เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 28, 2024, 06:24:42 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ใน จชต. จากแพทย์ทหาร  (อ่าน 7148 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 12 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
m620- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 67
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 668



« เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 03:10:08 PM »

ลองอ่านดูครับ
วันนั้น (31 พ.ค.50) เวลาราว ๆ บ่ายโมงเศษ ๆ เรากำลังจะกินข้าวเที่ยง ยังเดินไปไม่ทันถึงโต๊ะกินข้าว นายสิบสื่อสารก็โผล่พรวดเข้ามาบอกว่า "พวกเราโดนยิง!!" เราเลยต้องเปลี่ยนทางเดินไปห้องวิทยุแทน...

ได้ความว่า มี กพ.ของ ฉก.เรา โดนซุ่มยิงที่ บ.อูแบ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา โดนที่ท้อง รอง ผบ.ร้อย.ของ กพ.ชุดนั้นก็รีบจัดทีมช่วยเหลือ ร้องเรียกฮัมวี่ แล้วก็พุ่งออกไปเป็นขบวนแรก มุ่งไปที่เกิดเหตุ ส่วนเรานั้นก็ย้ำไปว่า ให้พาคนเจ็บมาปฐมพยาบาลที่ รพ.บันนังสตาก่อน เพื่อจะได้ stable พอที่จะส่งต่อไป รพ.ศูนย์ยะลาได้ จากนั้นเราก็วิ่งไปคว้าเสื้อเกราะ หมวกเคฟลาร์ พร้อมกับตะโกนเรียกทีมเสนารักษ์ให้ออกปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นระหว่างรอลูกทีมแต่งตัว เราก็วิ่งไปขับรถมาจอดรอที่หน้าเต็นท์ "ที่พยาบาลกองพัน" เสนารักษ์ที่ไปกับเราได้มีเพียงแค่สามนายเท่านั้น เพราะคนอื่นต้องเข้าเวรยาม รปภ.ฐานด้วย อีกส่วนหนึ่งก็อยู่ระหว่างลาพัก ดังนั้นทั้งคันก็มี กพ.ไปสี่นายเท่านั้น แล้วพวกเราก็พุ่งออกจากฐานเป็นชุดที่สอง แต่มุ่งไป รพ.บันนังสตา
ทีมห้องฉุกเฉิน รพ.บันนังสตานั้นทราบแล้วว่าเกิดเหตุซุ่มยิง จนท.ทหาร แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด ทันทีที่เราเปิดประตูห้องฉุกเฉินเข้าไป พี่ ๆ พยาบาลก็ถามทันที
"กี่คนคะหมอ"
"คนเดียวครับ โดนเข้าที่ท้อง" เราตอบไป
ขณะเดียวกันสังเกตเห็นว่า ทาง รพ.ก็กำลังเตรียมรับเคสอย่างเร่งด่วน คนไข้เดิมได้รับการเคลียร์ออกจากห้องฉุกเฉิน ถุงมือ disposable ก็ได้นำมาแจกจ่ายให้เราและลูกน้องเสนารักษ์ทั้งหลาย น้ำเกลือ และเวชภัณฑ์อื่น ๆ ได้รับการนำมาจัดตั้งให้พร้อมหยิบฉวยได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นแพทย์เวรสองคนของทาง รพ.ก็เข้ามาช่วยเตรียมการ ขณะที่ด้านในกำลังเตรียมสถานที่และอุปกรณ์กันอย่างเร่งรีบ ด้านหน้า รถของทีมช่วยเหลือที่เข้าไปรับคนเจ็บจากทีเกิดเหตุก็มาถึง จ.ส.อ.บุญยัง แก้วเกตุ นายสิบผู้ประสบเหตุยังคงรู้สึกตัว มีเสียงแสดงความเจ็บปวด เสื้อถูกตัดออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นรอยถลอกและรอยช้ำบริเวณกลางหน้าอกพร้อมทั้งรอยแผลเล็ก ๆ ใต้ราวนมขวา แทบไม่มีเลือดออกภายนอกให้เห็นในบริเวณดังกล่าว มี decreased breath sound (Lt<Rt) คลำได้ subcutaneous emphysema รอบแผลเล็ก ๆ ใต้ราวนมขวานั้นและต่ำลงมาตามแนวนหน้าอก pulse เร็ว 150 กว่า ๆ ความดันกำลังอยู่ระหว่างการวัด แต่ ICD ได้ถูกใส่เข้าไปยังอกด้านขวาก่อน ได้ลมออกมาไม่มากนัก พี่พยาบาลแทงน้ำเกลือพร้อมกันสองเส้นทันที จากนั้นอกด้านซ้ายก็ได้รับการใส่ ICD ตามมา ระหว่างกำลังเตรียมการใส่ ICDข้างซ้ายนี้คนเจ็บซึมลงอย่างรวดเร็ว ฟังปอดอีกครั้ง Lt. breath sound absent ไปเสียแล้ว! คลำ pulse ได้เร็วและเบา คนไข้ได้รับการ intubate ทันที พร้อมกับที่ ICD ข้างซ้ายใส่เสร็จ เมื่อต่อสาย ICD ด้านซ้ายลงขวดเสร็จและปล่อย Clamp ที่บีบสายไว้ เลือดก็พุ่งผ่านสาย ICD เข้าไปในขวดอย่างรวดเร็วทันที และเต็มขวดแรกในเวลาอึดใจเดียว ฟังปอดได้ยินเสียงหายใจชัดเจนขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังเบามาก ICD ขวดที่สองของข้างซ้ายเต็มไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็วเช่นกัน ถึงตอนนี้คนไข้ดูเหมือนจะไม่ได้หายใจเอง แต่หายใจตามจังหวะการบีบ Ambu bag เท่านั้น pulse เบาลงมาก EKG พบว่า HR ลดลงด้วย
เมื่อต่อ ICD ขวดที่สามนั้น เลือดไหลออกจากสายด้านซ้ายช้าลงเรื่อย ๆ แต่คนไข้ไม่มี pulse ไปเสียแล้ว!!!

การทำ CPR จึงเริ่มขึ้นทันที iv เส้นที่สามถูกเปิดขึ้นอย่างรีบด่วนและเลือดสำรองทั้ง รพ.ซึ่งมีอยู่จำนวนสี่ถุงถูกจอง ทำ matching และนำมา warm เพื่อเตรียมใช้กู้ชีพ ขณะนั้นปรากฏว่าการบีบ Ambu bag และการทำ Chest compression นั้นมีแรงต้านมากขึ้นเรื่อย ๆ...

"ทำไมปั๊มไม่ลง? ICD ยังเวิร์คมั้ย?" เราถาม
ปรากฏว่าด้านขวานั้นยังเวิร์คดี แต่ข้างซ้ายไม่มี fluctuation...

"สงสัย clot" เพื่อนหมอคนหนึ่งบอก พร้อมทั้งลองยืดหดสายยางที่ต่อกับท่อ ICD ซึ่งเป็นการสร้างแรงดูดเป็นจังหวะเพื่อช่วยให้ Clot หลุด ซึ่งก็ได้ผล เลือดพุ่งออกมาผ่านทางสาย ICD อีก และแรงต้านในการบีบ Ambu bag และการทำ chest compression ก็ลดลงทันที แต่ครู่เดียวก็เป็นแบบเดิมอีก คือเลือดไม่ออก และหน้าอกก็มีแรงต้านเพิ่มขึ้น พร้อมกับหัวใจที่เต้นช้าลงมาก...

การยืดหดสายยางที่ต่อจากท่อ ICD นั้นได้ผลแต่ก็เพียงชั่วคราว เลือดที่ระบายออกมาได้นั้นมีจำนวนมาก แต่ครู่เดียวก็จะหยุดไหล และก็คั่งอยู่ภายในช่องอกจนทำให้บีบ Ambu bag ไม่ได้และปั๊มไม่ลงอีกเช่นเดิม HR ใน EKG ก็เกือบไม่เหลือแล้ว...ICD ด้านซ้ายท่อที่สองจึงถูกดำเนินการ และเกิดเป็นภาพทั้งสองที่เห็นอยู่นี้ เมื่อใส่เสร็จ เลือดออกจากช่องปอดซ้ายเร็วยิ่งกว่าท่อแรก เต็มสามขวดในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทรวงอกของคนเจ็บก็ไม่มีทีท่าว่าแรงต้านจะลดลง พร้อมทั้งหน้าท้องที่โป่งขึ้นทุกที ๆ และเคาะทึบ พี่ ๆ พยาบาลได้ช่วยกัน push ทั้งเลือดและน้ำเกลือผ่านทาง iv ทั้งสามเส้นเพื่อชดเชยการเสียเลือดให้เร็วที่สุด....แต่ในที่สุด EKG ก็กลายเป็น Asystole แม้จะได้รับการ CPR อย่างต่อเนื่องตลอดห้วงเวลาประมาณ 40 นาที...เลือดทั้ง 4 ถุงถูกให้แก่คนไข้หมดไปแล้ว พร้อมทั้งน้ำเกลืออีกไม่น้อยกว่าหกขวด...เลือดที่ออกทาง ICD นั้นก็ดูเจือจางลงทุกที...หน้าท้องที่โป่งขึ้น และแรงต้านในช่องอกที่ไม่ยอมลดลงเท่าใดนัก...
ประมาณ 50 นาทีผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็วโดยที่พวกเราไม่มีเวลาแม้แต่จะเงยหน้าดูเวลา...คนไข้ไม่มี sign ใด ๆ ที่ตอบสนองต่อการรักษา เลือดยังคงออกทาง ICD โดยที่ EKG นั้น Completely asystole มาระยะหนึ่งแล้วทั้งที่มีการ CPR และให้ Adrenaline ตามวงรอบตลอดเวลา...เมื่อหันมาพิจารณาพบว่า เราใช้เลือดไปจนหมด รพ.บันนังสตา รวมทั้งน้ำเกลืออีกหกขวด แต่ขณะเดียวกันคนเจ็บเสียเลือดออกมาทาง ICD ถึง 8 ลิตร (8 ขวด) และยังคงออกอีกเรื่อย ๆ ยังไม่นับในช่องท้องอีกหลายลิตรที่โป่งขึ้นทุกที ๆ ปริมาณเลือดที่จ่าบุญยังเสียไปนี้มากกว่าปริมาณเลือดทั้งหมดในร่างกายของแกเสียอีก ส่วนที่เกินออกมาก็คงเป็นเลือดสี่ถุงนั้น และน้ำเกลืออีกหกขวดนั่นเอง...จนถึงตอนนี้เราคงต้องยอมรับว่า จ่ายังได้จากเราไปแล้ว....สุดปัญญาที่เราจะช่วยแกไว้ได้....

เมื่อเห็นบรรดาทีมแพทย์และพยาบาลค่อย ๆ วางมือ หยุดน้ำเกลือและการให้ยากระตุ้นหัวใจ แลเริ่มทำความสะอาดร่างกายของจ่าบุญยัง เพื่อนทหารของ ฉก.12 ที่รอดูอยู่ห่าง ๆ อย่างกระวนกระวายก็คงจะทราบว่า ความหวังของจ่าบุญยังได้หมดสิ้นลงแล้ว ทุกคนต่างยืนซึม มีบางคนเข้ามายืนดู แล้วทำตาแดง ๆ กลับหลังหันเดินออกไป บางคนหันมาจ้องหน้าเราด้วยสายตาที่เหมือนจะขอร้องว่า ในฐานะที่เราเป็นหมอคนเดียวของหน่วย...เราไม่ควรจะหยุดเพียงเท่านี้ ทำอะไรเข้าสักอย่าง...แต่ทุกคนก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าไม่หมดหวังจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเราเองหรือเพื่อนหมอที่อยู่เวรในวันนั้น ก็ย่อมต้องไม่หยุดความพยายามแน่ เรานั้น ขณะนั้นก็รู้สึกทั้งเสียใจ และอึดอัดในใจอย่างบอกไม่ถูก สะเทือนใจด้วยที่เห็นเพื่อนร่วมหน่วย เห็นจ่าที่เคยแวะมานั่งคุยกับเราในฐาน เคารพและให้เกียรติเราตามสมควรในฐานะนายทหาร....ต้องมาเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาทั้งที่เราและเพื่อน ๆ ได้พยายามกันเต็มที่แล้ว พร้อมทั้งความจริงที่รู้อยู่เต็มอกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ลักษณะนี้ มันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในบันนังสตานี่แน่นอน จะต้องมีความเสียใจแบบนี้เกิดขึ้นอีก เพียงแต่ว่าเกิดกับใคร...มันได้อะไรขึ้นมาบ้างกับการกระทำสิ่งเหล่านี้....
เสียใจด้วยนะ...." เพื่อนหมอคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกกับเรา

จากนั้นก็มีข่าวตามมาว่าเกิดเหตุปะทะระหว่างโจรใต้กับทหารพราน ในละแวกใกล้เคียงกับที่ จ่าบุญยังถูกซุ่มยิงนั่นเอง ทำให้มีทหารพรานเสียชีวิตหนึ่งนาย และบาดเจ็บอีกสองนาย ความเศร้าสลดจากเหตุการณ์ของจ่าบุญยังจึงต้องถูกพักไว้ชั่วคราว พร้อมกับการเคลียร์ห้องฉุกเฉินเตรียมรับผู้ป่วยรายใหม่ ทีมเสนารักษ์ของเราจึงยังไม่กลับหน่วย เพื่อที่จะช่วยกันดูแลเจ้าหน้าที่ทหารพราน ซึ่งก็ต้องนับว่าเป็นเพื่อนร่วมรบที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารราบอย่างพวกเราเช่นกัน และมีบทบาทมากในพื้นที่สาม จชต.นี้

หลังจากรออยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าคนเจ็บจะถูกนำส่งมาถึง รพ. เมื่อวิทยุไปถามก็ได้ความว่าที่ล่าช้าเพราะมีการปะทะต่อเนื่อง และไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเส้นทางส่งกลับ จึงได้มีการติดต่อขอรับการส่งกลับทางอากาศไปแล้ว แต่ถ้าควบคุมสถานการณ์ได้ จะนำส่ง รพ.บันนังสตาเพื่อ stabilize ผู้ป่วยก่อน พวกเราจึงต้องเตรียมพร้อมต่อไป

หลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่ ก็มีเสียง ฮ.บินผ่านไปในทิศทางของที่เกิดเหตุ แล้วเงียบไปพักหนึ่ง...จากนั้นครู่ใหญ่ ก็มีเสียงบินขึ้นอีกครั้ง กลับไปยังทิศทางที่บินมา พวกเราได้แต่มองตากันไปมาด้วยความสงสัยว่าตกลงคนเจ็บจะมาที่นี่หรือไปกับ ฮ. แล้ว การสอบถามทางวิทยุทำได้ลำบาก เนื่องจากกำลังส่งของเครื่องในมือเราก็น้อยนิด...และในห้วงที่เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องแบบนี้ คงมีการวิทยุไปรายงานเหตุการณ์และซักถามข้อมูลต่าง ๆ จากหลายฝ่ายกันเซ็งแซ่ จนกระทั่ง จนท.สื่อสารไม่ได้ยินที่เราเรียกวิทยุไป...

แต่ไม่นานนักหลังจาก ฮ.บินกลับไป ในที่สุดรถกระบะของทหารพรานก็แล่นเข้ามาจอดหน้าห้องฉุกเฉิน พวกเราซึ่งรออยู่แล้วก็มุ่งไปยังท้ายรถทันที แต่แทนที่จะพบคนเจ็บสองรายดังที่คาดหมาย กลับเห็นผ้าขาวม้าผืนใหญ่คลุมบางสิ่งที่หงิกงอและโผล่บางส่วนที่เป็นรอยไหม้ดำเป็นตอตะโกออกมาให้เห็นแทน...เมื่อพิจารณาดูให้ดี ก็พบว่า นั่นเป็นศพของทหารพรานนายหนึ่งซึ่งมีสถาพที่ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะกระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเช่นนี้ จากการชันสูตร พบรอยกระสุนจากอาวุธสงครามหลายแห่งตามร่างกาย มีแผลหนึ่งที่ขาหนีบซึ่งมีลำไส้ทะลักออกมา ที่สำคัญก็คือ มีรอยถูกเชือดคอจนหลอดลมและกล้ามเนื้อส่วนใหญ่ขาดวิ่นจนเหลือกล้ามเนื้อและหนังด้านซ้ายเพียงนิดเดียวที่ยังยึดให้ศีรษะติดอยู่กับร่างกายได้ และเกือบทั่วทั้งตัวเป็นรอยไหม้ดำเกรียมจากการถูกราดน้ำมันและจุดไฟเผา...
บันทึกการเข้า
m620- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 67
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 668



« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 03:12:07 PM »

เมื่อการชันสูตรเสร็จสิ้นลง ผู้พันของเราก็เดินทางมาถึง รพ.บันนังสตาพอดี หลังจากเพิ่งไปรับมือกับเหตุวุ่นวายเนื่องจากมีม็อบปิดถนนเกิดขึ้นในพื้นที่บันนังสตาตลอดช่วงเช้าถึงบ่าย ซึ่งม็อบนี้เองทำให้ทหารราบ และทหารพรานชุดนี้ต้องใช้เส้นทางที่ฝ่ายตรงข้ามได้วางพื้นที่สังหารรอไว้แล้ว การเกิดม็อบเป็นการบังคับให้ จนท.ต้องเดินทางไปในเส้นทางที่มีกับดัก และครั้งนี้กับดักดังกล่าวก็ได้ทำให้เกิดการสูญเสียจนได้....ผู้พันได้เข้าเยี่ยมศพของผู้เสียสละทั้งสองนาย เดิมผู้พันเราเป็นคนพูดน้อยอยุ่แล้ว ครั้งนี้ดูจะเคร่งขรึมไปกว่าเดิมมาก สีหน้าคล้ำเครียด...ผู้พันของเรานำหน่วยมาปฏิบัติภารกิจที่ใต้ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่จ่าบุญยังเป็นรายแรกที่เป็นลูกน้องของท่านโดยตรงตั้งแต่ที่หน่วยปกติแล้วมาสละชีพในราชการสาม จชต.นี้ ก่อนหน้านี้ เราเองไม่ได้อยู่ในหน่วยมานานพอที่จะทราบความผูกพันระหว่างผู้พันกับจ่าบุญยัง แต่ภาพที่ท่านเดินมาถึงร่างของจ่า เอื้อมมือมาจับข้อเท้าและตบเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจจ่าบุญยัง เม้มปากแน่นอยู่ถึงอึดใจใหญ่ ๆ แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือด้วยความสะเทือนใจว่า "กลับบ้านซะทีนะยัง...ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ..." และยืนซึมบีบข้อเท้าของจ่าบุญยังอยู่อย่างนั้นอยู่อีกครู่ใหญ่ จึงจะกลับหลังหันเดินกลับออกไปโดยไม่มองหน้าใครทั้งสิ้น ใครมาเห็นก็คงอดสะเทือนใจไปด้วยไม่ได้ เราเองก็รู้สึกชา ๆ ไปหมดทั้งตัว เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ในด้านการรักษาพยาบาลแล้ว กพ.ของ ฉก.12 ทั้งหมด ย่อมต้องหวังว่าเราจะเป็นที่พึ่งของพวกเขา ผู้พันท่านก็ต้องหวังว่าเราจะต้องช่วยรักษาชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านไว้ แม้จะแน่ใจว่าตัวเองและเพื่อน ๆ ได้พยายามสุดความสามารถแล้ว แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้...ยังไงเราก็ยังเสียใจ ฃณะนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองบกพร่องต่อความคาดหวังดังกล่าว...เรารู้สึกว่าในขณะนั้นเรามองหน้าบรรดา กพ.ของ ฉก.12 ได้ไม่เต็มตานัก...โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้พัน....

"จะจัดการยังไงกับศพคะ" พี่พยาบาลถามเรา
เราคิดไม่ออกแล้ว หัวสมองมันชา ๆ ก็เลยตอบไปว่า "ขอผมถามผู้พันก็แล้วกันนะครับ"

เมื่อไปเรียนถามผู้พัน ก็ได้รับคำสั่งให้นำส่งจ่าบุญยังไปยัง รพ.ศูนย์ยะลา เพื่อจะฝากไว้ที่ห้องเย็นของที่นั่น และเตรียมการสำหรับการส่งกลับภูมิลำเนาเพื่อกระทำพิธีทางศาสนาต่อไป
ส่งไปฝากเขาไว้แบบนี้ไม่มีปัญหาใช่มั้ยหมอ?" ผู้พันถาม
"คิดว่าไม่น่ามีปัญหามั้งครับ" เราตอบไปโดยที่ไม่มั่นใจนัก เพราะเราเองก็ไม่เคยเป็นคนติดต่อเพื่อฝากศพใคร แต่เราก็เห็นผู้พันทำท่าเหมือนกับว่าต้องการให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาจริง ๆ เพราะยังจะต้องมีรายละเอียดตามไปอีกมาก ทั้งการแต่งตัวให้ การจัดเตรียมโลง หรีด ธงชาติ และนัดหมายเวลากระทำพิธีและเที่ยวบินในการส่งศพทางอากาศกลับภูมิลำเนา ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องมีการประสานงานระหว่างหน่วย กับทาง รพ.ศุนย์ยะลา ผู้พันท่านคงคิดว่าจะเอาอย่างไร ให้ใครนัดหมายหรือเตรียมเรื่องอะไรดี ดูท่าทางผู้พันอ่อนล้าลงมากหลังจากวันนี้มีแต่เหตุวุ่นวายมาทั้งวันตั้งแต่เช้า และยังต้องสูญเสียลูกน้องไปในเหตุการณ์ด้วย

ดังนั้นเราจึงบอกผู้พันต่อไปว่า "ถ้ายังไง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหา ผมไปส่งจ่าบุญยังที่ รพ.ศูนย์ฯ ด้วยก็ได้ครับ"
ผู้พันดูเหมือนจะเหนื่อยเต็มที ท่านก็บอกมาว่า "เอายังงั้นก็ได้ ฝากหมอด้วยก็แล้วกันนะ มีอะไรก็โทรเข้ามา ระวังตัวมาก ๆ ด้วย"
เราก็รับคำ หลังจากนั้น ทางทหารพรานก็ได้แจ้งว่าจะร่วมขบวนไปด้วย เนื่องจากศพของทหารพรานจะฝากไว้ที่ รพ.ศูนย์ยะลาด้วยเช่นกัน

จริง ๆ แล้วเพื่อน ๆ ทุกคนก็คงจำได้ที่ อ.ของพวกเราที่ วพม.สอนไว้แล้ว ว่าการส่งกลับคนเจ็บนั้นเป็นหน้าที่สายแพทย์ แต่ถ้าส่งศพนั้นเป็นหน้าที่สายพลาธิการ หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนในกรณีนี้ก็คือ การนำส่งจ่าบุญยังไปยัง รพ.ศูนย์ยะลานั้นไม่ควรเป็นหน้าที่ของเราและทีมเสนารักษ์ แต่เราเองรู้สึกเสียใจ รู้สึกบกพร่องต่อความคาดหวังของ กพ.ใน ฉก.12 ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ทุกคนในหน่วยก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบล้นมือและตกอยู่ในภาวะตึงเครียดด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งใดที่พอจะเอื้ออาทร ยื่นมือช่วยเหลือกันได้ เราก็คิดว่าน่าจะช่วยเหลือกัน และเราเองในเมื่อช่วยชีวิตจ่าบุญยังไว้ไม่ได้ ก็ควรจะดูแลแกให้เต็มที่เป็นครั้งสุดท้าย จึงได้เสนอตัวเป็นผู้นำส่งไปยัง รพ.ศูนย์ยะลา และประสานรายละเอียดทางธุรการให้ในคราวนี้

แต่จากการอาสาคราวนี้เองที่ทำให้เราได้ผ่านประสบการณ์เฉียด...ไม่ได้ผ่านคนเดียว ยังพาลูกน้องเสนารักษ์ไปเสี่ยงด้วยอีกถึงสามคน ซึ่งเรากำลังจะเล่าให้ฟังต่อไป
เวลาราว ๆ หกโมงเย็น ขบวนส่งศพทหารกล้าทั้งสองนายจึงเคลื่อนออกจาก รพ.บันนังสตา พี่ ๆ พยาบาลนั้นสงสารเห็นว่าเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน และยังไม่ได้หยุดเลยจนเย็น จึงมอบกล้วยให้มาหวีหนึ่ง เผื่อแผ่ไปถึง กพ.นายอื่น ๆ ที่ก็คงจะหิวเช่นกัน (ขอบคุณครับ) ส่วนเพื่อนแพทย์เวรที่ รพ.บันนังสตา ก็ให้ขนมและข้าวโพดอีกจำนวนหนึ่งไว้รองท้องระหว่างเดินทาง แต่เรากินไม่ลง

คนขับรถพยาบาลของ รพ.บันนังสตานั้นมีทักษะในการขับขี่ที่สูง ด้วยรถตู้ที่อุ้ยอ้ายกว่ารถกระบะ แต่เขาสามารถขับด้วยความเร็วไปบนถนนที่คดโค้งบ้าง เป็นหลุมเป็นบ่อบ้าง มีด่านซิกแซ็กบ้าง และเป็นเส้นทางสายที่หนังสือพิมพ์บางฉบับเรียกให้ฟังดูน่ากลัวเวลาขายข่าวว่า "เส้นทางสายมรณะ" คือถนนเส้น 410 ยะลา-เบตงได้อย่างคล่องแคล่ว ชนิดที่รถกระบะซึ่งควรจะคล่องตัวกว่าอย่างรถเราเองยังขับตามลำบาก มันอาจเป็นความเคยชินของเขาเพราะเมื่อมีคนเจ็บที่เวลาแห่งความเป็นความตายกระชั้นเข้าไปทุกทีอยู่ในรถ เขาก็มัวขับอ้อยอิ่งอยู่ไม่ได้ คราวนี้คนไข้ในรถนั้นไม่มีความเร่งด่วนอีกแล้ว เขาเองก็ขับผ่อนคลายกว่าเวลาขับส่งคนไข้เร่งด่วนอยู่พอสมควรทีเดียว แต่กระนั้นก็ยังนับว่าเร็วและคล่องแคล่วกว่าการขับรถของคนทั่วไปมาก (เราเคยขับตามรถพยาบาลของ รพ.บันนังสตาที่กำลังส่งคนไข้ด่วนอยู่ครั้งหนึ่ง ขับเองด้วย บนถนนสายมรณะ 410 นี่แหละ เราเหยียบ 130-150 เกือบตลอดเส้นทาง แต่ก็ยังไม่เห็นแม้กระทั่งไฟท้ายรถพยาบาลด้วยซ้ำ)

ทุกคนในรถตระหนักดีว่าเส้นทางสายนี้อันตรายแค่ไหน ดังน้นก็ตื่นตัวพร้อมรับสถานการณ์กันทุกคน แต่จะระวังตัวอย่างไร ก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าฝ่ายตรงข้ามเล่นงานด้วยการวางระเบิดไว้ใต้ถนน ก็สุดที่จะป้องกันได้ รถที่ใช้ก็เป็นเพียงรถกระบะธรรมดาเช่นเดียวกับที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ (ถ้าจะว่ากันตามจริง แม้จะเป็นรถไม่เก่า แต่สภาพก็โทรมกว่ารถบ้านเสียอีกเนื่องจากการใช้งานหนัก) ไม่ได้เกราะหุ้มหรือมียุทโธปกรณ์ป้องกันพิเศษไปกว่ารถธรรมดาแต่อย่างใดทั้งสิ้น

จนท.รพ.ศูนย์ยะลาก็คงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ในแต่ละวันมีคนไข้ทั่วไปจำนวนมาก และเคสสถานการณ์ทั้งหลายทั่วทั้งจังหวัดยะลา ก็มารวมศูนย์กันอยู่ที่นี่ทั้งสิ้น แต่ทาง จนท.ก็ยังให้บริการแก่พวกเราเป็นอย่างดี หลังจากเราได้ประสานานทางธุรการ นัดหมายเวลาเรียบร้อย ก็เดินทางกลับพร้อมกับรถพยาบาลนั่นเอง แน่นอนว่าขากลับเราก็ต้องวิ่งอยู่บนเส้นทางชื่อดังอันดับต้น ๆ ของสาม จชต.อีกครั้ง โดยที่ไม่รู้ตัวสักนิดว่ามัจจุราชได้รออยู่ใต้ถนนนานแล้ว...ตั้งแต่ขามา และอาจมารออยู่หลายวันแล้วด้วยซ้ำไป
รถของพวกเรากลับถึงฐานปฏิบัติการในเวลาสองทุ่มเศษ ลูกน้องแยกย้ายกันไปพัก แต่เรายังพักไม่ได้ ต้องตรงไปรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ที่ รพ.บันนังสตาเมื่อตอนบ่าย ให้ผู้พันทราบเสียก่อน เพราะยังไม่มีโอกาสได้เล่ารายละเอียดใด ๆ เลยตั้งแต่เกิดเหตุ และแจ้งนัดหมายรายละเอียดต่าง ๆ ที่เตรียมการกับทาง รพ.ศูนย์ยะลา เพื่อจะจัดพิธีส่งจ่าบุญยังกลับบ้านพรุ่งนี้ให้ผู้พันทราบ จากนั้นเรายังไม่ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอย่างใดทั้งสิ้น แค่ถอดเสื้อเกราะกับหมวดเคฟลาร์วางไว้ แล้วก็นั่งกินข้าวเย็นคนเดียวด้วยความหิว เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง คนอื่นเขาก็กินข้าวกันไปหมดแล้ว อาหารที่ จนท.และเพื่อนหมอที่ รพ.บันนังสตาให้มา หลังจากแบ่งให้ลูกน้องแล้วก็เหลืออยู่เล็กน้อย เราก็จัดการเสียพร้อมกัน มื้อนี้ไม่อร่อยเอาซะเลย

หลังจากกินเสร็จก็มี กพ.คนอื่น ๆ ในฐานซึ่งยังไม่มีโอกาสได้สอบถามเหตุการณ์ ได้เข้ามาพุดคุยถึงเหตุการณ์ของจ่าบุญยัง ซึ่งก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไป บ้างก็มีกระแสว่า จ่าบุญยังเสียชีวิตเพราะช้ำในทั้งที่กระสุนยิงไม่เข้าเนื่องจากมีพระดี (ซึ่งในวันรุ่งขึ้นก็มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงเช่นนั้นด้วยเช่นกันว่ากระสุนไม่ระคายผิวเนื่องจากมีพระดี) แต่เสียชีวิตจากช้ำใน เราก็ได้อธิบายรายละเอียดและแก้ไขความเข้าใจผิดไปตามสมควร บรรยากาศแม้ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากทุกวันที่ผ่านมามากนัก แต่เรารู้สึกว่ามันมีความตึงเครียดแฝงอยู่ผิดไปกว่าทุกวัน

"วันนี้มันก่อเรื่องหลายเหตุการณ์ให้พวกเราหัวปั่น มันต้องลงมือทำอะไรอีกแน่ บอกให้เตรียมพร้อมกันด้วย"
ผู้พันพูดขึ้นขรึม ๆ ขณะที่พวกเรากำลังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์กัน อย่างที่บอกไปแล้วว่าปกติผู้พันของเราเป็นคนพูดน้อย เมื่อไหร่ที่ท่านพูด จึงมองข้ามไม่ได้ ดังนั้นเราจึงผละจากวงสนทนา เดินออกมาจาก บก.พัน. มายัง ทก.ตอนเสนารักษ์ เรียกบรรดาเสนารักษ์ทั้งหลายมาสั่งการว่าให้เตรียมพร้อม แล้วก็เดินกลับไปทาง บก.พัน. ยังไม่ทันไร...เสียงสัญญาณเตือนภัยเตรียมพร้อม 100% ก็ดังขึ้น!!!

"เกิดอะไรขึ้น?" เราวิ่งเข้าไปในห้องวิทยุ
"มันยิงแหย่ฐานย่อยที่ตาเนาะฯ ครับ" จนท.สื่อสารนายหนึ่งตอบ ฐานย่อยดังกล่าวนี้อยู่ที่ ร.ร.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา
"ชป.รพศ.ก็โดนครับ แถว ๆ นั้นเหมือนกัน" มีเสียง จนท.สื่อสาร คนไหนจำไม่ได้ บอกตามมา
ในระยะหลังมานี้ พื้นที่บันนังสตา เวลาโจรก่อเหตุ มักจะก่อที่เดียวหลายจุด เพื่อดึงดูดความสนใจให้สับสนและเกิดความวุ่นวายในข่าวสารและการสั่งการ ยิ่งถ้าเป็นการก่อเหตุในลักษณะก่อกวน เช่น การจุดประทัดยักษ์ (ซึ่งเสียงคล้ายเสียงปืน) ให้ได้ยินรอบฐานทหาร ตร. หรือการยิงแหย่ที่ไม่ได้หวังจะเอาชีวิต มักจะทำเพื่อดึงดูดความสนใจไปจาก "จานหลัก" ที่เป็นงานใหญ่และหวังผล ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ในลักษณะก่อกวนในพื้นที่ ฐานปฏิบัติการอื่น ๆ นั้นจะนิ่งนอนใจว่า "ไม่เกี่ยวกะกู กูไม่ได้โดนยิงด้วย" นั้นไม่ได้ เพราะในเมื่อเหตุที่เกิดที่อิ่น เป็นเหตุ "เรียกน้ำย่อย" ทีนี้ "จานหลัก" อาจจะเป็นฐานของตนก็ได้ ดังนั้นเมื่อมีเหตุลักษณะยิงแหย่ในพื้นที่ใกล้เคียง ฐานกองพันจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือด้วยเช่นกัน

"มีคนเจ็บมั้ย?" ผมถามย้อนกลับไปทันที
"ไม่มีครับ ยิงรบกวนเฉย ๆ" คือคำตอบที่ได้กลับมา
เรารีบวิ่งย้อนออกมาจาก บก.พัน ไปยังพื้นที่รับผิดชอบของตอนเสนารักษ์อีกครั้ง พบว่ามี กพ.บางส่วนไม่ได้ยินสัญญาณเตือนภัย จึงได้รีบแจ้งเหตุการณ์กระจายข่าวให้ กพ.ทราบ และตรวจสอบว่าแต่ละคนเข้าประจำพื้นที่รับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็กวาดตาดูเพื่อจำไว้ว่าใครอยู่ตรงไหน เพื่อที่หากเกิดเหตุการณ์เพิ่มเติมจะได้เรียกตัวผู้ปฏิบัติได้ แล้วเราก็วิ่งกลับเข้าไปฟังข่าวใน บก.พัน. ต่อ

ขณะนั้นสามทุ่มกว่า พอกลับเข้ามาใน บก.พัน.อีกครั้ง ก็ได้รับข่าวที่น่าตกใจกว่าเดิม
"ระเบิดรถทหารพรานครับ!!! ตายคาที่แปดแล้ว อีกสี่เจ็บสาหัส!"...นายสิบคนหนึ่งแจ้งข่าวให้ทราบพร้อมทั้งบุ้ยปากไปทางห้องวิทยุ
นี่ยังไง...จานหลักของมัน....ปรากฏขึ้นแล้ว...โดนเข้าจนได้

เราวิ่งเข้าไปในห้องวิทยุทันที ขณะนั้นในห้องวิทยุกำลังวุ่นวาย เสียเซ็งแซ่ของวิทยุหลากหลายคลื่นดังปนเปกันไปหมด ทั้ง ตร. ทหารราบ และทหารพราน แล้วยังมีโทรศัพท์เข้ามาอีกตลอดเวลา ผู้พันอยู่ในห้องด้วย และกำลังสั่งการกับรองผู้พัน ฝ่ายอำนวยการต่าง ๆ อีกทั้งสลับกับคุยโทรศัทพ์ทั้งมือถือและเบอร์ของฐานวุ่นวายไปหมด จนท.สื่อสารทุกนายมือเป็นระวิง หูต้องรับฟังทั้งวิทยุตรงหน้าของตัวเอง คำสั่งของผู้บังคับบัญชา และตอบคำถามของคนอื่น ๆ ที่โผล่หน้าเข้าไปในห้องนั้น (เช่น ฝ่ายอำนวยการต่าง ๆ และเรา เป็นต้น)
บันทึกการเข้า
m620- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 67
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 668



« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 03:15:52 PM »

....แปดศพคาที่ทันที! อีกสี่เจ็บสาหัส!...ระเบิดลูกนี้แรงมาก....เราคิด...รถฮัมวี่หุ้มเกราะหนักหลายตันของหน่วยเราเคยโดนวางระเบิดชนิดพลิกหงายท้องตกจากถนน แต่ห้าคนในรถไม่มีใครเสียชีวิต ระเบิดที่แรงขนาดทำให้รถรบหนักหลายตันพลิกและตกถนนได้ ยังไม่สามารถทำให้คนตายพร้อมกันทันทีแปดคนได้เลย...ลูกนี้ต้องแรงกว่านั้นมาก

"เหตุเกิดตรงไหน? คนเจ็บทำยังไง? มีใครนำส่ง รพ.รึยัง?" เราถามต่อเป็นชุดทันที
คำตอบนั้นไม่ได้รับในทันที ต้องมีการถามไปถามมาวุ่นอยู่อีกครู่หนึ่ง จึงสรุปได้ว่า เกิดระเบิดบนถนนเส้น 410 สายมรณะนั่นเอง ตรงบริเวณ บ.ทำนบ อ.บันนังสตา ซึ่งใกล้กับรอยต่อ อ.กรงปินัง ห่างจากฐานเราประมาณ 10 ก.ม. และอยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่าง รพ.บันนังสตา และ รพ.ศูนย์ยะลา พอดี...

"ฮั่มวี่สองคัน กระบะหนึ่งคัน เตรียมไปสมทบช่วยเค้า และรับคนเจ็บ เดี่ยวนี้!!!" เสียงผู้พันสั่งการ

ภายนอกห้องวิทยุก็กำลังวุ่นวายพอ ๆ กัน เสียงตะโกนโว้กเว้กตามตัวคนที่เกี่ยวข้องดังอยู่ตลอดเวลา คนที่ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก็ต้องเตรียมพร้อมให้มากขึ้น ตะโกนเรียกกันวิ่งเข้าแนว รปภ.ฐานกันอย่างเร่งรีบ เพราะตระหนักชัดแล้วว่า มันเอาแน่ และเอาหนักด้วย...
ระหว่างนี้เองทหารพรานได้แจ้งว่า จะนำส่งคนเจ็บเอง ไปยัง รพ.ศูนย์ยะลาเลย ผู้พันจึงให้รถกระบะซึ่งตั้งใจจะส่งไปช่วยรับคนเจ็บนั้น งดภารกิจ แต่ให้เตรียมพร้อมรออยู่บริเวณหน้า บก.พัน.และพร้อมออกได้ตลอดเวลา ส่วนฮัมวี่สองคันนั้นก็ได้พุ่งออกจากฐานมุ่งไปยังที่เกิดเหตุอย่างรีบด่วน

"ต้องให้ผมไปช่วยดูคนเจ็บมั้ยครับ?" เราถามผู้พัน

"ไม่ต้อง เค้านำส่ง รพ.ยะลาแล้ว" ผู้พันตอบสั้น ๆ แล้วหันไปติดต่อทั้งวิทยุและโทรศัพท์ต่ออย่างวุ่นวาย
เป็นอันว่าภารกิจในการรักษาพยาบาลของเราก็พ้นไป...ก็เหลือแต่การรับผิดชอบพื้นที่ในการ รปภ.ฐาน ช่วงนี้เราจึงมีเวลามานั่งคิด...

ระเบิดลูกนั้น...ตรงตำแหน่งที่เกิดเหตุนี้....บนถนนเส้น 410 เราเพิ่งนั่งรถผ่านไปอย่างเปิดเผยว่าเป็นรถทหาร เมื่อชั่วโมงเศษ ๆ ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง ผ่านทั้งขาไปและขากลับ...คล้อยหลังเพียงชั่วโมงเดียว มันได้ฆ่าคนไปทันทีแปดราย และสาหัสอีกสี่...ซึ่งต่อมาวันรุ่งขึ้น ทหารพรานทั้งสี่นายก็เสียชีวิตทั้งหมด และพบว่าสภาพศพมีการลงมาจ่อยิงซ้ำที่ศีรษะทุกราย อีกทั้งเอาปืนไปไปด้วย

เราไม่เชื่อว่า ระเบิดลูกนั้นจะเพิ่งถูกฝังลงใต้ถนนหลังจากเราผ่านพ้นมันมาแล้ว ชั่วโมงเศษก่อนเกิดเหตุ...มันต้องอยู่ที่นั่นอยู่แล้วแน่ ๆ อยู่ใต้ก้นเราตอนนั่งรถผ่านมันไป ทั้งขาไปและขากลับ มันต้องเฝ้ารอกดระเบิดอยู่แน่ ซึ่งก็แปลว่า มันต้องเห็นชัดเจนทั้งขาไปและขากลับเช่นกันว่ารถเราเป็นรถทหาร...ทหารพรานชุดนั้น อยู่บนรถกระบะธรรมดาเหมือน ๆ กับที่เราใช้ เช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งเราต้องไปร่วมพิธีส่งศพจ่าบุญยัง ก็ต้องไปทางถนนเส้น 410 นี้อีก และผ่านที่เกิดเหตุ หลุมบนผิวถนนนั้นกว้าง 2 ม. ลึก 1.5 ม. ซากรถทั้งคันกระเด็นไปไกลถึง 20 กว่าเมตร...และมีสภาพเป็นเพียงเศษเหล็ก ถ้ารถที่กำลังวิ่งคร่อมอยู่บนระเบิดลูกนั้นตอนที่มันกด เป็นรถเรา...คิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกขนลุกเมื่อตระหนักว่าได้เฉียดมรณะไปขนาดไหน...ในรถเรามีเพียงสี่ชีวิต...มันคงเห็นว่าจำนวนน้อยเกินไปมั้ง ไม่คุ้มกับระเบิด...
เราอยากจะย้ำกับตัวเองและเพื่อน ๆ ทุกคนที่กำลังร่วมเสี่ยงภัยอยู่ในพื้นที่สาม จชต. ขณะนี้ว่า ห้ามประมาท! ระวังให้มาก ๆ! แต่ว่า...เฮ้อ...ถ้ามันรอเราอยู่ใต้ถนนแบบนี้ จะห้ามประมาทยังไงถึงจะพอ จะระวังยังไงถึงจะรอด? ในเมื่อเรานั่งอยู่บนรถ...

เรายังไม่ท้อ ไอ้ความกลัวน่ะมันก็มี แต่ไม่ได้กลัวจนไม่กล้าที่จะต้องออกไปทำงานอีก เวลาออกไปทำงานก็ต้องวิ่งบนถนนเส้น 410 เกือบทุกวันมาจนจะครบปีแล้ว ถ้ามันจะต้องออกไปวิ่งอีกสักสี่เดือน มันจะต่างกันตรงไหน?

อยู่ในบันนังสตา โอกาสตายมีตลอดอยู่แล้ว ต่อให้อยู่ในฐานเฉย ๆ ก็ตาม ใครจะรับประกันได้ว่า อยู่ดี ๆ จะไม่มีลูก M-79 ตกปุลงมาระเบิดใส่ที่นอน ในเมื่อโจรอยู่รอบตัวแบบนี้

เราไม่เชื่อว่าทหารไทยเราจะมีขีดความสามารถต่ำกว่าโจร แต่ในเมื่อถูกสั่งว่า ห้ามรุก ก็ย่อมต้องตกเป็นฝ่ายรับโดยปริยาย ทีนี้คนจ้องหาจังหวะลงมือ ย่อมได้เปรียบคนระวังป้องกันอยู่แล้ว

ดังนั้นก็คงพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่า ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคน รวมทั้งตัวเราเอง โชคดี ปลอดภัย ก็แล้วกันนะครับ
บันทึกการเข้า
m620- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 67
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 668



« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 03:22:02 PM »

ของเมื่อวานครับ
โดยแพทย์ทหาร อีกคนหนึ่ง
ถึงเพื่อนๆทุกคน
มาวันนี้ก็เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดขึ้นอีกแล้ว ในพื้นที่อ.บันนังสตา กล่าวคือ เมื่อเช้านี้ทหารราบชุดลาดตระเวณ กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ก็เกิดเหตุถูกวางระเบิดและเข้ามาจ่อยิงที่ศีรษะซ้ำ ตายไปทั้งหมด7คน มีผู้เหลือรอดเพียงคนเดียว ซึ่งคาดว่ากลุ่มโจรมันคงหาไม่พบ แต่อาการก็สาหัสเหมือนกัน มีopen chest wound แต่ไม่มีpneumo/hemothorax มี multiple Fx Lt carpal bone and Rt humerous v/s stable หลังได้รับprimary Rx จากเพื่อนๆสาธาฯที่รพ. ก็referไปยังรพ.ศูนย์ยะลา เราก็นั่งรถไปด้วยพร้อมรถrefer พร้อมลูกน้อง1คน หลังส่งคนไข้เสร็จ ศพทหารกล้าอีก7ท่านก็มาถึงรพ. เรากับผู้กองทหารราบก็เข้าไปดูร่วมกัน เป็นภาพที่น่าเศร้า เกินจะบรรยาย .....อยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา ร่างของทุกคนถูกแรงระเบิด มีบาดแผลเต็มไปหมด ที่ศีรษะก็มีรอยถูกจ่อยิง กระโหลกเละ เกือบทุกคนก็แขวนพระและมีเครื่องลางของขลังกันหมด.... จากนั้นเรากับทหารราบก็กลับมาด้วยกัน เส้นทาง410 ยะลา-เบตง ทุ่งสังหาร ในใจก็รู้สึกปลงชีวิต ไม่รู้จะถึงคิวตัวเองเมื่อไหร่ ยิ่งช่วงอาทิตย์นี้ก็เป็นห้วงที่มันสมมติว่าเป็นวันสถาปนารัฐปัตตานีด้วย.....
ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว หวังเพียงอย่างเดียวว่าอย่าให้มีใคร โดยเฉพาะพวกเราเป็นอะไรไปอีกเลย สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนๆทุกคนโชคดี ดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกัน และที่เป็นวพม.25 กูไม่เคยเสียใจที่ถูกส่งลงใต้หรอก (แต่เสียใจที่ลงมาแล้วทำอะไรไม่ค่อยได้) หากมีอะไรไม่คาดคิด ก็ฝากดูแลครอบครัวกูด้วย นะ แล้วค่อยเจอกัน
บันทึกการเข้า
nine รักในหลวง
มนุษย์ล่วงทุกข์ได้ด้วย...ความเพียร
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 571


การเดินทางไกลนับหมื่นลี้....ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก


« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 03:48:19 PM »

อย่าท้อครับ...จะเป็นกำลังใจให้..จากใจจริงคนที่อยู่ในพื้นที่3จชตครับ
บันทึกการเข้า

หลังจากพายุผ่านไป..ท้องฟ้าสดใสขึ้นทันตา..อุปสรรคนานาก็ผ่านเลยไป..ชีวิตใหม่เริ่มก้าวเดินอย่างทรนง..แข็งแกร่งดุจหมู่เกาะ.....กลางคลื่นลม..
andaman
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 03:53:47 PM »

ทำไมเบื้องบนไม่สั่งการให้ใช้ ฮ. ในการเข้าช่วยเหลือ/ลำเลียงผู้บาดเจ็บ
บันทึกการเข้า
yotinpen
Sr. Member
****

คะแนน 17
ออฟไลน์

กระทู้: 888


« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 03:54:26 PM »

ถ่ายทอดเหตุการณ์ได้ละเอียดจริง ๆ ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายครับ
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 04:06:21 PM »

เป็นบทเขียนแบบยาวบทแรกที่ตั้งใจอ่านจนหมดพร้อมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ยอมรับว่าน้ำตาคลอเบ้ามีก้อนอะไรก็ไม่รู้มาจุกที่คอหอย ในใจแสนจะแค้นนัก

แค้นทั้งพวกสารเลว  ..........  แค้นทั้งพวกเราเองที่ปล่อยให้ลุกลามแล้วแก้ไขไม่ได้

แค้นที่ได้แต่ออกมาพล่ามเพราะผู้เสียสละเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติเขา ....... แค้นที่สุด

บันทึกการเข้า

                
Hong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 04:14:07 PM »

กูไม่เคยเสียใจที่ถูกส่งลงใต้หรอก (แต่เสียใจที่ลงมาแล้วทำอะไรไม่ค่อยได้) หากมีอะไรไม่คาดคิด ก็ฝากดูแลครอบครัวกูด้วย นะ แล้วค่อยเจอกัน


 Cry Cry Cry   บอกไม่ถูก  พิมพ์ แล้วลบ พิมพ์ แล้วลบ ไม่พิมพ์ดีกว่า  Huh Huh Huh
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 04:37:13 PM »

เป็นบทเขียนแบบยาวบทแรกที่ตั้งใจอ่านจนหมดพร้อมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ยอมรับว่าน้ำตาคลอเบ้ามีก้อนอะไรก็ไม่รู้มาจุกที่คอหอย ในใจแสนจะแค้นนัก

แค้นทั้งพวกสารเลว .......... แค้นทั้งพวกเราเองที่ปล่อยให้ลุกลามแล้วแก้ไขไม่ได้

แค้นที่ได้แต่ออกมาพล่ามเพราะผู้เสียสละเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติเขา ....... แค้นที่สุด



ความรู้สึกเช่นเดียวกับพี่ปูครับ คงจะมีสักวันที่ฝ่ายเราจะได้เอาคืนแบบสาสม
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
kok-krab
Full Member
***

คะแนน 2
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 201


« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 05:01:09 PM »

เศร้ามาก เจ็บใจมาก แค้นมาก ครับ................................
บันทึกการเข้า

We leave no man behind
หินเหล็กไฟ
ถึงตายไปก็ช่างมัน...ขอให้ชีวิตยังอยู่ก็พอ..
Hero Member
*****

คะแนน 1319
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12901



« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 05:06:44 PM »

 Angry Angry Angry Angry
บันทึกการเข้า

[img]http://i7.tinypic.com/333hiqw.jpg[/img
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 05:08:58 PM »

อ่านแล้วเข้าถึงอารมณ์ของทหารที่อยู่แนวหน้าครับ...

 
บันทึกการเข้า
น้าพงษ์...รักในหลวง
1911ต้อง.โค้ลท์.ที่เหลือคือก๊อปปี้.ลอกพี่.มะขิ่นครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 508
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9922


« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 06:11:27 PM »

อ่านแล้ว.พูดไม่ออกเลย.ได้แต่เจ็บ.ได้แต่แค้น.ไม่ใช่ลูกหลานพวกมันก็แล้วไป..
บันทึกการเข้า

...ประเทศไทย.ไม่ใช่ที่สำหรับใครที่จะมา.ฝึกงาน...
* ต้น *
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 9
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 708


:::::มังกรน้อย:::::


« ตอบ #14 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 06:51:25 PM »

เจ็บใจแทนครับ  อย่าเพิ่งท้อครับถ้าไม่มีพวกคุณแล้วพวกเราจะทำอย่างไรครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 22 คำสั่ง