ป๋มก็ไมใช่คนกทม.ฮับ แต่ขอแสดงความรู้สึกว่า...........
- ผมรังเกียจพวกต่ำช้าที่ขายผู้หญิงกิน แล้วยังไม่มีสำนึกถึงขนาดยังกล้าสะเออะเอามาเป็นจุดขายโฆษณาตัวเองว่ามันแน่,มันจริงใจ.....ต่ำช้าที่สุด
- ผมไม่คบกับพวกปากสวะ เลี้ยงลูกออกมาก็เป็นลูกแหง่ขี้เรื้อนไม่ยอมโต ไปไหนก็มีประโยคอมตะ"รู้ไหม กูลูกใคร?"....รู้ครับ ลูกสวะที่เลี้ยงลูกจนโตมาไม่มีน้ำยาเป็นของตัวเองไปไหนก็ต้องเอาพ่อมาอ้าง นิสัยแบบนี้เป็นเรื่องที่คนในครอบครัวที่แข็งจริงห้ามขาดครับ ใครทะลึ่งไปทำนอกบ้าน โดนคัดชื่อออกโลด(กับขานี้ครอบครัวผมพูดกันว่า
มรึงกับกรูมันคนละสปีชีย์กันครับ)
ม่ายล่ายซีเรียสฮับ แขวะเล่นๆเอาสนุก
พอพูดถึงผู้ว่ากทม. และพูดถึง2ทั่นนี้ ผมก็คิดเหมือนพี่อีเมล์เหมือนกัน จะหาว่าผมมองมุมแคบก็ตามแต่ครับ
คุณชูวิทย์เคยเป็นเจ้าของอ่างอาบอบนวดมาก่อน ประวัติของท่านนี้ ดูแล้วไม่ค่อยงามเท่าไร แต่เมื่อเทียบกับทั่นเฉลิม ผมว่าชูวิทย์ยังดีกว่า เพราะผมเองก็สุดทนกับพฤติกรรมของตระกูลอยู่บำรุงจริงๆ
เท่าที่ดูแล้ว ประวัติของทั้งสองท่านที่กล่าวมา มันเป็นไปในทางลบทั้งคู่ แต่ประวัติของคุณชูวิทย์ เค้าไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ที่คนส่วนใหญ่มองเค้าในทางลบ ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากการที่เค้าเปิดสถานบริการ และลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมือง(อาชีพที่เราๆไม่ค่อยจะชอบกันซักเท่าไร)และการสื่อสารข่าวของผู้สื่อข่าว ที่มักตัดต่อข่าวตามความพอใจ มันก็ทำให้เราคิดว่า ชูวิทย์จะเป็นคนไม่ดี...อันนี้ก็ตามแต่ความคิดของแต่ละคนล่ะครับ
แต่ผมไม่แน่ใจอย่างนึง ที่ทั่นเฉลิมเคยพูดว่า "ถ้าลูกชายของผมก่อเหตุ ในขณะที่ผมเป็นผู้ว่าฯกทม.นั้น ผมพร้อมจะลาออกทุกเมื่อ" ผมเกรงว่ามันจะไม่เป็นจริงแบบนี้สิครับ คำพูดนักการเมือง เชื่อยากครับ
สงสัยนิดครับ นอกจากทั้งสองทั่นนี้ ไม่มีใครอีกแล้วหรือครับ
ผมว่าเราเอาเวลาที่มาคิด ตัดสินใจระหว่างเฉลิมกับชูวิทย์ ไปมองดูผู้สมัครคนอื่นบ้างดีมั้ย ผมเชื่อว่าน่าจะมีซักคนที่จะบริหารกรุงเทพฯให้ดี ให้เจริญขึ้นมาได้
ถึงจะไม่ดี100% แต่ก็ยังมีเครดิต น่าเชื่อถือกว่านะครับ
ขออภัยล่วงหน้า หากการแสดงความเห็นของผมมันส่อไปในทางก้าวร้าวหรือรุนแรง