ยินดีด้วยครับ น้องบาร์ท ขอให้เก่งๆสมหวังนะครับ
เรื่อง Under ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าเป็นก็ส่งไปให้เค้า Alignment ใหม่ ลง Firmware ใหม่ ลองกดเมนูดู ของพี่ไปอัพมาเป็น 1.1.1 แล้วครับ
EF-S เป็นเลนส์ที่ใช้ได้กับกล้องที่มีเซนเซอร์แบบ APS-C ซึ่งก็คือกล้อง DSLR ของ CANON เกือบทุกรุ่น (รุ่นที่ต้องเอา 1.6 คูณทางยาวโฟกัสของเลนส์เพื่อให้เทียบเท่ากล้องฟิล์ม) ยกเว้นรุ่นที่เป็น Full Frame ครับ คือ EOS 5D และ EOS 1 Ds Mark III ( ตัวที 21 ล้านพิกเซิลที่เพิ่งออก ) รวมไปถึงรุ่นที่ใช้ฟิล์มทั้งหมดที่ใช้ EF-S ไม่ได้ เพราะเวลาจะเอาเลนส์ใส่เข้าไปมันจะติดส่วนท้ายเลนส์ที่ยื่นยาวออกมานิดนึง ส่วน EF ใส่ได้กับ SLR, DSLR ทุกตัวครับ
ลองถอดฝาปิดท้ายเลนส์ทั้งสองตัวออก แล้วเอาเลนส์มาเทียบกันจะเห็นครับ
ขอบคุณมากครับพี่หมู
เรื่อง Firmware นี่ผมก็ยังไม่มีความรู้มาก แต่พอเข้าใจว่ามันคือซอฟท์แวร์ของกล้องนั่นเอง
ถ้ากล่าวโดยสรุปคือ EF-S เป็นเลนส์ที่ทำมาเพื่อ DSLR โดยเฉพาะใช่มั้ยครับ ส่วน EF จะใช้ได้ทั้ง SLR และ DSLR ใช่มั้ยครับ
ส่วนเรื่องการคำนวณทางยาวโฟกัส ผมก็ยังไม่รู้เรื่องเหมือนกันครับ ถ้ามีโอกาสได้เจอพี่คงต้องให้พี่สอนทฤษฎีเรื่องกล้องแล้วหล่ะ
ขอบคุณมากครับ
ถ้ากล่าวโดยสรุปคือ EF-S เป็นเลนส์ที่ทำมาเพื่อ DSLR โดยเฉพาะใช่มั้ยครับอาจกล่าวได้เช่นนั้นครับ ที่จริงแล้ว ส่วนที่ยื่นออกมาในเลนส์ EF-S นั่น บางคนบอกว่าตัดออกก็ใส่กล้อง Full Frame ได้ หมายความว่าในนั้นเป็นแค่ยาง ไม่มีกลไกอะไร แต่พี่เดาว่า เค้าทำเพิ่มมาเพื่อช่วยในการกดรับกันกับภายในของบอดี้ให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่ให้เลนส์กับบอดี้เกาะเกี่ยวกันด้วยเขี้ยวเท่านั้น แต่มีแป้นรับกันแบบนี้กดรับกัน หรืออาจะเป็นเหตุผลทางการตลาดที่จะให้คนที่ขยับไปเล่น Full Frame ต้องทิ้งเลนส์ EF-S ไปแล้วซื้อ EF มาเพิ่ม ส่วนเรื่องความแตกต่างทางด้าน Optic นั้นยังไม่ทราบแน่ชัดครับ ไว้จะสืบถามมาดูครับ อยากรู้เหมือนกัน เมื่อกี้เพิ่งคุยกับพี่อารมณ์ดี เห็นว่าบ่ายๆจะแวะเข้าเว็บ เดี๋ยวพี่เค้าอาจจะมาไขข้อข้องใจให้นะครับ
EF จะใช้ได้ทั้ง SLR และ DSLR ใช่มั้ยครับถูกต้องครับ เอาให้ชัดกว่านี้ต้องบอกว่า EF ใช้ได้กับทั้ง SLR, DSLR ทุกรุ่น ( เซนเซอร์แบบ APS-C และ DSLR แบบ Full Frame ) และ EF-S ใช้ได้แต่กับ DSLR ที่มีเซนเซอร์ขนาด APS-C เท่านั้นครับ
เรื่อง Firmware นี่ผมก็ยังไม่มีความรู้มาก แต่พอเข้าใจว่ามันคือซอฟท์แวร์ของกล้องนั่นเองถูกต้องเช่นกันครับ คล้ายๆกับ Window ในคอมพ์เราน่ะครับ แต่มักจะเขียนด้วยภาษาเครื่อง ไม่ใช่ภาษาชั้นสูงอย่าง VB หรือ C คนจะแก้ไข code เป็นเฉพาะคนของผู้ผลิตเท่านั้นครับ
ส่วนเรื่อง
ตัวคูณทางยาวโฟกัส บาร์ทจำที่เราเคยคุยกันที่ GGG (อีกแล้ว อิอิ) ได้มั๊ยครับ ทีมาของที่ว่า ในกล้องฟิล์ม ( 35mm. ) ทำไมเค้าถือเอาเลนส์ 50 mm.เป็นเลนส์ Standard เลนส์ที่ทางยาวโฟกัสสั้นกว่านี้ถือเป็น Wide Angle และเลนส์ที่ทางยาวโฟกัสยาวกว่านี้ถือเป็น Telephoto อ่ะ เล่าอีกที เผื่อเพื่อนๆทางนี้ด้วยแล้วกัน ...... เส้นทะแยงมุมของแผ่นฟิล์มไงครับ ฟิล์ม 135 มีขนาดภาพในฟิล์ม 36 x 24 mm. เส้นทะแยงมุคือ
43 mm. นั่นเป็นที่มาของมัน ส่วนเซนเซอร์รับแสงกล้อง DSLR ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ APS-C ( Advanced Photo System type C ) ซึ่งใน 400D นั้นมีขนาด 22.2 x 14.8 mm. เส้นทะแยงมุมของมันคำนวณได้ 26.68 mm จึงถือว่า เลนส์ Standard ของกล้อง DSLR ที่ใช้เซนเซอร์แบบ APS-C อยู่ที่แถวๆ
27 mm.ทีนี้ลองเอา 27 ไปคูณ 1.6 ดูสิครับ มัยเท่ากับ 43 ของฟิล์มเลย หมายความว่า ทางยาวโฟกัสของกล้องฟิล์ม 135 ( 35 mm.) หรือกล้อง DSLR แบบ Full Frame คือ 43 mm ( 50 mm. ) ทางยาวโฟกัสของกล้อง DSLR (เซนเซอร์แบบ APS-C) คือ 27 mm. ครับ
ตัวอย่าง:
*เลนส์ 28 mm. เวลาไปใส่ในกล้องฟิล์มจะเป็นเลนส์ Wide Angle แต่พอเอามาใส่กล้อง DSLR (APS-C) จะกลายเป็นเลนส์ Standard (มุมรับภาพแคบลง) มีมุมรับภาพเทียบเท่าการใช้เลนส์ขนาด ( 28 x 1.6 =
44.8 mm. ) ในกล้องฟิล์ม
*เลนส์ 50 mm. เวลาไปใส่ในกล้องฟิล์มจะเป็นเลนส์ Standard แต่พอเอามาใส่กล้อง DSLR (APS-C) จะกลายเป็นเลนส์ Telephoto (มุมรับภาพแคบลง) มีมุมรับภาพเทียบเท่าการใช้เลนส์ขนาด ( 50 x 1.6 =
80 mm. ) ในกล้องฟิล์ม
พอนึกภาพออกมั๊ยครับ
แคนนอนกะนิคอน นี่เหมือนแมนยูกะลิเวอร์พูเลย อิอิ
มันเฉื่อนกันไม่เคยลงครับ
ก็อย่าเอาเค้ามาเฉือนกันสิครับ ต่างคนต่างเอาไปถ่ายรูป เฉือนกันไปเฉือนกันมากล้องเป็นรอยเปล่าๆ อิอิ
NIKON มีจุดเด่นเรื่อง Contrast ของสีสูงครับ เราจึงเห็นภาพออกมาสีจัดจ้าน เป็นมาตั้งแต่สมัยกล้องฟิล์มจนถึงกล้อง DSLR เข้าใจว่าเค้าก็คงตั้งใจจะคงคุณสมบัตินี้ไว้ในกล้อง DSLR ให้เป็นจุดขายต่อเนื่องไปด้วย ..... แล้วแต่คนชอบครับ ชอบแบบไหน สะดวกแบบไหน ก็เลือกกันไป อย่าเอามาเฉือนกันเลยครับ สงสารกล้องน้า สมัยก่อน เพื่อนรักผมคนนึงใช้ NIKON ผมใช้ CANON ถ้าเราเฉือนกันคงไม่ได้รักกันมาจนทุกวันนี้ แถมกล้องพังกันไปคนละหลายตัวอีกต่างหาก ฮ่าๆๆ