ตัวอย่างบางตอนครับ
เรื่องที่ 1
ผมอยากจะบอกว่า...........
บ่ายวันหนึ่ง บุญเลิศขับรถยนต์เข้าไปที่อำเภอแสนสุขสันต์ ด้วยความเร่งรีบเขาจึงขับรถฝ่าไฟแดง
ตำรวจจราจรนายหนึ่งเรียกให้เขาหยุดรถ
ตำรวจ : คุณขับรถฝ่าไฟแดงได้อย่างไร ?
บุญเลิศ : คือว่า ผมมีเหตุผลครับ ผมจะบอกว่า.......
ตำรวจ : คุณไม่ต้องมาแก้ตัว ผมฟังมามากแล้ว อย่างนี้ควรจับไปขังเสียให้เข็ด
บุญเลิศ : ไม่ใช่อยากจะแก้ตัว ผมเพียงแต่อยากจะบอกว่า..............
ตำรวจ : เงียบเถอะน่า ไม่ต้องพูด ไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังเสียหน่อยไป เดี๋ยวผู้กำกับกลับมา คุณค่อยคุยกับเขาก็แล้วกัน
ตำรวจพาคนขับไปที่สถานีตำรวจแล้วเอาเขาใส่ไว้ในห้องขัง เวลาผ่านไปสักสองชั่วโมงเห็นจะได้ ตำรวจเดินมาพูดกับคนขับ
ตำรวจ : ผู้กำกับกำลังจะมาแล้วล่ะ เดี๋ยวคุณเตรียมหาเหตุผลดีๆคุยกับเขาก็แล้วกัน แต่ผมคิดว่า
คุณโชคดีนะ วันนี้ผู้กำกับคงอารมณ์แจ่มใสดี >เพราะบ่ายวันนี้เขาไปงานแต่งของลูกสาวคนโตของเขา
บุญเลิศ : ผมอยากจะบอกว่า ผมก็จะไปงานแต่งงานเหมือนกัน "ผมเป็นเจ้าบ่าวครับ"
-------------------------------------------------
เรื่องที่ 2
จากเท็ปสนทนาของ 191
ที่สถานีตำรวจในคืนวันหนึ่ง มีโทรศัพท์จากชายขี้เมาคนหนึ่ง
ตำรวจ : 191 ครับ แจ้งเหตุฉุกเฉินอะไร?
ขี้เมา : ผมบุญหลาย มีเหตุโจรกรรมครับ
ตำรวจ : แจ้งรายละเอียด โจรกรรมอะไร?
ขี้เมา : มีคนขโมยพวงมาลัยรถ คันเร่ง และคันเบรก ของรถผม
ตำรวจ : หา? ว่าอะไรนะ? พูดใหม่อีกทีซิ ผมได้ยินไม่ถนัด
ขี้เมา : ผมบุญหลาย บอกว่า มีคนขโมยคันเร่ง คันเบรก และพวงมาลัยรถของผมน่ะ
ตำรวจ : ช่วยบอกซิ คุณอยู่ที่ไหน?
ขี้เมา : ผมอยู่ในรถของผมครับ
ตำรวจ : ไม่ใช่ ผมถามว่ารถของคุณอยู่ที่ไหน?
ขี้เมา : อ้อ รถผมอยู่ในซอยดูดีดี
ตำรวจ : รับทราบ จะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ให้รออยู่ที่นั่นก่อน
ห้านาฑีให้หลัง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก
ตำรวจ : 191 ครับ แจ้งเหตุฉุกเฉินอะไร?
ขี้เมา : ผมบุญหลาย
ตำรวจ : มีเหตุฉุกเฉินอะไร?
ขี้เมา : ผมบุญหลาย โทรมาอีกครั้งหนึ่ง ผมพบพวงมาลัยรถ คันเร่ง และคันเบรกแล้วครับ
ตำรวจ : รับทราบ แล้วคุณยังต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกหรือไม่
ขี้เมา : ไม่ครับ ขอบคุณ เมื่อสักครู่นี้ผมเข้าไปอยู่ที่เบาะหลังน่ะครับ
---------------------------------------------------------
เรื่องที่ 3
กติกาท้องถิ่น (Local rules)
ผู้จัดการสำนักทนายความพาลูกน้องไปพักผ่อนช่วงวันหยุดยาว ด้วยการยิงนกตกปลาแถวจังหวัด
กาญจนบุรี ลูกน้องส่วนใหญ่เลือกที่จะไปล่องแพและตกปลา เหลือแต่ผู้จัดการคนเดียวเลือกที่จะไปยิงนก
ผู้จัดการหยิบปืนลูกซองห้านัดออโตเมติกแล้วเดินไปริมหนองน้ำใกล้หมู่บ้าน
เห็นนกเป็ดน้ำฝูงใหญ่กำลังหาปลากินเป็นอาหาร
หวังจะได้นกเป็ดน้ำสักหกเจ็ดตัวมาเป็นกับแกล้มเบียร์เย็นนี้
แต่นกเป็ดน้ำตกใจบินขึ้นจากหนองน้ำเสียก่อน ผู้จัดการไม่รอช้า เหนี่ยวไกปืน
เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ผลปรากฎว่านกเป็ดน้ำตัวหนึ่ง
ร่วงผลอยจากฟ้า ตกลงไปยังสนามหน้า
บ้านของบุญมั่นเจ้าของฟาร์มผู้กว้างขวาง
ผู้จัดการวิ่งตามวิถีที่นกเป็ดน้ำตก เห็นนกเป็ดน้ำนอน
แอ้งแม้งอยู่ที่สนามหญ้าในรั้วของเจ้าของฟาร์ม
จึงพยายามปีนรั้วเข้าไปเพื่อเอานกเป็ดน้ำ
บุญมั่น : หยุด ! นั่นใคร? เข้ามาทำไม?
ผู้จัดการ : ผมเองครับ ผู้จัดการสำนักงานทนายความ มายิงนกเป็ดน้ำ บังเอิญมันตกอยู่ที่นั่น ผมจะเข้าไปเอา
บุญมั่น : ช้าก่อน ! นี่เป็นเขตที่ดินของผม ห้ามบุกรุก
ผู้จัดการ : นกเป็ดน้ำเป็นสมบัติของผม หากไม่คืนให้ผม ผมจะฟ้องคุณในข้อหายักยอกทรัพย์สินผู้อื่น
บุญมั่น : เรื่องเล็กๆอย่างนี้ ที่นี่เขาไม่ขึ้นศาลให้เสียเวลาหรอก
ผู้จัดการ : อ้าว ! แล้วเขาตัดสินข้อพิพาทกันอย่างไรล่ะ
บุญมั่น : อ๋อ เขาใช้กติกาท้องถิ่น คือคู่พิพาทจะผลัดกันเตะซึ่งกันและกัน คนละสามที
ผู้จัดการ : แล้วเมื่อไรจะรู้แพ้ รู้ชนะกันล่ะ
บุญมั่น : ก็ไม่ยาก จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะชนะ
ผู้จัดการเห็นบุญมั่นอยู่ในวัยกลางคนรูปร่างเล็ก ส่วนตนนั้นหนุ่มกว่า รูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรงกว่า น่าจะเอาชนะเจ้าของฟาร์มได้อย่างแน่นอน
จึงตอบตกลงที่จะใช้กติกาท้องถิ่นตามที่เจ้าของฟาร์มเสนอ
บุญมั่นจึงเริ่มด้วยการเตะผ่าหมากผู้จัดการ ด้วยรองเท้าบู๊ทที่หนาเตอะ ผู้จัดการทรุด
ลงไปกองกับพื้นทันที ในขณะที่ผู้จัดการยังซมซานอยู่นั้น
บุญมั่นก็เตะครั้งที่สองเข้าที่ซี่โครงและยังไม่ให้ตั้งตัว
บุญมั่นก็เตะครั้งที่สามเข้าที่ปลายคางของผู้จัดการถึงขั้นเกือบสลบ แต่ด้วยความ
ที่เป็นหนุ่มแข็งแรงมาก ผู้จัดการฟื้นจากความมึนงงอย่างรวดเร็ว
ผู้จัดการ : เอาล่ะ ทีนี้เป็นตาของฉันบ้างล่ะ แกจะต้องยอมแพ้แน่นอน
บุญมั่น : โอเค โอเค ผมยอมแพ้ คุณเอานกเป็ดน้ำของคุณไปได้แล้ว
---------------------------------------------------------------
เรื่องที่ 4
ผมสบายดี
บุญเกินเป็นเกษตรกร ได้รับอุบัติเหตุถูกรถสิบล้อพุ่งชนรถปิกอัพที่เขาขับกลับจากในเมือง
บุญเกินต้องขึ้นศาลเพื่อเรียกร้องให้เจ้าของรถสิบล้อจ่ายค่าทำขวัญด้วยเงินก้อนใหญ่
ทนายจำเลย : ณ ที่เกิดเหตุ โจทก์ได้บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า "ผมสบายดี" ใช่หรือไม่
บุญเกิน : คือว่า ผมเอาเจ้าดิ๊ก หมาอัลเซเชี่ยนขึ้นนั่งที่เบาะหลัง.......
ทนายจำเลย : ข้าแต่ศาลที่เคารพ โจทก์ตอบไม่ตรงประเด็น ขอให้โจทก์ตอบว่า ในวันเกิดเหตุ
โจทก์บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า "ผมสบายดี" ใช่หรือไม่
บุญเกิน : ผมอยากจะบอกว่า ในวันเกิดเหตุ ผมพาเจ้าดิ๊กหมาอัลเซเชี่ยนของผมขึ้นนั่งเบาะหลัง
แล้วผมก็......
ทนายจำเลย : ข้าแต่ศาลที่เคารพ โจทก์ไม่ยอมตอบให้ตรงประเด็น
กระผมอยากให้โจทก์ตอบว่า ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบสวน โจทก์ได้บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
โจทก์สบายดี จริงหรือไม่ เพราะเวลาผ่านไปตั้งเป็นสัปดาห์แล้ว โจทก์จึงแจ้งว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส โจทก์มา
เรียกร้องค่าทำขวัญจากจำเลยมากมายอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่ามันขัดแย้งกัน
ศาล : ขอให้โจทก์เล่าให้จบ ศาลอยากฟัง เมื่อโจทก์พาเจ้าดิ๊กขึ้นนั่งเบาะหลัง แล้วอย่างไร?
บุญเกิน : ข้าแต่ศาลที่เคารพ เมื่อกระผมพาเจ้าดิ๊กหมาอัลเซเชี่ยนขึ้นนั่งที่เบาะหลัง และเจ้าบอส
หมาโดเบอร์แมนขึ้นนั่งที่เบาะหน้าแล้ว กระผมก็ขับรถออกมา
ทันใดนั้นรถบรรทุกสิบล้อก็วิ่งเข้าชนด้านขวา รถกระผมพลิกคว่ำ ทั้งตัวกระผม เจ้าดิ๊ก
และเจ้าบอสกระเด็นออกนอกรถ ตกอยู่ในคูข้างทางทั้งคู่ กระผมได้ยินเจ้าดิ๊ก กับเจ้าบอสมันร้องครวญคราง และโหยหวน
เป็นที่น่าเวทนา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง เขาเดินไปหาเจ้าดิ๊ก
ชักปืนออกมาแล้วจ่อเข้าที่หว่างคิ้วเหนี่ยวไกปืน เปรี้ยง ! เจ้าดิ๊ก
ตายคาที่ทันที ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินไปที่เจ้าบอส
เอาปืนเล็งไปที่หัวมัน เหนี่ยวไกปืนเปรี้ยง ! เจ้าบอสก็ตายทันทีด้วย
แล้วเขาก็เดินมาหาผมโดยที่เขายังถือปืนอยู่ในมือ
เขาพูดว่า "หมามันบาดเจ็บมาก ผมไม่อยากให้มันทรมาณ อ้าว !
แล้วคุณล่ะบาดเจ็บมากไหม?"
กระผมก็เลยจำเป็นต้องบอกว่า "ผมสบายดี"
---------------------------------------------------------------------
เรื่องที่ 5
เหตุเกิดที่ศรีธัญญา
ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา บุญเปลี่ยนสามี และสายเย็นภรรยา
อยู่รักษาตัวมาหกเดือนแล้ว ทั้งคู่เป็นคนโอภาปราศรัย รักใคร่ปรองดอง
จนเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของบรรดาหมอและพยาบาล ทั้งคู่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ห่างเหิน
เช้าวันหนึ่ง ทั้งคู่เดินผ่านสระว่ายน้ำของโรงพยาบาล ทันใดนั้นโดยไม่คาดฝัน
บุญเปลี่ยนได้ กระโดดลงบริเวณส่วนลึกที่สุดของสระน้ำแล้วจมลงที่ก้นสระทันที
ด้วยความตกใจ สายเย็นก็ รีบกระโดดลงไปในน้ำ แล้วพยายามดึงบุญเปลี่ยนขึ้นมาที่ขอบสระ
หมอและพยาบาลเห็นเหตุการณ์นี้ตลอด นอกจากจะมาช่วยกันปฐมพยาบาลบุญเปลี่ยนแล้ว
ยังได้รายงานผู้อำนวยการเพื่อทราบด้วย
ผู้อำนวยการดีใจที่เห็นสายเย็นมีสติสัมปชัญญะดี
วีรกรรมเมื่อเช้านี้แสดงให้เห็นถึงสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ จึงคิดว่าน่าที่จะออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านได้แล้ว
ตอนสายของวันนั้น ผู้อำนวยการเรียกสายเย็นมาพบ
ผู้อำนวยการ : สายเย็น หมอมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะบอก
สายเย็น : .................................
ผู้อำนวยการ : ข่าวดีคือ คุณหายแล้ว กลับบ้านได้แล้ว แต่ข่าวร้ายคือ
บุญเปลี่ยน สามีคุณเสียชีวิตแล้ว มีคนเห็นสามีคุณผูกคอตายด้วยผ้าปูที่นอน ที่หน้าต่างห้องพัก
สายเย็น : เขาไม่ได้ผูกคอของเขา ฉันเป็นคนผูกเขาห้อยไว้ที่นั่นเอง
ฉันเห็นตัวเขาเปียกมากจึงต้องตากเขาไว้ที่นั่นก่อนอีกนานไหมพวกเราจะกลับบ้านได้
ฉันจะเตรียมไปเก็บเขาได้แล้ว
ผู้อำนวยการ :
??