จับไอ้เก่ง-ไอ้ปุ้ย รับสิ้นฆ่า2จสต.
ไม่ตั้งใจ-ยิงเปิดทาง แฉคดีเป็นหางว่าว
ยิง 2 ตำรวจ- พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. แถลงข่าวจับกุมนายชัยณรงค์หรือปุ้ย ดำแก้ว(คนนั่ง-ขวา) และนายธรรมรัตน์หรือเก่ง ปุระสุวรรณ์ (คนยืน) ผู้ต้องหาคดียิง 2 สายตรวจสน.บางเขนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ค. วันเดียวกับพิธีพระราชทานเพลิงศพ
จับแล้ว"ไอ้เก่ง-ไอ้ปุ้ย"2โจ๋ยิงดับ จ.ส.ต.บางเขน สารภาพยิงจริงแต่ไม่ตั้งใจฆ่าแค่ยิงเปิดทางหนีเท่านั้น ก่อนเกิดเหตุโดนตร.ไล่กวดเข้าไปจนมุมในซอยตันเลยกลับรถแล้วใช้ปืนลูกซองยิงเบิกทาง ไม่คิดว่าจะโดนตร.เสียชีวิตทั้งคู่ พอรู้ว่าตายก็อยากไปขอขมาศพ ส่วนสาเหตุเพราะติดยาบ้า งอมแงมเลยต้องชิงทรัพย์หาเงินซื้อยาบ้าเสพ บรรดาญาติพี่น้องและข้าราชการตำรวจร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ 2 จ.ส.ต.เหยื่อปืนแน่นวัดพระศรีมหาธาตุ
จากเหตุการณ์ 2 โจรรถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงจ.ส.ต.สุริยัน พุทธขันธ์ กับจ.ส.ต.วิมล เวชกุล 2 ตำรวจสายตรวจ สน.บางเขน เสียชีวิต ระหว่างเข้าจับกุมภายในซอยเปลี่ยว ย่านถ.รามอินทรา เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ออกหมายจับคนร้ายตามภาพสเกตช์ พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท นอก จากนี้สมาคมส่งเสริมความงามแห่งประเทศไทยยังเตรียมมอบเงินผู้ที่แจ้งเบาะแสสมทบให้อีก 5 หมื่นบาท รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ล่าสุดตำรวจรู้ตัวแล้วว่าคนร้ายทั้งคู่คือนายเก่งและนายปุ้ย มีประวัติชิงทรัพย์และปล้นหลายท้องที่ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 ก.ค. ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางเขนมาจัดเตรียมสถานที่เพื่อใช้ประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ.ส.ต.วิมล เวชกุล และ จ.ส.ต. สุริยัน พุทธขันธ์ สายตรวจสน.บางเขน ที่ถูกคนร้ายยิงจนเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยช่วงเช้าได้มีหน่วยงานภาคเอกชนได้นำเงินมามอบให้กับญาติของตำรวจทั้ง 2 นายที่เสียชีวิตครั้งนี้คนละ 3 หมื่นบาท
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร. ได้เป็นประธานพระราชทานเพลิงศพ โดยมีพล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจและประชาชนกว่า 1,000 คน เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางวรรณา พุทธขันธ์ ภรรยาจ.ส.ต.สุริยัน พุทธขันธ์ กล่าวก่อนประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพสามีว่า วันนี้ได้นำด.ญ.ขวัญชนก หรือน้องเฟิร์น ลูกสาวที่เพิ่งคลอดได้เพียง 2 วันมาร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพของสามีด้วย สำหรับชื่อลูกสาวทางสามีเป็นคนตั้งให้หลังจากตนได้ตั้งครรภ์ขึ้นและรู้ว่าลูกที่อยู่ในท้องเป็นลูกสาว
ร่วมเผาพ่อ- นางวรรณา พุทธขันธ์ พาลูกสาววัยแรกเกิด ไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพจ.ส.ต.สุริยัน พุทธขันธ์ สามี สายตรวจสน.บางเขน พร้อมจ.ส.ต.วิมล เวชกุล ที่ถูกโจรยิงเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เมื่อวันที่ 3 ก.ค.
ก่อนหน้านี้ เวลา 11.00 น. นายสุทิน บัวตูม และนางศุลิมาศ สุทธิสัมพัทน์ ที่ปรึกษานายกสมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ได้นำเงินมามอบให้กับตำรวจทั้ง 2 นายรายละ 10,000 บาท โดยมีพ.ต.ท.สุรินทร์ ชาวศรีสุข รองผกก(ป.)สน.บางเขนได้การต้อนรับและเป็นตัวแทนรับมอบเงินจำนวนดังกล่าว
พ.ต.ท.สุรินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตรวจในช่วงผลัดดึกต้องเจออาชญากรและอาชญากรรมมากมาย ไม่มีเครื่องป้องกันตัวโดยเฉพาะเสื้อเกราะเพื่อสวมใส่ออกตรวจพื้นที่ ดังนั้นทางที่ปรึกษานายกสมาคมนักข่าวอาชญากรรมที่ได้มอบเงินช่วยเหลือรับปากจะจัดหาเสื้อเกราะให้กับสน.บางเขนเป็นโรงพักแรกจำนวน 2 ตัว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมบช.น. พล.ต.ท. อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รองผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผกก.ศส.บช.น. ร่วมแถลงผลการจับกุมนายชัยณรงค์ หรือปุ้ย ดำแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 ม.8 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. และนายธรรมรัตน์ หรือเก่ง ปุระสุวรรณ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/186 ซ.พหลโยธิน 54 แขวงและเขตสายไหม กทม. ตามหมายจับ 2011/2550 ลงวันที่ 1 ก.ค. 2550 ในข้อหา ร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า สำหรับนายชัยณรงค์ หรือปุ้ย มีประวัติกระทำความผิด เมื่อปี 2542,2544 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่สน.บางเขน พ.ศ.2543 ร่วมกันโทรมหญิง ท้องที่สน.ดอนเมือง พ.ศ.2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่สน.ดอนเมือง ส่วนนายธรรมรัตน์ หรือเก่ง เมื่อปี 2540 ต้องคดีครอบครองยาบ้า ท้องที่สน.บางเขน พ.ศ.2540 ต้องคดีครอบครองเพื่อจำหน่ายยาบ้า ท้องที่สน.สายไหม พ.ศ.2544 ต้องคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่น ท้องที่สน.สายไหม และพ.ศ.2545 ต้องคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ ท้องที่สน.บางเขน
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวต่อว่า คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์และกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยเฉพาะเจ้าพนักงานที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ จึงสั่งการมอบหมายให้ พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบ.ช.น. ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากบก.ต่างๆเข้าร่วมสืบสวนทำคดีเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ประกอบด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2 พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบก.ตปพ. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.สุมิตร คุณานุคุณ ผกก.1บก.ตปพ. พ.ต.อ.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผกก.ศส.บช.น. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผกก.สส.น.2 พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.5 พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผกก.สน. บางเขน พ.ต.ท.ปริพัฒน์ พฤทธิกุล สว.กก.สส.น.2 พ.ต.ท.โสภณ สารพัฒน์ รองผกก.ศส.บช.น. พ.ต.ท.วิศิษฐ์ หมื่นสุวรรณ สว.สส.สน.บางเขน เข้าสืบสวนจับกุม
แนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นหลังจากเกิดเหตุได้ทราบเพียงตำหนิรูปพรรณของคนร้าย และรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนลูกซองสั้น และจากการตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนปืนจึงเก็บไว้ตรวจสอบ เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายรายนี้เคยกระทำผิดประเภทประทุษร้ายต่อทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในละแวกใกล้เคียง จึงทำการตรวจสอบประวัติตามภาพถ่ายของคนร้ายประเภทนี้ในเขตพื้นที่บก.น.2 และพื้นที่ติดต่อย่านลำลูกกา คูคต รังสิต ปากเกร็ด และปทุมธานี โดยนำภาพถ่ายของคนร้ายมาให้พยานยืนยัน และเปรียบเทียบกับภาพสเกตช์ตามหมายจับ พบว่าพยานสามารถชี้และยืนยันภาพของคนร้ายทั้ง 2 คนที่เคยมีประวัติก่อคดีตามแฟ้มอาชญากรที่ได้จัดทำไว้ โดยนายปุ้ยเป็นคนซ้อนท้ายและนายเก่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์
รายงานข่าวแจ้งว่า จากหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์เพื่อนำมามัดตัวคนร้ายทั้งสอง คือพยานจากเพื่อนสนิทที่ต่างยืนยันว่าหลังก่อเหตุนายเก่งได้โทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อนๆทุกๆ 1 ชั่วโมง โดยก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ได้นั่งรถจักรยานยนต์ไปด้วยกัน กระทั่งก่อเหตุเพียง 5 นาทีต่างแยกย้ายกันหลบหนีไปคนละทางกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในที่สุด
นายชัยณรงค์ หรือปุ้ย มือปืนยิง 2 ตำรวจ ให้การว่า ในคืนเกิดเหตุได้ร่วมกับนายธรรมรัตน์ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยไม่ได้ตั้งใจออกมาตระเวนชิงทรัพย์ เพียงมาขี่รถเที่ยวเล่นกัน แต่มาเจอตำรวจขับรถไล่ตามหลังมาจึงหนีเข้าซอยรามอินทรา 23 ไม่รู้ว่าเป็นซอยตัน พอกลับรถจะออกเจอตำรวจ 2 นายดักรออยู่บริเวณปากซอย จึงชักปืนยิงใส่ตำรวจไม่คิดว่าจะเสียชีวิต และไม่ได้ตั้งใจ แต่ยิงเพื่อหวังเปิดทางหนีเท่านั้น
"พอรู้ว่าตำรวจตายทั้งสองคน ผมก็อยากจะกราบขอขมาศพ ผมติดยาบ้า ต้องเสพวันละ 4-5 เม็ด นำเงินที่ได้จากการตระเวนชิงทรัพย์ไปซื้อยา ส่วนปืนนั้นเป็นปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ที่พกติดตัวมาตลอดไว้ป้องกันตัว ปืนกระบอกนี้ได้มาจากเพื่อน ก่อนหน้านี้เคยก่อคดีปล้นเงิน ติดคุกไป 4 ปี เพิ่งพ้นคุกมาเมื่อเดือนมิ.ย.49" นายชัยณรงค์กล่าว
ส่วนนายธรรมรัตน์ หรือเก่ง คนขี่รถจักรยานยนต์คันก่อเหตุ ให้การว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ตามสนามแข่งต่างๆ ตกกลางคืนก็ออกขี่รถท่องราตรี หลังเกิดเหตุตกใจรีบขับรถหนีไปกบดานบ้านพี่สาวจนถูกตำรวจจับกุมได้ ส่วนตนก็ติดยาบ้า ต้องเสพวันละ 1-2 เม็ด จึงต้องออกหาเงินด้วยการชิงทรัพย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายธรรมรัตน์เปิดเสื้อให้ดูรอยสักรูปเสือเผ่นรอบตัว ขณะที่นายธรรมรัตน์พูดตำหนินายชัย ณรงค์ว่า "มึงเสือกไปยิงตำรวจเลยเกมกันหมดทั้งคู่เลย"
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0106040750&day=2007/07/04§ionid=0301