก่อนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนได้ จะออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.3) ให้ ผู้ขอจึงนำใบ ป.3 ไปซื้ออาวุธปืน แล้วจึงนำไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ต่อไปตามขั้นตอนดังกล่าวถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนได้อนุญาตให้ผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนแล้วตั้งแต่ออกใบ ป.3 ส่วนการไปซื้อ จนกระทั่งออกใบ ป.4 เป็นขั้นตอนเพื่อควบคุมอาวุธปืนให้รู้ว่าแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใด ไม่ได้หมายความว่าผู้ขอเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบ ป.4 ให้ประกอบกับการที่จำเลยซื้อและครอบครองอาวุธปืนของกลางตามใบ ป.3 และดำเนินการขอออกใบ ป.4 จนได้รับใบ ป.4 ก่อนที่ใบ ป.3 จะสิ้นอายุ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฝ่าฝืนกฎหมาย จึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

     จำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของกลางก่อนที่ศาลชั้นต้นสั่งริบอาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 จึงริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้




พีครับผมขอสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกา  ฉบับสมบูรได้ไหมครับ   ผมโดนเรื่องแบบนี้เช่นกันครับ  โดนจับปืน มีแค่ ป.3 ยังไม่มี ป.4 เนื่องจากซื้อ มาได้แค่ 6 วัน  อัยการนัดครั้งแรกวันที่ 29 มี.ค. 55 นี้และครับ  อีกอย่าง ผมจะนำคำสั่งบรรจุเช้าเป็น อาสามัครทหารพราน ไปยื่นให้อัยการ ว่าผมเป็น อาสสมัครทหารพรานปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความจำเป็นต้องใช้ อวป. เพื่อไม่ให้สาลสั่ง ริบ อวป. นะครับ
ขอขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  5139/2545
พนักงานอัยการจังหวัดนครปฐม       โจทก์
นาย สุขสันต์ จีนประดิษฐ์       จำเลย
 
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับ และมีกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัดอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และจำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร และไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งไม่ใช่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 91, 371 ริบของกลาง

          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จำคุก 1 ปีฐานพาอาวุธปืนเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก6 เดือน รวมเป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 12 เดือน ริบของกลาง

          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

          โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยพร้อมยึดได้อาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด และซองปืนจำนวน1 ซอง เป็นของกลาง คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือไม่ โจทก์มีพันตำรวจโทดิเรก ปลั่งดี และร้อยตำรวจโทสนั่น ชูสกุล ผู้จับกุมเบิกความเพียงว่าขณะจับกุมจำเลย จำเลยยอมรับว่าอาวุธปืนของกลางเป็นของจำเลยและจำเลยไม่สามารถนำใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนมาแสดงได้ พยานจึงยึดอาวุธปืนไว้เป็นของกลางเท่านั้น แต่ปรากฏจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกสมเกียรติ ทรัพย์ส่งเสริม พนักงานสอบสวนพยานโจทก์อีกปากหนึ่งที่มาเบิกความประกอบบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.3 ว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าอาวุธปืนของกลางจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) แล้วอยู่ระหว่างดำเนินการออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เจือสมกับที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2540ตามเอกสารหมาย ล.2 จำเลยเพิ่งไปรับอาวุธปืนจากร้านค้าก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วันขณะเกิดเหตุอยู่ระหว่างดำเนินการออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) และจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540ตามเอกสารหมาย ล.5 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนอำเภอหันคาให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนแล้ว จำเลยจึงซื้ออาวุธปืนของกลางมาตามใบอนุญาตดังกล่าวและอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนรับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เห็นว่า การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ผู้ขอจะต้องไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ที่ผู้ขอมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านก่อน เมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่พิจารณาเห็นว่าผู้ขอมีคุณสมบัติตามที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กำหนดแล้วจึงอนุญาตให้ซื้อหรือรับโอนอาวุธปืนได้โดยจะออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ให้ จากนั้นผู้ขอจึงนำใบ ป.3ดังกล่าวไปซื้ออาวุธปืนจากร้านค้าหรือผู้ขาย แล้วจึงนำอาวุธปืนพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนผู้ออกใบอนุญาตเพื่อออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน(แบบ ป.4) สำหรับอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวให้แก่ผู้ขอต่อไป ตามขั้นตอนดังกล่าวถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนผู้ออกใบอนุญาตได้อนุญาตให้ผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนแล้วตั้งแต่ออกใบ ป.3 ส่วนขั้นตอนการไปซื้อหรือรับโอนจนกระทั่งออกใบ ป.4 เป็นขั้นตอนต่อมาเพื่อควบคุมอาวุธปืนในราชอาณาจักรให้รู้ว่าอาวุธปืนแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใดเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ขอเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบ ป.4 ให้ ทั้งตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 23(2)ก็กำหนดให้ใบ ป.3 มีอายุ 6 เดือน นับแต่วันออกการที่จำเลยซื้อและครอบครองอาวุธปืนของกลางตามใบ ป.3 และดำเนินการขอออกใบ ป.4 สำหรับอาวุธปืนของกลางจนได้รับใบ ป.4 ตามเอกสารหมาย ล.5 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ก่อนที่ใบ ป.3 เอกสารหมาย ล.2 จะสิ้นอายุ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยไปขออนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนจนกระทั่งได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ก็แสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฝ่าฝืนกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตดังที่โจทก์ฟ้อง

          ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการสุดท้ายว่า สมควรริบอาวุธปืนของกลางหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าต่อมาจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของกลางตามเอกสารหมาย ล.5 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ก่อนที่ศาลชั้นต้นสั่งริบ อาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่ริบอาวุธปืนของกลางจึงชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน"

          พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิวรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 กรณีเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 3,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

 
บันทึกการเข้า
black-army
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 827
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4100



เว็บไซต์
« ตอบ #296 เมื่อ: มีนาคม 25, 2012, 01:46:27 PM »

ผมได้ข้อมูลจากโพสของคุณสะดุ้งมาร.ในอีกกระทู้ เลยไปสืบค้นคัดลอกมาแปะเพิ่มเติม ( คิดว่าคงไม่ซ้ำกับที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้.. ไหว้  )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5139/2545


     การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืนก่อนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนได้ จะออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.3) ให้ ผู้ขอจึงนำใบ ป.3 ไปซื้ออาวุธปืน แล้วจึงนำไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนเพื่อออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ต่อไปตามขั้นตอนดังกล่าวถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนได้อนุญาตให้ผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนแล้วตั้งแต่ออกใบ ป.3 ส่วนการไปซื้อ จนกระทั่งออกใบ ป.4 เป็นขั้นตอนเพื่อควบคุมอาวุธปืนให้รู้ว่าแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใด ไม่ได้หมายความว่าผู้ขอเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบ ป.4 ให้ประกอบกับการที่จำเลยซื้อและครอบครองอาวุธปืนของกลางตามใบ ป.3 และดำเนินการขอออกใบ ป.4 จนได้รับใบ ป.4 ก่อนที่ใบ ป.3 จะสิ้นอายุ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฝ่าฝืนกฎหมาย จึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

     จำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของกลางก่อนที่ศาลชั้นต้นสั่งริบอาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 จึงริบอาวุธปืนของกลางไม่ได้




พีครับผมขอสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกา  ฉบับสมบูรได้ไหมครับ   ผมโดนเรื่องแบบนี้เช่นกันครับ  โดนจับปืน มีแค่ ป.3 ยังไม่มี ป.4 เนื่องจากซื้อ มาได้แค่ 6 วัน  อัยการนัดครั้งแรกวันที่ 29 มี.ค. 55 นี้และครับ  อีกอย่าง ผมจะนำคำสั่งบรรจุเช้าเป็น อาสามัครทหารพราน ไปยื่นให้อัยการ ว่าผมเป็น อาสสมัครทหารพรานปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความจำเป็นต้องใช้ อวป. เพื่อไม่ให้สาลสั่ง ริบ อวป. นะครับ
ขอขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  5139/2545
พนักงานอัยการจังหวัดนครปฐม       โจทก์
นาย สุขสันต์ จีนประดิษฐ์       จำเลย
 
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับ และมีกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัดอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ และจำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร และไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งไม่ใช่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 91, 371 ริบของกลาง

          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จำคุก 1 ปีฐานพาอาวุธปืนเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก6 เดือน รวมเป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 12 เดือน ริบของกลาง

          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

          โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยพร้อมยึดได้อาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด และซองปืนจำนวน1 ซอง เป็นของกลาง คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือไม่ โจทก์มีพันตำรวจโทดิเรก ปลั่งดี และร้อยตำรวจโทสนั่น ชูสกุล ผู้จับกุมเบิกความเพียงว่าขณะจับกุมจำเลย จำเลยยอมรับว่าอาวุธปืนของกลางเป็นของจำเลยและจำเลยไม่สามารถนำใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนมาแสดงได้ พยานจึงยึดอาวุธปืนไว้เป็นของกลางเท่านั้น แต่ปรากฏจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกสมเกียรติ ทรัพย์ส่งเสริม พนักงานสอบสวนพยานโจทก์อีกปากหนึ่งที่มาเบิกความประกอบบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.3 ว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าอาวุธปืนของกลางจำเลยได้รับใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) แล้วอยู่ระหว่างดำเนินการออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เจือสมกับที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยได้รับใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืน (แบบ ป.3) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2540ตามเอกสารหมาย ล.2 จำเลยเพิ่งไปรับอาวุธปืนจากร้านค้าก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วันขณะเกิดเหตุอยู่ระหว่างดำเนินการออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) และจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540ตามเอกสารหมาย ล.5 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนอำเภอหันคาให้ซื้ออาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนแล้ว จำเลยจึงซื้ออาวุธปืนของกลางมาตามใบอนุญาตดังกล่าวและอยู่ระหว่างดำเนินการจดทะเบียนรับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เห็นว่า การขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ผู้ขอจะต้องไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ที่ผู้ขอมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านก่อน เมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่พิจารณาเห็นว่าผู้ขอมีคุณสมบัติตามที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กำหนดแล้วจึงอนุญาตให้ซื้อหรือรับโอนอาวุธปืนได้โดยจะออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ให้ จากนั้นผู้ขอจึงนำใบ ป.3ดังกล่าวไปซื้ออาวุธปืนจากร้านค้าหรือผู้ขาย แล้วจึงนำอาวุธปืนพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปแสดงต่อนายทะเบียนอาวุธปืนผู้ออกใบอนุญาตเพื่อออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน(แบบ ป.4) สำหรับอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวให้แก่ผู้ขอต่อไป ตามขั้นตอนดังกล่าวถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนผู้ออกใบอนุญาตได้อนุญาตให้ผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนแล้วตั้งแต่ออกใบ ป.3 ส่วนขั้นตอนการไปซื้อหรือรับโอนจนกระทั่งออกใบ ป.4 เป็นขั้นตอนต่อมาเพื่อควบคุมอาวุธปืนในราชอาณาจักรให้รู้ว่าอาวุธปืนแต่ละกระบอกอยู่ในครอบครองของผู้ใดเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ขอเพิ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนออกใบ ป.4 ให้ ทั้งตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 23(2)ก็กำหนดให้ใบ ป.3 มีอายุ 6 เดือน นับแต่วันออกการที่จำเลยซื้อและครอบครองอาวุธปืนของกลางตามใบ ป.3 และดำเนินการขอออกใบ ป.4 สำหรับอาวุธปืนของกลางจนได้รับใบ ป.4 ตามเอกสารหมาย ล.5 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ก่อนที่ใบ ป.3 เอกสารหมาย ล.2 จะสิ้นอายุ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยไปขออนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนจนกระทั่งได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ก็แสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฝ่าฝืนกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตดังที่โจทก์ฟ้อง

          ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการสุดท้ายว่า สมควรริบอาวุธปืนของกลางหรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าต่อมาจำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของกลางตามเอกสารหมาย ล.5 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 ก่อนที่ศาลชั้นต้นสั่งริบ อาวุธปืนของกลางจึงไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่ริบอาวุธปืนของกลางจึงชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน"

          พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิวรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 กรณีเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และปรับ 3,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

 
ไม่ทราบว่าสามารถ Coppy แล้วพริ้น นำไปแสดงให้อัยการดูได้ไหมครับ
บันทึกการเข้า

           
จากกุ๊ยข้างถนน    ดิ้นรนรับใช้ชาติ   ไพรีจงพินาศ  มิได้ขลาดเพื่อชาติพลี
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #297 เมื่อ: มีนาคม 25, 2012, 03:29:32 PM »

ไม่ทราบว่าสามารถ Coppy แล้วพริ้น นำไปแสดงให้อัยการดูได้ไหมครับ

เนื้อหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายก็มีดังนี้ น่าจะเพียงพอใช้อ้างอิงได้แล้ว
แต่การสั่งคดีของพนักงานอัยการ ย่อมเป็นอิสระตามข้อเท็จจริงของแต่ละคดี

บันทึกการเข้า
chew - รักในหลวง
VOTE NO = ไม่เลือกควายตัวไหน และ สัตว์คอกใด ทั้งสิ้น
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1892
ออฟไลน์

กระทู้: 10589


เอาแผ่นดินของพ่อหลวงคืนมา เอาคนโกงชาติเข้าคุกไป


« ตอบ #298 เมื่อ: มีนาคม 26, 2012, 09:23:07 AM »

ขอบคุณครับพี่  ไหว้  อย่างน้อยก็สามารถใช้เป็นตัวอย่างได้อีกคดีนึงครับ
บันทึกการเข้า
konklong
รักทุกคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 277
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2141


จงทำดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์


« ตอบ #299 เมื่อ: เมษายน 22, 2012, 04:55:25 PM »

 ไหว้ ไหว้ ไหว้ ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้มากมายจริงๆ  เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
 หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก
บันทึกการเข้า

ชนใดไม่มีดนตรีการ  ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
หน้า: 1 ... 17 18 19 [20] 21
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.068 วินาที กับ 22 คำสั่ง