เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 04, 2024, 10:27:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 ... 7
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทหารรับจ้างเดนตาย เรื่องของทหารรับจ้างชาวไทย ในสมรภูมิลาว โดยสยุมภู ทศพล  (อ่าน 59336 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:12:44 PM »

ผมก๊อปมาจาก bkkairsoft.com โดยคุณ หลังเขา เอามาให้อ่านเพลินๆครับ



                 วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 1
   สำเนาคำสั่งกองทัพบกที่ให้ผมลาออกจากราชการสงบนิ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ๊ต ผมนั่งตาลอยเหม่อมองทัศนียภาพจากช่องหน้าต่างของรถประจำทาง “กาญจนบุรี-กรุงเทพ” ที่กำลังห้อตะบึงไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูง ความแออัดของผู้โดยสารทำให้ผมต้องห่อกายซุกหัวลงเบียดช่องหน้าต่างด้วยความอึดอัด
   อดีตชีวิตที่เกรียงไกรและโด่งดังสุดยอดในเชิงกีฬา พรั่งพรูเข้ามาให้ห้วงความคิด ภาพของสนามแข่งขันในประเทศต่างๆพร่างพรายขึ้นมาในจิตสำนึก เสียงโห่ร้องของประชาชนดังอื้ออึงอยู่ในโสตประสาท เสียงเพลงชาติไทยกระหึ่มดังกึกก้องพร้อมๆกับริ้วห้าสีของธงไตรรงต์ถูกอัญเชิญขึ้นสู่ยอดเสา ตัวผมเองอยู่ในชุด “วอร์มอัพ” สีน้ำเงินเข้มบริเวณอกเบื้องซ้ายติดธงชาติไทยขนาดเล็ก อันเป็นสัญลักษณ์ของนักกีฬาทีมชาติไทย กำลังยืนอยู่บนแท่นชัยชนะขนาบข้างด้วยนักกีฬาญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย ห่างออกไปเล็กน้อย พณฯท่านประธาณาธิบดี “ซูกาโน่” ของอินโดนีเซีย ยืนทำความเคารพธงชาติไทยอยู่ท่ามกลางหมู่สาวงามที่มีหน้าที่อัญเชิญเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน “อินวิเตชั่นเกมส์” (อุ่นเครื่องเอเชี่ยนเกมส์) ครั้งที่ 4 ณ กรุงจากาต้า อินโดนีเซีย
   ภาพตัดกลับไปยังสนาม “อองซาน” ประเทสพม่า การแข่งขันที่มันที่สุดในชีวิตก็ปรากฏขึ้นมาเหมือนกับได้ชมภาพยนต์จอกว้าง
   จากการแข่งขันวิ่ง 200 ม. รอบไฟนั่ล ผม...สุทธิ มัญยากาศ และ เจก้า เตซานแห่งมาเลเซีย กำลังวิ่งกันอกตั้งกันอยู่ในลู่ของ “อองซานสเตเดี้ยม” เสียงแบ็คกราวด์ที่ดังกระหึ่มกึกก้องอยู่ตลอดเวลาก็คือเสียงเชียร์ของบรรดานักกีฬาชาติต่างๆที่ร่วมแข่งขันกีฬา “เซียพเกมส์” ครั้งที่ 2 ณ กรุงร่างกุ้งนั่นเอง
   “เจก้า เตซาน” คว้าเหรียญทองไปอย่างหวุดหวิด ผมเฉือนสุทธิ มัญยามาศ แค่ปลายจมูก และจากการแข่งขันครั้งนี้ ทำให้ สุทธิ ต้องประสพกับอุบัติเหตุกระดูกหลังเท้าแตก ทำให้ทีมกรีฑาของไทยประสพความพ่ายแพ้อย่างชนิด “รูดมหาราช” ในวันต่อมา
   “ลื้อมีเงินซักสี่หมื่นหรือเปล่าวะ สยุมภู อั๊วพอมีทางจะช่วยให้ลื้อเป็นนายทหารจากการสอบครั้งนี้ได้อย่างสบาย”
   นายทหารนิรนามคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นมากับผมในที่รโหฐานแห่งหนึ่งหลังจากที่ผมสอบเลื่อนวิทยฐานะจากนายชั้นประทวนขึ้นเป็นสัญญาบัตรไปหมาดๆ
   ผมล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง...อนิจจา...ทั้งเนื้อทั้งตัวผมเหลืออยู่บาทสุดท้ายเท่านั้น โธ่...เงินตั้งสามสี่หมื่นบาท ผมจะไปเอามาจากที่ไหนกันครับ
   “พอจะมีครับ หมวด ผมมีอยู่บาทเดียวเท่านั้นเอง” ผมตอบออกไปเสียงอ่อยๆ
   รายชื่อของผมหายวูบไปจากประกาศที่ติดหราอยู่ที่หน้าห้องสอบ เพื่อนๆที่มันหัวขี้เลื่อยกว่าผม แต่บังเอิญ พ่อ แม่ หรือ เมีย ของมันเสือกรวยกว่าผม และได้จ่ายเงินซื้อ “ยศ” ไปเรียบร้อยแล้ว ยืนกระหยิ่มยิ้มย่อง หน้าตาระรื่นผุดผาดเหมือนกับสาวๆวัยรุ่น
   อนิจจา...กองทัพไทย...จะเป็นนายทหารทั้งที ต้องมีการซื้อขายกันอีกหรือนี่?
   “ลาออกสิว่ะ” ผมรำพึงอยู่ในใจ
   เสียงร้องตะโกนของกระเป๋ารถทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว ภาพที่พร่างพรายอยู่ในสมองสะดุดลงเหมือนกับหนังขาด
   “หมดระยะแล้วครับ ใครจะต่อเข้าค่ายเสือดำที่ลาดหญ้า โปรดไปขึ้นสองแถวที่สามแยกข้างหน้าโน้นครับ”
   ผมหิ้วถุงทะเลลงจากรถแล้วหิ้วถุงผ้าใบที่เก่าซอมซ่อขึ้นไปบนบ่า เดินก้าวยาวๆติดตามกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางอันเดียวกันด้วยจิตใจที่สับสนและไม่ค่อยจะแน่ใจตัวเองเท่าใดนัก
   อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมก็มายืนเข้าคิวเป็นแถวยาวเหยียดอยู่หน้าค่าย “เสือดำ” ตำบลลาดหญ้า ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล
   “เฮ้ย สยุมภู ลื้อเสือกมาทำไมกับเขาด้วยวะ”
   นายทหารรุ่นพี่คนหนึ่งของผมพูดออกมาค่อนข้างดังพร้อมกับลากข้อมือผมออกไปจากแถว
   ผมยิ้มแหยๆตอบออกไปเสียงอ่อยๆ
   “ก็มาสมัครเป็นเสือพรานสิ หมวด ถามได้”
   “มา...มานี่ ไอ้เสือ อั๊วเป็น ฝอ.3 ของกองพันรับจ้างที่ 616 มาอยู่กับอั๊วก็แล้วกัน”
   ด้วยอิทธิพลของ ฝอ.3 ที่มีหน้าที่ทางด้านยุทธวิธีโดยเฉพาะ ทำให้ผมลัดคิวชาวบ้านหลุดเข้าไปเป็นทหารรับจ้างได้อย่างง่ายดายที่สุด ในตำแหน่ง ผบ.หมวด 5 กองร้อยที่ 3 กองพัน 616
   ชีวิตทหารรับจ้างในค่ายฝึก อาสาสมัครทุกนายได้รับการฝึกตามหลักสูตรของทหารพรานอย่างหนักหน่วงที่สุด โดยครูฝึกชาวอเมริกันที่ผ่านสงครามเวียตนามมาแล้วอย่างโชกโชน
   “ล่าม” ชาวไทยเป็นผู้ถ่ายทอดคำพูดแต่ละประโยคอย่างชัดถ้อยชัดคำ การอ่านแผนที่ประกอบเข็มทิศ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ชิ้นส่วนของอาวุธประจำกาย อาวุธหนักทุกชนิด แม้กระทั่งการ “ฆ่า” ด้วยมือเปล่า ถูก “ทดสอบ” ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อความแน่นอนในการปฏิบัติงานจริงๆในสมรภูมิ
   การฝึกได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอสองเดือนผ่านไปก็ถึงการฝึกภาคกองพัน อันเป็นกรรมวิธีขั้นสุดท้ายของการฝึกทหารพราน
และแล้วกำหนดการเคลื่อนย้ายกองพันไปสมรภูมิลาวก็ได้ถูกกำหนดขึ้น
   ก่อนการเดินทางเพียง 48 ชั่วโมง วิทยุด่วนจาก บก.333 ที่อุดรก็มาถึงค่ายเสือดำ แจ้งถึงการสูญเสียอย่างย่อยยับของกองพันทหารรับจ้างที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ ณ บริเวณทุ่งไหหิน
   ทหารเวียตนามเหนือ...จีนแดง...ผสมทหารลาวแดงทุ่มกำลังพลหลายหมื่นคนเข้าบดขยี้และปิดล้อมกองพันทหารรับจ้างพร้อมๆกันทุกด้าน
   เหตุการณ์อันเลวร้ายดังกล่าวทำให้ บก.333 ซึ่งเป็นกองบัญชาการส่วนหลังของทหารเสือพรานออกคำสั่ง “ฉุกเฉิน” เคลื่อนย้ายกองพันของผมโดยฉับพลัน ในเช้าของวันรุ่งขึ้นนั้นเอง
   06.01 น. ของวันที่ 16 ธันวาคม... ทหารรับจ้างกองพัน 616,617,618 จำนวน 1,600 คน ต่างก็พากันขนอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นรถ ยี.เอ็ม.ซี (G.M.C) มุ่งหน้าไปยังสนามบินของค่ายเสือดำ ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากค่ายประมาน 4 กิโลเมตร เพื่อรอเครื่องบินขนถ่ายไปยังสมรภูมิลาวในโอกาสต่อไป
   07.30 น. “ซี-130” เครื่องบินลำเลียงขนาดยักษ์สี่เครื่องยนต์ 5 เครื่องโผล่ออกมาจากก้อนเมฆ แล้วลดระดับทยอยร่อนลงสนามอย่างนิ่มนวล
   ทหารรับจ้างพร้อมด้วยเครื่องสนามและอาวุธประจำกายครบครัน ทยอยขึ้นห้องโดยสารอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  ในเวลาอันเล็กน้อย ห้องโดยสารอันใหญ่โตของ “ไอ้หมู” ก็แน่นขนัดไปด้วยหมู่ทหารรับจ้างที่มีท่าทางตื่นเต้นจนมองเห็นได้ชัด ผม,ฝอ.3,และ ฝอ.4 ซึ่งเป็นนายทหารส่งกำลังบำรุง ถูกมอบหมายให้เป็นส่วนหน้าสุดในการเคลื่อนย้ายครั้งนี้
   “ซี-130” วิ่งปร๊าดเข้าไปตามรันเวย์ ภาพของทหารรับจ้างและญาติพี่น้องที่ยืนออกันแน่นขนัดตามขอบสนาม วิ่งผ่านช่องหน้าต่างด้วยความเร็วสูง “ไอ้หมู” ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทักษิณาวัตร 1 รอบ แล้วมุ่งทิศทางการบินไปยังประเทศลาวอย่างรวดเร็ว
   ผมนั่งอยู่ส่วนหัวสุดของเครื่องบิน ขนาบข้างด้วย ฝอ.3 และ ฝอ.4 ซึ่งเป็นนายทหารทั้งคู่
   ฝอ.3 เป็นนายทหารประจำอยู่เมืองโคราช ยศร้อยเอก ชื่อรหัสที่ใช้ในสมรภูมิลาวก็คือ “กองอิน” นิสัยตลก ไม่ดื่มสุรา
   ฝอ.4 เป็นนายทหารที่ไต่เต้ามาจากนายสิบ สังกัดหน่วย กรมการสัตว์ทหารบก พญาไท ยศร้อยโท ท่าทางจะเป็นคนค่อนข้างเห่อยศ และชอบสะสมพระเครื่องเป็นประจำ อุปนิสัยส่วนตัวเป็นที่เกลียดชังแก่ทหารรับจ้างผูใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างยิ่ง อาศัยมีเส้นสายค่อนข้างจะดีก็เลยได้ตำแหน่งนายทหารส่งกำลังบำรุง ไม่ต้องขึ้นไปเสี่ยงชีวิตบนแนวรบสบายใจเฉิบไปเลย ชื่อรหัส “กองสา”
   ทหารรับจ้างหมวด 5 ซึ่งเป็นลูกน้องในความบังคับบัญชาของผม ยืนเบียดกันแน่นขนัดอยู่ตรงบริเวณช่องกลางของห้องโดยสารซึ่งได้รับการดัดแปลงด้วยการถอดเอาเก้าอี้ออกทั้งแถวเพื่อเพิ่มปริมาณในการลำเลียง
   ลูกน้องของผมส่วนมากเป็นคนปักษ์ใต้และชาวอีสาน ภาษาที่มีส่วนคล้ายคลึงกันทำให้ทหารรับจ้างเหล่านี้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
   ด้วยเพดานบินเกือบ 15,000 ฟิต ทำให้ทหารรับจ้างบางคนเริ่มประสพอาการ “เมาเครื่อง” อาเจียนกันโอ๊กอ้าก เหงื่อกาฬผุดออกมาเป็นเม็ดๆ ใบหน้าขาวซีดเหมือนคนใกล้ตาย
   ผมหยิบจดหมายสีฟ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตฟิลด์ แล้วถอดหมวกเหล็กออกมาวางที่ตัก ยัดจดหมายลงไปข้างในเพื่อป้องกันสายตาของชาวบ้านที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ปล่อยอารมณ์ไปกับคำตัดพ้อต่อว่าที่เรียงเป็นพรืดอยู่บนกระดาเขียนจดหมายฉบับนั้น
   ใบหน้าที่น่าสงสารลอยเด่นอยู่ในจิตสำนึก สายตาที่มีแววห่วงกังวลของเธอทำให้ผมนึกเจ็บใจในความตอแหลของตัวเองขึ้นมาทันที
   “6-7 ปีที่เรารักกันมา ไม่เคยมีอะไรดีขึ้นเลย คุณเป็นคนเลวในสายตาของแม่และพี่แตน แต่เล็กก็ยังรักและสงสารคุณ สร้างเนื้อสร้างตัวบ้างสิคะ ถ้าสงสารเล็ก คุณจะต้องทำตัวคุณให้ดีกว่านี้ เล็กจะรอคุณค่ะ”
   คำพูดทุกวลีของเธอยังก้องอยู่ในประสาทของคนชั่วๆเยี่ยงผม สำนึกสุดท้ายของทรชนทำให้ผมต้องเนรเทศตัวเองหนีออกจากสังคมของเมืองหลวง หนีออกจากเกียรติยสชื่อเสียงอันโด่งดังของวงการกีฬาเมืองไทย... มุ่งหน้าเข้าเสี่ยงโชคเพื่อประชดประชันชีวิตที่น่าชังของตัวเองเพียงเพื่อให้เธอและพี่น้องของเธอสบายใจเท่านั้น
   ลิขิตชีวิตเกิดมา ถ้าไม่มีการ “จาก” ก็ต้องไม่มีการ “พบ” การ “ตาย” ของผมเท่านั้นที่จะทำให้ความห่วงหาอาทรของเธอยุติลงได้
   บา... ชีวิตที่น่าชังของคนชั่วๆเยี่ยงผมจะดำเนินไปในรูปลักษณะเช่นใดกันหนอ? ผีห่าซาตานเท่านั้นที่จะให้คำตอบอันแท้จริงกับผมได้
   แม่น้ำโขงที่คดเคี้ยว ผ่านแวบเข้ามาในช่องหน้าต่าง ความสวยงามของมันทำให้ผมอดที่จะชำเลืองลงไปไม่ได้... ทัศนียภาพเบื้องล่างเหมือนกับภาพวาดของจิตกรเอกแห่งยุค...ป่าดงพงพีที่หนาทึบติดกันเป็นพรืด มองดูเขียวครึ้มเหมือนผืนสักหลาดบนโต๊ะบิลเลียด
   ตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีสัดส่วนและขนาดไล่เลี่ยกันเรียงรายไปสุดลูกหูลูกตา ถ้าผมเดาไม่ผิด พื้นที่ดังกล่าวก็คือผืนนาอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดหนองคายนั่นเอง
   “ซี-130” ลดระดับลงยวบยาบ พนักงานเปิดปิดประตูเบียดทหารรับจ้างเข้ามากระซิบกับผมเบาๆ
   “น่ากลัวจะแย่ครับ สนามบินล่องแจ้งกำลังโดนระดมยิงถี่ขึ้นทุกขณะ “แอร์-คอนโทรล” ที่ล่องแจ้งสั่งมาให้เสี่ยงนำเครื่องลง ช่วยบอกทหารของพวกคุณเตรียมตัวเอาใว้ด้วย พอเครื่องจอดให้วิ่งเข้าไปหลบอยู่ที่เนินเขาด้านทิศตะวันออกของสนามบินโดยเร็ว”
   คำพูดของพนักงานประตู ถูกผมถ่ายทอดไปยังทหารรับจ้างอย่างรวดเร็ว ความผิดสังเกตต่อมาที่ผมองเห็นก็คือความหวาดวิตกที่บังเกิดขึ้นมาบนใบหน้าของทหารรับจ้างแต่ละคนอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับเอื้อมมือคว้าหลวงพ่อวัดต่างๆที่คล้องคอออกมาอาราธนากันเป็นทิวแถว เสียงคุยและเสียงหัวเราะที่แซดกันอยู่ตลอดเวลา เงียบหายเป้นปลิดทิ้ง
   “เหลืออีก 5 นาที เครื่องจะลงพื้น” พนักงานประตูออกคำสั่งทาง “เลาวด์สปี๊กเกอร์” ที่ติดอยู่เหนือราวเคบิน
   เครื่องลดระดับวูบวาบ ทัศนียภาพของเมืองล่องแจ้งปรากฏออกมาจากสายหมอกที่เบาบาง ทิวเขาที่สลับซับซ้อนโอบตัวเมืองเอาใว้ทุกด้านจนมองดูเหมือนกับไข่ดาวที่กำลังทอดอยู่ก้นกระทะขนาดยักษ์
   “ซี-130” พาตัวเองบินเข้าช่องเขาที่ขนาบทางขึ้นลงรันเวย์สนามบิน พร้อมกับกางฐานลดระดับลง ชั่วอึดใจผมก็ได้สัมผัสแรงกระแทกตรงบริเวณลูกล้อจนกระเทือนยวบยาบไปหมดทั้งห้องโดยสาร
   ในขณะที่ “ซี-130” วิ่งปร้าดไปบนรันเวย์ ประตูด้านท้ายก้ถูกเลื่อนออกด้วยระบบไฮโดรลิค เมื่อผมเหลือบสายตามองผ่านออกไปก็มองเห็นประกายควันสีขาวพวยพุ่งคลุ้งกระจายเป็นหย่อมๆอยู่ ณ บริเวณหัวสนามบินที่เครื่องของผมเพิ่งจะวิ่งผ่านมาหยกๆ อา...ข้าศึกระดมยิงอาวุธหนักเข้าใส่เครื่องบินของพวกผมเสียแล้ว คงจะเป็นด้วยความอึกกระทึกคึกโครมของเครื่องยนต์ จึงทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงระเบิดของลูกกระสุนปืนของข้าศึกแต่อย่างใด
   “ซี-130” เบรกอากาศดังเอี้ยดอ๊าด พร้อมกับแท็กซี่หลบเข้าไปยังเนินหินเตี้ยๆที่ตระหง่านอยู่ปลายสุดของสนามบิน อันเป็นลานจอดแห่งเดียวที่อยู่ในตำบล “อับกระสุน”
   เครื่องยังไม่ทันจะจอดสนิท พอเสียงเครื่องยนตืเบาลงเท่านั้น ทหารรับจ้างที่ยืนออกันอยู่ตรงช่องประตูด้านท้ายก็เฮโลกระโดดลงจากเครื่องวิ่งแน่บเข้าไปหาเนินเขาอีกลุกหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาน 50 เมตร
   “บึ้ม”
   เสียงระเบิดที่ดังแทรกซ้อนเสียงเครื่องยนต์ของ “ซี-130” คำรามขึ้นมาถนัดหู พร้อมๆกับประกายสีขาวพวยพุ่งขึ้นมา ณ บริเวณขอบรันเวย์ด้านนอก ซึ่งอยู่ห่างจากเครื่องบินออกไปประมาน 80 เมตร
   ทหารรับจ้างหลายสิบคนกระโจนหมอบลงกับพื้นด้วยสัญชาตญาณการฝึกที่ผ่านมาอย่างจำเจ แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ใส่เกียร์สุนัขห้อแน่บเข้าหาเนินเขาอย่างชนิดลืมตาย
   “บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม”
   สี่ลูกซ้อนๆ และตำบลกระสุนตกเขยิบเข้ามาใกล้เครื่องบินทุกขณะ ทหารรับจ้างบางคนเกิดอาการลังเลใจพะว้าพะวังห่วงหน้าห่วงหลัง จะไม่ยอมกระโดดลงท่าเดียว พรรคพวกก็เลยถีบลงไปอย่างทุลักทุเล
   ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงรอบที่ผมและลูกน้องหมวด 5 ทั้งหมดจะ “วัดดวง” ด้วยการวิ่งแข่งหนีความตายไปยังจุดหมายที่มองเห็นอยู่แค่เอื้อม
   ผู้ใหญ่นวล ที่มีอายุเกือบ 50 ปี ซึ่งอาวุโสที่สุดกระโจนพรวดลงไปก่อน คงจะเป็นด้วยความชราของแกนั่นเอง แพล๊บเดียวคนอื่นๆ ก็วิ่งแซงแกไปจนหมดสิ้น
   ส่วนผมไม่ต้องเซดหรอกครับ ขนาด “สุทธิ มัญยากาศ” ผมก็ยังเคยประฝีตีนกันมาแล้ว ฮีโธ่! ระยะเพียง 50 เมตร ผมสปีดแพล๊บเดียวก็แซงลูกน้องขึ้นไปตั้งหลายช่วงตัวเลยทีเดียว
   “ซี-130” ปิดประตูท้ายแล้วแท็กซี่ค่อนข้างเร็วออกไปยังปลายสนาม กลับลำอีกครั้งแล้วเร่งเครื่องยนต์เต็มที่พาเครื่องวิ่งปร๊าดไปตามรันเวย์ พอถึงกึ่งกลางสนามก้ไดร๊ฟเครื่องเชิดหัวขึ้นเต็มที่ และในช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง ลูกกระสุนปืนของข้าศึกนัดหนึ่งก็กระหน่ำลงมาบนพื้นรันเวย์ช่วงนั้นพอดิบพอดี จนฝุ่นขอบรันเวย์กระจายคลุ้งมองเห็นถนัดตา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 14, 2007, 04:37:12 PM โดย oloภูพานolo » บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:16:55 PM »

วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 2
   “แพล๊ง”
   เสียงหัวกระสุน ปรส. ของข้าศึกกระทบกับพื้นรันเวย์บริเวณด้านในดังพิกลหูชอบกล เมื่อผมใช้กล้องสองตาตรวจการณ์ดูตำบลกระสนตก ก็มองเห็นวัตถุขาววับสะท้อนแสงอาทิตย์วูบวาบ...นอนกลิ้งอยู่ข้างๆรันเวย์นั่นเอง
   “ฉิบหายแล้ว ฝอ.3  ลูกปรส. ของข้าศึกสงสัยจะด้าน กลิ้งอยู่บนรันเวย์โน่น...คราวนี้เครื่องบินคงไม่กล้าลงแน่...จะทำยังไงดีครับ?”
   ผมละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน ยังไม่ทันที่ใครจะเอ่ยความคิดอะไรขึ้นมา เจ้าหน้าที่ต้อนรับผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ พรวดพราดเข้ามากระชากกล้องสนามแรงสูงจากมือผม พร้อมกับตรวจการณ์บริเวณรันเวย์ด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผมเท่าใดนัก
   เขาตรวจการณ์อยู่ชั่วอึดใจก็หยิบวิทยุ “HT-2” ที่วางอยู่บนกองไม้ข้างๆ กดสวิทช์รายงานเข้าไปยังหอบังคับการทันที
   “แอร์คอนโทรล จาก ไวลด์บิลล์ ลูกเดก้า-82 ของข้าศึกอยู่บนรันเวย์ตรงข้ามโรงเก็บสกายร็อคเก็ตพอดี...สงสัยว่าจะด้านหรือเป็นลูก “ถ่วงเวลา” ขอให้ระงับการลงด่วน”
   เงียบไปชั่วครู่ ก็มีเสียงตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
   “ไวลด์บิลล์จากนอร์แมน เหลืออีก 10 นาทีเครื่องจะลงพื้น ขณะนี้ผ่าน “นาซู” มาแล้ว ขอให้แก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด เบาน์เดอร์-คอนโทรลจะจ่ายเงินให้ใครก็ได้ที่สามารถทำให้ลูกเดก้า-82 ลูกนั้นหลุดออกไปจากรันเวย์พร้อมกับทำลายมันเสียด้วย หนึ่งพันดอลล่าร์จะเป็นของวีรบุรุษผู้นั้นทันที...”
   ผมมองเห็นไวลด์บิลล์ หันรีหันขวางอยู่ชั่วครู่ก็วิ่งปร๊าดเข้าไปที่รถแทร็กเตอร์ขนาดใหญ่ที่จอดอยู่บริเวณท้ายเนิน...
   เขากระโดดขึ้นไปสตาร์ทเครื่องพร้อมกับใช้ไฮโดรลิคขยับใบมีดขนาดใหญ่ที่ชูหราอยู่เบื้องหน้าให้ลดระดับลงพอดีกับพื้นรันเวย์ แล้วเร่งเครื่องยนต์พาแทร็คเตอร์วิ่งรี่เข้าหาลูก ปรส.ของข้าศึกอย่างบ้าดีเดือด ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของผู้ที่มองเห็นเหตุการณ์รอบๆด้าน
   ผมใช้กล้องสนามแรงสูงติดตามการเคลื่อนไหวของ “ไวลด์บิลล์” ด้วยความตื่นเต้นสุดขีด รถแทร็กเตอร์ใกล้ลูก ปรส.เข้าไปทุกขณะ ไวลด์ลิลล์เร่งเครื่องยนต์เต็มที่พร้อมกับกระโดดลงจากรถ แล้วฉากแว่บเข้าท้ายรถเหมือนกับจะอาศัยเกราะเหล็กที่แข็งแรงของตัวรถเป็นที่กำบังอยู่ในที
   รถแทร็กเตอร์วิ่งเข้าหาลูก ปรส. ใบมีดที่หนาประทะกับลูก ปรส. เต็มแรง พร้อมๆกับลากลูกกระสุนดังกล่าวกลิ้งลงจากรันเวย์เพียงเล็กน้อย ผมก็มองเห็นประกายไฟแวบขึ้นมาพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าก้องคำรามขึ้น เศษหิน เศษดิน บริเวณขอบรันเวย์กระจุยกระจายเหมือนกับโดนพายุหมุน พอควันจางภาพที่ปรากฏแก่สายตาของพวกผมก็คือ ใบมีดข้างหนึ่งห้อยหลุดลงมาค้างอยู่ที่พื้น...หลังคาสำหรับบังแดดที่ทำด้วยผ้าใบชนิดหนาขาดห้อยรุ่งริ่ง ด้วยอำนาจสะเก็ดระเบิดที่สาดออกไปรอบทิศ
   “ไวลด์บิลล์” วิ่งเหยาะๆออกมาจากซากของรถแทรคเตอร์มุ่งหน้าเข้ามายังจุดรวมพลของพวกผมท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือของทหารรับจ้างอย่างกึกก้อง
   ในเวลาเดียวกันนั่นเอง เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดชนิดใบพัดแบบ “T-28” จำนวน 4 เครื่องจากอุดรก็บินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้าเพื่อคุ้มกันการลำเลียงทางอากาศและทำการค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของปืน ปรส. ที่ทหารเวียดนามเหนือแอบลำเลียงเล็ดรอดสายตาของทหาร “นายพลวังเปา” ขึ้นมาซุกซ่อนอยู่บนเนิน “สกายไลน์” ที่โอบล้อมเมืองล่องแจ้งเอาไว้เพื่อทำการโจมตีต่อไป
   “ซี-130” อีกสองเครื่องเริ่มทะยอยลงสนามท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแข็งแรงของเครื่องบินขับไล่ การระดมยิงของข้าศึกเงียบหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทำให้การขนถ่ายดำเนินไปอย่างเรียบร้อยในเวลาต่อมา
   กองพันของผมได้รับมอบหน้าที่ให้คุ้มกันสนามบินล่องแจ้ง โดยรับผิดชอบพื้นที่ตั้งแต่ปากทางเข้าสนามบินยาวเหยียดไปจนกระทั่งถึงกึ่งกลางของสนามบินเลยทีเดียว
   ส่วนกองพัน 617 รับผิดชอบต่อจากกึ่งกลางสนามบินไปจนกระทั่งถึงหัวสนามบินแล้ววกอ้อมไปบรรจบที่ “วัดแม้ว” อันเป็นวัดของศาสนาพุทธเพียงวัดเดียวที่ตระหง่านอยู่บนยอดเนินเตี้ยๆมองเห็นถนัดตา
   สำหรับด้านตรงกันข้ามกับหอบังคับการบิน กองบัญชาการส่วนหน้าสุดของกองพันเสือพราน ซึ่งใช้ชื่อเป็นรหัสสั้นๆว่า “บก.สิงหะ” ได้มอบหน้าที่ให้กับกองพัน 618 รักษาพื้นที่ร่วมกับทหารลาวจากสุวรรณเขตที่เพิ่งลำเลียงมาถึงอย่างสดๆร้อนๆ ในตอนบ่ายสามโมงนั่นเอง
   บก.พัน กองพันของผมอาศัยห้องใต้ถุนของหอบังคับการบินดัดแปลงสร้างฐานปฏิบัติการ แถมมีไฟฟ้าใช้ใช้เสียด้วย
   กองร้อยที่ 3 ที่ผมเป็น ผบ.หมวด 5 ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ปากทางเข้าออกของสนามบินซึ่งตั้งอยู่ติดกับตลาดล่องแจ้งพอดิบพอดี
   สาวชาวแม้วเดินวื้อสินค้าภายในตลาดกันให้คลั่กไปหมด ผิวกายที่ขาวผ่องยังกับสาวจีน แก้มแดงเหมือนกับลูกท้อยามสุกเต็มที่ อยู่ในชุดแต่งกายที่ฉูดฉาดด้วยผ้าสีกรมท่าเข้ม มีแถบผ้าสีเขียวสลับชมพูคาดประดับอยู่ตามที่ต่างๆ บริเวณข้อมือทั้งสองข้างสวมกำไลเงินแท้ร้อยเปอร์เซนต์ เวลาเดินเหินได้ยินเสียงกุ๊งกิ้งๆเป็นจังหวะมองดูแปลกหูแปลกตากว่าหญิงไทยเราที่เคยเห็นเป็นจำเจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
   ลูกน้องของผม พอได้กลิ่นสาวแม้วเข้าเท่านั้น ก็บังเกิดอาการเหมือนกับม้าโดนยาโด๊ปเข้าไปเต็มที่ ขออนุญาตแว๊บออกไปเดินเที่ยวตลาด เพื่อหาอาหารเป็นการคลายความตรึงเครียดของอารมณ์ในตัว
   ไม่ถึง 15 นาที ลูกน้องกลุ่มใหญ่ของผมก็กระหืดกระหอบเข้ามากระซิบกระซาบกับผมด้วยอาการตื่นเต้น
   “หมวด...เจอะแล้วครับ อีตัวแม้ว แจ่มเป็นบ้าเลย 2,000 กีบเท่านั้น พวกผมจะล่อเสียแล้ว...เงินกีบบ่มี...ก็เลยมาขอยืมหมวดก่อน...เบี้ยเลี้ยงงวดหน้าหมวดหักเอาไปเลย”
   ส.ต. ธงชัย ลานเวที อดีตทหารผ่านศึกจากเวียตนามเอ่ยขึ้นมา พร้อมอาการลุกลี้ลุกลนจนผมอดหัวเราะไม่ได้...
   “เอายังงี้ดีกว่าว่ะ... ทหารทั้งหมดจับฉลากกันออกไปเที่ยวครึ่งหนึ่ง แล้วอั๊วจะคุมไปเอง ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง อย่าเบิ้ลนะโว้ย...อั๊วจะเลี้ยงเอง”
   เท่านั้นแหละครับ เหมือนกับลูกระเบิดตกลงมากลางกลุ่มมิปาน ลูกน้องจำนวน 25 คนของผมลุกฮือขึ้นจับไม้สั้นไม้ยาวกันอุตลุดไปหมด
   ไม่ถึง 5 นาที ผมก้เดินอกตั้งพาทหารรับจ้าง 12 คนมุ่งหน้าไปยังบ้าน “อีตัว” ชาวแม้วด้วยจิตใจที่คึกคัก...ตื่นเต้น คิดวาดภาพเหตุการณ์ที่จะบังเกิดขึ้นอย่างสวยหรู ลืมความตายที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปอย่างหมาดๆ ไปอย่างสนิทใจ
   ตลาดของเมืองล่องแจ้งคึกคักพอประมาน ร้านค้าที่เรียงรายอยู่สองฟากถนนสร้างอย่างง่ายๆด้วยวัสดุเหลือใช้จากสงคราม ลังกระสุนปืนใหญ่ที่กองพะเนินเทินทึกถูกนำมาทำฝาบ้าน ส่วนหลังคาก้ใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรผ่าซีกออกแล้วนำมาตีให้เป็นแผ่นๆวางซ้อนกัน เพียงเพื่อให้คุ้มแดดคุ้มฝนไปวันๆหนึ่งเท่านั้นเอง
   ร้านขายอาหารจำพวกลาบ ก้อย และเฝ๋อ(ก๋วยเตี๋ยวแม้ว)  รู้สึกว่าจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากทหารรับจ้างนานาชาติทั่วไป เสียงเพลงจากตู้เพลงกระหึ่มลั่นไปหมด มองดูผาดๆก็เหมือนกับภัตตาคารในกรุงเทพฯเลยทีเดียว
   สินค้าประเภทเครื่องสำอางที่ผลิตจากฝรั่งเศส ราคาถูกอย่างน่าใจหาย น้ำหอม “โตป้าส” ราคาเพียงขวดละ 50 บาทเท่านั้น
   อย่างไรก็ดีสินค้าจำพวกวิทยุและนาฬิกา ราคาของมันก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับราคาในประเทศไทยเลยทีเดียว
   ร้านตัดเสื้อผ้าเกิดขึ้นมาเหมือนกับดอกเห็ด ช่างชาวลาวและชาวแม้วรับงานแทบไม่หวาดไม่ไหว จำนวนทหารรับจ้างหลายหมื่นคนที่อยู่ในเมืองล่องแจ้ง ประชันแข่งขันกันแต่งตัวเหมือนกับอยู่ในเมือง “เท็กซัส” ก็มิปาน
   ลูกน้องตัวดีของผม นำทางออกจากถนนสายกลางแล้วเลี้ยวซ้ายหักแวบเข้าป่ากล้วยข้างๆทางนั่นเอง ภาพของบ้านที่ปลูกอย่างง่ายๆ ม่มีใต้ถุน หลังคามุงด้วยหญ้า ท่ามกลางซากรถจี้ปกลางที่สลักหักพังเนื่องจากอำนาจของลูกระเบิดจอดระเกะระกะเต็มไปหมด ไม่น้อยกว่า 20 คัน   
   “เฮ้ย นี่ลื้อพาอั๊วมาเที่ยวบ้านอีตัวหรือว่าพามาดูป่าช้ารถกันแน่วะ”
   ผมหันไปถามธงชัยเพื่อความแน่ใจ
   “เฉยเอาใว้ก่อนน่าหมวด ประเดี๋ยวดีเอง โน่นออกมาโน่นแล้ว สะเด็ดสะเด่าไหมล่ะ...หมวด
   หญิงแม้วท่าทางเข้าทีคนหนึ่งปรากฏร่างออกมาจากบานประตูที่จะหลุดมิหลุดแหล่ เธอยิ้มอย่างน่าเอ็นดูพร้อมกับพยักเพยิดเชิญชวนให้พวกผมเข้าไปข้างใน
   เท่านั้นแหละครับ บรรดาแร้งที่หิวโซทั้งหลายก็กระโจนเผ่นผลุงเฮโลกันเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ผมยืนเซ่ออยู่ตามลำพัง
   ชั่วอึดใจลูกน้องของผมก็หิ้วสาวแม้วออกมาจากบ้านเป็นคู่ๆ แล้วพากันหายขึ้นไปบนซากของรถจี๊ปกลางที่มีเสื้อกันฝน “ปันใจ” ห้อยทำเป็นม่านอย่างลวกๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กอย่างชอบอกชอบใจของบรรดาอีตัวแม้วทั้งหลาย
   ธงชัยออกมาจากบ้านเป็นคนสุดท้าย แถมหิ้วผู้หญิงแม้วรูปร่างเหมือนกับเด็กอายุประมาณ 14-15 ขวบติดออกมาด้วย ผมมองเห็นส่วนสัดของเออดที่จะใจหายไม่ได้ จึงร้องปรามลูกน้องออกไป
   “เฮ้ย ไอ้หอก นั่นเด็กนี่หว่า ประเดี๋ยวได้ร้องลั่นบ้านกันเท่านั้น ดีไม่ดีเกิดเรื่องกันนะโว้ย ธงชัย”
   “ธ่อ หมวด ใครว่าเด็ก นี่แหละครับตัวเงินตัวทองซ่องป่ากล้วยล่ะ ก่อนจะมาถึงมือผม แม่นี่ฟัดไป 8 ประตูเข้าให้แล้ว เด็กมันใจถึงซะอย่าง อ้อ หมวด ผมจัดอีตัวเอาใว้ให้แล้ว นิ้งเป็นบ้าเลย อยู่ข้างในโน้นแหละครับ เหลืออยู่คนเดียวพอดี”
   ในขณะที่พูด ธงชัยก็ “อุ้ม” เด้กสาวชาวแม้วเดินลิ่วหายลับเข้าไปใน “โมเต็ล” ชั่วคราวที่เรียงรายอยู่ใกล้ๆบ้านนั่นเอง
   “สรีระ” ของสาวแม้วพร่างพรายมาในห้วงความคิด เหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นอย่างสดๆร้อนๆ ทำให้เลือดลมของผมแล่นปรู๊ดปร๊าด ความต้องการชนิดหนึ่งบังคับให้ผมต้องพาตัวเองหลุดเข้าเป็นส่วนประกอบของบ้านที่มีกลิ่นอับหลังนั้นอย่างไม่รู้ตัว
   บนแคร่ไม้ไผ่ที่ยาวตลอดจนสุดผนังด้านใน ว่างเปล่าไปหมดทั้งแถว ผมกวาดสายตามองไปที่บริเวณเก้าอี้ไม้ตัวเล็กที่หน้าห้องครัว ก็พบร่างของสาวแม้วนางหนึ่งนั่งก้มหน้านิ่งเหมือนกับจะมีความเอียงอายอยู่ในที
   ยามเธอหายใจสะท้อน บัวหลวงที่อวบอูมเต้นระริกไปตามจังหวะ ความขาวเนียนของผิวกายที่โพลนอยู่เบื้องหน้าทำให้ผมสืบเท้าเข้าไปหาเธอเหมือนโดนกระแสแม่เหล็ก
   เธอคงจะได้ยินเสียงฝีเท้าของผม เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มด้วยความพึงพอใจ
   เท้าทั้งสองของผมชะงักเหมือนกับถูกตรึง พระเจ้าช่วย! ด้วยระยะห่างกันเพียงหนึ่งเมตร ทำให้ผมสามารถเห็นเหงือกด้านหน้าของเธอมีสีเขียวคล้ำยังกะสีของตะไคร่น้ำร้อยปีเลยทีเดียว
   ฟันหน้าหลุดออกไปทั้งกะบิ เหลืออยู่เพียงสองซี่...และแต่ละวี่ก็ดูเหมือนจะยกเอาจอบทั้งอันขึ้นไปตั้งเอาไว้ ริมฝีปากล่างแหว่งหายออกไปครึ่งหนึ่ง เวลาเอแสยะยิ้ม น้ำลายจากปากก็ไหลเยิ้มออกมาเป็นสาย ซ้ำร้ายดวงตาทั้งสองข้างของเธอก็บอดสนิท
   ผมค่อยๆถอยหลังออกจากบ้านหลังนั้น ฟิลลิ่งที่ก่อสานตัวขึ้นมาปลิวหายไปเป็นปลิดทิ้ง นึกโมโหลูกน้องตัวดีขึ้นมาถนัดใจ
   ผมก้มลงหยิบก้อนหินขนาดเขื่องขึ้นมาแล้วทุ่มโครมลงไปบนหน้าหม้อรถจิ๊ปคันที่ธงชัยเพิ่งจะพาสาวแม้วหายเข้าไปหยกๆ
   “บึ้ม บึ้ม”
   เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาทางด้านตลาดล่องแจ้ง ความดังของมันกลบเสียงก้อนหินที่ผมทุ่มใส่ซากรถจนหมดสิ้น
ผมหันกลับไปดูตำบลกระสุนตก ประสาทหูก็ได้ยินเสียงครวญครางอยู่บนท้องฟ้า
   “วี้ด”
   สามัญสำนึกทำให้ผมกระโจนพรวดเดียวเข้าไปหมอบอยู่ใต้ท้องรถ
   “บึ้ม”
   ป่ากล้วยบริเวณปากทางที่พวกผมเพิ่งจะผ่านเข้ามาควันคลุ้งไปหมด เศษต้นกล้วยปลิวว่อนขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับโดนไต้ฝุ่น กิ่งไม้ เสษดินสาดกระเซ็นตกข้างๆรถดังเกรียวกราว
   ลูกน้องของผมร้องโวยวายออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับกระโดดลงมาจากรถจี๊ปด้วยความลืมตัว แต่ละคนอยู่ในสภาพเปลือยครึ่งท่อนทำหน้าเหรอหราเหมือนกับโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ
   ผมคลานออกมาจากใต้ท้องรถ ร้องตะโกนออกไปเต็มเสียง
   “หลบลงใต้ท้องรถให้หมด ลูกยาวกำลังถล่มตลาดล่องแจ้ง ดึงผู้หญิงลงไปด้วย ประเดี๋ยวได้ตายห่ากันหมดหรอก”
   ผมพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงครวญครางของหางนำทิศลูกปืนในขณะแหวกอากาศก็ดังลั่นขึ้นมาอีกบนท้องฟ้าบริเวณเหนือศรีษะพอดิบพอดี
   เสียงวี้ดยาวของมันหายลับไปทางเบื้องหลังพร้อมๆกับเสียงระเบิดกึกก้องได้คำรามขึ้นมาแทนที่
   เสียงโครมครามได้ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ลูกน้องผมกระโจนลงมาจาก “โมเต็ล” ชั่วคราวกันเป็นโกลาหล ทุกคนรีบแต่งตัวกันอย่างลวกๆ แล้วคืบคลานเข้ามาหมอบอยู่ข้างๆด้วยความตื่นเต้นจนลืม “อีตัว” ไปชั่วขณะ
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
อ้วน 008 รักในหลวง
ปืนดี คือปืนที่อยู่ในมือคนดี
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 120
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2249



« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:22:17 PM »

ช่วยบอกแหล่งที่ขายหนังสือให้ด้วยครับ ผมติดงอมแงม ทั้งคุณสยมภู ทศพล และงานเขียนของคิม ซากัสส์ ครับ
บันทึกการเข้า

สนับสนุนการใช้ชีวิต ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พอกิน พออยู่ พอใช้ พอที่จะแบ่งปัน
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:30:56 PM »

เว้นบรรทัดหน่อยก็ดีครับ ตาลาย เคยไปหาหนังสือเก่าไม่มีเลยครับ
บันทึกการเข้า

^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:39:36 PM »

วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 3

   “เป็นยังไงบ้างลูกพี่ นิ๊งมั้ย อีตัวที่ผมเลือกให้ นั่นแหละครับ นางสาวแม้วคนล่าสุดจากการประกวดในงานฤดูดอกฝิ่นบาน”
   สต. ธงชัย ลานเวที หัวหน้าชุด ลูกน้องคนสนิทของผมยื่นหน้าเข้ามากระซิบเบาๆ พร้อมกับอมยิ้มอยู่ไปมาท่ามกลางเสียงคิกคัก
ของทหารรับจ้างรอบๆข้าง
   ทั้งๆที่อยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ลูกน้องหน้าทะเล้นของผมก็ยังอดที่จะทะลึ่งตามนิสัยอันแท้จริงไม่ได้ โมโหก็โมโห ขำก็ขำ ผม
ก้เลยแกล้งตวาดออกไป
   “ไอ้หอก มัวแต่ทำเป็นเล่นไปเหอะ ฐานของเราจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อั๊วชักจะเป็นห่วงรอง ผบ. หมวดซะแล้ว กลับเถอะวะ ดีไม่ดีไอ้แกวเกิดบุกเข้ามา พวกเราเป็นได้ติดตะรางหัวโตกันเท่านั้น แล้วนี่พวกอีตัวของพวกลื้อหายหัวไปใหนกันหมดวะ?”
   “วิ่งเผ่นกันป่าราบเข้าไปในดงเสือหมอบตั้งแต่ลูกยาวลูกแรกแล้วครับ ผมดึงเอาไว้ให้หลบอยู่ด้วยกันก็ไม่ยอม จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ไอ้ลูกเมื่อกี้นี้มันหล่นลงไปแถวๆนั้นเสียด้วย”
   ไอ้โล้น “พลปืนเล็ก” เอ่ยขึ้นมาพร้อมทำสีหน้าวิตกกังวล
   “โธ่...ไอ้กร๊วก หนอยทำเป็นห่วงหาอาทร กูรู้กำพืดของมึงดีหรอกน่า ไอ้โล้น มึงยังทำงานของมึงยังไม่เสร็จใช่ไหมล่ะ อยากจะทำต่อก็ตามเข้าไปในดงเสือหมอบสิโว้ย ส่วนของกูสะบึมส์ไปแล้ว และก็ยังไม่ได้เฉ่งเงินซะด้วย”
   ธงชัยหันไป “อำ” พลปืนเล็กที่ผิวดำสนิท สักยันต์เต็มตัวแถมโกนศรีษะเสียเกลี้ยงเกลาไปหมด พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างรู้ที
   “กูไม่ใช่นกกระจอกอย่างมึงนี่หว่า อะไรวะ ยิ๊กๆๆ เสร็จแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติ ขืนมีเมีย เมียมึงก็ต้องเสด็จนิราศรื่นหนีไปมีชู้อย่างแน่ๆ ต้องกูสิโว้ย ถึงจะชายชาตรี ขนาดเมื่อกี้นี้กูเพิ่งจะฉายหนังตัวอย่างไปเท่านั้นเอง ไอ้ห่า...เครื่องยังไม่ทันจะร้อน ไอ้แกวดันเสือกขัดจังหวะด้าย”
   เสียงหัวเราะครืนใหญ่ทำให้สถานะการณ์ที่ตึงเครียดจางหายไปเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเสียงระดมยิงของข้าศึกสงบลง ผมก็ค่อยๆพาทหารรับจ้างลัดเลาะออกจาก “ป่ากล้วย” มุ่งหน้ากลับฐานปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว
   ตลาดล่องแจ้งเงียบเหมือนกับตลาดร้าง เฝ๋อตรงบริเวณสี่แยกโดนกระสุนปืนทหารเวียดนามเหนือถล่มทลายไม่มีชิ้นดี
   แผ่นสังกะสีหลุดลงมากกองสุมกับตัวบ้านซึ่งยุบลงไปเป็นเศษไม้กองมหึมา ควันซึ่งเกิดจากอำนาจระเบิดยังคละคลุ้งอยู่เต็มไปหมด กลิ่นฟอสฟอรัสและกลิ่นดินขับอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ
   ทหารรับจ้าง 3-4 คน ช่วยกันรื้อกองสังกะสีและเศษไม้ด้วยอาการลุกลี้ลุกลน สายตาเจ้ากรรมของผมดันมองลอดกองไม้เข้าไปเจอะกับท่อนขาของผู้หญิงเข้าพอดี
   “ช่วยหน่อยครับ ผู้หญิงแม้วท้องแก่โดนลูกยาวเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง ผมได้ยินเสียงครวญคราง บางทีอาจจะรอด ถ้าพวกเราช่วยเหลือทัน”
   ทหารรับจ้างคนหนึ่งในกลุ่มนั้น หันมาขอความช่วยเหลือจากผม แทบไม่ต้องคิดกันละ ผมเผ่นเข้าไปเป็นคนแรก ตามติดเป็นหางด้วยขบวนลูกน้อง ช่วยกันรื้อเศษไม้อยู่ชั่วครู่ ก็สามารถดึงร่างของหญิงแม้วผู้เคราะห์ร้ายออกมาอย่างทุลักทุเล
   มีเสียงร้องครวญครางแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากที่เกรอะกรังไปด้วยคราบโลหิต สะเก็ดระเบิดที่แหลมคมเฉือนแขนขวาของเธอขาดไปจนถึงหัวไหล่ โลหิตทะลักออกมาเหมือนกับสายน้ำ
   แก้มข้างซ้ายฉีกขาดเหวอะหวะ เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ ท้องซึ่งโตเต็มที่ปราศจากรอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น
   ตามสภาพเท่าที่ผมมองเห็น หญิงแม้วท้องแก่อาจจะรอดชีวิตถ้าได้รับการปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงที แต่ลูกในท้องนี่สิครับ ยังเป็นปัญหา แรงอัดอย่างมหาศาลของลูกกระสุนปืนบวกกับเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นของมันอาจทำให้ทารกเสียชีวิตก็อาจจะเป็นได้
   รถจิ๊ปเล็กของทหารลาวจากบ้านท่านนายพลวังเปาเลี้ยวขวับเข้ามาจอดพร้อมกับหามร่างอันน่าทุเรศของหญิงสาวขึ้นไปบนรถ แล้วนำรถขับไปทาง บก.สิงหะอย่างรวดเร็ว
   ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน กองพันของผมก็ได้รับคำสังให้เตรียมพร้อมร้อยเปอร์เซนต์เต็ม รหัสผ่านถูกส่งโดยพลนำสารอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เพื่อตัดปัญหาข่าวรั่วไหลจากการดักฟังของข้าศึกนั่นเอง
   เส้นทางเข้าออกของสนามบินถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดกวดขัน ถ้าผู้ใดตอบรหัสผิดไปจากข้อตกลงไม่ว่าจะเป็นทหารฝ่ายเดียวกันก็ตามที มีคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ “ฆ่า” ทันที โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
   ลูกน้องของผมอาศัยร่องน้ำบรเวณทางแยกดัดแปลงเป็นบังเกอร์ได้อย่างแนบเนียนที่สุด พออากาศเริ่มสลัว “เจ้าโล้น” ซึ่งมีอดีตเคยฆ่าคนมาอย่างวินาศสันตะโรก็คลานแวบเข้าไปยังบ้านร้างของแม้วที่ปลูกอยู่ติดกับถนนที่ขนานกับสนามบิน มันหายไปชั่วอึดใจก็หอบเอาเสื้อผ้ามากองใหญ่ จัดแจงแต่งกายให้กับหุ่น แล้วนำไปปักเอาใว้ที่หน้าบังเกอร์ชั่วคราวนั่นเอง
   ด้วยความขี้เล่นของทหารรับจ้างบางคนที่อุตริเอาบุหรี่ที่จุดไฟแล้วไปเสียบใว้ตรงบริเวณใบหน้าของหุ่นดังกล่าว กระแสลมทำให้บุหรี่วูบวาบอยู่ตลอดเวลา เมื่อมองอย่างผิวเผินก็คล้ายๆกับยามรักษาการณ์กำลังยืนสูบบุหรี่อย่างสบายอารมณ์นั่นเอง
   21.30 น. ลูกแฟร์จากกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ซึ่งตั้งฐานยิงอยู่ข้างๆ บก.สิงหะ ถูกยิงสว่างโร่เหนือสนามบิน แสงสว่างขนาดหมื่นแรงเทียนสาดออกไปรอบทิศ ทำให้ทหารรับจ้างสามารถตรวจสิ่งผิดปกติในรัศมีไกลๆได้อย่างถนัดตา
   ผมนั่งพิงเป้สนามอยู่ในบังเกอร์ร่องน้ำ สายตาเหม่อมองขึ้นไปบนเนิน “สกายไลน์” ที่สูงทะมึนอยู่เบื้องหน้า ความนึกคิดเริ่มรวมตัวขึ้นเป็นภาพ ความสับสนอลเวงของอดีต พร่างพรายผุดขึ้นมาเหมือนกับภาพที่เคลื่อนไหวในจอภาพยนต์
   ภาพของหญิงชรารูปร่างบอบบาง ผมขาวโพลนทั่วศีรษะ นั่งเขียนหนังสืออยู่บนโต๊ะ น้ำตาเจ้ากรรมของผมไหลคลอออกมามาเต็มเบ้า ความรู้สึกนึกคิดที่พุ่งขึ้นมาในปัจจุบันทันด่วนก็คือ การคิดถึงแม่อย่างจับจิตจับใจกว่าทุกครั้ง
   “เหนือเกล้าของลูก ถ้าผมไม่ตายเสียก่อน ผมจะกลับมาอยู่กับแม่จนวาระสุดท้ายของชีวิต ต่อไปนี้ผมจะไม่ทอดทิ้งแม่อีกแล้ว”
ผมรำพึงออกมาเบาๆ จนธงชัยเหลียวขวับมามองด้วยความแปลกใจ
   “ศรคีรี 5 จากกองสิงห์ มีอะไรผิดปกติมั้ย”
   เสียง ผบ. ซึ่งใช้รหัสว่ากองสิงห์ ส่งวิทยุเข้ามาถามสถานะการณ์ของหมวด 5 ซึ่งใช้รหัสว่า ศรคีรี ทำให้ผมสะดุ้งออกจากภวังค์
   “กองสิงห์ จากศรคีรี 5 เหตุการณ์ปกติครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับตรวจตราความเรียบร้อยของปืน M-16 ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ เพื่อความแน่นอนในการใช้งานในตอนฉุกเฉินต่อไป
   ลูกระเบิดผิวกลี้ยงแบบ M-26 ถูกตระเตรียมเอาไว้อย่างครบครัน ลูกระสุนขนาดเขื่องวางเป็นตับอยู่ใกล้ๆตัวปืน
   24.05 .พอดิบพอดี แสงแฟลร์ที่ระดมยิงอยู่ขาดระยะไปจากท้องฟ้าชั่วขณะ จากความสลัวของบรรยากาศรอบด้าน ไอ้โล้นสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนท้องถนนเข้าให้แล้ว มันคลานสี่ตีนเข้ามาหาผมพร้อมกับกระซิบด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
   “หมวด ผมเห็นกลุ่มคนทยอยคลานข้ามถนนตรงบริเวณร่องน้ำข้างหน้าโน่น ไอ้แกวแหงๆ มันคงจะมุ่งหน้าเข้ามาที่นี่ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง ทำยังไงดีครับ หรือว่าออกไปจวกกับมันโล่งๆให้รู้ดีรู้ชั่วเลยเป็นไง”
   ผมเหลือบไปมองที่หุ่นอย่างครุ่นคิด แผนการบ้าๆถูกวาดขึ้นในฉับพลัน ปากเร็วเท่าความคิด ผมออกคำสั่งไปทันที
   “ไอ้โล้น เอ็งเอาบุหรี่ไปยัดไว้ที่บริเวณปากของตัวหุ่นเหมือนอย่างเดิมด้วยวิธีต่อบุหรี่ให้ยาวกว่าปกติ แล้วก็เอาหมวกเหล็กของลื้อสวมหัวมันเอาไว้เสียด้วย แล้วกลับเข้ามาหาอั๊วที่นี่”
   ไอ้โล้นคลานออกไปจัดการตามคำสั่งของผมอย่างลุกลี้ลุกลน ชั่วอึดใจมันก็คลานกลับมานั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ข้างๆผม
   “ไอ้สั่นนี่ ไม่ใช่สั่นหนีนะครับหมวด ไอ้อาการบ้าๆของผมนี่ บังเกิดขึ้นทุกครั้งก่อนจะเข้าปล้นหรือฆ่าคน และส่วนมากผมจะเป็นฝ่ายฆ่าเสียด้วย ไม่เชื่อประเดี๋ยวหมวดคงจะได้เห็นฝีมือไอ้โล้น”
   ไม่มีใครกล้าเถียงไอ้โล้นหรอกครับ ประวัติอันร้ายกาจของมันจากนราธิวาสที่เข่นฆ่าชาวบ้าน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบอย่างโหดเหี้ยมของมัน ก็เป็นประกาศนียบัตรรับรองความประพฤติอันผิดมนุษย์มนาของมันอยู่แล้ว
   แสงไฟวาบวับวาบวับของก้นบุหรี่ที่ถูกกระแสลมอันรุนแรงพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา อยู่ห่างออกจากบังเกอร์ของผมเกือบ 20 เมตร และระยะดังกล่าวผมได้เตรียม “คิลลิ่งโซน” (พื้นที่สังหาร) เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
   มันเงียบ เงียบเสียจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง
   บรรยากาศอันวังเวงเช่นนี้ผมเกลียดอย่างเข้ากระดูกดำ เจ้าสัตว์กลางที่เคยขยับปีกกรีดสำเนียงเจื้อยแจ้วก็พลันเงียบสนิทเหมือนกับมีญาณพิเศษที่ล่วงรู้ว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า การชโลมเลือดก็จะบังเกิดขึ้น บังเกิดขึ้นท่ามกลางรัตติกาลที่น่าชัง
   ไอ้โล้นมันเล่นพิเรนด้วยการถอดสลักนิรภัยของลูกระเบิดออก ต่อจากนั้นยัดลูกระเบิดลงไปในถ้วยแก้วที่ถือติดมือเอามาจากตลาดล่องแจ้ง แล้วค่อยๆขยับมือออกปล่อยให้กระเดื่องค้างอยู่ในถ้วยแก้วนั่นเอง
   ผมนั่งตัวแข็ง ขนลุกขนพองไปหมดกับวิธีการบ้าๆของมัน
   “ทุ่นเวลาไปได้ตั้งเยอะ ถ้ามีถ้วยแก้วซักสองโหล ผมจะถอดสลักยัดมันให้หมดนี่เลย”
   ในขณะที่พูดไอ้โล้นก็ยกถ้วยแก้วมฤตยูวางเรียงรายกันบนพื้นดินเบื้องหน้าอย่างใจเย็น
   ผมกลับมาคิดอีกที ไอ้โล้นก็นับว่ามีประสพการณ์ในการใช้อาวุธ “ฆ่า” คนอยู่ในขั้น “เกจิ” อาจารย์เลยทีเดียว
จากวิธีการดังกล่าว ทำให้ลดเสียงกระทบจาก “ปลิ้น” ที่กระเด็นดีดออกจากห่วงได้อย่างวิเศษที่สุด ข้าศึกไม่มีโอกาสรู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
   “มันผ่านแฟลร์สะดุดของเราเข้ามาแล้วครับ ไอ้ห่า...มันแน่ถึงขนาดเก็บแฟลร์ของเราออกไปหมดเชียวหรือนี่?”
   พลฯดำ พนักงานวิทยุซึ่งหมอบอยู่ทางซ้ายมือของผมกระซิบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
   ผมอดที่จะนิยมชมชอบหน่วยกล้าตายของทหารเวียดนามเหนือชุดนี้ไม่ได้ ขนาดแฟลร์สะดุดซึ่งเป็นสัญญาณ “เตือน” เวลาข้าศึกผ่านแนวเข้ามาโดยการสะดุดเส้นลวดเล็กๆที่ขึงวางเอาไว้ แรงสะดุดจะดึงเอาสลักนิรภัยหลุดออกจากตัวแฟลร์ ประกายลูกไฟขนาด 5,000 แรงเทียนจะสว่างพรึ่บขึ้น ณ บริเวณดังกล่าวเป็นเวลา 30 วินาที ทำให้ฝ่ายเรามองเห็นศัตรูในความมืดอย่างถนัดชัดเจนพอที่จะยิงอาวุธทุกชนิดเข้าไปยังพื้นที่ “แฟลร์แตก” ได้ทันท่วงทีต่อเหตุการณ์
   ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ทหารรับจ้างลูกน้องของผมวางแฟลร์เอาไว้ถึง 6 ลูก แต่ขณะนี้ เท่าที่ผมตรวจการณ์เห็นลูกแฟลร์ลูกสุดท้ายของผมกำลังถูก “เก็บ” ด้วยกรรมวิธิที่แนบเนียนและเงียบที่สุด ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
   มันเป็นโชคดีที่บังเอิญอุ้มสมฐานปฏิบัติการของผมเข้าอย่างฟลุ๊คที่สุด ด้วยสายตาของอดีตโจรสลัดจากปักษ์ใต้ที่สามารถมองเห็นในที่มืดได้เป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ ทำให้ทหารหมวดของผมล่วงรู้การมาของทหารเวียดนามเหนือได้เป็นอย่างดี
   พวกมันเริ่มคืบคลานขึ้นมาจากร่องน้ำมองดูยั้วเยี้ยไปหมด ส่วนหน้าของมันคลานเข้ามาหมอบอยู่เบื้องหน้า “หุ่นสูบบุหรี่” ที่ผมดักล่อเอาไว้ เหมือนกับจะตรวจการณ์พื้นที่ที่มันจะเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปด้วยความรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง
   บัดดลนั้นเอง สามคนจากแถวหน้าสุดก็ผุดลุกขึ้นเผ่นผึงกระโจนเข้าตะปบ “หุ่น” ด้วยความรวดเร็วเหมือนกับลมเพชรหึง ใบมีดขาววับทั้งสามเล่มพุ่งเข้าหาตัวหุ่นเกือบจะพร้อมๆกัน
   ตัวหุ่นโดนทั้งมีดทั้งแรงประทะ กลิ้งกระเด็นเข้ามาทางหน้าบังเกอร์จำเป็นของผม
   “ยิง”
   ผมแหกปากร้องออกไปเต็มเสียงพร้อมกับเหนี่ยวไกด้วยระบบอัตโนมัติเต็มตัวพ่นกระสุนขนาด .223 อันทรงอานุภาพไปยังกลุ่มทหารเวียตนามเหนือที่กำลังมะรุมมะตุ้มหุ่นของพวกผมอยู่เบื้องหน้า
   บัดดลนั้นเอง หัวกระสุนจากทหารรับจ้างหมวด 5 ก็คำรามขึ้นอย่างหูดับตับไหม้ ส่งร่างทหารเวียดนามเหนือทั้งสามคนผงะขึ้นสุดตัว แล้วแอ่นผวาเด้งหน้าเด้งหลังเหมือนกับนักลีลาศกำลังโชว์การเต้นลีลาสกำลังโชว์การเต้น “ทวิส” อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์
   หุ่นที่กำลังจะล้มลงกับพื้นโดนแรงประทะของกระสุนกระเด็นปลิวว่อนเข้าไปรวมกลุ่มกับทหารเวียตนามเหนือซึ่งขณะนี้กระเด็นแวบลงไปกองกับพื้นถนน
   “ไอ้โล้น” นั่งคุกเข่าลงกับพื้น แล้วเริ่มข้วางถ้วยแก้วบรรจุลุกระเบิด M-26 เข้าใส่ร่องน้ำที่ทหารเวียตนามเหนือซ่อนตัวอยู่ด้วยความรวดเร็วอย่างชนิดต่อเนื่องกัน
   “บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม”
   เสียงระเบิดดังติดต่อกันเป็นระยะๆ จนกระทั่งครบจำนวนครึ่งโหล เจ้าโล้นปิดท้ายรายการด้วยการถอดสลักนิรภัยออกแล้วปล่อยมือให้กระเดื่องตีกลับบน “จอกกระทบแตก” เต็มแรงพร้อมๆกับ แหกปากนับออกมาดังๆ
   “หนึ่ง สอง สาม”
   พอครบกำหนดสามเจ้าโล้นก็โยนลูกระเบิดลอยละลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่หมายคือร่องน้ำที่อยู่ห่างออกไปจากบังเกอร์ของพวกผมเพียง 20 เมตร
   ลูกระเบิดแตกกระจายออกกลางอากาศ ชิ้นส่วนของมันสาดกระเซ็นลงไปในร่องน้ำ เหมือนกับผีจับยัด เสียงโอดโอยที่ครวญครางขึ้นมาขึ้นมาเป็นข้อพิสูจน์ว่า ยังมีพวกมันเหลือรอดชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
   มีเสียงรัวเป็นประทัดแตกของปืนกล “อาร์ก้า” ดังสวนออกมา พร้อมๆกับประกายไฟสีเขียวเข้มพุ่งเข้าหาบังเกอร์ของผมเป็นสาย
   อา...ข้าศึกเริ่มยิงต่อสู้กับพวกผมเข้าให้แล้ว

□□□□□□□□□□□□□□□□□
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:41:42 PM »

วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 4
   “ศรคีรี 5 จากกองสิงห์ มีอะไรตอบด่วน”
   วิทยุจาก บก.พัน ถามด้วยความห่วงใย ผมกดสวิทช์ตะโกนแข่งกับเสียงปืนออกไปเต็มแรง
   “กองสิงห์จากศรคีรี 5 ข้าศึกประมาน 15 คนบุกเข้ามาทางสนามบินด้านตลาดล่องแจ้ง ทหารของผมยิงตายไปแล้วเกือบ 10 คน ขณะนี้กำลังปะทะกับพวกมันซึ่งซุ่มอยู่ในร่องน้ำ ช่วยสนับสนุนลูกแฟลร์ด้วยครับ”
   “ดีมากไอ้น้อง ฆ่าแม่มันให้หมด ใครจับเป็นได้ อั๊วจะให้ลา 10 วัน ประเดี๋ยวอั๊วจะให้ฐานปืน “เฮอร์คิวลิส” สนับสนุนลื้อเอง โชคดีโว้ย”
   ด้วยประสิทธิภาพของวิทยุติดต่อแบบ “PRC-77” กองพันของผมสามารถ “ร้องขอ” การสนับสนุนจากฐานปืนใหญ่ได้เรียบร้อยในเวลา 2 นาทีต่อมานั่นเอง
   เสียงระเบิดดังสนั่นมาทาง บก.สิงหะ ชั่วอึดใจก็ปรากฏเสียงพรึ่บบนท้องฟ้าเหนือบริเวณช่องทางเข้าออกของสนามบิน 
แสงสว่างขนาด 10,000 แรงเทียนถูกร่มชูชีพค่อยๆพยุงลอยต่ำลง ความสว่างไสวกินอาณาเขตออกไปรอบทิศจนมองเห็นร่างทหารเวียดนามเหนือนอนระเกะระกะอยู่บนถนนไม่น้อยกว่า 10 ศพ เป็นที่น่าสังเกตว่าเสียงปืนของพวกมันเงียบหายลงไปเป็นปลิดทิ้ง และร่องรอยของมันก็สูญหายไปจากบริเวณร่องน้ำอย่างสิ้นเชิง 
   “หมวด ไอ้พวกห่านี่มุดท่อน้ำทะลุใต้ถนนออกไปข้างหน้าโน้นแล้วกระมัง ผมคิดว่าขณะนี้อย่างเก่งมันก็คงจะยังคลานอยู่กึ่งกลางท่อแน่ๆ คุ้มกันให้หน่อยครับ ผมจะออกไปสกัดทางด้านโน้นเอง”
   ก่อนที่ผมจะปรามไอ้โล้นออกไป มันก็เผ่นผึงคลานด้วยข้อศอก มุ่งหน้าเข้าไปยังท่อน้ำ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับถนนด้านตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
   ชั่วอึดใจ ผมก็ได้ยินเสียงรัวเป็นประทัดแตกสอดแทรกด้วยเสียงระเบิดของ M-26 ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ตามติดๆมาด้วยเสียงร้องเอ็ดตระโรของไอ้โล้น
   “หมวด เสร็จแล้ว ผมอุดปลายท่อเอาไว้แล้ว มันกำลังโผล่ออกมา ผมกดซะหมดแม็กเลย แล้วก็แถมด้วยหมากแตกอีกหนึ่งลูก ปลายท่อพังอุดช่องหมดแล้วครับ ยังไงๆช่วยอุดท่อทางโน้นด้วย จะขอบพระคุณยิ่งยวด”
   ทั้งๆที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์ที่เลวร้าย ไอ้โล้นก็ยังแสดงท่าทีเหมือนกับว่าเหตุการณ์ที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้เป็นของเด็กเล่น พูดจายิ้มหัวเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   ผมเสียอีก ในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ยังไม่ได้แสดงฝีไม้ลายมือให้ลูกน้องมีความศรัทธาขึ้นมาเลย ความละอายแก่ใจทำให้ผมลืมตัว บังเกิดความดีเดือดเลือดพล่านขึ้นมาจนขาดความยับยั้งชั่งใจ
   “ยึดปลายท่อ ร่องน้ำ ตามข้าพเจ้า”
ผมแหกปากตะโกนออกไปด้วยความลืมตัว พร้อมกับกระโจนผึงออกมายืนในรูปแถวหน้ากระดาน แล้วเคลื่อนที่เข้าหาร่องน้ำด้วยการยิงกราดนำทางด้วยระบบอัตโนมัติเต็มตัว
   ร่างของทหารเวียดนามเหนือที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนอยู่ในร่องน้ำ ผงกศีรษะขึ้นมาพร้อมกับขยับปืนอาร์ก้าหวังจะแลกชีวิตในวินาทีสุดท้าย
   ปืน M-16 ทั้งหมดพรั่งพรูเข้าเป้าหมายเหมือนกับจะนัดกันเอาไว้ พอสิ้นสุดเสียงปืน หมูบ๊ะช่อกองมหึมาก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เศษเนื้อ ตับไตไส้พุง คลุกเคล้าแหลกละเอียดป่นเหมือนกับผ้าขี้ริ้วที่กองสุมกันอยู่ในถังขยะกลิ่นโลหิตเหม็นคาวไปทั่วบริเวณ
   ทหารรับจ้างคนหนึ่งปลด M-26 ออกมาจากห่วงเข็มขัดสนาม กระชากสลักนิรภัยออก ร้องตะโกนให้พวกผมถอยห่างออกจากร่องน้ำแล้วโยนลูกระเบิดเข้าไปในท่อทันที
   มีเสียงระเบิดดังพิกลๆ อยู่ในท่อน้ำเว้นระยะชั่วอึดใจก็มีเสียงเกรียวกราวของปืนอาร์ก้ายิงสวนออกมาอย่างเลือดเข้าตา ทหารรับจ้างก็เลยระดมขว้างลูกระเบิดเข้าไปจนปลายท่อยุบลงมาปิดทางเข้าออกจนหมดสิ้น
   ลูกแฟลร์จากฐานปืนใหญ่ “เฮอคิวลิส” ระดมยิงข้นมาอย่างชนิดต่อเนื่องกัน ทำให้บริเวณฐานปฏิบัติการของผมสว่างสไสวหยั่งกับมีงานมหกรรมเลยทีเดียว
   ไอ้โล้นวางปืนลงกับพื้น แล้วรำป้อ ปากก็ร้อง “โนราห์” เป็นภาษาปักษ์ใต้ ด้วยเนื้อร้องสับปะดี้สับปะดนแหวกแนวไปจากต้นฉบับเดิมอย่างสิ้นเชิง   
   “โนเอ๊ยโนรา โนราตัวโตใช้โกเต็ก
   โนราตัวเล็ก ใช้เซลลอค
   ตัวกูชื่อไอ้โล้น บ้านอยู่บางนรา
   จะขึ้นหาโนรา ต้องสวมคิงส์เท็ก
   รา โนหลุด โนราผ้าหลุด
เห็นตูดโนรา”
ผมหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล ทหารรับจ้างบางคนที่เส้นตื้นเอามากๆ ถึงกับนั่งหัวเราะงอไปกับพื้นด้วยความขบขันสุดขีด เล่นเอาลมการละเลงเลือดไปอย่างสนิทใจ
“โอ้ย แบ่งคนมาช่วยไอ้โล้นบ้างโว้ย มาซัก 3 คนก็พอ กูปวดท้องขี้จะตายอยู่แล้ว ไอ้ห่า ทนไม่ไหว ปล่อยมันปากท่อนี่ละวะ”
พอพูดจบ ไอ้โล้นก็ถอดกางเกงเครื่องแบบนั่งยองๆบนปลายท่อ ทำกรรมวิธีในการลำเลียงกากอาหารออกมาหน้าตาเฉย เล่นเอาทหารรับจ้างต้องหัวเราะในความหน้าด้านของมันอีกครั้งหนึ่ง
ผมรายงานความสูญเสียของทหารเวียดนามเหนือที่นอนตายเกลื่อนอยู่บนถนนและในร่องน้ำให้ ผบ.พัน ทราบอย่างละเอียดถี่ถ้วนตบท้ายด้วยการขอกำลังจากกองร้อย 1 มาสมทบช่องทางเข้าสนามบินอีก 1 หมวด นอกจากนั้นผมยังขอร้องให้ ผบ.พัน ขอกำลังจาก บก.สิงหะ มาเฝ้าท่อน้ำที่ ทหารเวียดนามเหนือไม่ทราบจำนวนถูกฝังอยู่ข้างในโดยด่วน
ไม่ถึง 20 นาที กองกำลังรักษาเมืองล่องแจ้ง 20 คน พร้อมด้วยอาวุธครบมือ จาก บก.สิงหะ ก็ได้มาถึง
ระเบิดจอกว้าง “เคลย์โมว์-ไมน์” ถูกติดตั้งดักเอาไว้ที่ปลายท่อทั้งสองด้าน แล้วล่ามสวิทช์เข้าหาที่กำบัง ห่างออกไปประมาน 10 เมตร ตะเกียงน้ำมันก๊าดถูกจุดขึ้นมาสว่างไสว แสงอันนวลจ้าของมันสาดออกไปรอบๆบริเวณกินพื้นที่เข้ามาจนถึงบังเกอร์จำเป็นของผมที่อยู่ในร่องน้ำข้างถนน
ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยพาทหารของผมแยกออกมา ปล่อยให้ช่องทางเข้าสนามบินอยู่ในความรับผิดชอบของกองรักษาเมืองล่องแจ้งต่อไป พอหย่อนก้นลงยังไม่ทันจะหายร้อน ประสาทหูของผมก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศของหางนำทิศดังแว่วๆมาทางที่ประทับชั่วคราวของเจ้ามหาชีวิตลาว
แสงสว่างเหมือนกับผีพุ่งไต้ลอยวูบมาเป็นสาย มุ่งทิศทางมายังสนามบินบริเวณที่จุดตะเกียงสว่างโร่
“บึ้ม”
ประกายไฟดวงใหญ่ลุกวาบขึ้น พร้อมกับเสียงคำรามกึกก้องเหมือนกับฟ้าถล่ม ตำบลกระสุนตกถ้าผมเดาไม่ผิดก็บริเวณตะเกียงเจ้าพายุนั่นเอง
ประกายไฟดวงใหญ่ลุกวาบขึ้น พร้อมๆกับเสียงคำรามกึกก้องเหมือนกับฟ้าถล่ม ตำบลกระสุนตกถ้าผมเดาไม่ผิดก็บริเวณตะเกียงเจ้าพายุนั่นเอง แสงสว่างปลาสนาการไปในชั่วพริบตา อา...จรวด “อาร์.พี.จี.” อันทรงอานุภาพของทหารเวียดนามเหนือที่ตั้งฐานยิงอยู่ ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่งบนเนินเขาลูกนั้น เริ่มถล่มฐานปฏิบัติการของพวกผมเข้าให้แล้ว
“เสือกจุดตะเกียงเอาไว้เสียสว่างโร่อย่างนั้น มันจะไปเหลืออะไร...ไอ้ห่า กูว่าจะเตือนแล้วเชียวนา ผมขออนุญาตหมวดไปดูเหตุการณ์หน่อย”
ไอ้โล้นเร้นกายออกไปเหมือนกับปิศาจ ยี่สิบนาทีต่อมาผมก็ได้ยินเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นมาสองครั้งติดๆกัน ความรุนแรงของมันทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนเหมือนกับแผ่นดินไหว ชั่วอึดใจ ไอ้โล้นก็กระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับรายงานเหตุการณ์ณ์ด้วยท่าทางฉุนเฉียว
“จรวดของมันแจ็คพ็อตลงมาบนตะเกียงพอดี ตาย 1 บาดเจ็บ 5 ผมโมโหขึ้นมาเลยถือโอกาสแหกตาพร้อมกับยกแม่น้ำทั้งห้าให้พวกเรากดสวิทช์เคลย์โมว์ –ไมน์ซะ สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย สงสัยจะเละไปหมดพวกไอ้แกว พี่แกเล่นขุดช่องหัวท้ายแล้วยัดไอ้ระเบิดซีเนมาสโคปลงไป มันจะเหลือรอดอยู่ได้ก็เห็นจะเป็นเทวดาเท่านั้น”
มันเป็นการเสียชีวิตที่น่าเจ็บใจที่สุด ทหารรักษาเมืองล่องแจ้งส่วนมากเป็นทหารส่วนหลังของกองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆ มีหน้าที่ทำอาหาร ขนกระสุน และขนพวกเสบียงจำพวกอาหารและน้ำบรรทุกชอปเปอร์(เฮลิคอปเตอร์) บินขึ้นไปส่งตามฐานปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ตามยอดเนินนอกเมืองล่องแจ้งออกไปอีกหลายสิบกิโลเมตร แน่นอนเหลือเกิน ทหารเหล่านี้ย่อมขาดประสพการณ์และไหวพริบในยุทธวิธีการรบ เรื่องทั้งเรื่องมันก็เลยต้องสูญเสียชีวิตไปอย่างช่วยเหลือไม่ได้
“มันช่วยไม่ได้นี่หว่า เสือกรบกับกระทะไม้คานจนเคยตัว มาเจอะไอ้แกวเข้าจริงๆ มันก็เละเท่านั้นเอง บก.ล่องแจ้ง ไม่น่าเอา
ทหารที่มีหน้าที่หุงอาหารมาเป็นกำลังคุ้มกันเลย พับผ่าวะ”
   ไอ้โล้นพึมพำของมันไปตามเรื่องตามราว ผมเอนกายลงครึ่งนั่งครึ่งนอนกับเป้สนาม ความตรึงเครียดที่สุมอยู่ภายในสมองทับทวีขึ้นจนผมอดที่จะหวาดวิตกไม่ได้ ขนาดลงเหยียบพื้นดินของเมืองล่องแจ้งยังไม่ทันถึง 24 ชั่วโมงดี พวกเราก็ได้พบกับเจอเหตุการณ์ ระทึกใจถึงสองสามครั้งเข้าไปแล้ว เหตุการณ์ในอนาคตเป็นของไม่แน่ แต่ที่แน่ๆก็คือ คำสั่งจาก บก.สิงหะ ให้กองพันผมฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยกองพันทหารรับจ้างที่ 609 ซึ่งขณะนี้ถูกปิดล้อมอยู่บน “ภูเทิง” ทุ่งไหหินซึ่งขาดการติดต่อทางวิทยุไปแล้ว 15 ชั่วโมงเต็ม
   คำสั่งเคลื่อนที่ย้ายในเวลา 07.00 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น โดยทางชอปเปอร์ อา...มันเป็นการ “ทัศนาจรนรก” ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตผมเลยทีเดียว
   ความหนักใจเข้ามาเกาะกุมหัวใจของผมจนละเหี่ยไปหมดทั้งร่างกาย ความหวาดกลัวได้ติดตามเข้ามาเป็นระลอกที่สอง
   การทุ่มเทชีวิตเข้าห้ำหั่นกับพวกเราอย่างยอมตายถวายชีวิตของทหารเวียดนามเหนือตราตึงความทรงจำของผมไปจนชั่วชีวิต   
   ทำไมนะ ทำไมพวกมันถึงยอมเสี่ยงตายเข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่ของพวกเรา ทั้งๆที่พวกมันก็รู้อยู่เต็มอกว่ามีอะไรคอยพบกับพวกมันอยู่เบื้องหน้าความกล้ารึ? คิดๆดูแล้ว ความกล้าดังกล่าวเหมือนกับคนสิ้นคิด สิ้นคิดที่เอาตัวเองเป็นเครื่องเซ่นสังเวยต่ออาวุธทุกชนิดของฝ่ายตรงข้าม คำสั่งของผู้บังคับบัญชาหรือ? ก็อีกนั่นแหล่ะ มันเหลือเชื่อเกินไป ที่ผู้บังคับบัญชาจะออกคำสั่งเหมือนอย่างจะประกาศิตให้ลูกน้องต้องออกไปพบกับความตายเยี่ยงนั้น ก็แล้วมันอะไรล่ะ ที่มันมีพลังบีบบังคับให้พวกมันเข้ามาห้ำหั่นกับพวกเราอย่างชนิด “เลือดต่อเลือด” “ปืนต่อปืน” “มีดต่อมีด” จนตายยับเป็นเบือเช่นนี้ ผมจะค้นหาคำตอบเหล่านี้ให้จงได้ กาลเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่า “อะไร” คือพลังของพวกมัน
   “หมวดนอนเถอะครับ วันนี้หมวดเหนื่อยมาพอสมควรแล้ว พักผ่อนซะ ไอ้โล้นจะเป็นหูเป็นตาแทนหมวดเอง มีอะไรผมจะยิงก่อนแล้วค่อยปลุก”
   เสียงไอ้โล้นแว่วๆ อยู่ข้างๆหู ประสาทตาของผมหรี่ลงทุกขณะ แล้วก็เผลอหลับไปจนกระทั่งรุ่งเช้า
   19 ธ.ค.  ก่อนถึงกำหนดการเคลื่อนย้ายไปทุ่งไหหิน ผมก็เลยเตร่ไปดูสมรภูมิเลือดยังช่องทางเข้าออกของสนามบิน
   โอ้โฮ...ประชาชนแม้วมุงดูศพทหารเวียดนามเหนือแน่นเอี้ยดไปหมดเหมือนกับมีงานตลาดนัดเลยทีเดียว ซากศพของทหารเวียดนามเหนือที่ถูกเคลย์โมวไมน์ระเบิดยับอยู่ในท่อน้ำ ถูกทหารรับจ้างใช้เชือกลากมาวางเรียงรายอยู่บนพื้นถนน เมื่อรวมเบ็ดเสร็จทั้งในร่องน้ำด้วยก็เป็นจำนวนถึง 18 คนพอดี ไอ้โล้นคุยโขมงโฉงเฉงให้ทหารรับจ้างบางคนฟังอย่างสนุกสนานและครื้นเครง ลูกเล่นที่แพรวพราวของมันทำให้บังเกิดเสียงหัวเราะไม่ขาดระยะ
   วิทยุ HT-2 จาก ผบ.พัน เรียกหาตัวผมอย่างเร่งด่วน พร้อมกับกำชับให้ไปที่ บก.พัน ในทันทีทันใด ผมกับไอ้โล้นเดินอกตั้งเข้าไป บก.พัน ท่ามกลางเสียงสอบถามจากเพื่อนๆแซดไปหมด
   กองสิงห์ เจ้านายของผมยืนสปี้คอิงลิชกับฝรั่งหัวกบาลเหน่งแดงแจ๋ล้อแสงตะวันอยู่ข้างๆหอบังคับการบิน เจ้านายของผมพยักหน้าให้ผมเข้าไป พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า
   “สยุมภู หมวด 5 ของลื้อได้รับรางวัลจาก “นอร์แมน” ซึ่งเป็นเสนาธิการของกองบัญชาการเสือพรานเป็นจำนวนเงิน 1,000 ดอลล่าร์ เพื่อเป็นบำเหน็จในการป้องกันสนามบินและสังหารทหารเวียดนามเหนือลงได้ถึง 18 คนโดยปราศจากการสูญเสียกำลังพลแม้แต่คนเดียว อั๊วดีใจมากที่ลื้อทำชื่อเสียงให้กับกองพันของเรา”
   พอพูดจบ กองสิงห์ก็ยื่นธนบัตรดอลล่าร์ใบละหนึ่งดอลล่าร์สีเขียวปรื๋อส่งมาให้ผม 5 ปึกใหญ่ๆ ผมเอื้อมมือออกไปรับพร้อมกับกระทำความเคารพ แล้วหันกลับไปยัง “นอร์แม” พ่นภาษาอังกฤษที่เคยตอแหลนักกีฬาต่างชาติมาแล้วอย่างโชกโชนออกมาในทำนองขอบอกขอบใจ เล่นเอาฝรั่งหัวแดงสนเท่ห์ใจที่ผมพูดภาษาของมันได้พอสมควร
   “สยุมภู ถ้ายูมีเวลาว่าง ควรจะสละเวลามาพบกับไอที่เบาว์เดอร์-คอนโทรลบ้าง บางทีไอจะสนับสนุนยูให้ทำงานที่ดีกว่านี้ ขอให้โชคดี”
   ผมลืมคำพูดเป็นนัยๆของนอร์แมนไปจนหมดสิ้น เดินกำเงินตัวปลิว ไอ้โล้นตามก้นดิกเหมือนกับโดนแม่เหล็ก
   “ไอ้โล้น คิดเงิน 20,000 บาท ทหาร 25 คน รวมทั้งรอง ผบ.หมวดและอั๊วก็เป็น 27 คนพอดี จะได้คนละกี่บาทวะ”
   “ผู้หมวดกับรองได้คนละ 750 บาท ส่วนพวกผมยี่สิบห้าคนได้รับคนละ 740 บาท รับรองว่าถูกต้องมิผิดพลาด”
   ไอ้โล้นตอบสวนมาในทันทีทันใดที่ผมถามจบลง จนผมนึกสงสัยในหัวสมองอันปราดเปรื่องของมันครามครัน จึงสอบถามออกไปว่า ทำไมมันถึงคิดเร็วนัก
   “ฮีโธ่ ของกล้วยๆ พอผู้พันท่านส่งเงินให้หมวด ผมก็รีบคำนวณทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา ตามธรรมนียมของลูกน้องที่ดี จ่ายตังหรือยังครับ หมวด แฮ่”
   เห็นความกะล่อนระดับชาติของไอ้โล้นหรือยังครับ ท่านผู้อ่านลองติดตามพฤติกรรมของมันต่อไปเถอะครับ รับรองได้ฮากันตรึมเลยทีเดียว
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:43:34 PM »

วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 5
   ฝูงชอปเปอร์บินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้าละในขณะเดียวกันเครื่องบิน ที-28 สามเครื่องก็กำลังบินเข้าโจมตีที่ตั้ง ปรส.ของข้าศึกที่ซุกซ่อนอยู่บนเนินสกายไลน์กันให้มั่วไปหมด
   เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นของลูกระเบิดขนาด 250 ปอนด์ ทำให้บรรยากาศบริเวณสนามบินคล้ายๆกับภาพเหตุการณืที่เราเคยชมในภาพยนต์สงครามบางเรื่อง เสียงแผดก้องของเครื่องยนต์ในขณะดำด่งลงทิ้งระเบิดบาดจิตบาดใจเข้าไปในสมอง พอสิ้นสุดเสียงที่โหยหวนคราวใด เสียงกัมปะนาทของสายฟ้าก็ครางกระหึ่มขึ้นไปทุกครั้ง
   ผงคลีดินปลิวว่อน เศษไม้ลอยเคว้งคว้างมองเห็นถนัดตา บางครั้งก็มีเสียงแหล็มเล็กของปืนกลอาร์ก้ายิงสวนขึ้นมาจนมองเห็นประกายควันจากตำแหน่งยิงของพวกมันอย่างถนัดชัดเจน
   เครื่องบินโจมตีกับปืนอาร์ก้า มันเป็นอัตราส่วนที่ไม่สมดุลกันเลย ดังนั้นเพียงชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรังปืนของทหารเวียดนามเหนือก็ถูกถล่มทลายราบเป็นหน้ากลอง
   ในขณะที่การรบพุ่งกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ณ บริเวณทุ่งไหหิน ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากเมืองล่องแจ้งตามระยะในแผนที่ถึง 38 กิโลเมตร
   หน่วย “แซปเปอร์” หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเวียตนามเหนือ ได้เล็ดรอดจากสายตาของทหารรับจ้างและทหารแม้วของนายพลวังเปา เคลื่อนที่ผ่านป่าทึบและขุนเขาที่สูงเสียดฟ้า นำอาวุธหนักขึ้นมาตั้งยิงบนเนินสกายไลน์ที่ล้อมรอบเมืองล่องแจ้งเอาไว้ทั้งสี่ด้านแล้วเริ่มยิงรบกวน สร้างความพินาศให้กับสนามบินและบ้านเรือนของประชาชนอย่างเหลือคณานับ กว่าที่ T-28 จะทำลายลงได้ ก็ทำให้แผนลำเลียงทหารรับจ้างของซี.ไอ.เอ. หยุดชงักไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
   มันเป็นปัญหาอยู่ว่า ทำไมทหารเวียดนามเหนือเหล่านี้ถึงมีความสามารถเดินทางเข้ามายังเมืองล่องแจ้งได้อย่างถูกต้อง แน่นอนเหลือเกิน พวกมันจะต้องมีคนนำทางที่เจนจัดในภูมิประเทศอย่างชนิดหลับตาก็สามารถมองเห็นพื้นที่แต่ละแห่งได้อย่างถูกต้อง และคนนำทางที่มีความสามารถเช่นนี้ก็มีเฉพาะชาวแม้วและชาวลาวที่เคยเดินทางเป็นประจำเท่านั้น...
   สปายของวียดนามเหนือจะต้องซ่อนเร้นอยูภายในเมืองล่องแจ้งอย่างแน่นอน เหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อคืนเป็นอุทาหรณ์ว่า... ถ้าไม่มีสปายหรือจารบุรุษให้ความช่วยเหลือ ทหารเวียดนามเหนือจะไม่มีวันเล็ดรอดเข้ามาถึงช่องทางสนามบินได้อย่างเด็ดขาด
   ล่องแจ้งเป็นเมืองค่อนข้างใหญ่ มีประชากร 70,000 คน ส่วนมากเป็นชนเผ่าแม้ว...จีน...ลาวเทิง การคมนาคมส่วนมากใช่เครื่องบินของแอร์อเมริกัน และเครื่องบินทหาร อย่างไรก็ดี... ซี.ไอ.เอ. ได้ลงทุนสร้างถนนลัดเลาะไปตามไหล่เขา เชื่อมโยงเมืองสำคัยต่างๆของลาวเข้าใว้ด้วยกันต่อหลายเมือง
   จากล่องแจ้งจะมีถนนไปยังเมืองนาซู ซึ่งเป็นสนามบินของซีไอเอโดยเฉพาะ ต่อจากนาซูจะมีรถเมล์เล็กๆวิ่งเข้าเมืองเวียงจันทร์ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
   ห่างจากเมืองล่องแจ้งขึ้นไปทางทิศเหนือประมาน 12 กิโลเมตร เป็นเมืองขนาดใหญ่พอวัดพอเหวี่ยงพอเหวี่ยงกับเมืองล่องแจ้งเลยทีเดียว เส้นทางที่คดเคี้ยววนเวียนไปตามไหล่เขาที่สูงเสียดฟ้าทำให้เมืองซำทองมีเสน่ห์ดึงดูดทหารรับจ้างอยู่มากทีเดียว
   ผมคิดว่าคงจะมีท่านผู้อ่านส่วนมากทีเดียว คงจะเคยได้ชมภาพยนต์เรื่อง ทอง ของคุณฉลอง ภักดีวิจิตรมาแล้ว ตามเนื้อเรื่องของ ทอง เกิดขึ้นที่เมืองซำทอง ประเทสลาว แต่ฉากที่ผมเห็นในภาพยนต์ ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นแถวๆภาคอีสานในประเทสไทยนั่นแหละครับ
   เห็นมอร์เตอร์ไซค์ติดอาวุธยกล้อหน้าขึ้นยิงพวกลาวแดงที่แอบอยู่บนต้นไม้แล้วผมนึกสงสารครับ....
ภาพยนต์เรื่องทองทำให้ภาพพจน์ของทหารรับจ้างและทหารลาวในเมืองซำทองถูกบิดเบือนไปจากความจริงอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้
   “ถัมทุ่ยถั่ง” ดาราสาวจากเวียดนาม เดินทางจากเมืองล่องแจ้งไปยังเมืองซำทอง หยั่งกับเดินไปตลาดนัด ถ้าเป็นของจริงๆแล้ว ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรหรอกครับ สงสัย “แม่ถั่มทุ่ยถัง” ก็คงจะ “ท้อง” เสียก่อนเป็นแน่...
   คุณฉลองสร้างหนังสนุก ดูเพลิน และก็ได้เงินเสียด้วย แต่ทหารเสือพรานที่เคยผ่านสงครามลาวต้องลุกออกมานั่งปวดกบาลอยู่เป็นนานสองนาน เนื่องจากความเก่งกล้าของพวกพระเอกทั้งหลาย
   อย่าหาว่าผมโจมตีเลยครับ ตามปกติผมก็ไม่เคยรู้จักกับคุณฉลองมาก่อน เคยรู้จักแต่ “อนาริล ภักดีวิจิตร” ไม่รู้จะเป็นญาติกันหรือเปล่า ไอ้หมอนี่สนิทสนมกับผมขนาดเตะก้นกันได้เสียด้วย นอกเรื่องนอกราวมาตั้งนาน วกเข้าหาของจริงกันดีกว่านะครับ
   “ซำทอง” เป็นเมืองเก่า ฝรั่งเศสเคยยึดครองลาว ได้คิดแปลงเป็นเมืองตากอากาศพร้อมกับสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน พอฝรั่งเศสกระเจิงออกจากลาว ซี.ไอ.เอ.เริ่มแทรกแซงเข้ามาทันที สนามบินขนาดใหญ่ ถูกสร้างขึ้นเป็นบรรณาการอย่างเร่งด่วน
   นอกจากนั้นเส้นทางคมนาคมจากเมืองโปรดก็ได้ถูกสร้างเข้ามาบรรจบกับเมืองซำทองอย่างรวดเร็ว มันเป็นถนนยุทธศาสตร์ที่สามารถยกพลเข้าไปในชายแดนจีนคอมมูนิสต์และเวียตนามเหนือได้อย่างสบาย เห็นไหมล่ะครับ แผนการของซีไอเอ มันช่างโสภาเสียนี่กระไร
   ฝูงชอร์ปเปอร์ทยอยลงจอดเพื่อเติมน้ำมันกันเป็นทิวแถว ทหารรับจ้างกองพันของผมทั้งแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยเตรียมตัวบินไปทุ่งไหหินตามคำสั่ง บก.สิงหะต่อไป
   ความหวาดวิตกกังวลได้ปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดบนใบหน้าของทหารทุกคน
   คำสั่งให้ตีแหวกวงล้อมของข้าศึกเข้าไปช่วยเหลือกองพันทหารรับจ้างที่ 609 เปรียบเสมือนคำสั่งประกาศิตของนรกที่บัญชาให้ทหารของผมเข้าไปพบกับความตาย
   ตามสภาพที่เป็นจริง เราอาจจะแหวกวงล้อมขึ้นไปจนถึงฐานปฏิบัติการได้ แต่อีตอนยึดรักษาฐานนี่สิครับ มันเป็นปัญหา ทางหน่วยเหนือจะสนับสนุนอาวุธและเสบียงให้เราได้หรือไม่? เพราะเท่าที่ทราบอยู่ในขณะนี้ ฝูงชอปเปอร์ไม่กล้าบินเข้าไปในเขตทุ่งไหหินแม้แต่เครื่องเดียว ได้แต่เพียงบินดูเหตุการณ์อยู่ตามชายๆทุ่งเท่านั้นเอง
   กระสุนและเสบียงของกองพันผมเต็มอัตราศึกใช้ได้เพียง 3 วัน ถ้าหน่วยเหนือไม่สนับสนุนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ต้องถอนตัวลงมาอีกเท่านั้นเอง
   การถอนตัวท่ามกลางการปิดล้อมของข้าศึกเปอร์เซนต์รอดชีวิตเหลือเพียง 5 เปอร์เซนต์เท่านั้นเอง
   รถจิ๊ปคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดที่ลาน “ชุมนุมพล” นอร์แมนกับ “เทพ” (พลตำรวจโท วิทูรย์ ยะสวัสดิ์) ผู้บัญชาการเสือพรานกระโดลงพร้อมกับเดินเข้าไปหา “กองสิงห์” เจ้านายของผม สนทนากันอยู่ครู่หนึ่งก็พากันขึ้นรถย้อนกลับไป บก.สิงหะ โดยมีกองสิงห์ร่วมเดินทางไปด้วย
   ครึ่งชั่วโมงต่อมา กองสิงห์ก็กลับมาถึงลานชุมนุมพลด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นพิเศษ ผมพยักหน้าให้ไอ้โล้นทันที
   เหมือนกับไอ้โล้นจะทายใจของผมออก มันแวบออกไปยืนเมียงมองอยู่ข้างๆกลุ่มของกองสิงห์อยู่ชั่วครู่ก็เดินยิ้มกริ่มกลับมา
   “กองพัน 609 ละลายแล้วครับ สูญหายหมดทั้งกองพันเลยทีเดียว ตกลงกองพันของเราก็เลยไม่ต้องขึ้นไปช่วย ผู้พันดีใจใหญ่เลยครับ เห็นท่านบ่นว่า ถ้าขึ้นไปช่วยจริงๆ กองพันเราเห็นจะละลายแน่ๆ รู้สึกว่าทาง บก.สิงหะจะให้กองพันของเราไปตั้งฐานอยู่ที่สนามบินถ้ำตำลึงโน่นแหละครับ ผมฟังไม่ถนัด”
   ความอึดอัดใจที่สุมอยู่ในสมองปลิวหายไปในชั่วพริบตา คำบอกเล่าของไอ้โล้นทำให้ขวัญและกำลังใจของลูกน้องของผมดีขึ้นมาอย่างผิดคาด เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยที่เงียบเหมือนเป่าสาก เริ่มแซ่ดขึ้นมาอีกครั้ง
   ใครจะไม่ดีใจครับ ข่าวชิ้นนี้ทำให้ยืดวันตายของพวกผมไปได้อีกวาระหนึ่ง ถึงแม้จะไม่นานนัก แต่มันก็ยังทำให้ขวัญกำลังใจดีขึ้นมิใช่หรือครับ?
   ข่าวการละลายของกองพัน 609 ลามไปเหมือนกับไฟไหม้ป่า ทหารรับจ้างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันแซ่ดไปหมด จากข่าวที่ได้รับการยืนยันจากพนักงานวิทยุประจำบก.สิงหะ ทหารรับจ้างสี่ร้อยกว่าคนของกองพัน 609 ถูกสังหารตายยับบนยอดภูเทิง ส่วนพวกที่เหลือรอดก็กำลังหาทางหลบหนีจากการตามล่าของทหารเวียดนามเหนืออย่างชนิดตัวใครตัวมัน
   08.30น. เครื่องบิน “ปอร์ตเตอร์-ทวิน” ชนิดเครื่องยนต์เดียว เริ่มทยอยบินลงมารับพวกผมเพื่อบินไปส่งยัง “สนามบินถ้ำตำลึง” ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาน 12 กิโลเมตร จากระยะบนแผนที่ยุทธการ
   กองร้อยที่ 1 ได้รับการขนย้ายเป็นอันดับแรก “พายับ พาจิตรเย็น” รอง ผบ.ร้อย รับหน้าที่เป็นส่วนหน้าสุดในการขนย้ายครั้งนี้
เครื่องบิน “ปอร์ตเตอร์” เป็นเครื่องบินที่ได้รับการออกแบบให้สามารถขึ้นลงในรันเวย์สั้นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด รูปร่างของมันก็พิกลออกไปจากลักษณะของเครื่องบินที่ผมเคยพบเห็นมาจนชินตา
   บริเวณปลายปีกและปลายหางเสือเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก แทนที่จะเป็นลักษณะกลมหรือป้านๆตามแบบของเครื่องบินทั่วๆไป น้ำหนักบรรทุกก็มีอัตราเกินตัวของมันจนผมอดที่จะพิศวงไม่ได้
   ทหารราบพร้อมอาวุธและเครื่องสนามจำนวน 12 คนหายขึ้นไปในห้องโดยสาร เพียงชั่วอึดใจเครื่องก็ไดร์ฟขึ้นสู่ท้องฟ้าข้ามเนินสกายไลน์ไปทางทิศตะวันออก มุ่งทิศทางบินไปสนามบินถ้ำตำลึงด้วยอัตราการบินเดินทางไม่ต่ำกว่า 150 ไมล์ต่อชั่วโมง
   วิทยุ PRC-77 ที่ “พายัพ” นำติดขึ้นไปเริ่มทดลองเรียกขานเข้าหา บก.พัน ด้วยสัญญาณคำพูดที่ได้ยินอย่างถนัดชัดเจน
   กองพันของผมใช้รหัส “ศรแดง” ส่วนกองร้อยที่ 1 ใช้ “ศรศึก” กองร้อย 2 “ศรรัก” กองร้อย 3 “ศรศรี”
   แต่ละกองร้อยยังแบ่งออกเป็นหกหมวด แต่ละหมวดมีอัตรากำลังพล 27 คนพอดิบพอดี
   ไม่ถึง 15 นาที “พายัพ” ก็รายงานเข้ามายัง บก.พัน ว่าถึงสนามบินเรียบร้อยแล้ว ขระนี้ได้วางกำลังคุ้มกันรันเวย์เอาไว้โดยรอบเพื่อป้องกันการบุกเข้าโจมตีสนามบินของทหารเวียตนามเหนือซึ่งกำลังรุกไล่ทหารรับจ้างเข้ามาใกล้ทุกขณะ
   ในเที่ยวบินสุดท้าย ผม,ฝอ.3 กองสิงห์และลูกน้องอีก 8 คน นั่งเบียดเสียดเยียดยัดกันบนห้องโดยสารที่คับแคบของเจ้าปอร์ตเตอร์-ทวิน เครื่องนั้น
   ทัศนียภาพของภูมิประเทศเบื้องล่างเต็มไปด้วยเขาและป่าทึบ มันทึบจนไม่น่าเชื่อว่าพวกทหารเวียตนามเหนือจะสามารถเดินเท้า แล้วลำเลียงอาวุธหนักข้ามภูเขามาได้อย่างไรกัน
   หลังจากปอร์ตเตอร์บินข้ามภูเขาประมาน 6-7 ลูก ก็มองเห็นที่ราบแอ่งกระทะปรากฏอยู่ท่ามกลางสายหมอกเบื้องล่าง
เนื่องจากสนามบินกำลังชุลมุนวุ่นวาย หีบห่อสัมภาระก็ยังเกะกะขวางทางขึ้นลงอยู่อีกพะเรอเกวียน เครื่องบินที่ผมนั่งมาก้เลยต้องบินทักษิณาวัตรไปรอบๆที่ราบแอ่งกระทะแห่งนั้นอยู่นานโขเลยทีเดียว
   พวกผมก็เลยได้ชมวิวและเป็นการสังเกตุภูมิประเทศของสนามบินถ้ำตำลึงไปในตัว
   เนินเขาซีบร้าตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านทิศตะวันตก เมื่อมองจากเครื่องบินดูคล้ายๆกับเสือนอนหมอบบนยอดเนินมองเห็นฐานปฏิบัติการเก่าๆของทหารปืนใหญ่ที่เพิ่งเคลื่อนย้ายขึ้นไปทุ่งไหหิน ก่อนหน้ากองพันของผมจะข้ามมาลาวเพียงหนึ่งเดือน ร่องรอยที่มองเห็นก็คือเศษขยะและปลอกกระสุนปืนใหญ่วางระเกะระกะไปหมด
   ทางด้านทิศตะวันออกของสนามบินถ้ำตำลึงเป็นที่ตั้งของเนินเขา “ภูหินตั้ง” ทิวเขาอันสลับซับซ้อนและสูงเสียดฟ้า ยาวเป็นพืดอ้อมโค้งขึ้นไปบบรรจบกับ “ภูผาไซ” ขุนเขามรณะซึ่งมีความสูงจากพื้นดินเกือบ 10,000 ฟิต
   จากลักษณะดังกล่าวก็เลยทำให้สนามบินถ้ำตำลึงตกอยู่ในหุบเขาที่กว้างใหญ่ไพศาลมองสุดลูกหูลูกตา
   “ไอ้ห่า นั่นมันทางเกวียนหรือสนามบินกันแน่วะ ทำไมมันสั้นจุ๊ดจู๋ยังงั้น”
   กองสิงห์ชำเลืองมองลงไปข้างล่างพร้อมกับบ่นขึ้นมาเบาๆ
   เห็นสนามบินแล้วผมอยากจะร้องไห้ เท่าที่ผมมองเห็น มันก็แค่ไอ้พื้นดินธรรมดาๆนี่เองแหละครับ นายช่างเอกของลาวคงจะใช้จอบถากๆให้มีความยาวเพียง 300 เมตรก็เป็นอันว่าเสร็จพิธี เฮ้อ ผมชักจะกลุ้มใจเสียแล้ว เกิดเครื่องแล่นออกนอกรันเวย์ พวกผมคงจอดแน่ๆ
   หอบังคับการบินที่อยู่หัวสนามก็จะพังมิพังแหล่ หลังคาใช้ร่มชูชีพสีแดงกางครอบเอาไว้ มองเห็นชายด้านหนึ่งของร่มขาดห้อยลงมาเป็นทาง
   เครื่องปอร์ตเตอร์ลดระดับลง รันเวย์วิ่งเข้าหาสายตาอย่างรวดเร็ว
   ชั่วอึดใจผมก็ได้สัมผัสกับความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในขณะลูกล้อแตะพื้น
   ความรู้สึกบอกกับตัวเองว่าเครื่องบินเซถลาออกไปข้างๆ ทหารรับจ้างที่อยู่ข้างซ้ายโดนแรงเหวี่ยงกลิ้งเข้ามาสุมกันอยู่ทางด้านตรงข้าม
   เครื่องปอร์ตเตอร์เซวูบออกไปจากรันเวย์ นักบินบังคับเครื่องกลับเข้ามาในรันเวย์ได้อีกครั้งหนึ่ง แต่มันก็เป็นไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น คราวนี้มันส่ายไปส่ายมาเหมือนกับคนเมาเหล้า ทหารรับจ้างที่อยู่บนห้องโดยสารกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนกับลูกฟุตบอล
   ผมกระเด็นไปนอนจุกแอ้ดๆที่ริมผนังด้านซ้ายมือของห้องโดยสาร พอขยับตัวลุกขึ้นก็กระเด็นแวบกลับไปยังที่เดิมอีกครั้ง
   ปอร์ตเตอร์แฉลบออกจากรันเวย์วิ่งเข้าหาป่าละเมาะที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอาการส่ายไปส่ายมาเหมือนคนเมารถ
   ผมหมดอาลัยตายอยากเสียแล้ว นรกกำลังผุดขึ้นมาอยู่ตรงหน้า สายตาอันพร่ามัวมองเห็นหัตถ์พญายมกวักเรียกเชิญชวนอยู่ไหวๆ ความรู้สึกเหมือนกับวิญญาณได้หลุดลอยออกไปจากร่างในบัดดล
+++++++++++++++++++++
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
yah&yim™รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 50
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 590



« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:45:34 PM »

ชอบอ่านมากแต่ตาเริ่มลายแล้ว Grin
บันทึกการเข้า
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:45:48 PM »

วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 6

   เครื่องปอร์ตเตอร์วิ่งรี่เข้าป่าละเมาะด้วยอาการเซไปเซมา นักบินกระแทกเบรคเต็มที่ เครื่องชะลอลงนิดนึง ทันใดนั้นเอง เจ้าดำ พนักงานวิทยุลูกน้องของผมก็กระโดดผางออกไปจากหน้าต่างเครื่องบินซึ่งเปิดอ้าอยู่ข้างๆลำตัว คล้ายกับตัดสินใจเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ที่น่าหวาดเสียวนั้น
   ลูกล้อของปอร์ตเตอร์ตกลงไปในหลุมค่อนข้างลึกที่ขวางอยู่อยู่หน้าป่าละเมาะพอดิบพอดี ซึ่งก็พอดีกับอัตราความเร็วของมันเฉื่อยลงพอดี ทำให้ลูกล้อค้างเติ่งอยู่ในนั้น
   นักบินดับเครื่องยนต์ แล้วกระโดดลงมาทำหน้าเหรอหราเหมือนกับโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ
   พวกผมทยอยกันลงมาจากห้องโดยสารเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นักบินชี้มือไปที่ลูกล้อทั้งสองข้างแล้วแบมือยักไหล่ เหมือนกับแสดงอาการเสียใจ
   ลูกล้อข้างหนึ่งของปอร์ตเตอร์ระเบิดยางแบนแฟบติดกับพื้นดิน จากสภาพดังกล่าว ทำให้ผมนึกนิยมชมชอบความสามารถของนักบินผู้ขับขี่ขึ้นมาทันที
   เจ้าปอร์ตเตอร์คงจะได้รับอุบัติเหตุยางในล้อข้างหนึ่งแตกในขณะล้อแตะพื้นรันเวยืพอดี ด้วยความสามารถของนักบินที่พยายามบังคับเครื่องบินที่มีอาการเวไปเซมาหวุดหวิดที่จะพลิกคว่ำลงกับพื้นตั้งหลายครั้ง ด้วยการปล่อยเครื่องออกนอกรันเวย์รอดจากการถูกย่างสดไปเหมือนกับปาฏิหารย์
   ทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่วิ่งตามเครื่องบินมาเป็นหาง “ไอ้โล้น” ลูกน้องของผมซึ่งบินล่วงหน้ามาก่อนห้อจี๋นำหน้ามาก่อนใครๆ
   ผมเห็นมันก้มลงประคอง “เจ้าดำ” ที่กระโดดออกมาจากช่องหน้าต่างเครื่องบิน พาเดินขโยกเขยกมายังกลุ่มของผมซึ่งกำลังจับกลุ่มดูเครื่องบินด้วยความตื่นเต้น
   พอไอ้โล้นพยุงไอ้ดำมาได้ครึ่งทางก็หยุดพร้อมกับยกเท้าหวดเข้าไปที่บริเวณก้น แล้วผลักเจ้าดำให้เดินไปยังบ่อน้ำเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆกับป่าละเมาะ ส่วนตัวมันวิ่งเหยาะๆเข้ามาสบทบกับพวกผมอย่างรวดเร็ว
   “ผมนึกว่าหมวดจอดเสียแล้ว เครื่องวิ่งเซไปเซมาหยั่งกับฟัดเหล้าเถื่อนเข้าไปซักครึ่งไห มันยอดจริงๆ นักบินพวกนี้”
   เจ้าโล้นพูดกับผมพร้อมกับสาละวนช่วยปลดสัมภาระลงมาจากห้องโดยสารเป็นพัลวัล
   “เมื่อกี้ลื้อเตะไอ้ดำทำไมวะ”
   ผมถามมันออกไปด้วยความคลางแคลงใจ
   “โธ่...หมวด ไอ้ผมรึอุตส่าห์วิ่งเข้าไปช่วยมัน จะนึกมีกะใจบอกกับผมสักนิดก็ไม่ได้ ว่ามันตกใจกลัวจนขี้และเยี่ยวแตกเต็มกางเกงไปหมด หนอยดันเสือกเอาขี้มาป้ายมือผมซะอีก ผมก็เลยหวดก้นสั่งสอนมัน พร้อมกับอบรมมันว่า ทีหลังอย่าประพฤติเช่นนั้น...ตายก็ให้ตายด้วยกัน โน่นไอ้ดำแก้ผ้าล้างขี้อยู่ที่บ่อน้ำโน่น”
   เสียงของไอ้โล้นไม่ใช่ค่อยนัก  ก็เลยทำให้ทหารรับจ้างที่ผ่านความตายมาหยกๆ แหกปากหัวเราะกันลั่นด้วยความขบขัน เล่นเอานักบินมองดูด้วยความแปลกใจ
   ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ทหารรับจ้างเฮโลช่วยกันลากเครื่องบินไปบนรันเวย์อย่างเรียบร้อย
    นักบินปอร์ตเตอร์ทั้งสองคนอาศัยชอปเปอร์ที่บินมาตรวจการณ์บินกลับล่องแจ้ง โดยปล่อยให้พนักงานประตูชาวไทยเฝ้าเครื่องเอาไว้แต่ลำพัง
   ก่อน 16.30 น. ฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ของกองพันผมก็เสร็จเรียบร้อย
   จากอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาล กองพันของผม วางแนวขนานไปกับรันเวย์ทั้งสองข้าง ในลักษณะปิดหัวปิดท้าย
   กองพันเคลื่อนที่เร็วของแม้ว ซึ่งรกษาสนามบินอยู่ ณ เชิงเขา “ซีบร้า” ซึ่งเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์
   นักบินกลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยช่างเครื่อง ลูกล้อถูกเปลี่ยนออกทั้งแผง ชั่วเวลาอันเล้กน้อย เจ้าปอร์ตเตอร์สีน้ำเงินเข้มสลับขาวก็ทะยานขึ้นจากสนามบิน และบินลัดเลาะข้ามเนินซีบร้าลับสายตาไปทางทิศตะวันตก
   หอบังคับการบิน กลายเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสิ่งของระหว่างทหารแม้วกับทหารรับจ้างชาวไทยไปเสียแล้ว
   ไม่ว่าจะเป็น มีดดาบปลายปืน ที่เพิ่งได้รับแจกมาอย่างสดๆร้อนๆ จาก “สกาย” (เป็นหน่วยงานซึ่งขึ้นกับซี.ไอ.เอ.โดยตรง) ถูกประมูลด้วยราคาที่แพงลิบลิ่วจากทหารลาว นาฬิกาข้อมือญี่ปุ่น...วิทยุทรานซิสเตอร์เล็กๆที่จวนจะพังมิพังแหล่ ถูกถอดออกขาย ด้วยราคาที่แพงลิบ
   ในทำนองเดียวกัน ปืนพกขนาด .45 และ .38 ของทหารแม้วก็ถูกทหารรับจ้างชาวไทยรุมกันซื้อด้วยราคาที่ถูกอย่างน่าใจหาย สนนราคาก็ไม่เกินกระบอกละ 800 บาท เล่นเอานักค้าของสงครามจำเป็น พากันวิ่งพล่านหาปืนพกกันให้จ้าละหวั่นไปหมด
   เป็นที่น่าสังเกตุว่า บ้านเรือนของประชาชนที่ควรจะมีอยู่อย่างหนาแน่น ปลาสนาการไปจนหมดสิ้น จากการสอบถามทหารแม้ว ผมก็เลยได้รับความรู้ว่า ณ ที่แห่งนี้ B-52 ของสหรัฐเคยเทกระจาดถล่มทลายจนกระทั่งเมืองเมืองหนึ่งถูกลบออกจากแผนที่ เนื่องจากอิทธิพลของ “ฝิ่น” ที่เกิดหักหลังกันระหว่างชาวแม้วกับซี.ไอ.เอ.นั่นเอง
   ไร่ฝิ่นที่ปราศจากเจ้าของ ปลูกเป็นแถวยาวเหยียดขนานไปกับเชิงเขา “ซีบร้า” ต้นของมันเพิ่งจะพ้นพื้นดินขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ลักษณะของมันเท่าที่ผมมองเห็นก็คือ ต้นผักกาดหอมดีๆนี่เอง คล้ายคลึงกันทั้งรูป, ลักษณะและสีสันหรือแม้กระทั่งรสชาติของมัน ทำให้ทหารรับจ้างถอนเอามาจิ้มน้ำพริกกินกันเป็นทิวแถว
   วงไฮโลผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด...ลูกไฮโลขนาดยักษ์ครอบด้วยหมวกเหล็ก เขย่าเสียงดังเหมือนกับโรงสี...เชือดเฉือนเงินทหารรับจ้างนานาชาติให้กระเป๋าเบาหวิวไปหลายต่อหลายคน
   17.00 น. “C-123” หรือคาริบูบินหึ่งอยู่บนท้องฟ้า มันบินวนเวียนต่ำลงมาจนกระทั่งมองเห็นประตูด้านซ้ายที่เปิดอ้าอยู่อย่างถนัดชัดเจน
   “C-123” บินวนเวียนอยู่เหนือฐานปฏิบัติการของลาวอยู่ชั่วครู่ก็ทิ้ง “ของ” สิ่งหนึ่งลงมาทันที วัตถุรูปร่างพิกล ลอยวูบลงมาจากช่องประตูด้านซ้าย ชั่วอึดใจร่มก็กางพรึ่บ กินลมเต็มที่ พร้อมๆกับมีเสียงร้องของสัตว์ชนิดหนึ่งดังลั่นลงมาจาก “ของ” ที่กำลังห้อยโตงเตงอยู่ใต้ร่มชูชีพนั้น
“มอ”
ทหารรับจ้างทุกคนแหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าเหมือนกับนัดกันเอาไว้ ทุกคนแทบไม่เชื่อสายตาตนเองที่มองเห็นภาพของวัวขนาดย่อมๆ ถูกผูกติดกับร่มชูชีพลอยต่ำลงมาทุกขณะ
“เฮ้ย...วัวกระโดดร่มโว้ย ไอ้ฉิบหาย ทหารลาวมันเล่นพิเรนอะไรกัน”
ทหารรับจ้างร้องกันเอ็ดอึง ชี้ไม้ชี้มือให้เพื่อนฝูงดูกันเป็นโกลาหล บางคนก็วิ่งห้อแน่บมุ่งทิศทางไปยังบริเวณที่ร่มกำลังจะลงพื้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาหรอกครับ ไอ้โล้นของผมก็เป็นอีกคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเช่นเคย...แถมวิ่งอกตั้งนำหน้าซะด้วย
ร่มชูชีพกระทบพื้น ผมมองเห็นฝุ่นกระจายคลุ้งไปหมด ณ บริเวณดังกล่าว พอไอ้โล้นหายหัวไปซักสิบนาทีผมก็ได้ยินเสียงระเบิดมือดังกึกก้องขึ้นครั้งหนึ่ง
อีก 20 นาทีต่อมา ไอ้โล้นก็เดินหัวเราะร่ามาแต่ไกล มือขวาหิ้วเครื่องในวัวสดๆมาพวงใหญ่ แหกปากร้องเพลงมาร์ชทหารเรือที่ผมฟังแล้วอยากจะกระโดดเข้าไปเตะปากมันด้วยความหมั่นไส้...
“...วันไหนวันดีไปตีกระหรี่ที่บางลำพู วันไหนวันซวยงัดพังพวยออกมาดู...โย้น โย้น”
ทะลึ่งโคตรมหาทะลึ่งคือคุณสมบัติของไอ้โล้นลูกน้องคนสนิทของผม มันเดินเข้ามาโยนพวงเครื่องในโครมลงบนกล่องกระสุนปืนครก 81 พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาดังๆ
“กูซื้อมาหมดนี่ 30 บาทถ้วนๆ ใครอยากจะแดกกรุณาออกแรงไปตักน้ำมา 1 แกลลอน ใครไม่ตักอดแดกพะยะคะ”
“ทหารลาวมันเอาวัวมาจากไหนวะ โล้น”
ผมถามมันออกไป
“มันเข้าหุ้นกันซื้อครับ พวกมันรวบรวมเงินได้ทั้งหมด 1600 บาท ก็เลยฝากล่ามไปซื้อที่นาซู ทางหน่วยเหนือไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงก็เลยทิ้งร่มมาให้ ผมวิ่งไปมันกำลังจะฆ่าอยู่พอดี...ไอ้ห่า ทะลึ่งฉิบหาย เสือกเอาหมากแตกถอดสลักแล้วยัดลงไปในปาก บึ้มเดียวปากเละไปหมดเลยครับ”
ผมอดขำไม่ได้ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นวัวกระโดดร่มเป็นครั้งแรก เสียงร้องลักษณะที่ตะกุยตะกายอากาศของมัน ผมเดาว่ามันจะต้องบังเกิดอาการตกอกตกใจไม่น้อยเลยทีเดียวในลักษณะที่มันถูกถีบลงมาจากประตูจองเครื่องบิน
อาหารเย็นผ่านไปอย่างเอร็ดอร่อย ฝีมือการปรุงเครื่องในของไอ้โล้นยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยลิ้มรสมา
อากาศในตอนค่ำหนาวเข้าไปถึงกระดูก บริเวณริมใบหูทั้งสองข้าง ชาแทบไม่มีความรู้สึก ปวดใบหูจี้ดขึ้นมาทันที
หลุมบุคคลอย่างง่ายๆ ทีพวกผมขุดเป็นอันดับแรกช่วยบรรเทาความหนาวจากกระแสลมที่พัดอย่างรุนแรงได้พอสมควรเลยทีเดียว   ดวงอาทิตย์ลับหายไปจากเนิน “ซีบร้า” อากาศมืดสลัวลงอย่างรวดเร็วดุจมีปีกบิน สนธยาเริ่มโรยตัวลงมาประดุจม่านสีทึบที่ค่อยๆรูดลงช้าๆเหนือเวทีโลก แล้วคลุมเอาใว้จนมืดมิดไปหมดทั้งอาณาบริเวณ
กองสิงห์ออกคำสั่ง “พรางไฟ” อย่างชนิด 100 เปอร์เซนต์เต็ม ใครอยากจะสูบบุหรี่ให้มุดลงไปสูบในหลุมบุคคล ด้วยมาตรการอันเฉียบขาด ทำให้ฐานปฏิบัติการของพวกผมมืดมิดปราศจากสิ่งบอกเหตุและสิ่งผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ บริเวณฐานของทหารแม้วผสมลาวเทิงกลับมีแสงสว่างจ้าคล้ายๆกับจะมีงานเฉลิมฉลองอะไรสักอย่างหนึ่ง เสียงร้องเพลงอ้อแอ้ลอยลมมาได้ยินแว่วๆ
ถ้าผมเดาไม่ผิด มันก็คงจะเนื่องมาจาก “วัว” ตัวที่กระโดร่มลงมาจาก “คารีบู” เมื่อตอนเย็นนั่นเอง
เหล้าเถื่อนบวกกับลาบเลือดสดๆ นานทีปีหนทหารลาวถึงจะมีโอกาสพบพาน เรื่องทั้งเรื่องก็เลยเมากันเลอะเทอะเปรอะเปื้อนกันไปหมดทั้งกองพัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความใหม่ต่อสถานที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมานั่งบนลังกระสุนเหม่อมองไปยังความมืดทะมึนเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
“กาแฟครับหมวด”     
   ส.ต.ธงชัยยื่นรองในกระติกน้ำที่บรรจุกาแฟเต็มปรี่ส่งมาให้ผมพร้อมกับกล่าวต่อไปอีก
   “ไอ้โล้นไปขโมย “ซี-โฟ” (C-4 ดินระเบิด) มาจากบก.พันหลายแท่ง ก็เลยอาศัยจุดต้มน้ำร้อนชงกาแฟได้อย่างสบาย โน่นครับ มันกำลังแจกกาแฟอยู่ในหลุมบุคคลโน่น”
   ผมรับกาแฟมาดื่มจนพร่องเกือบครึ่งรองในของกระติก ความร้อนที่ไหลวูบวาบลงในกระเพราะทำให้หูตาของผมสว่างไสวขึ้นมาในบัดดล สายตาของผมที่ชำเลืองไปที่หลุมบุคคลของไอ้โล้นบังเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาในจิตสำนึก
   ลักษณะของไอ้โล้นเท่าที่พวกผมมองดูอย่างฉาบฉวยก็คือลักษณะของโจรใจโหด...หยาบคาย แต่ให้ตายเถอะครับ ผมเคยเห็นความผิดปกติในลักษณะท่าทางของมันหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งมันก็แสดงให้เห็นว่ามันมีความเข้าอกเข้าใจภาษาอังกฤษที่ “นอร์แมน” พูดกับผมเมื่อวันรับรางวัลก่อนเคลื่อนย้ายมาสนามบินถ้ำตำลึงเป็นอย่างดี ผมเคยเห็น “อะไรๆ” ที่เข้าท่าเข้าทีของมันอยู่เสมอๆ ไอ้โล้นจะต้องมีพื้นเพความรู้และอาชีพที่มั่นคงมาก่อน ไอ้โล้นต้องไม่ใช่ขุนโจรสลัด ตามคำกล่าวขวัญของทหารพื้นเพเดียวกับมันอย่างแน่ๆ ประวัติอันเหี้ยมโหดของมันอาจจะถูกเมคอัพขึ้นมาปกปิดร่องรอยบางสิ่งบางอย่างที่ผมยังค้นไม่พบก็อาจจะเป็นได้
   ท่าทางตอนกระโจนออกจากร่องน้ำตอนจวกกับทหารเวียดนามเหนือ ท่าคลานที่ถูกต้องตามวิธีของหน่วย “คอมมานโด” การดัดแปลงอาวุธประจำกายให้มีประสิทธิภาพในการทำลายล้างข้าศึก การตัดสินใจเด็ดขาดและฉับพลันของไอ้โล้นยังฝังหูฝังตาของผมมาจนกระทั่งบัดนี้
   ไอ้โล้นเป็นใคร? ทำไมต้องโกนศรีษะ ผมจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้ ช้าหรือเร็วเท่านั้น...
++++++++++++++++
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:47:59 PM »

วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 7

   เหลืออีกครึ่งชั่วโมงจะเที่ยงคืน สายหมอกที่ครอบคลุมอยู่หนาทึบเริ่มคลายตัวออก จันทร์เพ็ญที่สุกใสอยู่บนท้องฟ้าช่วยทำให้สนามบิน “ถ้ำตำลึง” สว่างไสวเหมือนกับมีลูกแฟลร์ขนาดหมื่นแรงเทียนลอยค้างอยู่กลางอากาศ
   แสงไฟที่วอมแวมอยู่ตามฐานปฏิบัติการของทหารลาวมองดูเหมือนกับฝูงหิ่งห้อยยักษ์ เสียงเอะอะโวยวายที่รบกวนประสาทตั้งแต่หัวค่ำเพิ่งจะเงียบเสียงลงไปอย่างหมาดๆ ทำให้บรรยากาศสงัดและวังเวงเข้าไปถึงหัวใจ
   อากาศของเดือนธันวาเย็นเยียบเข้าไปถึงขุมขน ความหนาวเหน็บที่ทารุณอย่างร้ายกาจทำให้ทหารรับจ้างต้องใช้ผ้าห่มขนสัตว์คลุมร่างกาย นั่งสั่นเป็นลุกนกอยู่ในหลุมบุคคลที่ดัดแปลงเป็น “บังเกอร์” ชั่วคราวพร้อมกระชับอาวุธประจำกาย เพ่งสายตาออกไปสำรวจภูมิประเทสเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง
   แฟลร์สะดุดที่วางขึงอยู่นอกฐานปฏิบัติการคือ “ยาม” ด่านแรกที่จะบอกถึงสิ่งผิดปกติในการเข้ามาของข้าศึกในยามวิกาล
   อย่างไรก็ดี ความสามารถของทหารเวียดนามเหนือที่ “แฟกแฟลร์” เข้ามาเมื่อครั้งละเลงเลือดที่สนามบินล่องแจ้งยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของทหารรับจ้างอยู่ทุกขณะ เรื่องทั้งเรื่องมันก็เลยต้องถ่างตากันตลอดทั้งคืน
   เสียง ผบ.หมวดกองร้อยต่างๆ รายงานสถานะการณ์ทางวิทยุสนามแบบ HT-2 เข้า บก.พันเป็นระยะเสมือนหนึ่งจะเป็นอาณัติสัญญาณช่วยปลุกความง่วง ซึ่งมักจะจู่โจมเข้ามาแทบจะไม่รู้สึกตัวอยู่ในที
   ลูกแฟลร์สีเขียวสุกใสผิดแปลกไปจากลูกแฟลร์ของฝ่ายเรา ถูกยิงสว่างโร่ขึ้นมาเหนือหุบเขา “ภูผาไซ” ซึ่งขวางทะมึนอยู่ลิบๆ เบื้องหน้า และพร้อมๆกันนั้นเองก็ปรากฏเสียงเล็กแหลมของผู้หญิง “แจมมิ่ง” เข้ามาในวิทยุสนามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
   “เพื่อนทหารชาวไทยที่รัก เสียงที่ท่านกำลังรับฟังอยู่นี้เป็นเสียงจากสถานีวิทยุเคลื่อนที่ฉบับกระเป๋าของกองพันทหารปลดแอกแห่งประเทศลาว ทุกวันในเวลาเที่ยงคืน พวกเราจะเสนอรายการเพลงปลอบใจแก่สหายชาวไทยผู้บ้าน สำหรับเพลงแรกเป็นเสียงร้องของ ก.วิเศษ ในเพลง คิดฮอดบ้าน”
   ไอ้โล้นกับธงชัยกระโจนพรวดขึ้นมาจากหลุมบุคคลแล้วคลานมานั่งทำตาแป๋วอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น ไอ้โล้นเอื้อมมือเข้ามาสะกิดผม พร้อมกระซิบถามเบาๆ
   “ผู้หญิงที่ไหนครับหมวด ผมฟังอยู่ตั้งนาน คราวแรกนึกว่าหูผมแว่วไป เสียงคล้ายอีตัวของผมที่วิ่งเสียป่าเสือหมอบราบเป็นหน้ากลองอีตอนซ่องป่ากล้วยโดนถล่มด้วยลูกยาว ผมว่าใช่แหง๋ๆเลยครับ”
   ผมยกมือปรามให้ไอ้โล้นหยุดพูด พร้อมกับกิริยาบุ้ยใบ้ให้มันฟังวิทยุ
   เสียงเพลงลาวสากลซึ่งคงจะเล่นจากเทปคาสเส็ทดังกังวานออกมาจากวิทยุสนาม ไอ้โล้นคลานเข้าไปเร่งวอลลุ่มไปจนสุดแล้วนั่งอ้าปากหวอด้วยความลืมตัว
   ก.วิเศษร้องเพลง “คิดฮอดบ้าน” ได้วิเศษสมนามสกุลของเขาเลยทีเดียว เนื้อเพลงบรรยายถึงทหารรับจ้างที่จากลูกเมียมาเข้ามาเสี่ยงชีวิตในสมรภูมิลาวด้วยความหลงผิดตามคำยุยงส่งเสริมของจักรวรรดินิยม แถมท้ายด้วยการวอนขอร้องให้ทหารรับจ้างทุกคนหนีกลับประเทศไทยโดยปล่อยให้ลาวต่อลาวแก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยตัวของประชาชนลาวเอง
   “ซาย์-วอร์ ไม่ใช่เสียง ก.วิเศษหรอกครับ หมวด ก.วิเศษเป็นทหารลาวสังกัดราบอากาศโยธินวังเวียง เป็นทหารฝ่ายขวา แล้วเรื่องอะไรจะมาร้องเพลงปลุกปั่นให้พวกเราเอนเอียงเห็นดีเห้นชอบไปกับพวกซ้ายนิยมแบบนี้ แหกตากันชัดๆ”
   ไอ้โล้นพูดจบก็คว้าวิทยุที่ผมแขวนเอาไว้กับเสาเต๊นท์สนามแล้วกดสวิทช์กรอกคำพูดออกไปอย่างฉุนเฉียว
   “จากทหารรับจ้างถึงโฆสกสาวแห่งขบวนการปลดแอกประเทศลาว พวกเราฟังเพลง คิดฮอดบ้าน ของ ก.วิเศษแล้ว แต่ทว่าความจริงหาใช่เสียงของ ก.วิเศษไม่ สงครามจิตกล้วยๆซึ่งพวกคุณกำลังจะล้างสมองพวกเราอยู่ในขณะนี้ ปราศจากผลประโยชน์อย่างสิ้นเชิง พวกเรามีเพลงที่ขับร้องโดย ก.วิเศษอยู่เหมือนกัน และคิดว่าจะร้องให้พวกคุณฟังเป็นของขวัญก่อนจะถึงวันคริสมาส เชิญรับฟังได้นะครับ...”
   พอพูดวิทยุโต้ตอบกับโฆสกสาวนิรนามแห่งกองพันปลดแอกจบ ไอ้โล้นก็แหกปากร้องเพลง “ไทยดำรำพัน” ด้วยเนื้อเพลงที่ดัดแปลงใหม่อย่างสับประดี้สีประดนท่ามกลางเสียงหัวร่องอหายของทหารรับจ้างที่ฟังวิทยุอยู่ตามฐานปฏิบัติการทั่วๆไป
   “ทิดทองดี สี่เด็กน้อย ร้องไห้แง
   เอามันเลย เด็กมันเก สี่มันให้ตายโลด”
   พอร้องท่อนแรกจบ ไอ้โล้นก็ได้กล่าวสุภาษิตลาวคั่นเนื้อเพลงด้วยสำเนียงปนไทยปนลาวหน่อยๆ
   “สุภาษิตลาวสำหรับค่ำคืนนี้ มันผู้ได๋ปั้นข้าวเหนียวจ้ำปลาแดกจนหนอนแตกตื่นตกใจและเสียขวัญ มันผู้นั้นบ่ใช่ลาวโดยกำเนิด มันปลอมแปลงมา ต้องจับมันขังคุกขี้ไก่แล้วตอนหำมันเสีย ผู้ได๋เต๊ะไหปลาแดกแตก มันผู้นั้นบ่อนทำลายซาดลาวทางอ้อม โทษสถานเบาก็คือเอาไม้รวกทิ่มฮุดากให้ทะลุถึงปาก แม่นบ่-หล้า”
อย่าว่าแต่ผมเลยครับ เสียงหัวเราะที่เกรียวกราวขึ้นมาตามหลุมบุคคลที่อยู่ห่างออกไปเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่า ลูกน้องของผมคนนี้มีวาทะที่จี้เส้นเพื่อนฝูงอยู่ในขั้นเกจิอาจารย์เลยทีเดียว
วิทยุของกองทัพปลดแอกเงียบเสียงไปแล้ว ปัญหาที่หนักอึ้งตามมาก็คือความปลอดภัยทางวิทยุของกองพันของผม ทำไมข้าศึกถึงล่วงรู้ “ฟรีเคว็นซี่” (ความถี่) วิทยุสนามของกองพันผม แน่นอนเหลือเกินข่าวคราวทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกผมสั่งการกันทางวิทยุเมื่อตอนกลางวันต้องตกอยู่ในข่ายการดักฟังของพวกมันอย่างสิ้นเชิง!
กองสิงห์ ผบ.พัน ส่งโค้ดมาให้พนักงานวิทยุหมุนสวิทช์ไปที่ปุ่ม “แอร์-ทู-กราวนด์” อันเป็นระบบติดต่อระหว่างพื้นดินกับทางอากาศโดยเฉพาะ แล้วกำชับให้ใช้ความถี่ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว
หนีไม่พ้นการ “แจมมิ่ง” ของพวกมันหรอกครับ พอพวกเราหันไปใช้ความถี่ของ “แอร์-ทู-กราวนด์” ได้ประเดี๋ยวเดียว เสียงอันเจื้อยแจ้วของแม่โฆสกสาวก็กังวานเข้ามาอีกอย่างชัดถ้อยชัดคำ และคราวนี้เสียงพูดดังแรงเหมือนกับว่าสถานีของเธอจะเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆกับฐานปฏิบัติการของเราเลยทีเดียว
“สหายชาวไทยที่รักทุกท่านก่อนวันขึ้นปีไหม่ฝรั่ง พวกเราจะมีของขวัญอันยิ่งใหญ่มอบให้กับความถือดีและความหยิ่งจองหองผยองขน อีกไม่นานเกินรอ พวกเราจะสอนบทเรียนให้พวกท่านรู้ว่าแผ่นดินลาวก็เหมาะสำหรับคนลาวเท่านั้น ขอให้นอนหลับและฝันดี จากดิฉัน กุหลาบดงแห่งโพนสวรรค์”
“อีกะหรี่สนาม สงบปากสงบคออันแสนจะตอหลดตอแหของเอ็งได้แล้วโว้ย เสียเวลาขัดจรวดของพวกกูเปล่าๆ พวกมึงจะแน่ขนาดไหนก็โดนพวกกูจวกเป็นผีเฝ้าสนามบินล่องแจ้งมาเสียนับไม่ถ้วนแล้วละโว้ย อีห่า หนวกหูว่ะ”
   ไอ้โล้นแหกป่าด่ากรอกวิทยุออกไปด้วยความโมโหสุดขีด เล่นเอากุหลาบดงแห่งโพนสวรรค์เงียบเสียงไปเป็นปลิดทิ้ง
   กองสิงห์สั่งระงับการใช้วิทยุอย่างเด็ดขาด ข่าวที่สำคัญและมีความเร่งด่วนใช้พลนำสารตระเวณแจกข่าวโดยตลอด
   สิ่งดังกล่าวมันบอกเหตุอยู่แล้วว่า แผนกข่าวกรองและแผนกจิตวิทยาของเวียดนามเหนือมีประสิทธิภาพที่น่าเลื่อมใสไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงชั่วเวลาสองวันที่กองพันของผมเหยียบสมรภูมิลาว โค๊ดลับและความถี่วิทยุอันเป็นความลับสุดยอดก็ตกอยู่ในมือของข้าศึกอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
   “หนอนบ่อนไส้ หรือ เกลือเป็นหนอน” ก็ยังเป็นนิยามที่ใช้ได้ดีสำหรับสงครามนอกแบบอยู่นั่นเอง
   ผมนั่งเหม่อมองดูแฟลร์ลูกสีเขียวของทหารเวียดนามเหนือที่ยิงขึ้นบนยอดที่สูงที่สุดของ “ภูผาไซ” อย่างครุ่นคิดปัญหาต่างๆ สับสนวุ่นวายอยู่ในห้วงความคิดที่อลเวงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
   “หมวด ผมคิดว่ากองพันเราชักจะมีกลิ่นไม่ดีเสียแล้วละครับ ผมสงสัยไอ้จันทร์ผู้ช่วยพนักงานวิทยุกองร้อยของเราเหลือเกิน ถ้าผมจำไม่ผิด ไอ้ห่าจวกนี่เคยเป็นทหารป่าอยู่ที่พัทลุงมาตั้งหลายปี แล้วทำไมเสือกมาสมัครเป็นทหารรับจ้างก็ไม่รู้ อยากจะถามมันตั้งหลายหน ไอ้ห่า เจอะหน้าผมทีไรมันหลบทุกที”
   ไอ้โล้นถือถ้วยกาแฟย่องเข้ามากระซิบกระซาบพร้อมกับยัดเยียดกาแฟผงให้ผมอย่างรู้ใจ
   คำพูดของไอ้โล้น ทำให้ผมเอะใจขึ้นมาทันที ภาพของชายฉกรรจ์ผิวดำสนิทที่มีพื้นเพอยู่แถวปักษ์ใต้พร่างพรายขึ้นมาในห้วงความคิด ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยเห็นไอ้หมอนี่ชอบแวบออกไปตลาดล่องแจ้งเป็นประจำ และสิ่งผิดปกติก็คือหมอพูดภาษาแม้วอย่างชนิดน้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว นอกจากนั้น พอเข้ารับตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานวิทยุเพียงวันแรก “กุญแจรหัส” ที่ บก.สิงหะ จ่ายมาให้ก็เกิดหายไปอย่างลึกลับ ต้องเบิกทดแทนกันอย่างฉุกละหุก คำพูดของไอ้โล้นสะกิดใจผมเข้าอย่างถนัดใจ แต่ให้ตายเถอะครับ ลักษณะท่าทางของไอ้โล้นที่มันเผลอแสดงตัวออกมาก็ทำให้ผมสะดุดใจอยู่ครามครันเช่นกัน
   ผมเอื้อมมือออกไปรับถ้วยกาแฟแล้ววางลงบนลังกระสุน ต่อจากนั้นก็หยิบดาบปลายปืนที่อยู่ในซองหนังบริเวณเข็มขัดสนามขึ้นมาถืออยู่ในมือ ท่ามกลางสายตาที่เป็นเครื่องหมายคำถามของลูกน้องคู่ใจ
   ผมถลกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้นมาถึงข้อศอก กดปลายมีดอันคมกริบเข้าไปบริเวณท้องแขน ความหนาวเหน็บของอากาศทำให้เนื้อหนังด้านชาปราศจากความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น
   โลหิตทะลักออกมาเป็นสาย ผมใช้มือกดปากแผลแล้วปล่อยให้โลหิตส่วนหนึ่งไหลลงไปในถ้วยกาแฟ ต่อจากนั้นก็สบสายตากับไอ้โล้นเหมือนจะเล่นสงครามจิตอยู่ในที
   ไอ้โล้นจ้องหน้าผมอยู่ชั่วครู่เหมือนจะชั่งใจ แล้วหัวเราะออกมาเสียงลึกๆ พร้อมกับหยิบดาบปลายปืนขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ กล่าวคำพูดที่ผมฟังแล้วขนหัวลุกไปทั้งสรรพางค์กาย
   “ลูกผู้ชาย มองตากันก็ย่อมรู้ว่าต้องการอะไร...ถ้วยกาแฟที่ผสมความกล้าและความซื่อของลูกผู้ชาย วางท้าทายอยู่ข้างหน้าภายใต้แสงจันทร์ที่ผ่องอำไพ หมวดครับ ครั้งหนึ่งไอ้โล้นเคยมีเพื่อนตาย และบัดนี้โอกาสดังกล่าวได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ผมขอปฏิญาณ หมวดจะไม่มีวันเสียใจที่ได้เป็นมหามิตรร่วมสาบาน และในทำนองเดียวกัน ถ้าหมวดคิดไม่ซื่อต่อผม ขุนเขา “ภูผาไซ” ซึ่งยืนทะมึนอยู่เบื้องหน้าคงจะเป็นพยานได้ดีว่า ไอ้โล้นจำเป็นต้องสังหารเพื่อนน้ำมิตรด้วยความจำใจ”
   ด้วยกรรมวิธีเดียวกัน ไอ้โล้นกรีดเลือดร่วมสาบานใส่ลงในถ้วยกาแฟแล้วยื่นส่งให้กับผม เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
   “เชิญครับหมวด ผู้ที่อาวุโสกว่าทั้งตำแหน่งและความรู้ สมควรจะเป็นผู้ได้รับการดื่มก่อน”
   ผมยกถ้วยกาแฟเทลงไปในกระเพราะกว่าครึ่งถ้วย ไอ้โล้นหยิบส่วนที่เหลือเทหายวาบลงไปในคอแล้วข้วางรองในกระติกน้ำปลิวหายไปกับความมืด
   “ไอ้โล้น...คราวนี้ลื้อจะบอกกับอั๊วได้หรือยังว่าลื้อคือใคร ...ละครตบตาที่ลื้อแสดงอยู่ในขณะนี้สิ้นสุดลงแล้ว พับผ่าเถอะวะ อั๊วไม่เคยเชื่อเลยว่าลื้อจะเป็นคนที่ด้อยการศึกษาและเป็นโจรสลัดมาก่อน”
   ผมยิงคำถามออกไปอย่างฉับพลัน ถือโอกาสรุกในขณะที่ไอ้โล้นกำลังเผลอตัว
   ไอ้โล้นสบสายตากับผมอยู่ชั่วอึดใจ แล้วกระซิบถามผมเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แสดงอาการแปลกใจ...
   “นี่หมวดจำผมไม่ได้จริงๆหรือครับนี่ ผมก็...ไอ้ “ราห์มาน” ทหารเกณท์กองพลที่ 5 สมัยเมื่อหมวดอยู่ที่นครศรีธรรมราชโน่นยังใงล่ะครับ สิบกว่าปีมันยังฝังอยู่ในหัวใจของผมตลอดเวลา วันนั้นที่บาร์รำวงข้างหอการค้า ผมจวกกับพวกรถไฟ ถ้าไม่ได้หมวดป่านนี้ ไอ้ราห์มานไม่มีโอกาสได้มานั่งอยู่ที่ถ้ำตำลึงนี่หรอกครับ”
   ภาพในอดีตสมัยเมื่อผมกำลังฝึกงานอยู่ที่นครศรีธรรมราชผ่านแวบเข้ามาในสมองเหมือนกับจอโทรทัศน์
   พลทหาร “โมฮาหมัด อับดุล ราห์มาน” อิสลามนอกรีตที่ฉะเนื้อหมูเป็นว่าเล่น แถมเฮี้ยวสะบัด ติดคุกทหารเดือนละ 3 ครั้ง ชอบรำวงเป็นชีวิตจิตใจ จนกระทั่งโดนรุมกระทืบเสียงอมพระราม กว่าผมจะตะลุยเข้าไปช่วยเอาออกมาได้ ไอ้ราห์มานก็ต้องหยุดกินน้ำริกไปหลายวัน แถมท้ายผู้บังคับบัญชาและลูกน้องก็ต้องเข้าไปกินข้าวแดงในคุกทหารด้วยข้อหาก่อวิวาทกับประชาชนนอกเขตที่ตั้งกรมกอง
   15 วันในคุกทหาร “ราห์มาน” สนิทสนมกับผมเป็นพิเศษ และไอ้ความพิเศษนี่เอง พอออกจากคุกมันก็พาผมไปเที่ยวบ้ายของมันที่นราธิวาส ไม่ใช่ไปเที่ยวเฉยๆนะครับ มันเสือกพาผมไปปล้นพ่อค้าชาวมาเลย์ที่ข้ามเข้ามาซื้อสินค้าตามพรมแดนซะเลย ซวยอย่างมหาซวย ผมกับไอ้ราห์มานโดนขบวนคุ้มกันไล่ยิงวิ่งอกแอ่นเข้าเขตไทยขี้หดตดหายเข็ดเขี้ยวไปจนตาย
   ราห์มานปลดจากสภาพทหารเกณท์ ข่าวคราวของมันก็เงียบหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ผมถูกย้ายไปสงขลาตามโครงการปราบโจรจีนร่วมกับตำรวจไทยและตำรวจมาเลย์...
   และแล้ววันหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิด มันเป็นเวลา 17.30 น.ของวันศุกร์ เดือนมกราคม 2499 ผมในฐานะพนักงานวิทยุประจำรถจิ๊ปเล็กพร้อมด้วยตำรวจไทยและตำรวจมาเลย์ 4-5 คน ลาดตระเวณตรวจเส้นทางตามพรมแดนอันเป็นหน้าที่ประจำตามแผนปฏิบัติการร่วม
   ก่อนจะถึงด่าน “เจ็งโหลน” ของมาเลย์ประมาน 4 กม. รถจิ๊ปของผมก็โดนกับระเบิดพังพินาศ ตัวของผมเองลอยละลิ่วลงไปนอนคลุกฝุ่นอยู่บริเวณร่องน้ำติดกับสวนยางพารา จากความรู้สึกที่ลางเลือน ผมได้ยินเสียงปืนกลมือชนิดต่างๆ ระดมยิงดังระรัวเหมือนกับข้าวตอกแตก
   เกือบ 5 นาที เสียงปืนก็เงียบเป็นปลิดทิ้ง ภาษาจีนและภาษามาเลย์ดังแว่วๆอยู่ใกล้ตัว สามัญสำนึกบอกกับตัวเองว่า ขณะนี้ผมกำลังถูกค้นหาโดยกลุ่มโจรจีน ซึ่งคงจะสังหารเพื่อนร่วมทีมของผมจนหมดสิ้นแล้ว
   โจรจีนผิวดำสนิท สวมหมวกแขก ยืนถ่างขาอยู่ที่บริเวณด้านศรีษะของผม แสงแดดตากผ้าอ้อมกระทบใบอันขาววับของกฤชที่กระชับอยู่ในมือของมัน จนผมต้องหลับตาลงพร้อมกับกลั้นใจรอนาทีประหารโดยหมดโอกาสช่วยตัวเองแม้แต่อย่างใด...
+++++++++++++++++++++
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:49:35 PM »

วีรบุรุษเสือพราน ตอนที่ 8

   ผมนอนหลับตารอความตายอยู่ชั่วอึดใจ อึดใจที่รู้สึกยาวนานเหมือนกับอยู่ในนรก และในขณะที่ความรู้สึกของผมกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของเหวนรกอยู่นั้น ประสาทหูก็ได้ยินเสียงอุทานเรียกชื่อของผมดังออกมาจากร่างโจรจีนที่ยืนทะมึนค้ำศรีษะอยู่เบื้องบน
   พยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากเย็นก็พบกับใบหน้าดำสนิทของราห์มานก้มลงมาเกือบชิด สายตาที่เป็นเครื่องหมายคำถามแสดงความแปลกใจและในขณะที่ราห์มานจะเอ่ยพูดอะไรต่อไปอีก ก็มีเสียงตะโกนเรียกดังลั่นมาทางบริเวณริมขอบถนน
   ราห์มานโยนกล่องอลูมิเนียมเล็กๆเอาใว้ใกล้ๆกับร่างที่โชกเลือดของผมพร้อมกับกระซิบเบาๆ
   “มอร์ฟีนคงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้บ้าง...ผมไปละ”
   ด้วยอำนาจของมอร์ฟีนชนิดปลายหลอดเป็นเข็มฉีดยาสำเร็จรูป ทำให้ผมมีชีวิตยืนยาวมาจนกระทั่งพบกับหน่วยช่วยเหลือในสองชั่วโมงต่อมา
   ไอ้ “ราห์มาน” ของผม มันกลายเป็นโจรจีนไปเสียแล้วแถมยังช่วยชีวิตผมอีกด้วย ตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งบัดนี้ มาเจอะกับราห์มานอีกครั้งในสมรภูมิลาวทำให้ผมนึกว่าตัวเองฝันไป
   “หลังจากเจอะกับหมวดตอนรถจิ๊ปโดนกับระเบิดแล้ว ผมก็ใช้ชีวิตอยู่ในป่าร่วมกับโจรจีนอีก 3-4 ปี ไม่ไหวครับ อาหารการกินอดอยากเหลือเกิน ผมก็เลยเข้าหาตำรวจมาเลย์นำกำลังเข้าไปถล่มโจรจีนเสียพังพินาศ “จีนเป็ง” หัวหน้าใหญ่วิ่งป่ากระเจิงหนีรอดไปอย่างหวุดหวิด ส่วนผมโอนสัญชาติเป็นมาเลย์ ด้วยการช่วยเหลือของผู้ใหญ่ทำให้ผมสามารถเข้ารับราชการเป็นทหารยศบกได้รับยศสิบเอกอยู่ 5 ปีก็ต้องออกเพราะความระยำของตัวเอง ต่อจากนั้นก็กลับเข้ามาอยู่เมืองไทย เปลี่ยนชื่อเป็นคุณ “เทิดทูล พูลวิไล” มีอาชีพเป็นสลัดน้ำลึก อาละวาดจนกระทั่งตำรวจจิกกระบาลก็เลยหนีมาสมัครรับจ้างรบในลาว จนกระทั่งเจอะกับหมวดนี่แหละครับ ผมคิดแล้วว่าหมวดคงจะต้องจำผมไม่ได้ ไอ้ผมมันก็คนจริงเหมือนกัน มันเรื่องอะไรที่ผมจะไปแสดงตัวให้หมวดรู้ใช่ใหมครับ”
   ราห์มานตัดพ้อต่อว่าผมอยู่ในที ผมหัวเราะก้ากพร้อมกับเอื้อมมือไปตบหลังมันป้าบใหญ่
   “ใครจะไปจำลื้อได้วะ...ไอ้หอก ดันโกนหัวหยั่งกับพระบวชใหม่แบบนี้ ถ้าอั๊วจำไม่ผิด เมื่อก่อนนนี้ ลื้อไม่มีแผลเป็นบนใบหน้านี่หว่า”
   ไอ้โล้นยกมือขึ้นไปลูบสันจมูกที่เป็นรอยบากผ่านไปถึงหัวคิ้วซ้ายอย่างลืมตัวพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ
   “ก็ไอ้แผลระยำนี่แหละครับ ที่ผู้กองร้อยเอกชาวอังกฤษมันหวดผมเข้าให้ด้วยขวดเบียร์ ผมก้เลยเชือดคอหอยมันซะด้วยความชำนาญ ทิ้งเครื่องแบบทหารมาเลย์เผ่นจากเมืองอีโปร์เข้ามาอยู่ในเมืองไทย จนกระทั่งมาพบหมวดนี่แหละ...เรื่องไอ้จันทร์ว่ายังไงครับ จะเอายังไงกันดี ขืนปล่อยเอวไว้ กองพันของเราพังแน่”
   “อั๊วจะปรึกษากับผู้พันพรุ่งนี้เช้า ก่อนเที่ยงทุกสิ่งทุกอย่างคงจะเรียบร้อย เกือบถึงตีสองแล้วโว้ยไอ้โล้น นอนดีกว่า มีอะไรปลุกด้วยก็แล้วกัน”
   ผมตัดบทออกไป ไอ้โล้นพาตัวเองหายเข้าไปในหลุมบุคคล ชั่วครู่ประสาทจมูกของผมก็ได้กลิ่น “มาลีฮวนน่า” ขนานแท้จากอเมริกาใต้ปลิวมาตามสายลม
   แน่ยิ่งกว่าแน่ ลูกน้องตัวดีของผมคงจะชักชวนเพื่อนๆตั้งวงกัญชา อันเป็นกิจวัตรประจำวันเข้าให้แล้ว ความคลางแคลงในบุคลิกของไอ้โล้นปลิวหายไปจากความนึกคิดของผมเป็นปลิดทิ้ง
   หลักสูตรของหน่วย “คอมแมนโด” ของมาเลย์ ซึ่งได้รับการฝึกจากทหารอังกฤษ ซึ่งมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับหน่วย “กรีนเบเรต์” ของสหรัฐคงจะ “เกลา” ความสามารถในเชิงรบแบบ “กอร์ริลล่า-วอร์แฟร์” (การรบแบบกองโจร” จนกระทั่งไอ้โล้นมีประสิทธิภาพในการใช้อาวุธประจำกายดัดแปลงให้มีอำนาจในการสังหารเพิ่มขึ้นอย่างน่าเลื่อมใส
   ผมนั่งจมอยูในภวังค์จนกระทั่งรุ่งอรุณของวันใหม่ได้คลืบคลานเข้ามาอย่างช้า
   แสงเงินยวงเริ่มสาดขึ้นมาตามสันเนินอันสูงทึนของ “ภูล่องมาศ” ชั่วพริบตา ดวงสุริยะ เทพเจ้าแห่งสงครามก็โผล่พ้นยอดที่สูงสุดของทิวเขาขึ้นมาเต็มดวง สาดรัศมีแรงกล้าออกไปรอบทิศ สายหมอกจางหาย มองดูทัศนียภาพสว่างโงไปหมดทั้งบริเวณ
    ผมไปพบกองสิงห์ตั้งแต่เช้าตรู่ พฤติการณ์ของผู้ช่วยพนักงานวิทยุกองร้อยที่ 3 ถูกถ่ายทอดให้ ผบ.ฟังจนหมดสิ้น
   กองสิงห์และล่ามประจำกองพันเดินทางไปเมืองล่องแจ้งอบ่างเร่งด่วนด้วยชอปเปอร์เที่ยวบินแรกพร้อมกับกำชับให้ผมและไอ้โล้นเฝ้าดูพฤติการณ์ของ “จันทร์ นาดี” ผู้ช่วยพนักงานวิทยุอย่างชนิดไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว
   สองชั่วโมงต่อมา ผมก็ถูกเรียกตัวไปพบกับกองสิงห์เพื่อรับมอบเครื่องวิทยุดักฟังชนิดพิเศษ ที่เพิ่งเบิกมาจาก ซี.ไอ.เอ. สดๆร้อนๆ
ล่ามประจำกองพันแนะนำวิธีใช้เครื่องอยู่ชั่วครู่ก็แพ็คเครื่องลงในกล่องกระดาษ แล้วใช้เสื้อกันฝนปันใจห่อเอาใว้อย่างมิดชิด
“เลือกลูกน้องที่ไว้ใจได้เป็นลูกมือของลื้ออีกหนึ่งคน อย่าลืมทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความลับสุดยอด ถ้ามันมีทีท่าหรือพฤติการณ์ใดๆ ที่ส่อว่าจะเป็นอันตรายต่อกองพันของเรา อั๊วอนุญาติให้ลื้อฆ่าได้ อั๊วรับผิดชอบเอง”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาอย่างเด็ดขาด พร้อมกับกำชับผมในเรื่องเวรยามและการลาดตระเวณรอบๆฐานปฏิบัติการอยู่ชั่วครู่ก็พาตัวเองเดินตรวจตราแนวยิงต่อไป
ผมใช้ร่มหิ้ววิทยุกลับที่ตั้ง ไอ้โล้นรับกล่องเข้าไปไว้ในเต๊นท์สนามของผมแล้วจัดแจงแกะกระดาษออกดูด้วยความสนใจ
“ฮี่โธ่ เครื่อง “อินเตอร์เซฟ ยี่ห้อเซนิท” แบบนี้ผมเคยใช้มากับมือจนเอือมแล้ว ใช้แบตตเตอรี่ บี.เอ.30 ธรรมดานี่เอง รัศมีในการฟังเกือบ 100 ก.ม. ใช้ได้ทั้งระบบ เอ.เอ็ม และ เอฟ.เอ็ม. หมวดเอามาทำไมกันครับ หนักตายห่า”
ฟังคำพูดของไอ้โล้น ความหนักใจดูเหมือนจะปลิวหายไปเป็นปลิดทิ้ง ความรู้ความสามารถของไอ้โล้นไม่เคยทำความผิดหวังให้ผมเลยแม้แต่น้อย แผนการต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายจากกองสิงห์ถูกถ่ายทอดให้ไอ้โล้นฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ประเดี๋ยวผมจะติดตั้งเครื่องเอง สิ่งที่ผิดสังเกตุก็คือสายอากาศแบบ “ทรีทร็อฟ” เกิดไอ้จันทร์มันรู้แกวขึ้นมาพิธีก็แตกเท่านั้น ไม่เป็นไรครับ ผมจะลองเอาสายเคลย์โมว์ไมน์ ดัดแปลงเป็นสายอากาศดู บางทีอาจจะได้ผล”
ด้วยประสพการณ์ของไอ้โล้น ไม่ถึงสิบนาทีผมก็ได้ยินเสียงคลื่นสัญญาณต่างๆ ทั้งคำพูดและเลขสัญญาณดังกังวานขึ้นมาในครอบหูฟังให้แซดไปหมด เมื่อผมลอง “จูน” ไปยังฟรีเคว็นซี่ของกองพัน ก็ได้ยินเสียงผู้ช่วยพนักงานวิทยุ ผู้ต้องสงสัยกำลังส่งข่าวอยู่พอดี
“ไอ้จันทร์กำลังส่งข่าวเบิกอุปกรณ์เครื่องใช้ไปยัง บก.ส่วนหลังอยู่พอดี เถอะน่า มึงไม่หลงให้กูซักครั้งก็แล้วไป”
ไอ้โล้นบ่นพึมพำออกมาพร้อมกับนอนพังพาบลงกับพื้น มีท่าทางสนใจกับเครื่องดักฟังจนลืมอาหารเช้าไปอย่างสนิทใจ
ก่อนสามทุ่ม ทหารส่วนหนึ่งของผมก็พร้อมที่จะออกปฏิบัติการ กำลังส่วนที่เหลือครึ่งหนึ่งผมมอบหมายให้อยู่ในความรับผิดชอบของ “สิบเอก มนูญ ขวัญแก้ว” รองผบ.หมวดผู้เฉื่อยชาจนผมบังเกิดความเอือมระอาหลายต่อหลายครั้งในการปฏิบัติงานร่วมกัน
ปืนจรวดแมกนีโตแบบ “เอ็ม.72” ไม่น้อยกว่า25 กระบอก ถูกเตรียมเอาไว้พร้อมเสร็จ ปืนกลเบา “เอ็ม.60” พร้อมด้วยสายกระสุนถูกเช็คซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อความแน่ใจในขณะทำการยิง
กระสุนปืน เอ็ม.16 ซึ่งตามปกติทหารรับจ้างคนหนึ่งจะมีติดตัวคนละ 280 นัด (14 แม็กกาซีน) ถูกเพิ่มอัตราเข้าไปอีก 140 นัด ทำให้สายผ้าใบที่บรรจุแม็กกาซีนคลุมร่างกายส่วนหน้าอกและเบื้องหลังจนมองดูคล้ายๆกับเสื้อเกราะเลยทีเดียว
ทุกคนไม่มีโอกาสรู้แผนการของกองสิงห์แม้แต่อย่างใด รู้แต่เพียงว่าให้เตรียมพร้อมเป็นพิเศษเพื่องานฉุกเฉินที่อาจจจะบังเกิดขึ้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่งเท่านั้นเอง
ไอ้โล้นขังตัวเองอยู่ในเต๊นท์สนามของผมอยู่ตลอดเวลา โดยมีผมเป็นยามเฝ้าหน้าเต้นท์เอาไว้อย่างเข้มงวดกวดขัน
23.05 น. ไอ้โล้นตระโกนเรียกผมค่อนข้างดัง ผมให้ธงชัยคุมหน้าเต๊นท์เอาใว้แล้วพาตัวเองไปหาไอ้โล้นอย่างรวดเร็ว
ไอ้โล้นสวใ “ครอบหูฟัง” เอาใว้ตรงหูทั้งสอง มือข้างหนึ่ง “จูน” ฟรีเคว็นซี่อยู่ไปมา ส่วนมือข้างที่ว่างก็หยิบเครื่องบันทึกเทปคาสเส็ทขนาดจิ๋วที่วางอยู่ข้างๆเสียบสายแจ็คพ่วงเข้ากับเครื่องอินเตอรืเซฟ บันทึกคำพูดของ “จันทร์ นาดี” พนักงานวิทยุผู้มีพฤติการณ์ที่ชวนสงสัยด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วว่องไว แสงไฟจากแบตเตอรี่ที่ดัดแปลงจากถ่านไฟฉายสว่างไสวไปทั่วเต๊นท์สนาม
ไอ้โล้นหยิบครอบหูฟังส่งให้ผมพร้อมกดสวิทช์ให้เทปคาสเซททำงาน
“ไอ้จันทร์ ติดต่อกับหน่วยแซปเปอร์ของเวียตนามเป็นภาษาแม้ว มันนัดหมายให้ข้าศึกเข้าตีฐานปฏิบัติการของเราตอน 24.30 น.
โดยให้เข้าตีทางร่องน้ำด้านทิศเหนือของสนามบินซึ่งอยู่หน้าเต๊นท์สนามของสถานีวิทยุของไอ้จันทร์พอดี จะเอายังไงกับมันดีครับหมวด”
   ผมไม่ตอบคำถามไอ้โล้น หยิบกระดาษเขียนข่าวขึ้นมารายงานเหตุการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วน เสร็จแล้วกระซิบกับไอ้โล้นเบาๆ
   “ขณะนี้ ลื้อคือคนที่อั๊วไว้วางใจที่สุด นำข่าวฉบับนี้ไปหากองสิงห์ด้วยตัวของลื้อเองเดี๋ยวนี้ รอคำสั่งปฏิบัติการของผู้พันกลับมาด้วย ระวังรหัสผ่านด้วยะโว้ย”
   ไอ้โล้นไม่พูดกับผมซักคำ มันกระตุกกระดาษจากมือของผม พาตัวเองหายออกไปจากเต๊นท์สนามอย่างรวดเร็ว
   ผมตรวจดูหน้าปัทม์ของเครื่องอินเตอร์เซฟ ปรากฏว่าไอ้จันทร์ใช้ความถี่ 31.65 อันเป็นความถี่แบนด์ต่ำที่สุดของ PRC-77 ที่ไม่ค่อยจะมีพนักงานวิทยุคนใดชอบใช้ความถี่ดังกล่าวติดต่อกันเท่าใดนัก เพราะย่านความถี่ดังกล่าวมีคลื่นรบกวนอยู่ตลอดเวลา
   เสียงพูดชัดเจนและดังผิดปกติ ทำให้ผมประเมินได้ว่า ขณะนี้หน่วยแซปเปอร์ของเวียดนามเหนือคงจะเคลื่อนที่เข้ามาอยู่ใกล้ฐานของเราเต็มทีแล้ว
   ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไอ้โล้นก็กระหืดกระหอบเข้ามาหาผม พร้อมกับแจ้งรายละเอียดของแผนการตลบหลังที่กองสิงห์ได้วางขึ้นอย่างสดๆร้อนๆ ให้ผมทราบอย่างละเอียดถี่ถ้วน สมกับที่มันเคยผ่านงานในด้านยุทธวิธีมาก่อน
   เหลืออีกครึ่งชั่วโมง ก็จะถึงหมายกำหนดการณ์ละเลงเลือดดังกล่าว ผมนำทหารรับจ้าง 14 คน ลัดเลาะไปร่องสนามเพลาะที่มีความลึกถึงระดับหน้าอก และขุดติดต่อกันยาวเหยียดไปตามฐานปฏิบัติการที่เรียงรายอยู่รอบๆรันเวย์สนามบิน
   ก่อนจะถึงเขตปฏิบัติการของหมวด 3 เพียงเล็กน้อย ผมสั่งให้ทหารรับจ้างเข้าเสริมแนวกับหมวด 4 ทั้งหมด ต่อจากนั้น ผม,ไอ้โล้น,สิบโท ธงชัย ก็เคลือนที่เข้ามายัง บก.ร้อย 3 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในความรับผิดชอบของหมวด 3 อย่างรวดเร็ว
   ผบ.หมวด 3 เป็นทหารเก่าเลือดทหารม้ายานเกราะ ผมเสียเวลาอธิบายเพียงเล็กน้อย ก็ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ พร้อมกับพาพวกผมมุ่งหน้าเข้าไปยังเต๊นท์ของสถานีวิทยุ ซึ่งมองเห็นเสาอากาสแบบ “ทรีทร็อพ” สูงลิ่วอยู่เบื้องหน้า
   “พนักงานวิทยุคนเก่าประสพอุบัติเหตุตายด้วยระเบิดมือ ไอ้จันทร์เพิ่งจะเข้ามาทำงานไม่ถึงอาทิตย์ ลักษณะภายนอกคล่องงาน อุปนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็น ผมนึกไม่ถึงจริงๆ ไอ้ฉิบหายนี่จะต้องฆ่าพนักงานวิทยุคนก่อนแหง๋ๆ”
   จสอ. บุญไทย ผบ.หมวด 3 พึมพำขึ้นมาเบาๆ ด้วยท่าทางฉุนเฉียว
   ไอ้โล้นสะกิดให้ผมมองดูทหารรับจ้างคนนึงซึ่งนั่งอยู่หน้าเต๊นท์วิทยุ พร้อมกับหันหน้าไปมอง ผบ.หมวด 3 คล้ายๆกับจะถามอยู่ในที
   “ไอ้ทิม...   เพื่อนคู่หูของไอ้จันทร์ มันก็เหี้ยตระกูลเดียวกันนั่นแหละครับ ลูกน้องหมาๆ แบบนี้เลี้ยงไม่ได้ ยังไงๆขอให้ผมเชือดมันกับมือก็แล้วกัน ไอ้สัตว์ คิดฆ่าแม้กระทั่งพวกเดียวกัน!”
   ผบ.หมวด 3 กัดกรามพูดเสียงลึกๆอยู่ในลำคอแล้วค่อยๆ ปีนขึ้นจากร่องสนามเพลาะ มีดดาบปลายปืนถูกดึงขึ้นมากระชับอยู่ในมือ เดินช้าๆ เข้าไปหาเจ้าทิมซึ่งคงจะทำหน้าที่เป็นต้นทางให้ผู้ช่วยวิทยุผู้ทรยศนั่นเอง
   ไอ้โล้นคลานฉากแว๊บออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ส่วนผมกับธงชัยพาตัวเองแยกออกไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับไอ้โล้น โดยมุ่งทิศทางการเคลื่อนที่เข้าโอบล้อมเต๊นท์สถานีวิทยุพร้อมๆกัน
   จากลักษณะดังกล่าว ทำให้สถานีวิทยุของ บก.ร้อย 3 ตกอยู่ในความยึดครองของพวกผมโดยปริยาย
   หมวดบุญไทยเดินรี่เข้าไปหาเจ้าทิม ผมมองเห็นมันพรวดพราดลุกขึ้นยืนอย่างมีพิรุธ แสดงลักษณะอาการเหมือนจะส่งอาณัติสัญญาณให้เพื่อนมันล่วงรู้การมาของ ผบ.หมวด 3 อยู่ในที
   มันช้าเกินไปเสียแล้ว หมวดบุญไทยเผ่นพรวดเข้าประชิดตัวในลักษณะจู่โจม มือข้างหนึ่งตวัดอ้อมลำคอโดยใช้ปลายมืออุดริมฝีปากของเจ้าทิมแน่น แล้วออกแรงดึงร่างของมันเข้ามาหาตัวเอง มือข้างที่กำมีดแทงสวนเฉียงขึ้นไปในลักษณะชำแหละด้วยความรวดเร็วจนผมมองดูแทบไม่ทัน
□□□□□□□
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 04:51:33 PM »

เว้นบรรทัดหน่อยก็ดีครับ ตาลาย เคยไปหาหนังสือเก่าไม่มีเลยครับ

          มันเยอะครับพี่ไม่รู้ผมจะเว้นยังไง copy ไปวางในnotepad จะได้อ่านง่ายๆนะครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
หนานปั๋น
Hero Member
*****

คะแนน 33
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2374


« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 05:31:09 PM »

ชอบอ่านมากเลยครับ หาอ่านยากมากครับตอนนี้มีแต่ร้านหนังสือเก่า ๆ
บันทึกการเข้า
โอรสเยาวราช-รักในหลวง
ใครจะใหญ่เกินกรรม
Full Member
***

คะแนน 11
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 313


ผยองในความเป็นไทย


« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 05:34:13 PM »

ขอบคุณครับ  Cheesy Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า

โพธิญาณ
^-^ภูพาน~รักพ่อหลวง^-^
มีภัย มีเรา biw199
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 224
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3412



« ตอบ #14 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2007, 05:37:05 PM »

ช่วยบอกแหล่งที่ขายหนังสือให้ด้วยครับ ผมติดงอมแงม ทั้งคุณสยมภู ทศพล และงานเขียนของคิม ซากัสส์ ครับ
                      เดียวผมPMไปถามให้นะครับพี่ รู้สึกว่าจะมี2เล่มนะครับแต่ตอนนี้เขายังหาเล่ม2ไม่เจอนะครับ หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า





พายุยิ่งพัดอื้อ....................ราวป่าหรือราบทั้งแดน
อิศานนับแสนแสน..............สิจะพ่ายผู้ใดเหนอ?
หน้า: [1] 2 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.298 วินาที กับ 22 คำสั่ง