เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 27, 2024, 04:14:18 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ  (อ่าน 7709 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 17 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« เมื่อ: มิถุนายน 16, 2007, 11:18:44 PM »

 Wink เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ

          ในความคิดของผู้ที่ต้องมนต์ในรสกลิ่นของกาแฟแล้วนั้น คำนิยามของกาแฟ ซึ่ง ชาร์ลส์ โมริช เดอ ตัลยีรองด์ กล่าวไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 นั้นย่อมไม่เกินเลยไปแม้แต่น้อย

       เรื่องเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของกาแฟนั้นมีมากมาย เรื่องหนึ่งเล่าขานกันมายาวนานและแพร่หลายคือ เรื่องของคนเลี้ยงแกะจากคาฟฟาเอธิโอเปีย ในปี ค.ศ.1000 เขาค้นพบว่า แกะในฝูงมักจะคึกคักหลังจากกิน "ผลเชอรรี่สีแดง" ชนิดหนึ่งเข้าไป
 
       วันหนึ่งเขาก็ลองกินดูบ้าง หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกสดชื่นคึกคักไม่ต่างกับฝูงแกะของเขา บาทหลวงองค์หนึ่งดุด่าที่เขานำผลไม้แห่งซาตานนั้นมาให้ผู้คนได้รู้จัก
 
       แต่เมื่อทานบาทหลวงได้ลองลิ้มผลของต้นไม้ชนิดเดียวกันนี้ดูบ้าง ท่านก็พบว่า ตนไม่ง่วงนอนขณะสวดมนต์อีกต่อไป
 
       นั่นจึงเป็นที่มาของการนำ ผลเชอรี่สีแดง หรือ ลูกของต้นกาแฟ มาเพื่อ การบริโภค

       ต้น กาแฟนั้นแรกมีที่ เอธิโอเปีย ก่อนจะถูกนำไปปลูกที่อาระเบีย แรกนั้นก็ปลูกให้สัตว์เลี้ยงกิน แต่ว่าชาวเติร์กเป็นชนชาติแรกที่นำกาแฟมา ผ่านกรรมวิธีเพื่อทำเป็นเครื่องดื่ม โดยมักจะเติมเครื่องเทศเข้าไปด้วย
 
       ต่อมากาแฟก็ถูกแนะนำออกไปสู่ดินแดนส่วนอื่นๆ ขณะนั้นคนบางกลุ่มคัดค้านและเรียกกาแฟว่าเป็น "เครื่องดื่มของปีศาจ"
 
       เมื่อโป๊ปวินเซนต์ ที่ 3 ตัดสินพระทัยที่จะลองดื่ม พระองค์จึงได้ค้นพบความอร่อยลึกล้ำของเครื่องดื่มที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางขึ้นจนถึงปัจจุบัน
 
       อิตาลีเป็นชาติหนึ่งที่มีกาแฟเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม คอฟฟี่เฮาส์แห่งแรกของโลกเกิดในอิตาลี เครื่องชงเอสเปรสโซเครื่องแรกก็กำเนิดที่นี่ จึงไม่แปลกที่ชื่อและศัพท์ที่ใช้ในแวดวงกาแฟส่วนใหญ่เป็น ภาษาอิตาเลียน

       ด้วยคุณลักษณะอันโดดเด่นทำให้เครื่องดื่มชนิดนี้เป็นที่นิยมของผู้คนมาเนิ่นนาน ในบ้านเรานั้นความนิยมดื่มกาแฟนั้นนับวันดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากการขยายสาขาของกาแฟยี่ห้อดังจากต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดตัวของกาแฟแบรนด์ไทย อีกทั้งคอฟฟี่เฮาส์ขนาดเล็กอีกมากมายที่ทำให้คอกาแฟมีตัวเลือก

       ด้วยมนต์แห่งกาแฟ ทำให้ในปัจจุบันความรู้ เรื่องเครื่องกาแฟก็เป็นที่นิยมศึกษา จากทั้งคนที่ปรารถนาจะมีธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟ รวมทั้งคนที่เพียงรักการดื่มกาแฟ
 
       วัชรี ลีวุฒินันท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและฝึกอบรมของโซลิโต้ เป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งทำหน้าที่ฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับกาแฟให้กับบุคลทั่วไป
 
       วัชรี ได้ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการดื่มประเภทนี้ว่า ....สายพันธุ์ของกาแฟนั้นมีอยู่ทั้งหมด 50 กว่าสายพันธุ์
 
       แต่ว่าสายพันธุ์ที่นิยมปลูกเพื่อการค้า มีอยู่ 2 สายพันธุ์คือ อราบิก้า และ โรบัสต้า
 
       ในประเทศไทยนั้นจะนิยมปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้า ทางภาคเหนือ และพันธุ์โรบัสต้า นิยมปลูกทางภาคใต้

       กาแฟพันธุ์อราบิก้า นิยมปลูกมากที่สุดในโลก เป็นกาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อมและมีลักษณะเด่นที่ลักษณะของกลิ่น อโรมาหรือเฟลเวอร์ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่มีกาเฟอีน น้อยกว่าโรบัสต้า พันธุ์โรบัสต้า มีรสชาติเข้มจนถึงขม เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มจึงเป็นที่นิยมและเหมาะสม ในการผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป ( Instant Coffee) หรือนำไปคั่วผสม (Blend) กับกาแฟสายพันธุ์อื่น มีกาเฟอีนมากกว่าอราบิก้า

       กาแฟมี 4 คุณลักษณะเด่นคือ อโรมา (Aroma) คือ กลิ่นหรือความรู้สึกแรกที่สัมผัส กาแฟ บอดี้ (Body) คือ ความรู้สึกเต็มอิ่มหรือน้ำหนักที่ทิ้งไว้ในปาก แอซิดิตี้ (Acidity) คือ ความซาบซ่าน กระชุ่มกระชวยที่ได้รับกาแฟ และ เฟลเวอร์ (Flavor) คือ ความรู้สึกโดยรวมที่รู้สึกได้ในปาก

       ก่อนที่เม็ดกาแฟจากต้นจะกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่เปี่ยมคุณลักษณะ 4 ประการข้างต้น ต้องผ่านกรรมวิธีมากมาย ที่สำคัญคือ การคั่วเมล็ดกาแฟ อันเป็นปัจจัยสำคัญของรสชาติกาแฟ เวลาและความร้อนเป็นสิ่งที่สร้างรสชาติหลากหลายให้กับกาแฟ
 
ระดับการคั่วเมล็ดกาแฟนั้น แบ่งเป็น
       1. ไลต์ โรสต์ (Light Roast) หรือ ชินนามอน โรสต์ (Cinnamon Roast) เป็นการคั่วแบบอ่อนที่สุด จะได้เมล็ดกาแฟสีน้ำตาลอ่อนแบบช็อกโกแลต

       2. มีเดียม โรสต์ (Medium Roast) หรือ ซิตี้ โรสต์ (City Roast) หรือ ฟูล ซิตี้ โรสต์ (Full City Roast) เป็นการคั่วที่ให้ความเข้มกว่ายังอยู่ในระดับปานกลาง แต่ให้รสชาติไม่เหมือนกัน โดยมีรสเข้มกว่า ออกรสหวานมากกว่าคั่วเมล็ดกาแฟนานประมาณ 11-15 นาที

       3. ดาร์ค โรสต์ (Dark Roast) หรือ เอสเปรสโซ โรสต์ (Espresso Roast) หรือ อิตาเลี่ยน โรสต์ (Italian Roast) คั่วเมล็ดกาแฟนานประมาณ 16-18 นาที เม็ดกาแฟสีเข้มมากจนเกือบดำรสชาติที่ได้จะมีสีความเข้มมาก คล้ายกลิ่นควันที่เกิดจากการคั่ว ซึ่งจะกลบรสชาติอื่นๆ ไว้จนหมด เป็นการคั่วที่ให้กลิ่นกาแฟอย่างเต็มที่ สำหรับกาแฟนั้นยิ่งคั่วนานปริมาณกาเฟอีน และความเป็นกรดยิ่งลดลง

       หลังจากคั่วและบดแล้ว กาแฟก็พร้อมที่จะถูกนำไปชงเพื่อดื่ม การเก็บรักษากาแฟนั้นควรเก็บในที่แห้ง ไม่มีความชื้น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดหรือความร้อนโดยตรง ถ้าเปิดซองกาแฟแล้วควรเก็บในภาชนะสุญญากาศและไว้ในที่แห้งและห่างจากแสงแดด กาแฟนั้นมักจะดูดซึมกลิ่นของสิ่งแวดล้อมได้ง่าย กาแฟอาจจะไม่เสีย แต่ว่ากลิ่นและรสจะไม่เหมือนเดิม

       เมื่อมีผงกาแฟแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือ อุปกรณ์ชงกาแฟ ซึ่งมีหลายชนิดคือ

       1.ไอบริค (Ibrik) อุปกรณ์ชงกาแฟดั้งเดิมของชาวตะวันออกกลาง ลักษณะเป็นทรงกรวย ทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดง การชงกาแฟในสไตล์ตะวันออกกลางจะเติมเครื่องเทศ ทำให้มีรสชาติที่แตกต่าง และในน้ำกาแฟมีผงของเม็ดกาแฟเหลืออยู่ ปัจจุบันยังมีการใช้เครื่องชงประเภทนี้อยู่

       2.แก้วชงกาแฟ (Coffee Plunger) หรือ เฟรนช์ เพรส (French Press) ชงโดยใช้ลูกสูบลักษณะของแก้วเป็นทรงกระบอกที่มีก้านโลหะอยู่ตรงกลาง มีส่วนที่ยื่นออกไปด้านบนสุดของก้านที่เป็นที่จับประกอบด้วยแผ่นกรอง (Filter) สแตนเลสสตีล ใช้กับกาแฟที่คั่วบดหยาบ

       3.เครื่องชงกาแฟแบบหยด (Drip) หรือแบบ กรอง ใช้หลักในการให้น้ำร้อนผ่านกาแฟคั่วบูนปานกลางที่บรรจุอยู่ในกระดาษกรอง แล้วน้ำกาแฟก็จะค่อยๆ หยดลงไปในโถรองด้านล่าง เครื่องนี้ต้องให้ความสำคัญกับความร้อนของน้ำที่ผ่านกาแฟ

       4.เครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ (Espresso Machine) การใช้น้ำร้อนที่มีแรงดันน้ำในหม้อต้ม (Boiler) อัดผ่านกาแฟคั่วบดละเอียดที่อัดในบล็อก (Porta Filter) ทำให้ได้หัวกาแฟเข้มข้นออกมา เครื่องชงแบบนี้ก็แบ่งออกเป็นหลายแบบ เช่น Super , Semi และ Fully Automatics

       เมื่อพูดถึงกาแฟ สิ่งที่ต้องพูดถึงคือ คาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในกาแฟ จากการศึกษาพบว่าหากบริโภคกาเฟอีนจำนวน 250-600 มิลลิกรัมเป็นประจำทุกวันจะไม่เป็นผลร้ายต่อคนทั่วไป ปริมาณกาเฟอีนจากเครื่องดื่ม 1 ถ้วย (ปริมาณ 150 มิลลิลิตร) ถ้าเป็นกาแฟดำจะมีปริมาณกาเฟอีน 30-120 มิลลิกรัม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่าละคนที่แตกต่างกัน

       และ หากเป็นนักดื่มกาแฟแท้แล้วคงต้องทำความรู้จักกับ เอสเปรสโซ ซึ่งหมายความถึงทั้งระดับการคั่วบด เพื่อดึงรสชาติของกาแฟออกมาให้มีความเข้มข้นของรสชาติและมีกลิ่นหอมหวาน คล้ายคาราเมลหรือที่เรียกว่า เอสเปรสโซยังเป็นชื่อเรียกระดับการบดที่ละเอียดมากเกือบเป็นผงว่าการบดแบบ เอสเปรสโซ

       กว่าจะได้ช็อตของเอสเปรสโซที่สมบูรณ์เพื่อรสชาติและกลิ่นอันพอเหมาะ มีหลายปัจจัยทั้งด้วยอุณหภูมิของน้ำร้อน ซึ่งควรอยู่ที่ 92-96 องศาเซลเซียส รวมทั้งการบดเม็ดกาแฟที่ละเอียดเหมาะสำหรับการใช้กับเครื่องชงเอสเปรสโซ นอกจากนั้นก็ต้องใช้ปริมาณกาแฟที่เหมาะสม ฯลฯ

       หลัง จากผ่านการชงจากเครื่องแล้ว เราก็จะได้กาแฟอันเข้มข้น ซึ่งจะเรียกว่า เอสเปรสโซ สามารถเสิร์ฟได้ทันที
       1 ช็อตของเอสเปรสโซก็ราว 1-2 ออนซ์
       เคล็ดลับของการดื่มเอสเปรสโซคือ มันจะมีอายุแค่ 10 วินาที จากนั้นก็จะตาย กลายเป็นกาแฟที่ขมไม่ได้รส
       หลังจากออกจากเครื่องแล้วพนักงานจะเสิร์ฟให้ผู้สั่งอย่างเร่งด่วน และผู้ดื่มก็ต้องดื่มทั้งๆ ที่ยังร้อนนั่นเองจึงกลายเป็นที่มาของการดื่มเสียงดังรวดเร็ว (Slurp) เพราะว่า จะช่วยให้ลดความร้อนของกาแฟได้
       เอสเปรสโซ จึงไม่ใช่เครื่องดื่มกาแฟสำหรับคนที่ชอบละเลียดดื่ม หรือคนที่ชอบกาแฟรสชาติอ่อนนุ่ม

       เอสเปรสโซ จะถูกนำมาชงเป็นเครื่องดื่มกาแฟแบบอื่นๆ อย่าเช่น เอสเปรสโซ มัคเคียอะโต (Espresso Macchiato) ซึ่งเป็นการนำกาแฟเข้มข้นมาเติมด้วยฟองนม (ในเครื่องชงเอสเปรสโซนั้น โดยปกติจะมีเครื่องตีฟองนมติดตั้งมาด้วย ทำได้โดยการนำนมใส่ในเหยือกแล้วนำไปตีกับเครื่อง ซึ่งจะส่งความร้อนให้นมอุ่นและส่วนบนจะกลายเป็นฟอง)
       ส่วนเอสเปรสโซ คอนพันนา (Espresso Conpanna) เป็นกาแฟเข้มข้นที่ราดด้านบนด้วยวิปครีม

       เอสเปรสโซสามารถนำมาผสมเป็นเครื่องดื่มร้อนอื่นๆ คือ คัฟเฟ่ ลาเต้ (เอสเปรสโซผสมด้วยนมร้อนเต็มแก้ว และฟองนม) คาปูชิโน (เอสเปรสโซและนมร้อนประมาณครึ่งแก้ว พร้อมฟองนมจนเต็มแก้ว) คัฟเฟ่ มอคค่า (เอสเปรสโซผสมมอคคาไซรัปหรือซ็อกโกแลต ตามมาด้วยนมร้อนจนเต็มแก้ว) คัฟเฟ่ อเมริกาโน (เอสเปรสโซผสมน้ำร้อน) นอกจากนั้นแอสเปรสโซก็นำมาผสมเครื่องดื่มเย็น เช่น ไอซ์ลาเต้ (เอสเปรสโซ ซ็อกโกแลต นมสด และน้ำแข็ง) ไอซ์อเมริกาโน (เอสเปรสโซ น้ำ และน้ำแข็ง) ฯลฯ

       ความรู้เกี่ยวกับกาแฟอาจจะทำให้บางคนรู้จักเครื่องดื่มแก้วโปรดมากขึ้น แต่นั่นคงจะไม่มีผลอะไรนักเกี่ยวกับความนิยม
       จากการสำรวจในปี ค.ศ.1995 พบว่า มีการบริโภคกาแฟมากถึงสี่แสนล้านถ้วยถูกบริโภคในแต่ละปี นั่นจึงทำให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เหตุผลที่ผู้คนบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้มากขนาดนั้นอาจจะแตกต่างกันไป แต่เชื่อว่า ส่วนใหญ่แล้วเพราะหลงใหลในเสน่ห์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวซึ่งหลายๆ คนนิยามไว้แตกต่างกันไป
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
UNCLE JO
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 9


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 12:06:32 AM »

เป็นคนหนึ่งที่ดื่มกาแฟ

ชอบทั้งรสชาดและกลิ่นที่หอมกรุ่น
นับว่าโชคดี ที่เดี๋ยวนี้เวลาเดินทาง มีกาแฟดื่มสะดวกดี
บันทึกการเข้า
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 12:26:27 AM »

 หลัง จากผ่านการชงจากเครื่องแล้ว เราก็จะได้กาแฟอันเข้มข้น ซึ่งจะเรียกว่า เอสเปรสโซ สามารถเสิร์ฟได้ทันที
       1 ช็อตของเอสเปรสโซก็ราว 1-2 ออนซ์


เจอที่ใหน ต้องชิมครับ ตามกลิ่นไป จนเจอ ยิ่งคนชงแจ่มๆ รสชาติยิ่งดีครับ 55

เมื่อได้อารมณ์ดื่ม เอสเปรสโซ ผมจะซัดในรูปแบบของมันครับ โนชูการ์ ซู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 12:52:15 AM »

ผมก็นิยมกาแฟครับ...

แต่ตอนหลังไม่มีเวลาชงแล้ว...

กินแต่อินสแตนท์อย่างเดียว...:Smiley
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 06:30:34 AM »


       ชีวิตประจำวันผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ  เลยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องชื่อและรสชาดของมัน

       อีกทั้งเดี๋ยวนี้เห็นชื่อต่างชาติแปลกๆ ราคาแก้วนึงกินข้าวแกงได้สามมื้อ ... แพงจัง

บันทึกการเข้า

                
น้าพงษ์...รักในหลวง
1911ต้อง.โค้ลท์.ที่เหลือคือก๊อปปี้.ลอกพี่.มะขิ่นครับ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 508
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9922


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 07:57:23 AM »

แต่ก่อน.ดื่มเช้า-บ่าย..เดี๋ยวนี้เหลือแต่ตอนเช้าถ้วยเดียวครับ... Grin
บันทึกการเข้า

...ประเทศไทย.ไม่ใช่ที่สำหรับใครที่จะมา.ฝึกงาน...
yotinpen
Sr. Member
****

คะแนน 17
ออฟไลน์

กระทู้: 888


« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 08:35:10 AM »

ผมอย่างน้อยก็วันละ 2 แก้ว ครับ ที่แพง ๆ ไม่นิยมครับ ชอบแบบเดิม ๆ ที่ชงแบบใส่นม
บันทึกการเข้า
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 08:45:17 AM »

อย่างน้อยก็ตอนเช้าวันละแก้วครับ ไม่อย่างนั้นจะง่วงนอนทั้งวันเลย
บันทึกการเข้า
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 09:35:31 AM »

เคย3ถ้วยตอนนี้เหลือถ้วยเดียวครับ   
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
U505
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 09:40:36 AM »

รักกาแฟ..
อุดหนุนเครื่องต้มกาแฟ ยี่ห้อ Schaerer จาก Switzerland บ้างนะครับ
ผมจะได้มีงานทำเรื่อยๆ..
เพราะผลิต-ประกอบชุดสายไฟในเครื่องให้เขาอยู่ครับ คุณWatt  Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 11:35:00 AM »

ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่เสียสุขภาพ
    เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา กาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนถูกโจมตีว่า ทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นหมัน ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้หรือทารกน้ำหนักน้อย เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่าการดื่มกาแฟเพียงวันละ 1-2 ถ้วยนั้นปลอดภัย และอาจให้ผลดี ถ้าดื่มให้เป็น

     รายงานผลการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม ความเสี่ยงที่ลดลงเป็นสัดส่วนกับปริมาณกาแฟที่ดื่ม และกาแฟไร้คาเฟอีนให้ผลน้อยกว่า ส่วนชาไร้คาเฟอีนและเครื่องดื่มอื่นๆที่มีคาเฟอีนไม่ให้ผลเหมือนกาแฟ แต่นักวิจัยก็เตือนว่าอย่าเพิ่งมั่นใจจนหันไปโหมกาแฟ เพราะนักวิจัยยังต้องติดตามการวิจัยอีกมาก

      นอกจากนี้กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน
  สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง นักวิจัยแนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล .) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล ) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาทีและจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

ของดีในกาแฟ
    นักวิจัยของศูนย์วิจัยใหญ่ในสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งมีบริษัทขายกาแฟรายใหญ่ของโลกพบว่า เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดงอีก ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากันขึ้นกับชนิดของกาแฟ

    กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) มีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนมากกว่าพันธ์อราบิก้า (Arabicas) ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการคั่วกาแฟ และปริมาณกาแฟที่ละลายแต่ละถ้วย   รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาและปริมาณกาแฟที่ใช้ด้วย

ข้อควรระวังในกาแฟ
   คอกาแฟอย่าเพิ่งย่ามใจกับข้อมูลด้านดีๆ เพราะองค์ประกอบหลักของกาแฟคือสารคาเฟอีนซึ่งเป็นเป็นสารกระตุ้น จึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจพอสมควร โดยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความดันโลหิต และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า   การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดคาเฟอีนช้า ทำให้คาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดคาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล   

    ถึงอย่างไรนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเพียง 1-2 ถ้วยจะไม่มีผลต่อการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันไม่ว่ามียีนอย่างไร แต่การดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปไม่ให้ผลดีขึ้น ดังนั้น ควรดื่มแต่พอควร เพราะปัจจุบันการตรวจยีนยังไม่ได้มีใช้กันเหมือนการตรวจสุขภาพทั่วไป และยีนที่แตกต่างกันทำให้ผลการวิจัยทางโภชนาการที่สัมพันธ์กับโรคต่างๆ ที่ออกมามีข้อมูลขัดแย้งกันจนเกิดความสับสน

    ส่วนผลของกาแฟต่อสุขภาพผู้หญิงก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ซีสต์ในเต้านมหรือกระดูกพรุนหรือไม่ การเดินสายกลางจึงดีที่สุด   ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดคาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดคาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดคาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย

ข้อควรปฎิบัติ

เลี่ยงกาแฟที่ใช้หม้อต้มแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย เพราะจะมีสารไดเทอร์พีนสูง เพิ่มระดับคอเลสเทอรอลในเลือด ควรเลือกกาแฟสำเร็จรูปที่ละลายน้ำ หรือชนิดกรองหยด และเอสเพรสโซ ซึ่งจะมีผลน้อยกว่า
ถ้าต้องเลือกกาแฟสกัดคาเฟอีน ควรเลือกชนิดที่ใช้กระบวนการสกัดธรรมชาติ (Swiss Water Process) ตรวจสอบยี่ห้อได้จาก SwissWater.com
สำหรับผู้ที่เลี่ยงกาแฟอยู่แล้ว ไม่ควรหันมาดื่มเพียงเพื่อต้องการผลดีจากคาเฟอีน โดยเฉพาะคนที่ร่างกายไวต่อกาแฟ การดื่มอาจยิ่งเพิ่มผลเสีย เช่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินควร ทำให้ปวดท้อง และเป็นสารขับปัสสาวะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่ดื่มกาแฟควรดื่มน้ำตามไปชดเชยด้วย

ระวังสิ่งที่เติมลงในกาแฟ เช่น ครีม นมไขมันเต็ม น้ำตาล น้ำผึ้ง เพราะเท่ากับเติมพลังงานส่วนเกิน   
กาแฟมาตรฐาน 1 ถ้วย มีขนาด 5-6 ออนซ์หรือ 150-180 มล . แต่ที่ขายโดยทั่วไปนั้นมีขนาด 12 ออนซ์หรือ 360 มล . ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่า ดังนั้น ควรจำกัดการดื่มให้ไม่เกิน 5 ถ้วย ซึ่งเป็นปริมาณที่ใช้ในการศึกษาวิจัย 
 
สารคาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติที่พบในอาหารอื่นด้วย เช่นใบชา เมล็ดโคลา โกโก้   ช็อคโกแลต น้ำอัดลมสีดำ และยาบางชนิด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินควร จึงต้องตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเองเสมอ
 

ที่มา : http://www.healthandcuisine.com/hc2004/you.asp
บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
pu
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 11:49:12 AM »

ผมไม่ดืมกาแฟครับแต่ชอบกลิ่นของกาแฟมากครับ
บันทึกการเข้า
Sig228-kolok
KU47 AGGIE / SOTUS HS9VOL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2947
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 40236



« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 01:32:18 PM »

ด้วยความเคารพครับ...กาแฟสำหรับผมขาดไม่ได้ครับ ทุกเช้าต้องหนึ่งแก้วครับ... Wink

ก็เป็นกาแฟชงง่ายๆ สำหรับผม เขาช่อง 100% ใส่น้ำตาลนิดเดียว ประมาณ 10% ของปริมาณกาแฟที่ใส่ครับ... Cheesy




บันทึกการเข้า

ขายที่ดิน 20 ไร่ บริเวณคลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมฯ ไร่ละ 1.8 ล้าน โทร 086-2859988
กดที่นี่ >>http://www.wikimapia.org/#lat=14.0499777&lon=100.7824481&z=17&l=0&m=b
neo1
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 159
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2694



« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 02:04:02 PM »

เมื่อก่อนผมเคยทำงานร้านกาแฟ B.C.Y อยู่7ปีมีสูตรกาแฟจำอยู่ในหัวบ้าง แต่ตอนนี้มีสูตรใหม่ๆเข้ามามากมายไปหมดไม่รู้เรื่องเลย หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตารินลาออกมานานแล้วครับ Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า

นักะติ๊ Club
e.k.1911
ถ้าคนดีอยู่ในหมู่บ้านของชนเหล่าใด ความสุขและผลจักมีแก่ชนเหล่านั้น
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 251
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2809


Still Loving COLT


« ตอบ #14 เมื่อ: มิถุนายน 17, 2007, 10:31:10 PM »

ขอบคุณมากครับพี่Watt
บันทึกการเข้า

โปรดจงเอาดอกไม้เสียบไว้ที่ปลายปืน  แล้วหยิบยื่นไมตรีมิตรให้แก่กัน
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 22 คำสั่ง