: วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ
: พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
เมตตาระงับความโกรธ
วิธีที่จะแก้ไขจิตใจ
ให้มีความโกรธน้อย
ให้มีความโกรธยาก
จนถึงไม่ให้มีความโกรธเลย
จำเป็นต้องสร้างความเมตตา
ให้เกิดขึ้นในจิตใจให้มากพอ
จะยอมเข้าใจในเหตุผลของบุคคลอื่นที่ทำผิดพลาด หรือ บกพร่อง
ขณะเดียวกันจำเป็นต้องฝึกใจให้มีเหตุผล
ให้เห็นเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญเป็นสิ่งควรเคารพ
เมื่อเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญในจิตใจของผู้ใดแล้ว
ผู้นั้นจักเป็นผู้ไม่ใช้อารมณ์
ถึงแม้จะโกรธแล้ว แต่เมื่อเหตุผลเกิดขึ้น
ก็จะสามารถทำให้ความโกรธดับลงได้
จะไม่แสดงอารมณ์โกรธอย่างผู้ไม่มีเหตุผล
และถ้าหมั่นอบรมเหตุผลหรือปัญญา
ประกอบด้วยเมตตาให้เกิดขึ้นเสมอในจิตใจ
แม้มีเรื่องที่ผิดหูผิดตาผิดใจเกิดขึ้น
เหตุผลอันประกอบด้วยเมตตาก็จะเกิดขึ้นก่อน
อารมณ์จะเกิดไม่ทัน หรือเกิดทันบ้าง
ตามวิสัยของผู้เป็นปุถุชนไม่สิ้นกิเลส
ก็จะเบามากและน้อยครั้งมาก
ทั้งผู้โกรธยาก โกรธน้อย และผู้โกรธง่าย โกรธมาก
ควรอย่างยิ่งที่จะได้สนใจสังเกต
ให้รู้ว่าจิตใจของตนมีความสุขทุกข์เย็นร้อนอย่างไร
ทั้งในเวลาที่โกรธและในเวลาที่ไม่โกรธปกตินั้น
เมื่อโกรธก็มักจะเพ่งโทษไปที่ผู้อื่น
ว่าเป็นเหตุให้ความโกรธเกิดขึ้น
คือ มักจะไปคิดว่าผู้อื่นนั้นพูดเช่นนั้น
ทำเช่นนั้นที่กระทบกระเทือนถึงผู้โกรธ
การเพ่งโทษผู้อื่นเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการทำให้จิตใจตนเองสบาย
ตรงกันข้าม กลับเป็นการเพิ่มความไม่สบายให้ยิ่งขึ้นเพียงนั้น
แต่ถ้าหยุดเพ่งโทษผู้อื่นเสีย
เขาจะพูดจะทำอะไรก็ตาม อย่าไปเพ่งดู
ให้ย้อนเข้ามาเพ่งดูใจตนเอง
ว่ากำลังมีความสุขทุกข์อย่างไร มีอารมณ์อย่างไร
ใจจะสบายขึ้นได้ด้วยการเพ่งนั้น
กล่าวสั้นๆ คือ การเพ่งดูผู้อื่นทำให้ตนเองไม่เป็นสุข
แต่การเพ่งดูใจตนเองทำให้เป็นสุขได้
แม้กำลังโกรธมาก หากเพ่งดูใจตนเองให้เห็นว่ากำลังโกรธมาก
ความโกรธก็จะลดลง
เมื่อความโกรธน้อย หากเพ่งดูใจตนเองให้เห็นว่ากำลังโกรธน้อย
ความโกรธก็จะหมดไป
จึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะกำลังมีอารมณ์ใดก็ตาม
โลภหรือโกรธ หรือหลงก็ตาม
หากเพ่งดูใจตนเองให้เห็นอารมณ์นั้นแล้ว
อารมณ์นั้นจะหมดไป ได้ความสุขมาแทนที่ทำให้มีใจสบาย
ทุกคนอยากสบาย แต่ไม่ทำเหตุที่จะให้เกิดเป็นความสบาย
ดังนั้น จึงยังหาผู้สบายได้น้อยเต็มที
ยิ่งกว่านั้น ทั้งๆ ที่ทุกคนอยากสบาย
แต่กลับไปทำเหตุที่จะให้ผลเป็นความไม่สบายกันเป็นส่วนมาก
ดังนั้น จึงได้รับผลเป็นความไม่สบายตามเหตุที่ทำ
เพราะดังได้กล่าวแล้ว ทำเหตุใดต้องได้รับผลของเหตุนั้นเสมอไป
เหตุดีให้ผลดี เหตุชั่วให้ผลชั่ว
เหตุแห่งความสุขให้ผลเป็นความสุข
เหตุแห่งความทุกข์ให้ผลเป็นความทุกข์
ต้องทำเหตุให้ตรงกับผล
จึงจะได้ผลที่ปรารถนาต้องการ
ควรมีสติระลึกถึงความจริงนี้ไว้ให้สม่ำเสมอ
ใจที่ไม่มีค่า คือ ใจที่ร้อนรนกระวนกระวาย
ใจที่มีค่า คือ ใจที่สงบเยือกเย็น
นำความจริงนี้เข้าจับ ทุกคนจะรู้ว่าใจของตนเป็นใจที่มีค่าหรือไม่มีค่า
ความโกรธทำให้ร้อน ทุกคนทราบดี
จึงน่าจะทราบต่อไปด้วยว่า ความโกรธเป็นสิ่งที่ทำให้ใจไม่มีค่า
หรือทำให้ค่าของใจลดน้อยลง
ของมีค่ากับของที่ไม่มีค่าอย่างไหนเป็นของดี อย่างไหนเป็นของไม่ดี
อย่างไหนควรปรารถนา อย่างไหนไม่ควรปรารถนา ก็
เป็นที่ทราบกันดีอยู่อย่างชัดแจ้ง
แต่เพราะขาดสติเท่านั้น จึงทำให้ไม่ค่อยได้รู้ตัว
ไม่สงวนรักษาใจของตนให้เป็นสิ่งมีค่าพอสมควร
ต้องพยายามทำสติให้มีอยู่เสมอ จึงจะรู้ตัว
สามารถสงวนรักษาใจให้เป็นสิ่งที่มีค่าได้
คือ สามารถยับยั้งความโลภ ความโกรธ ความหลง
มิให้เกิดขึ้นจนเกินไปได้
สามัญชนยังต้องมีความโลภ ความโกรธ ความหลง
แต่สามัญชนที่มีสติ มีปัญญา มีเหตุผล
ย่อมจะไม่ให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง
มีอำนาจชั่วร้ายเหนือจิตใจ
ย่อมจะใช้สติ ใช้ปัญญา ใช้เหตุผล ทำใจให้เป็นใจที่มีค่า
วิธีฝึกใจไม่ให้โกรธ
พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก