3 พ่อลูก กุลชัยวัฒนาครอบครัวตัวอย่างแห่งวงการแม่นปืนไทย
เดลินิวส์ , วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550 เวลา 16:11 น.
ถ้าพูดถึงวงการกีฬายิงปืนบ้านเราแล้ว เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก วรพล กุลชัยวัฒนา หรือ พี่เอ อดีตนักแม่นปืนทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 12 ปี พ.ศ. 2526 ซึ่งแม้ว่าปัจจุบัน พี่เอ จะอำลาทีมชาติไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปจากวงการ ยังคงรับใช้ นนทบุรี จังหวัดบ้านเกิดในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติมาโดยตลอด ที่สำคัญไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ยังหอบหิ้วลูกชายอีก 2 คน มาร่วมงานด้วย
นั่นก็คือ ปองพล วัย 19 ปี กับ ภัทรพล วัย 17 ปี โดยเฉพาะพี่ชายคนโตอย่าง ปองพล นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าได้เดินตามรอยเท้าพ่ออย่างดีเยี่ยม ด้วยการเป็นนักกีฬาทีมชาติ เจ้าของเหรียญทองแดงเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 15 ที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อปีที่แล้ว และล่าสุด คว้าเหรียญทองแดงในกีฬามหาวิทยาลัยโลก ฤดูร้อน ครั้งที่ 24 ที่เมืองไทย มาหมาด ๆ เรียกว่างานนี้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น จริง ๆ
นอกจากนี้ 3 หนุ่ม 3 มุม แห่งตระกูล กุลชัยวัฒนา ยังรวมพลังช่วยกันโกยเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 36 นครศรีธรรมราชเกมส์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้อย่างเป็นล่ำเป็นสันอีกด้วย โดยคว้าเหรียญทองจากปืนสั้นยิงเร็วประเภทบุคคลและประเภททีม 2 เหรียญทอง กับ 1 เหรียญเงิน ขณะที่ ปองพล ทำได้ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง ส่วน ภัทรพล คว้าได้ 1 เหรียญทอง นับได้ว่าผลงานชิ้นโบแดงชิ้นนี้สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับชาวเมืองนนท์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
พี่อ้วน ปาลิดา และ พี่เอ วรพล แม่และพ่อของน้องทั้งสองคน เปิดเผยว่า ครอบครัวสนับสนุนลูกทั้งสองคนเล่นกีฬายิงปืนอย่างเต็มที่มาตั้งแต่สมัยยังเด็ก โดยเฉพาะ ปองพล ที่มีแววดีกว่าน้องชาย จึงไปได้ไกลถึงขั้นติดทีมชาติไทยอยู่ในขณะนี้ ส่วนคนน้อง อาจจะยังไม่เก่งเท่าพี่ แต่หากสามารถทำได้ถึงระดับที่จะสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะถือเป็นใบเบิกทางที่จะให้ลูกได้มีโอกาสศึกษาต่อยังสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงของประเทศ
ได้ให้ลูกชายคนโตหัดเล่นยิงปืนตั้งแต่ 12 ขวบ โดยเริ่มจากแบบต่อสู้ก่อนเพื่อให้เด็กเกิดความสนุกสนาน จะได้ไม่ต้องเครียด เมื่อเรียนรู้กับปืนได้ดีแล้วก็เริ่มให้มายิงแบบเอาจริงเอาจัง ซึ่งจุดนี้ก็ขอชื่นชมในตัวเขาด้วยที่มีความขยัน อดทน จนมาได้ถึงระดับนี้ ที่สำคัญเขาเป็นคนเดียวที่ยิงปืนสั้นได้ทั้ง 5 ประเภท ทั้งช้าและเร็ว หากจะบอกว่าเป็นทายาทของ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม ก็คงจะไม่ผิดแต่อย่างใด พี่อ้วน กล่าว
ขณะที่ พี่เอ ซึ่งเป็นอดีตนายก อบต.บางบัวทอง บอกว่า ที่ตนเองต้องเลิกเล่นทีมชาติเพราะไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็ยังรักและไม่ทิ้งกีฬาชนิดนี้ไปไหนเพราะทางครอบครัวก็ทำธุรกิจทางด้านนี้ด้วย และทุกวันนี้ก็ทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับลูก ๆ ด้วย ส่วนการที่ ปองพล สามารถเดินตามรอยตนได้นั้นถือเป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในครอบครัวอย่างมาก ซึ่งก็รวมถึงชาวเมืองนนท์ทุกคนด้วย เพราะว่ากีฬายิงปืนเป็นหนึ่งในสองชนิดกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด ส่วนอีกชนิดก็คือเทควันโด
อย่างไรก็ตาม กีฬายิงปืนนอกจากจะสร้างชื่อเสียงให้กับครอบครัว กุลชัยวัฒนา แล้ว ทางครอบครัวยังได้ปลูกฝังให้ทายาทของตนเน้นในเรื่องของสปิริตความเป็นนักกีฬาด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูก ๆ ของตนเองก้าวไปสู่ความเป็นยอดนักกีฬาที่สมบูรณ์แบบนั่นเอง
สำหรับเป้าหมายในอนาคตที่คนในครอบครัวนี้ตั้งเป้าไว้ก็คือ การเห็น ปองพล ก้าวเดินไปสู่จุดหมายสูงสุดนั่นก็คือ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ นั่นเอง เราทุกคนเมื่อทำอะไรก็ต้องมีเป้าหมาย เช่นเดียวกับทางครอบครัวของเราที่อยากเห็นน้องปองพลคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ที่ภายใน 5 ปีนี้จะต้องทำให้ได้หรือให้ใกล้เคียงที่สุด คุณปาลิดา ย้ำ
กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ และนี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีที่มาจาก ครอบครัวกีฬา โดยแท้ ส่วนเป้าหมายที่ฝันไว้จะเป็นจริงหรือไม่ ก็อยู่ที่กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญเพราะแก่นแท้ของการเป็นนักกีฬา คือ การมีสปิริต มีน้ำใจ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ต่างหาก คือ สิ่งที่สังคมต้องการมากที่สุด.
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=46590&NewsType=2&Template=1