ก็ยังไม่ได้ต่อสู้คดีกัน
แต่ในคดีที่เพชรบุรี จำเลยมีปืน ๑ กระบอก กับซองกระสุนติดปืน ศาลเห็นว่าปืนกับซองกระสุนแยกกัน และลงโทษ
1 มีซองกระสุน ซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้
2 พาซองกระสุน ฯ
3 พาอาวุธปืน
พอดีจำเลยรับสารภาพเสียก่อน ข้อหามีซองกระสุนผมเห็นว่ายัง ๕๐/๕๐ แต่ข้อหาพาซองกระสุน ฯ น่าจะรอด
ด้วยความเคารพในคำพิพากษาครับ
ผมเห็นว่าที่ศาลเพชรบุรี แยกปืนกับซองกระสุนก็เพราะว่า ตำรวจตั้งข้อหาว่า
1 . ปืนพกพาไปโดยไม่มีป.๑๒ ( แต่มีป.๔ ) จึงผิด ๑ ข้อหา
2 . ซองกระสุนที่มีมากับปืนจุเกิน ๑๐ นัด ฝ่าฝืนกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓ ( พ.ศ. ๒๔๙๑ ) ข้อ ๒ (๑๒ ) ด้วย ..และจำเลยดันไปรับสารภาพ
ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงต้องแยกซองกระสุน
มาเป็นข้อหานี้ด้วยต่างหากอีกข้อหาหนึ่ง ..ว่าผิดฐานมี ..ที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ /กับฐานพา ..
เมื่อพนักงานอัยการฟ้องศาล .. จำเลยก็ไปรับสารภาพอีก
ศาลเลยต้องตัดสินตามข้อหาที่ฟ้องแยกมานั้น
เลยดูเป็นแยกกัน / ซึ่งหากซองกระสุนที่มีนั้นจุไม่เกิน ๑๐ นัด
อาจไม่มีการตั้งข้อหานี้และไม่ถูกแยกกันก็ได้ครับผู้การ ...
คงต้องรอดูแนวคำพิพากษา..แนวนี้กันต่อไป..