เคยให้ความเห็นไว้เมื่อสามปีก่อน คำถามเหมือนกันเลยครับ ดังต่อไปนี้
ผมว่ามีข้อดีข้อเสียกันคนละอย่างนะครับ
ข้อดีสำหรับผู้ผลิต
ต้นทุนถูกกว่ามาก เมื่อเทียบกับ เหล็ก อัลลอย หรือเสตนเลส
ผลิตได้ง่ายกว่า ด้วยเครื่องฉีด ใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีสำหรับโครงปืน รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ไก ศูนย์ แต่ถ้าฉีดมาไม่ดีหรือเร่งผลิตเกินไปโครงก็จะไม่แนบกับไสลด์ ในอนาคตผู้ผลิตคงผลิตโครงปืนพลาสติกมากขึ้นเรื่อยๆเพราะได้กำไรมากกว่าเนื่องจากขายราคาเท่ากันบางทีแพงกว่าด้วย
ข้อดีสำหรับผู้ซื้อ คือ ดูแลง่าย แม้จะเป็นรอยมันก็เป็นสีเดียวกับผิวปืน ไม่เป็นสนิม เบา อันนี้จุดเด่นครับ
ข้อเสีย คือ เป็นรอยแล้วซ่อมผิวไม่ได้ รู้สึกว่าไม่คุ้มค่าเงินทำไมพลาสติกขายแพงอย่างนี้ (ความเห็นส่วนตัวครับ)
ความทนทาน
ต้องถามว่าในแง่ไหน ถ้าผลัดกันทุบล่ะก็เหล็ก หรืออัลลอยด์แข็งกว่าแน่นอน เอาเป็นว่าภายใต้การใช้งานปกติในช่วงอายุคนผมว่าไม่ต่างกันหรอก แต่ถ้าหลายสิบปีเนื้อพลาสติกจะเริ่มกรอบขึ้นเรื่อยๆแล้วก็จะเปราะและแตกเป็นคุณสมบัติของพลาสติกอยู่แล้ว ขอย้ำว่าหลายสิบปีหรืออาจจะถึงร้อยปีแล้วแต่ว่าใช้งานหนักขนาดไหน ผมเห็นในปืนสงคราม อาก้า M16, HK ส่วนที่เป็นรังเพลิงรวมถึงบริเวณที่มีการเผาไหม้ (เรียกไม่ค่อยถูกขออภัยด้วยครับ) ก็เป็นโลหะ ส่วนเสริมต่างๆจะเป็นพลาสติกซึ่งถ้าแตกก็เปลี่ยนใหม่ได้เลย
แต่ถ้าเปรียบเทียบในแง่อื่น พลาสติกย่อมทนการกัดกร่อน แต่ไม่ทนความร้อน (ไฟ้ไหม้แล้วเหลือแต่ไสลด์ต้องไปหาโครงใหม่) แสงแดด สารเคมีทำละลาย อันนี้ยากจะเปรียบเทียบครับ ถ้าใช้กันปกติคงไม่มีใครดับบุหรี่ด้วยด้ามปืน หรือเอาไปดำน้ำทะเลด้วยเป็นเดือนๆ
สรุปว่าถ้าใช้งานตามปกติในชั่วอายุคนไม่น่าต่างกันครับเรื่องความทนทาน
อย่างที่ท่านอื่นบอกแหละครับมันแล้วแต่รุ่นของปืน โครงพลาสติกผมชอบ HK P2000 โครงอัลลอยด์ Para Warthog, Kimber Utral Carry โครงเหล็ก CZ75 compact