เห็นข่าวแล้วก็เลยคัดลอกมา ลูกซองยาว สู้ เอ็ม ๑๖ ยอมรับ นับถือในจิตใจอัน เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ ..
และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วยครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 8 ก.ย. ขณะที่นายอาลียะ แมะแอ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/2 หมู่ 3 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กับนายอัลบาซา แมะแอ อายุ 17 ปี ลูกชาย เป็น ชรบ.หมู่บ้านเดียวกันเดินไปดูสวนลองกองบนภูเขาเทือกเขากาลอ บ้านดุซงตาวา หมู่ 3 ต.บือมัง
กระทั่งถึงสวนยางพาราก่อนถึงสวนลองกองราว 3 กม. พบนายสาการียา มะซูเปะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 4 บ้านมาแฮ ต.บือมัง นายอิบรอเฮง ลีเกี๊ยะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 3 บ้านดุซงตาวา แกนนำคนสำคัญของโจรใต้และพวกอีก 2 คน ดักรออยู่ในสวนยาง โดยทั้งสองฝ่ายต่างรู้จักกัน แต่นายสาการียากับนายอิบรอเฮงพูดจาข่มขู่ 2 พ่อลูกที่เป็นคนของรัฐ พอสบจังหวะ นายอิบรอเฮงใช้ปืนเอ็ม 16 กราดยิงใส่นายอาลียะเสียชีวิตคาที่
ขณะเดียวกัน นายอัลบาซา ซึ่งเป็นลูกชายและถือปืนลูกซองยาว 5 นัดเตรียมพร้อมไว้แล้ว ได้เหนี่ยวไกยิงใส่กลุ่มของนายอิบรอเฮงทันที 5 นัดซ้อน ปรากฏว่า กระสุนถูกนายสาการียากับนายอิบรอเฮงเข้าที่ใบหน้าและลำตัวพรุน เสียชีวิตคาที่ ส่วนพวกที่เหลือถูกยิงบาดเจ็บช่วยกันหามเข้าป่าหายไป
หลังเกิดเหตุนายกฤษฎา บุญราช รอง ผวจ.ยะลา พ.ต.อ.นราศักดิ์ เชียงสุข รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.ท.ธวัชชัย สังฆมิตกล สว.หน.สภ.ต.โกตาบารู อ.รามัน ร.ต.ต.พงษ์พันธุ์ คำวุ่น ร้อยเวร นำกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ไปสอบสวนที่เกิดเหตุ พบศพนายอาลียะถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ที่ลำตัวจนพรุน ส่วนนายสาการียากับ นายอิบรอเฮงถูกเข้าตามใบหน้าและลำตัว ในที่เกิดเหตุมีกระสุนตกเกลื่อน ส่วนนายอัลบาซาปลอดภัย
จากการตรวจสอบประวัติของนายสาการียากับ นายอิบรอเฮง พบเป็นแกนนำคนสำคัญระดับหัวหน้าของกลุ่มโจรใต้ โดยทั้งคู่มีค่าหัว 1 ล้านบาทกับ 5 แสนบาท ตามลำดับ และทั้งคู่ยังมีหมายจับของ สภ.ต.โกตาบารู คดีลอบเผาโรงเรียนบ้านมาแฮ วางระเบิดและซุ่มยิง อส.อ.รามัน เสียชีวิต 5 ศพที่บ้านบูเก๊ะบือราแง หมู่ 3 ต.อาซ่อง เมื่อปลายปี 2549 นอกจากนี้ ยังฆ่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.รามันอีกหลายคดี อีกราย ก่อนหน้านั้น ตอนสายวันเดียวกัน พ.ต.อ.ชัยทัต อินทนูจิตร รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.อ.บันนังสตา นายพนิต ยอดพานิชย์ ปลัดอาวุโส อำเภอบันนังสตา พร้อมกำลัง ไปสอบสวนเหตุยิงกันตายในสวนลองกอง บริเวณบ้านเลขที่ 18 หมู่ 8 บ้านตือระ ต.บันนังสตา พบศพนางวันลิตา มาชัย อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่เดียวกัน ถูกยิงด้วยปืน 11 มม. ที่ศีรษะ ลำคอและขาขวา
สอบสวนนางซากีนะ ฆาเราะ อายุ 38 ปี เจ้าของบ้านและพี่ของผู้ตาย ให้การว่า น้องสาวมีอาชีพทำสวนลองกอง ขณะผู้ตายนั่งอยู่ในบ้าน มีคนร้ายวัยรุ่น 2 คนซ้อน จยย.มาจอดหน้าบ้าน คนร้ายที่ซ้อนท้ายวิ่งถือปืนบุกเข้าไป นางวันลิตาตกใจรีบวิ่งหนีลงจากบ้านเข้าไปในสวนลองกอง คนร้ายตามไล่ยิง กระสุนถูกนางวันลิตาจนล้มลง แต่คนร้ายยังแสดงความอำมหิตตามไปจ่อยิงที่ศีรษะอีก 1 นัด ก่อนหลบหนีไป สันนิษฐานเป็นฝีมือโจรใต้ เนื่องจากผู้ตายเป็นสายข่าวให้กับทางการ หรืออีกประเด็นอาจขัดแย้งเรื่องพิพาทที่ดินกับคู่กรณีรายหนึ่ง
ด้าน จ.นราธิวาส เช้าวันเดียวกัน พ.ท.รุ่งโรจน์ อนันตโท ผบ.ฉก.31 พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก.สภ.อ. สุไหงปาดี พ.ต.ท.ปรีชา กิ่มเกลี้ยง สว.กลุ่มงานสืบสวน บก.ภ.จ.นราธิวาส ทำหน้าที่หัวหน้า นปพ.ภ.ประจำ อ.สุ-ไหงปาดี นำกำลังทหาร ฉก.31 ทหารพราน กองร้อยที่ 45 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.สุไหงปาดี นปพ.ประจำ อ.สุไหงปาดี และเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ค่ายสิรินธร 150 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นแบบปูพรมในหมู่บ้านบือ-ราแง หมู่ 3 ต.โต๊ะเด็ง หลังรับแจ้งจากชาวบ้านมีกลุ่มแกนนำโจรแฝงตัวกบดานเตรียมก่อเหตุร้าย
ในการปิดล้อมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ปิดถนนจารุเสถียร ช่วงบ้านต้นไม้สูง เขตเทศบาลตำบลปะลุรู จนถึงบ้านเจาะวา ต.สุไหงปาดี ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบได้ 11 ราย พร้อมของกลางปืนลูกซองยาว 1 กระบอก สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมตัวประกอบด้วย 1. นายอุสมาน ฮารีเปเราะ 2. นายอาดือนัน อาแว-หนู 3. นายเฮรี อุมา 4. นายฮายรี ยูโซ๊ะ 5. นายมูหา-มัดสักรี ฮารีเปเราะ 6. นายอัสมัน ดือราแม 7. นายซา-ฮาลูเด็ง ยูหนู๊ 8. นายมะยากี เถาะ 9. นายเจ๊ะบือราเฮง เจ๊ะสาแม 10. นายฮันดี เจ๊ะเต๊ะ และ 11. นายสัมซี ยูโซ๊ะ
ตรวจสอบประวัติพบว่า 2 ใน 11 ผู้ต้องสงสัย คือ นายอุสมาน ฮารีเปเราะ กับนายอาดือนัน อาแวหนู เป็น แกนนำระดับผู้ปฏิบัติที่เคยลอบก่อเหตุร้ายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ใช้ปืนเอ็ม 16 ซุ่มยิงนายวีรา หะยียาการียา อายุ 25 ปี อส.ประจำ อ.สุไหงปาดี เสียชีวิต จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องสงสัยทั้งหมดให้การปฏิเสธ นำตัวส่งศูนย์เสริมสร้างความสมาน-ฉันท์ ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สอบสวนขยายผลต่อไป
อีกราย ขณะที่ ร.ต.ต.แดนชัย มูลป้อม ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมกำลัง นำตัวผู้ต้องหาคดี ยาเสพติดไปส่งอัยการที่สำนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาส ระหว่างทางเห็นชายต้องสงสัยเดินอยู่ จึงขอตรวจค้นพบปืน .38 เหน็บที่เอว สอบสวนทราบชื่อว่า นายมูฮำหมัด-สุกรี อูมา อายุ 32 ปี อยู่ อ.รามัน จ.ยะลา ตรวจสอบประวัติพบว่า นายมูฮำหมัดสุกรีมีหมายจับในคดีด้านความมั่นคงของ สภ.อ.รือเสาะ พร้อมรับสารภาพว่าเคย ร่วมกับพวกใช้ปืนสงครามยิงถล่มนายเจริญ เชาวลิต ผอ. โรงเรียนบ้านนาดา หมู่ 4 ต.รือเสาะ บาดเจ็บเมื่อหลาย เดือนก่อน นำตัวสอบสวนดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศอ.บต. นายการัณย์ ศุภกิจ-วิเลขการ ผวจ.นราธิวาส และคณะ เดินทางไปสถาบันศึกษาปอเนาะมะอ์หัดฟัจรุลอิสลาม หมู่ 1 บ้านกาปง- ดาแล ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างและปรับปรุงซ่อมแซมอาคารของปอเนาะต้นแบบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้โครงการ สานใจไทย สู่ใจใต้ โดยมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
จากนั้นนายอารีย์ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารของสถาบันฯเน้นย้ำให้เข้มงวดในการดูแลตรวจสอบพฤติกรรมบุคลากรและนักเรียนของสถาบันอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีชักจูงไปในทางที่ผิด พร้อมกันนี้ รมว.มหาดไทยยังกล่าวว่า ใน วันที่ 15 ก.ย.นี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค-มนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ และตรวจเยี่ยมติดตามความคืบหน้าของโครงการฯด้วยตัวเอง
ต่อมา รมว.มหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางไปวัดราษฎร์พัฒนา บ้านปิเหล็ง หมู่ 6 ต.มะรือโบออก อ.เจาะ-ไอร้อง เข้านมัสการและถวายปัจจัยแก่พระปรีชา จิรสุโภ เจ้าอาวาส และสอบถามถึงสภาพความเป็นอยู่ของชาวไทยพุทธในพื้นที่ ซึ่งพระปรีชา เจ้าอาวาส ได้ขอให้นายอารีย์และผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งปัญหาปากท้องของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเหมือนสุนัขจนตรอก อาจทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสใช้เงินเป็นตัวล่อ เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านั้นกระทำสิ่งที่ผิดๆได้
ที่โรงแรมซีเอส จ.ปัตตานี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และ ผบ.ทบ. เดินทางไปพบปะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น พร้อมเปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อขอบคุณ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำงานร่วมกันมาในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกล่าวย้ำในที่ประชุมว่า ความสำเร็จในการแก้ปัญหาอยู่ที่ผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนา อย่าคิดว่าปัญหาในพื้นที่หมดทางออก ขณะนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปสู่แนวทางที่ดีขึ้น การแพ้ชนะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการแพ้ทางการเมืองไม่ใช่การทหาร ดังนั้นต้องใช้การเมืองนำการทหาร ที่สำคัญต้องให้ประชาชนมีการศึกษา ถ้าเป็นไปได้อยากให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เรียนต่อจนจบระดับปริญญาตรี เพราะการศึกษาจะช่วยพัฒนาทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคง
ก่อนหน้านั้น พล.อ.สนธิได้พบปะผู้นำศาสนาจาก 14 จังหวัดภาคใต้ที่โรงแรมวีแอล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดย พล.อ.สนธิเปิดเผยหลังการพบปะว่า ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาหลักที่คนใน 3 จังหวัด แก้เพียงลำพังคงไม่ได้ ต้องให้ทั้ง 14 จังหวัดเข้ามาช่วยกันแก้ทั้งในภาคองค์กร ศาสนาและภาคประชาชน และก่อนการสัมมนา นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะ กรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดปัตตานี ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ พล.อ.สนธิเรียกร้องภาครัฐให้ความสำคัญด้าน การศึกษาของเยาวชน และควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับผิดชอบในเรื่องของกระบวนการจัดการศึกษาทั้งระบบ และเรื่องทุนการศึกษา เพราะการศึกษาจะเป็นส่วนสำคัญต่ออนาคตเยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ต่อมาเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ ผกก.สภ.อ. สายบุรี พ.ต.ท.ณัชทพัฒน์ คูธนพิทักษ์กุล สว.สส. นำกำลังตำรวจ ทหาร เข้าปิดล้อมบริเวณบ้านฮอแตกูแล หมู่ 3 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี หลังทราบว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับเข้ามาหลบซ่อนตัว พบนายยาการียา มะ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่าแล้วเผานายนนท์ ไชยสุวรรณ ผอ.โรงเรียนชุมชนบางเก่า อ.สายบุรี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 49 เดินอยู่บนถนนในหมู่บ้าน พอเห็นเจ้าหน้าที่พยายามวิ่งหลบหนีแต่ไม่รอด สอบสวนให้การปฏิเสธ
ที่ จ.สงขลา นายประยงค์ รัตนพันธ์ รอง ผวจ.สงขลา เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทานพระสงฆ์ 266 วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) หอประชุมเปรม 100 ปี โรงเรียนมหาวชิราวุธ อ.เมืองสงขลา โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพวีราภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 18 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ทางด้าน จ.สระแก้ว พ.อ.ไชยชัยยันห์ โสธรชัย ผบ.ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12 กกล.บูรพา สั่งการให้ ร.อ.สมปอง บุญชัย ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 1207 ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12 กกล.บูรพาและ ร.อ.ธรรมศักดิ์ ถ้วยทอง รอง ผบ.ร้อยฯ นำกำลังตั้งจุดตรวจค้นหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ พบกลุ่มชาย หญิงชาวเขมร อายุระหว่าง 19-25 ปี 18 คน หอบหิ้วกระเป๋าและเป้ใส่เสื้อผ้าเดินทางข้ามมาจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ ตรวจสอบพบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิมมีหนังสือเดินทางถูกต้อง เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพทำประวัติไว้ก่อนปล่อยตัวให้เดินทางต่อไป จากการสอบถามอ้างว่าจะเดินทางไปทำงานโรงงานที่ชายแดน จ.สงขลา
คัดลอกมาจาก
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=60421