หลังจากที่ผมติดต่อธุระกิจเสร็จสรรพ เรียบร้อยด้วยดี ด้วยภาษาอังกฤษแบบ snake snake fish fish
ผมเลยบอกว่าผมพูดไ้ด้ไม่เร็วเท่าที่ผมคิด ฝรั่งใจดีบอกว่าไม่เป็นไรเค้าเข้าใจถ้ามีอะไรที่ติดใจก็สามารถ mail มาได้ยินดีที่จะร่วมธุระกิจด้วย ^_^'
แล้วผมก็ตะลอน ๆ อยู่รอบ ๆ เมืองได้ซักพักจึงเริ่มเข้าใจระบบถนนเค้า นั้นคือเรากำลังจะไปไหนเราต้องมีแผนที่ในหัวคร่าว ๆ
ถ้ามาเจอทางแยกบน high way แล้วเช่นมี 35 south กับ 35 north ให้เรายึดตัวเราเป็นหลักแล้วคิดว่าเราอยู่ตรงไหนจะขึ้นเหนือหรือลงใต้ แล้วก็ไปตามป้ายที่บอก
กว่าจะจับทิศทางได้ก็เล่นหลงทางรวม ๆ ไปเกือบ ๆ สองร้อยกิโล แหะ แหะ
มาถึงวันศุกร์อีกครั้ง
มีงาน jazz lover อะไรซักอย่าง ผมเลยเดินไปถามตำรวจว่างานจะเริ่มเมื่อไหร่เค้าก็ตอบแบบยาวยืดและก็ฟังไม่ทันอีกตามเคย
สรุปได้คร่าว ๆ ว่าจะมีงานสามวัน มีวงแจ๊สชื่อดังมาเล่น มีอาหารอร่อยพื้นเมืองมาขาย เลยได้เดินเล่นในงานตลอดสามวัน
ถึงจะไม่ค่อยรู้จัก jazz แต่ก็ชอบดนตรีสดมันได้อารมณ์ คนที่นี่เค้าจะหิ้วเก้าอี้ มานัี่งฟังกัน ได้ชิมอาหารของ maxican เยอะเลยครับ
มาเล่าไอ้ที่ขำ ๆ กันดีกว่า
ผมเดินรอบ ๆ งานเพื่อเล็งหาของกินในวันแรกด้วยความที่เป็นคนชอบทานเนื้อวัวเป็นทุนอยู่แล้วเลยเล็งไปที่ตระกูล beef เป็นส่วนใหญ่
อ้อจะบอกว่า beef ที่นี่เค้าไม่แยกเนื้อวัวหรือเนื้อควายนะครับ เค้าไ่ม่บอก มันจะรวม ๆ กันไป
ไปจะเอ๋ร้านนึงคนไม่เยอะเท่าไหร่เป็นคนผิวสี กลิ่นมาเตะจมูก มองไปที่ราคาไมแพงน่ะ สูงสุดที่ 5 เหรียญ ก็เลยคิดว่าเอา beef ล่ะกัน
เข้าไปสั่งด้วยความมั่นใจ beep smoke and tomato grill เค้าก็ตอบรับแล้วพูดกลับมาอีกอะไรไม่รู้ ได้ยินแค่ rip แล้วก็อะไรมาณ fault fault ไอ้เราก็ฟังไม่ทันอีกแล้วครับท่าน แล้วก็คิดว่าไอ้คำว่า fault fault คือซอสอะไรซักอย่าง เลยตอบ yes yes yes
จากนั้นมาเลยครับ beep rip มันคือซี่โครงวัว อันอย่างใหญ่ยาวราว ๆ สิบสองนิ้ว ทั้งหมด ห้าอัน ตกใจครับท่านพูดอะไรไม่ออก
เข้าใจว่าไอ้ที่ถามย้อนมานั้นคงเป็นประมาณว่า เนื้อหมดมีแต่ beef rip สนใจมั้ยจะแถมให้เพราะเป็นความผิดเค้าที่ของหมด
ถอนหายใจหนึ่งเฮือกแบบเบา ๆ คิดในใจว่าเอาแล้วสงสัยมือนี้ กระดูกย่าง แหะ แหะ
ก็เลยรับมาพร้อมจ่ายไปห้าเหรียญ แล้วก็ตัดสินใจออกจากงานกลับมาที่โรงแรมเพราะคิดไม่ออกว่าจะแทะอย่างไรอันใหญ่เหลือเกิน
มานั่งแทะีที่โรงแรมก็ได้อารมณ์แปลก ๆ เหงา ๆ แต่อร่อยมาก ซอสอบเนื้อของชาว mexican มีเสน่ห์มาก ชอบ ๆ ไม่ผิดหวังเหมือนที่ ตึกสูง
หลังจากแทะไปได้สองอันก็บอกตัวเองว่าไม่ไหวมันเยอะแฮ่ะเนื้อที่ได้มาน่าจะราว ๆ เกือบสี่ขีดได้ไม่กล้ากินเยอะกลัวจะโดนสภาวะอาหารเป็นพิษ
เลยมองออกไปนอกเห็นเห็น น้องหมาพันธ์ทาง เลยโยนให้ (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเพราะผมอยู่ในห้องแต่น้องหมาอยู่หลังโรงแรม)
และแล้วคืนนี้ก็อิ่มฝันดีด้วย beef rip ขนาด 12 นิ้วห้าอัน เหอะ เหอะ
ตื่นเช้ามาเช้าวันเสาร์ ลงไปกินอาหารเช้าของโรงแรม (กินมาได้ หกวันแล้ว) เหมือนเดิมทุกวัน กาแฟหนึ่งแก้ว ขนมปังปิ้งสองแผ่น เนื้อย่างสองชิ้น นมกับซีเรียลหนึ่งชาม
วันนี้ผมตื่นเช้าไปเลยไม่ค่อยมีแขกของโรงแรมที่มาพักลงมากิน พนักงานที่ดูแลก็ใจดี มานั่งคุยประมาณว่าเค้าไม่ค่อยเจอใครอยู่นาน ๆ เพราะเมืองมันเล็กเดินวันเดียวก็หมด
ผมก็เลยตอบไปว่าผมวางแผนมาหมดแล้วว่าจะทำอะไรอยู่ที่นี่กี่วัน เค้าก็ใจดีคุยอยู่นานทั้ง ๆ ที่ผมก็ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง พูดผิดพูดถูก
แล้วสาย ๆ ผมก็ออกไปร้านปืนอย่างที่ใจหวังและแล้วก็ไปถึงร้าน Dury's shop เป็นอารมณ์ประมาณครอบครัว ทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
http://www.durysguns.com/ตอนเดินเข้าไปตอนแรกเค้าก็มองหน้าผมแปลก ๆ คิดว่าผมเป็นเด็กมั้งเพราะหน้าตาผมจีน ๆ เลยดูออกเป็นวัยรุ่นไปหน่อย
เค้าก็ทำท่าจะตัดรำคาญด้วยการถาม Can i help you sir, ผมก็ตอบไป I am looking for gun accessories and knife.
พอเค้าได้ยินสำเนียงผมเท่านั้นเค้าก็ถามว่ามาจากไหนเหรอ ผมก็เลยบอกไปว่ามาจากเมืองไทย กำลังหาของไปขาย
เท่านั้นแหละครับ แทบจะเอาของทั้งร้านให้ผมดู ปืนรุ่นใหม่ ๆ ปืนแปลก ๆ สำหรับผม เลยได้ดูได้จับจนหน่ำใจ
แล้วก็อุดหนุนเป็นของแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปราว ๆ สองสามชิ้น ตอนออกจากร้านเริ่มหนักใจว่าจะเอากลับไทยได้มั้ยเนี้ย
ซื้อเพราะความอยากแท้ ๆ
ราคาก็ไม่ถูกกว่าที่เช็คจาก net เลยแต่ที่แน่ ๆ คือถ้าผมได้อยู่นี่คงมีความสุข เค้าขายกระสุนกับแบบตักขายครับ ประมาณชั่งกิโล
หรืออยากได้แบบแพงนิดก็มีกล่องให้เรียบร้อย ที่สำคัญถูกกว่าบ้านเราเยอะ
ได้จับกระสุน .50 bmg ด้วย ใหญ่มาก ด้วยความอยากลองเลยถามว่าแถว ๆ นี้มีที่ไหนให้เช่ายิงได้บ้าง เค้าก็ตอบมา่ว่าถ้าเป็นปืนสั้นก็มีอยู่ไม่ไกล
แต่ถ้า .50 นี่ท่าทางจะไม่มีเพราะไม่ค่อยมีคนมาซื้อเท่าไหร่ ลูกเค้าก็ขายได้น้อย ต้องลองถามหาจากชมรมว่ามีใครให้ยืมได้บ้าง
คิดในใจท่าทางจะหมดหวังซ่ะแล้วสิเราที่จะโดนแรงถีบของ .50 ซักครั้งในชีวิต
ตกเย็นกลับมางาน jazz อีกครั้งคราวนี้ตั้งใจจะไม่ให้พลาดเรื่องของกิน
เอาเลยครับเดิน ๆ ก่อนอีกรอบ เจอร้านนึงกลิ่นเตะจมูกอีกแล้ว (ผมว่าชาติที่แล้วผมต้องเป็นหมาแน่ ๆ เลย ใช้จมูกดมกลิ่นว่าร้านไหนน่าจะอร่อย)
ป้ายเขียนไว้ว่า hamburger Old Style คนต่อคิวยาวมาก เลยอดทนลองต่อคิว และแล้วก็ถึงคิวเราไปดูบทสนทนาขำ ๆ ครับ
คนขาย: Hi sir,
ผม: Hi, I would like one berger with cheese and one with out cheese.
คนขาย: Fly sir (ตอนนี้ผมงงครับอะไรฟ่ะ บินเอ๋หรือว่าจะเป็นแมลงวัน อึ้ง ๆ แล้วก็เหลือบไปเห็นเฟรนด์ฟรายเลยคิดได้ว่ามันคือไอ้นี้นี่เอง)
ผม: No
คนขาย: ถามมาอีกประโยค ทีนี้เร็วมาก ฟังไม่ทันอีกแล้วจับใจความไม่ได้เลยเพราะเค้าคิดว่าผมเป็นคนที่นี่เลยมีภาษา mexican มาผสม
ผม: Oh sorry, i don't under stand, again and slowly please.
คนขาย: Oh sorry, I though you are local citizen (ผมคิดในใจ อ้ออว่าเราบ้านนอก นี่เอง
)
คนขาย: Do you want some vegetable sir.
ผม: Everything excepts onion (ผมออกเสียง onion อยู่นานกว่าเค้าจะเข้าใจ โอเนี่ยน ออนเนี่ยน ออเนี่ยน และอีกหลาย ๆ คำ
)
ยืนรออยู่ห้านาทีพร้อมคำเรียก Thank you very much for waiting time พร้อมกับ เบอร์เกอร์ขนาดยักษ์สองอัน ในราคา 10 เหรียญ คิดในใจเบอร์เกอร์สองอัน สามร้อยห้าสิบอยากจะร้องให้
งานนี้ตั้งใจนั่งฟังไปกินไป พกของยังชีพมาครบ ผ้ารองนั่งหนึ่งผืน มีดหนึ่งเล่ม น้ำสองขวด (ซื้อในงานขวดละสองเหรียญ ซื้อจาก wal mart สามขวดหนึ่งเหรียญ)
แล้วก็นั่งกินเบอร์เกอร์ขนาดฝรั่งกินจนหมดใช้เวลาไปเกือบ 45 นาทีเหนื่อยเหมือนกันเยอะมาก
คราวนี้ไม่ผิดหวังอร่อยอีกเช่นกัน
นั่งฟังเพลิน ๆ เวลาก็ราว ๆ สามทุ่มเลยเบื่อเพราะไม่ค่อยรู้จัก jazz แต่ชอบตอนเสียงเป่า แซกโซโฟน มากเพลินดี ราว ๆ สี่ทุ่มกลับถึงห้อง
ฟันร้ายว่าโดนปีศาจแฮมเบอร์เกอร์ไล่กิน ตกใจตื่นตอนตีสอง
มานั่งเหงา ๆ ต่ออยู่คนเดียวนี่เหงาพิกลเนอะ
วันนี้ไม่ได้ออกไปไหนกินอาหารเช้าโรงแรมเช่นเคย มื้อเที่ยงก็ข้าวกล่องไมโครเวฟ อ่านข้างกล่องได้ใจความว่ากระเพาไำก่ราดข้าว กินกันตาย
รสชาติเหมือนข้าวกล่อง 7-eleven บ้านเรา ตกเย็นมาเดินงาน jazz ซึ่งเป็นวันสุดท้ายอีกครั้ง
คราวนี้เจอนี่เลยครับไส้กรอกยักษ์ อันหล่ะ สามเหรียญห้าสิบ โอ้แม้เจ้าไส้กรอกอันละร้อย แพงฉิบเป๋ง แต่กลิ่นดีน่าลอง เลยเอาซ่ะรสชาติเยี่ยมเช่นเคยครับ
เล่นไปหนึ่งอันกับ hamberger เจ้าเก่าอีกหนึ่งอันอิ่มครับกลับมาห้องมานั่งเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ฟังแก้เหงา
พี่พี่ คนไหนอยู่ใกล้ ๆ แวะมารับหน่อยผมเหงาครับ
วันอังคารจะย้ายแหล่งที่อยู่ไป LA แล้วครับ แล้วมีเรื่องจะมาเล่าต่อ
ปล ไม่ได้ถ่ายรูปของกินไว้เพราะไม่รู้จะ่ถ่ายไงไม่มีมือครับบวกกับห่วงกินด้วยกลัวคนแย่งแหะแหะ