เจ้าคุณนรชี้ชะตาโลกล่วงหน้า
ข่าวนี้ผมได้มาจากหนังสือพิมพ์เก่าในปี๑๘ จึงขอคัดลอกมาบันทึกไว้ให้ได้อ่านกันดังนี้ครับ ข่าวนี้ลงหน้าหนึ่งพร้อมภาพท่านเจ้าคุณนรฯนั่งพับเพียบที่เป็นท่านั่งเอกลักษณ์ของท่านไว้ว่า "เจ้าคุณนรฯชี้ชะตาโลกล่วงหน้าถูกต้องอย่างมหัศจรรย์" เนื้อข่าวก็มีอยู่ว่า...
รู้แม้ด้านตะวันออกกลางว่าถนนมิตรภาพจะเป็นพังพาบ เผยอำนาจจิตของท่านเจ้าคุณนรฯหยั่งรู้สถานการณ์และความเป็นไปของโลกและประเทศไทยในอนาคตที่ "รวมไทย" ได้ค้นพบอีกประการหนึ่งซึ่งยังไม่เคยปรากฏว่ามีใครทราบมาก่อน เป็นปรากฏการณ์อันน่ามหัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
จากการสืบทราบของ "รวมไทย" ว่าก่อนที่พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิตแห่งวัดเทพศิรินทราวาสหรือที่เรียกกันติดปากโดยทั่วไปว่า "เจ้าคุณนรฯ" จะถึงแก่กาลมรณภาพคือประมาณปลายเดือนธันวาคม๒๕๑๓ ได้มีผู้เข้าไปพบและสนทนากับท่านในโบสถ์วัดเทพฯ ซึ่งท่านมักเปิดโอกาสให้ผู้มีศรัทธาถวายสักการะได้ภายในบริเวณโบสถ์เป็นประจำ
แต่หากว่าท่านกลับกุฏิแล้วจะไม่ยอมรับแขกเลยจะปิดประตูเงียบ ดังนั้นถ้าใครอยากจะพบก็ต้องไปคอยดักพบที่โบสถ์ดังกล่าว มีอยู่วันหนึ่งเป็นวันพุธปลายเดือนธันวาคม๑๓ คณะที่เข้าถวายสักการะซึ่งเป็นคณะศิษย์ที่ใกล้ชิดมากประกอบด้วยปลัดโกศล และคุณจำเนียร ปัทมะสุนทร (หลานชายและหลานสะใภ้)
น.ท.วรสนธิ วรเสียงสุขา ร.อ.ชลิต ชัยสิทธิเวช พ.ต.นพ.ไพบูลย์ บุษปะธำรงค์และ ร.อ.ประยูร คณานนท์ เป็นต้น วันนี้ท่านเจ้าคุณนรฯผู้ซึ่งคนนับหมื่นนับแสนคนที่เชื่อมั่นว่าท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ รู้จักกิตติคุณและให้ความเคารพศรัทธาในท่านกันเป็นอย่างมากดังกล่าวภายหลังจากทำวัตรเย็นแล้ว ก็ให้โอกาสแก่ผู้ที่จะมาถวายสักการะเช่นเคย เมื่อท่านได้ให้ธรรมะแก่ทุกๆคนแล้วได้พูดต่อไปถึงเหตุการณ์บ้านเมืองว่า "ประเทศไทยจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นในปี๒๕๑๔หน้านี้ แต่จะไม่มีการเสียเลือดเนื้อเกิดขึ้น" ต่อมาในปีดังกล่าว
(ท่านมรณภาพแล้ว)ก็ได้เกิดปฏิวัติขึ้นจริงๆเป็นปฏิวัติเงียบคือจอมพลถนอมทำการปฏิวัติตัวเองโดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อนั่นคือข้อหนึ่ง ในส่วนเหตุการณ์รอบๆบ้านท่านได้กล่าวว่า "ประเทศเพื่อนบ้านของเราต่อไปนี้จะมีเรื่องน่าสมเพชน่าทุเรศเกิดขึ้น" ก็ปรากฏเหตุการณ์ในลาว-เขมรดังที่เราๆท่านๆได้ทราบข่าวคราวกันมาโดยตลอด มีการสังหารหมู่กันเป็นพันเป็นหมื่นคนมีการตัดคอทื้งจับแก้ผ้ายิงอย่างน่าทุเรศจริงๆ
จนชาวลาวและเขมรต้องหนีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในไทย ยอมละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนของตนแล้วนี่ก็เป็นอีกข้อหนึ่ง ท่านได้พูดถึงปัญหาตะวันออกกลางซึ่งหมายถึงประเทศอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับ ตอนนั้นมีทีท่าจะบานปลายไปกันใหญ่ว่า "ตะวันออกกลางเขาไม่มีอะไรมาก ในที่สุดเขาก็จะตกลงกันได้ สามารถจะพูดกันรู้เรื่อง แต่เหตุการณ์รอบๆบ้านเรานี่สิน่าจะวิตก เพราะประเทศเขมรจะเป็นผู้จุดชนวนสงครามขึ้นในประเทศแถบนั้น ทำให้เกิดสงครามใหญ่โต"
ซึ่งคำพูดเหล่านี้พูดไว้ตั้งแต่ปลายปี๑๓ นับถึงบัดนี้ก็เข้า๕ปีแล้วทุกอย่างล้วนมีเค้าแห่งความจริงทั้งสิ้น ท่านได้พูดถึงถนนมิตรภาพอันมีสัญญลักษณ์การจับมือกันอย่างแนบแน่นระหว่างประเทศไทยกับอเมริกันที่ทางแยกสระบุรีว่า "ถนนมิตรภาพต่อไปจะเป็นถนนพังพาบ" จากคำพูดอันนั้นไม่กี่ปีต่อมาประเทศอเมริกันถูกเหยียบย่ำในประเทศไทยอย่างไม่เคยปรากฏมีมาก่อน จนต้องถอนทหารออกไปจากไทยเป็นทิวแถว ต้องพ่ายแพ้ต่อสงครามในญวน ลาวและเขมรด้วย แบบ "พังพาบ" ทีเดียว นอกจากนี้ท่านยังได้พูดถึงประเทศจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ว่า "เราอย่าไปดูถูกเขานะต่อไปเราจะต้องคบกับเขา แล้วเขานั่นแหล่ะจะช่วยเรา"
คำพูดประโยคนี้สำหรับเวลานั้นดูไม่มีทีท่าเลยแม้แต่น้อยว่าจะเป็นไปได้เพราะใครไปประเทศจีนแดงตอนนั้นจะถูกตั้งข้อหาเป็นพวกคอมมิวนิสต์ สินค้าจีนแดงก็มีไม่ได้ในประเทศไทย ขณะนั้นจอมพลถนอมเป็นนายกฯคำพูดประโยคหลังของท่านนี้ทำให้ผู้รับฟังคนหนึ่งซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้จักท่านเพียงพอ
พอเสร็จสิ้นการสนทนาลุกออกจากโบสถ์กันไปแล้วผู้ฟังผู้นี้ได้พูดกับเพื่อนที่มาด้วยกันว่า "สงสัยพระองค์นี้จะเป็นคอมมิวนิสต์" ทว่าเดี๋ยวนี้เขานับถือท่านเป็นที่สุดชนิดพูดถึงชื่อท่านแล้วจะต้องยกมือขึ้นประณมท่วมหัวเพื่อขอขมาทุกครั้ง ก็เพราะต่อมาสิ่งที่ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
มาได้เป็นนายกฯและได้เดินทางไปผูกสัมพันธไมตรีกับประเทศจีนแดงถึงโน่น ได้รับการต้อนรับอบอุ่นเกินความคาดหมายจนเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลก สถานการณ์รอบบ้านเรากลายเป็นประเทศรัสเซียหนุนหลังประเทศเพื่อนบ้านให้รุกรานไทย แต่ประเทศจีนแดงกลับคอยช่วยกันช่วยขวางให้ไทย อนึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ผู้นี้เคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับท่านไว้ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐตอนต้นปี๑๔หลัง
ท่านมรณภาพได้ไม่นานว่าเคยได้ข่าวคนเขาลือกันว่าท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วบังเอิญได้พบท่านที่วัดเทพฯ อาศัยที่เคยรู้จักกับท่านมาตั้งแต่สมัยครั้งยังเป็นมหาดเล็กหลวงเป็นเวลากว่า ๕๐ ปีแล้ว ดังนั้นจึงกล้าถือวิสาสะกรากเข้าไปกราบเรียนถามท่านเอาดื้อๆว่า "เขาลือกันว่าใต้เท้าสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วจริงหรือครับ" ปรากฏว่าท่านดึงหู ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เข้าไปใกล้ๆและกระซิบว่า "ไอ้บ้า"
เนื้อข่าวจากหนังสือพิมพ์รวมไทย ปีที่๒ ฉบับที่๖๙ วันที่ ๒๐-๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๘
ข้อมูลจาก
http://www.palungjit.com/