ไม่รู้ว่าเคยอ่านกันรึยัง
ไม่ได้บอกว่าห้ามใช้ความคิดเวลาจะทำอะไรนะ แต่ไม่ต้องคิดอะไรให้มันซับซ้อนมากนักก็พอ........ อย่าคิดอะไรให้มันยาก ๆ
เรื่องที่ 1
เมื่อองค์การนาซ่าได้เริ่มปล่อยจรวดเพื่อการสำรวจอวกาศ พวกเขาพบว่า ปากกาไม่สามารถเขียนได้ที่แรงโน้มถ่วงของโลกเท่ากับ 0 น้ำหมึกไม่สามารถไหลออกมาที่กระดาษที่ต้องการเขียนได้) การแก้ปัญหานี้ ได้ใช้เวลาราว 10 ปีและได้ใช้เงินมูลค่า 12 ล้านดอลล่าห์ (480 ล้านบาท) พวกเขาได้สร้างปากกาที่สามารถใช้งานได้ที่แรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์เขียนแบบคว่ำ หรือเขียนที่ใต้น้ำได้ สามารถเขียนได้ไม่ว่าสภาพผิวเป็นเช่นไร รวมทั้ง ผิว crystal และที่อุณหภูมิช่วงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งจนถึงที่มากกว่า 300 องศาเซลเซียลได้
ด้วยปัญหาแบบเดียวกัน ทางรัสเซีย ใช้ ดินสอ
เรื่องที่ 2
หนึ่งในเรื่องที่นิยมใช้ในการสอนที่ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ เรื่องของการเกิดปัญหาที่ว่าสบู่ที่ลูกค้าซื้อไม่มีสบู่มาด้วย คือได้แต่กล่องเปล่าๆ มา เรื่องนี้มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในการผลิตเครื่องสำอางของญี่ปุ่นได้รับการร้องเรียนจากทางลูกค้าถึงปัญหาดังกล่าว ทางด้านวิศวกรที่รับผิดชอบได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray เพื่อการตรวจดูว่าภายในของกล่องสบู่มีสบู่หรือไม่ และเพื่อการนี้ก็ได้ให้คน 2 คนคอยเฝ้าที่จอเพื่อดูให้แน่ใจได้ว่าไม่มีการหลุดของกล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่ไปแน่นอนว่าคน 2 คนที่ดูจอมอนิเตอร์คงไม่สนุกในการทำงานนี้เท่าไหร่
ด้วยปัญหาเดียวกัน พนักงานหน้างานที่บริษัทเล็กแห่งหนึ่งเขาไม่ได้แก้ปัญหาโดยการสร้างเครื่อง X-ray แต่สิ่งที่เขาทำได้แก่ การไปซื้อพัดลมที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม แล้วนำมาเป่าที่รางสายพานขณะที่กล่องสบู่วิ่งผ่านกล่องที่ไม่ได้บรรจุสบู่เมื่อถูกลมก็จะปลิวออกนอกสายพานลำเลียงเอง
2 เรื่องนี้เป็นตัวอย่าง
ที่พอสร้างให้เกิดแนวคิดบางอย่างในการทำงานและการแก้ไขปัญหาได้อีกแบบ ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบหนึ่งที่สอนให้รู้ว่า การมองทางออกที่ไม่ซับซ้อนมากจนเกินไป อาจจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ได้ผลเช่นเดียวกันก็ได้