เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 20, 2024, 01:45:17 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ  (อ่าน 1390 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 03:47:09 PM »


 
อ่านกี่ครั้งก็................รู้สึก...อยู่เสมอ..........

 
 
 


ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน  แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี  วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ  ของฉันมีกัน จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง  พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง  โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน  " ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า " ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ
ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ" พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น  ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้  แล้วพูดว่า  "ผมขโมยเองครับ"
ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง > พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย  พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน  " ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก  แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"  คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้  หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด  แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก  น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า  " พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"  ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้  ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ  หลายปีผ่านไป
แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง  ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย  ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...  เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น  เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน  ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย  ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน  คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน
ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี  เรียนดีมากนะ"  แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า > " แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร  ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"  ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
"ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"  พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่  "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้  ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน  พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"  คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ  ทั่วทั้งหมู่บ้าน  เพื่อขอยืมเงิน  ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า " ต้องให้น้องได้เรียนต่อ  ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"  แต่ในขณะเดียวกัน  ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้  ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด  น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น  และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว  ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน  ขณะฉันกำลังหลับ  " พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....  ผมจะไปหางานทำ  แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"  ฉันนั่งอยู่บนเตียง  อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ... > ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป  ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .
ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม

คนที่เป็นพี่สาว อย่าน้ำตาไหลนะ
 

ที

 
 
 ไซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

> วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
> เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ > อยู่ข้างนอกแน่ะ"
> ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ωωω
> ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
> ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
> ... > ฉันถามเขาว่า
> " ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"
> น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ
> สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
> ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ > ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"
> ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
> และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ
> " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
> เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม" >
> จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
> เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน
> แล้วพูดว่า
> " ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง" 
> ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
> ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
> ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .
> วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก > ฉันสังเกตเห็นว่า
> หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้วเมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก
> หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า > " แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
> เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"
> แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า " แม่ไม่ได้จ้างหรอก
> น้องชายลูกต่างหาก > วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
> ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
> น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"
> ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา >
> ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ
> ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"
> ฉันถาม 
> "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ > มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด
> แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ..." 
> น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด
> เพราะฉันหันหน้าหนีเขา > น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
> ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23ปี ส่วนฉันอายุ 26ปี...
> หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
> หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วย
 

กัน

 
 
 > แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ 
> ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง
> แต่เมื่อออกไปแล้ว
> ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี
> จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม >
> น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป
> เขาบอกกับฉันว่า
> "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ
> ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง" >
> สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
> เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท 
> แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้
> เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา >
> วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
> และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
> เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล 
> ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
> น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
>  ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า
> "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
> ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ > ดูตัวเองซิ
> เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง" 
> คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด
> ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
> " พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน > ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ
> ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ
> คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด" 
> น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .
> ฉันบอกกับน้องว่า > "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..." 
> "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"
> น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
> ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี... >
> เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30ปี
> เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน 
> ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
> "ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้" >
> น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" .
> และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้ 
> "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง > เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียน
> และเดินกลับบ้าน
> วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
> พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
> และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล > เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
> เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น
> ผมสาบานกับตัวเอง
> ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี > และจะทำดีกับเธอ" 
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว
> สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน 
> คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้ > คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ" 
> ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
> น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
> จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ > วันในชีวิตของคุณและเขา
> คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ
> น้อยๆ  แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
> ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ > พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม
 

 
 

 
 
 
   

บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 03:54:18 PM »

 
         ขอบคุณครับ  หล่อนมีน้องชายที่มีสติและน่ารักที่สุดในโลก

บันทึกการเข้า

                
ชัยบึงกาฬ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1991
ออฟไลน์

กระทู้: 8962


ต้องรู้ให้ถึงแก่น...


« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 03:56:51 PM »

ขอบคุณครับเฮีย....
บันทึกการเข้า
แจ็ค
"กำบ่มีอย่าไปอู้...กำบ่ฮู้อย่าได้จ๋า"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 461
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7529


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 04:09:24 PM »


....จำได้ว่าเคยอ่านแล้วครั้งหนึ่ง  แต่อ่านอีกครั้งความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม ดีครับ  ความรักระหว่างพี่กับน้องที่หาไม่ค่อยได้สักเท่าไรในสังคมปัจจุบัน .....
บันทึกการเข้า

... เมื่อความกลัวถึงขีดสุด  มันจะเกิดเป็นความกล้าที่บ้าบิ่น ...
nine รักในหลวง
มนุษย์ล่วงทุกข์ได้ด้วย...ความเพียร
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 571


การเดินทางไกลนับหมื่นลี้....ต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 04:19:15 PM »

อ่านแล้วรู้สึกจุกที่อก....สุดยอดแห่งความรักครับ...
บันทึกการเข้า

หลังจากพายุผ่านไป..ท้องฟ้าสดใสขึ้นทันตา..อุปสรรคนานาก็ผ่านเลยไป..ชีวิตใหม่เริ่มก้าวเดินอย่างทรนง..แข็งแกร่งดุจหมู่เกาะ.....กลางคลื่นลม..
Hang
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 04:21:31 PM »

น้ำตาซึม..อยากบรรยายเป็นกลอนหวานๆเศร้าสัก5-6บทจัง หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 04:53:20 PM »

อ่านแล้ว น้ำตาคลอเป้า...........
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 06:34:03 PM »

อ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
e.k.1911
ถ้าคนดีอยู่ในหมู่บ้านของชนเหล่าใด ความสุขและผลจักมีแก่ชนเหล่านั้น
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 251
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2809


Still Loving COLT


« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 06:56:51 PM »

ขอบคุณมากครับ  มีความรู้สึกดีๆซึ้งครับ
บันทึกการเข้า

โปรดจงเอาดอกไม้เสียบไว้ที่ปลายปืน  แล้วหยิบยื่นไมตรีมิตรให้แก่กัน
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 08:47:03 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
apc275
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 317


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2007, 10:03:41 PM »

อ่านแล้วรู้สึกดีครับ
บันทึกการเข้า

อำนาจการกินรุนแรง  รัศมีการท่องเที่ยวไกล  การครองสติต่ำ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 21 คำสั่ง