ระมัดระวังการใช้จ่ายเอาไว้บ้างก็ดีนะครับ ที่เขียนนี่ไม่ได้ต้องการทำลายขวัญกำลังใจแต่อย่างใด แต่การจะเข้าสู่สนามรบเรารู้ตัวเอาไว้ก่อนก็ดีว่าจะเจอคู่ต่อสู้(ทางเศรษฐกิจ)ร้ายกาจเพียงไหน ปัจจัยที่ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจประเทศเราในเวลานี้มาจากการที่ฟองสบู่สหรัฐฯกำลังจะแตก และจะฉุดเศรษฐกิจทั่วโลกลงเหว ตอนนี้ฟองแรกที่แตกออกมาก่อนคือ สินเชื่ออสังหาซับไพร์มของสหรัฐฯ ซึ่งธนาคารกลางทั่วโลกอัดฉีดเงินเข้าระบบกว่า3แสนล้านus$(10เท่าของงบประเทศไทยทั้งปี)แล้วก็ยังเอาไม่อยู่ คาดว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯจะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจเราเดินมาผิดทางเป็นเวลานานหลายสิบปี โดยพึ่งพาการส่งออกสินค้าที่มีvalue added ต่ำได้แต่เพียงค่าแรงจากธุรกิจต่างชาติเท่านั้น โดยที่ยอดส่งออกเกือบ70% เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ของบริษัทฯยักษ์ข้ามชาติ ในขณะที่เราต้องนำเข้าวัตถุดิบเกือบทั้งหมดแม้กระทั่งเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบ มีแต่ยางรถยนต์และยางปัดน้ำฝนเท่านั้นที่เราผลิตได้เองในประเทศ กำไรก็ส่งสู่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ซึ่งในความเป็นจริงตัวเลขการได้ดุลการค้าที่เกิดขึ้นนั้นเป็นตัวเลขลวงในความเป็นจริงเราขาดดุลการค้าทุกปี (ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆเช่น ร้านของชำขายสินค้าได้100 บาท แต่เป็นสินค้าฝากขายเสีย70 บาท แต่กลับซื้อของใช้ภายในบ้านถึง90 บาท) และการสร้างตัวเลขเศรษฐกิจเทียมโดยการสร้างการบริโภคภายในประเทศให้เกิดการบริโภคภายประเทศโดยไม่มีการสร้างศักยภาพของประเทศมาตลอด5 ปีที่ผ่านมา เช่น การที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่กู้เงินกองทุนหมู่ไปเพื่อใช้จ่ายเช่นซื้อ รถ มอร์เตอร์ไซค์ โทรศัพท์โดยมิได้นำไปลงทุนสร้างรายได้แต่อย่างใด ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาลองสังเกตุดูครับว่า มีสิ่งใด้ที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเจริญขึ้น มีเทคโนโลยีและความรู้มากขึ้นที่จะสามารถแข่งขันกับชาวโลกได้บ้างครับ (หวังว่าคงไม่มีใครตอบว่า รถไฟฟ้าใต้ดิน ที่แม้แต่หัวขุดก็ต้องเช่าจากต่างประเทศขุดเสร็จก็ส่งกลับ หรือสนามบินสุวรรณภูมิที่เราไม่ได้ออกแบบแม้แต่น้อย เราใช้แต่แรงงานในการก่อสร้างเท่านั้น)
ขอบคุณครับ ในความเห็นผมว่ารัฐบาลที่แล้วเน้นการบริโภคในประเทศ เป็นหลักนะครับ เพราะรัฐบาลเก่าๆ เน้นแต่การส่งออกทำให้เวลามีปัญหา ก็จะไม่มีทางเลือกมากนั้กและไปผูกเศรษฐกิจไว้กับต่างชาติมากเกินไป ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญกับด้านเกษตรจริงจัง พ่อค้าคนกลางรวยครับ แต่รัฐบาลที่แล้วทำให้พ่อค้าคนกลางขาดรายได้ไปมากเพราะสินค้าเกษตรราคาสูงมาก และไม่ค่อยง้อพ่อค้าคนกลางนัก
ในส่วนผลงานนั้นผมให้เครดิตสนามบินสุวรรณภูมิมากครับ เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และใช้ระยะเวลาการสร้างยาวนานมาก ถ้าไม่ได้รัฐบาลที่แล้วทำ ไม่มีวันเสร็จครับ ถึงจะมีคนตำหนิในปัญหาต่างๆมากมาย แต่ผมว่าสนามบินนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่ซักเท่าไหร่ ผมว่าดีเสียอีกที่ได้ใช้ซะที หลังจากรอมานานกว่าครึ่งอายุคน ส่วนการออกแบบนี่เป็นความนิยมส่วนบุคคลครับ ต่อให้เอาคนไทยออกแบบก็มีปัญหาอยู่ดีแหละครับ
อย่างรัฐบาลที่แล้วที่ดูเหมือนจะฮั้วกับสิงคโปร์ แต่ลองวิเคราะห์ดูดีๆครับ การที่สนามบินสุวรรณภูมิเสร็จ และมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า การสื่อสารที่ดีขึ้น นี่เหมือนหอกข้างแคร่ที่คอยทิ่มแทงประเทศเพื่อบ้านนะครับ โดยเฉพาะสิงคโปร์ ในใจผมคิดว่าโครงการพวกนี้สร้างไม่เคยเสร็จเพราะมีการแทรกแซงจากภายนอกครับ เพราะสภาพภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมของไทยน่าจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในภูมิภาคก็ว่าได้ น่าจะเป็นชาติมหาอำนาจของเอเซียรองจากจีนและรัสเซียเท่านั้น แต่ติดที่ว่ามีคนไทยมาอยู่เท่านั้นเอง การที่เกิดสนามบินขึ้นนี่สิงคโปร์สะดุ้งครับ โดยเฉพาะถ้าตัดคอคอดกระ ให้เรือผ่านได้และทำท่าเรือน้ำลึดที่อ่าวไทย นี่สิงคโปร์จบข่าวแน่นนอน แต่ไม่ทำกันครับด้วยเหตุผลที่คิดไว้ในใจละกันครับ
ส่วนรถไฟฟ้านั้นการเช่าหัวขุดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการซื้อน่าจะไม่คุ้ม เช่นจะสร้างบ้าน 20 หลังซื้อปั้นจั่นใหม่ ซื้อรถแม็คโคร ซื้อเครื่องจักรใหม่หมด นี่พอสร้างเสร็จก็เอาไปขายราคาเดิมไม่ได้มีแต่ขาดทุนครับ
รัฐบาลที่แล้วเรามีรัฐบาลที่อาจจะเรียกได้ว่าผู้นำต่างๆให้ความสนใจมาก และเป็นการนำประเทศไปสู่การบริหารประเทศในเชิงรุกซึ่งผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ประเทศในยุโรปไม่ยอมรับสินค้าเราก็ต่อรองไม่ซื้อสินค้าเขาเช่นเครื่องบินได้ ไม่ใช่ไปแบมือขอ GSP เขาอย่างเดียว และไม่ว่าจะเป็นการริเริ่มเอเชียบอนด์, การฮั้วราคาสินค้าเกษตรในภูมิภาค และอื่นๆอีกมากครับ
ปัญหาสะสมมาตั้งแต่ 2475 ครับ จะให้แก้ได้ดังใจอยู่แค่ 4 ปีทำอะไรไม่ได้หรอกครับ ต้องอยู่เหมือน มหาเธ ของมาเลเซียครับ 20 ปีขึ้นไป
ในใจผมว่าลองพิจารณาดูให้ดีครับ นายดีมีเสีย นายเสียมีดีครับ เศรษฐกิจจะแข็งแกร่งไม่ได้ถ้าเรามัวแต่พึ่งคนอื่นมากเกินไป คือพึ่งการส่งออกมากเกินไปครับ
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ หากผิดพลาดต้องขออภัยครับ