เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 08, 2024, 09:58:21 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 647 648 649 [650] 651 652 653 ... 1487
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องบินขับไล่ใหม่ กองทัพอากาศไทย  (อ่าน 3899005 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
อดิศักดิ์--รักในหลวง--
เวลากับการเรียนรู้
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 463
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3606


เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์


« ตอบ #9735 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:04:02 PM »

 หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก หลงรัก

จะให้ดีน่าจะซื้อฮ.โจมตีของรัสเซียมาใช้บ้างนะครับ

Mi-17 สามารถ ปรับปรุงให้ติดอาวุธหนักได้ครับ











ความคล่องตัวจะเทียบกับ ฮ.โจมตีได้หรือเปล่าครับ   Grin
บันทึกการเข้า

"ล้างบางจัญไรแผ่นดิน"
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #9736 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:07:06 PM »


ความคล่องตัวจะเทียบกับ ฮ.โจมตีได้หรือเปล่าครับ   Grin


ความคล่องตัวคงไม่สู้พวกโจมตีแท้ๆ โดยตรงหรอกครับ... แต่อาศัยตัวใหญ่... แบกไปได้เยอะ... ลองนึกถึง AC-130 ไว้ครับ(อาจจะเทียบได้ไม่เห็นภาพเท่าไหร่นะครับ) ไหว้ 


บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #9737 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:07:50 PM »

เครื่องบินรบ Jas-39 Gripen

ทุกท่านคงทราบข่าวตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมแล้วว่า รัฐบาลไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินรบ Jas-39 Gripen (อ่านเป็นไทยว่า ยาส39 กริเพน ประจำการภายใต้รหัส บข20:บินขับไล่20) จำนวนทั้งหมดหกลำจากประเทศสวีเดนเป็นเงิน  19.5 พันล้านบาท เพื่อทดแทน F5 ที่เราใช้มานานกว่า 40 ปีจนเรียกได้ว่าอายุคราวพ่อของใครหลายคน


F5 ไทยจอดเทียบ F15 สหรัฐเห็นได้ว่าขนาดคนละไซส์ Su30 ก็เจ๊อ้วนประมาณนี้แล

บางท่านอาจจะบอกว่านี่ไม่ใช่เวลาเหมาะจะซื้อเครื่องบินรบ แต่พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเท่าไหร่เพราะลูกทัพฟ้าที่ต้องเสียชีวิตกับอุบัติเหตุจาก F5 เสื่อมสภาพมีอย่างน้อยก็ปีละนายสองนาย แต่ละคนกว่าจะฝึกได้ใช้เงินมหาศาล การต้องมาตายเพราะเก้าอี้ดีดตัวไม่ทำงานหรือร่มชูชีพไม่กางเสียเฉยๆย่อมเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลีกเลี่ยงได้

...ไหนจะสงครามทางอากาศยุคใหม่ซึ่งเครื่องแก่คร่ำครึอย่าง F5 จะกลายเป็นเป้าบินให้ข้าศึกไล่ยิงสบายๆเหมือนเป็ดอีกละ?

แต่ Gripen ใช่ว่าจะไร้คู่แข่ง เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยก็พิจารณา ซู30 จากรัสเซียและ F16C/D จากสหรัฐอยู่เช่นกัน (ส่วนตัวผมอยากได้ Starscream จาก Transformers น่ะ หุหุ)

แล้วสุดท้ายไหงเอาเจ้ายาส มันมีดีอะไร? แน่แค่ไหน? ลำเอียงซื้อของห่วยหรือเปล่า? บทความนี้จะขอเสนอสมรรถนะของกริเพนมาให้ท่านผู้อ่านตัดสินเอาเองว่าการจัดซื้อครั้งนี้เหมาะสมหรือไม่

อย่างแรกเรามารู้จักกับ Jas-39 Gripen กันก่อน

กริเพนไม่มีหางหลัง แต่ใช้ปีกเสริมด้านหน้า(Canard)เพิ่มความคล่องตัวและแรงยก

JAS ย่อจาก Jakt (อากาศสู่อากาศ), Attack (อากาศสู่พื้น), and Spaning (ลาดตระเวน)

    * ความเร็วสูงสุด: มัค 2 (เร็วกว่าเสียงสองเท่า)

    * พิสัยปฏิบัติการ: 800 กิโลเมตร

    * เพดานบิน: 15 กิโลเมตร

    * บรรทุกน้ำหนัก(อาวุธ/น้ำมัน)ได้: 8ตัน

    * อัตราการไต่ระดับ: 20,000 ฟุตต่อนาที

    * ค่าดูแลรักษา: 90,000บาทต่อหนึ่งชั่วโมงบิน

    * เข้าประจำการครั้งแรก: ปี1997

จะเห็นได้ว่าเจ้ากริเพนมีความเร็วเท่ากับ F16 และช้ากว่า SU30(2.35 มัค) เล็กน้อย แต่ต้องอย่าลืมว่าเครื่องซูเป็นแบบสองเครื่องยนต์ต้องการเชื้อเพลิงและค่าการบำรุงรักษาสูงกว่าหลายเท่า


F16A/B เจ้าอากาศเก่าของไทยที่อายุจะขึ้นเลขสามสิบ ชักจะไม่แจ๋วเสียแล้วเพราะยิ่งเก่าค่าดุแลรักษาก็มากตาม

งบกลาโหมไทยปีหนึ่งไม่มาก ฝึก รด. ยังได้ยิงปืนแค่สิบนัด ฉะนั้นการมีเครื่องบินค่าดูแลรักษาต่ำจึงสำคัญ (90,000 บาทอย่าคิดว่าแพง F16 ค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมง 130,000 บาทส่วนเครื่องรัสเซียก็เหยียบๆ 3-4 แสนบาท!) เพราะนั่นหมายความว่านักบินจะได้ฝึกซ้อม ใช้งานเครื่องบ่อยจนคุ้นเคยถึงคราวเกิดสงครามจริงๆจะได้ไม่งงว่าปุ่มนี้ทำอะไร สตาร์ทตรงไหน  ยิงจรวดยังไง ยิ่งเครื่องบินเลือดรัสเซียเสืออากาศไทยไม่คุ้น(แต่เดิมเราใช้เครื่องบินสหรัฐซึ่งออกแบบด้วยหลักการเดียวกับเครื่องบินรบค่ายตะวันตกอื่นๆเช่นกริเพน)หากได้ฝึกน้อยย่อมรีดความสามารถเครื่องออกมาไม่เต็มที่

คิดง่ายๆว่าเศรษฐีคนหนึ่งมีเฟอร์รารรี่จอดอยู่บ้านแต่ติดว่าน้ำมันแพงเลยขี้เหนียวไม่กล้าขับ วันหนึ่งโจรบุกขึ้นบ้านก็ลนลานโดดขึ้นรถเตรียมบึ่งหนี แต่เพราะขับไม่เป็นเหยียบคันเร่งทีก็พุ่งชนถังขยะหน้าบ้านนั่นแล!

SU30 พม่าและมาเลเซียมีไว้ประจำการ คู่ต่อกรของ F15,F18(ราคาถูกกว่า F15แต่ยังแพงกว่าF16,กริเพน) แต่อ้วน ใหญ่ เท่ห์ ยังไงก็นัดเดียวตายเหมือนกัน

พิสัยทำการ น้ำหนักบรรทุก กริเพนสูสีกับ F16 แต่แพ้ SU อยู่พอสมควร (3,000 กิโลเมตร, บรรทุกได้ 17 ตัน)

 ก่อนจะบอกว่า โอ้โห! แล้วจะซื้อกริเพนมาเพื่ออะไร ก็ขอให้ท่านๆดูข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของเราสักนิด

ประเทศไทยยาว 1,000 กิโลเมตร กว้างไม่ถึง 800 กิโลเมตร มีความจำเป็นต้องหาเครื่องบินพิสัย 3,000 กิโลเมตร น้ำหนักบรรทุกมากๆมาเพื่ออะไรในเมื่อไม่ได้จะไปทิ้งระเบิดใครเขา?

งั้นทำไมมาเลย์ซื้อ SU30 ล่ะ? ทั้งที่ราคาแพงกว่า กริเพนเกือบเท่านึง ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงก็แพงกว่าตั้งแยะ?

เพราะเราชอบลืมว่าอาณาเขตมาเลเซียไม่ได้อยู่ติดประเทศไทยเท่านั้นน่ะเซ่ มาเลย์ยังมีดินแดนอีกส่วนอยู่ตรงข้ามทะเลจีนใต้ ฉะนั้นการมีเครื่องพิสัยทำการไกลจึงสำคัญกว่าไทย ที่สำคัญงบกลาโหมเราไม่ได้มากเหมือนเขาด้วย = ='

ข้อดีอีกอย่างของกริเพนที่เครื่องบินรบอื่นๆโลกทำไม่ได้คือเรื่องของรันเวย์...ทราบหรือไม่ว่ากริเพนบินขึ้นได้จากถนนหลวงขนาดกว้างเพียง 9 เมตร ยาว 400 เมตรเท่านั้น พูดง่ายๆคือถ้าเคลียร์รถออกจากถนนด้านหน้าธรรมศาสตร์รังสิตหมดก็สามารถใช้เป็นรันเวย์ให้กริเพนขึ้นลงได้ทันที!


ขึ้นจากถนนสั้นและแคบอย่างทางหลวงหลายสายในเมืองไทยได้สบาย

ตรงนี้เป็นความสามารถที่กริเพนทำได้เครื่องเดียวในโลกเพราะสวีเดนมีนโยบายทางทหารเหมือนไทยคือรับไม่ใช่รุก สมมติเกิดสงครามแล้วสนามบินใหญ่ๆอย่างดอนเมือง ตาคลี อู่ตะเภาถูกทำลาย เราก็ยังให้กริเพนขึ้นต่อสู้จากถนนหลวงและหาถนนสายเหนือ อิสาน ตะวันออกตรงจุดเรียบๆ ที่ไม่โดนกรมการทางกินจนหน้าดินทรุดใช้ลงจอดได้

ไม่เหมือนSUหรือ F16 ที่หากสนามบินถูกทำลายก็ต้องหนีไปลงจอดประเทศอื่น หรือไม่ก็นอนบ้อท่าอยู่ในโรงเก็บรอให้กองกำลังข้าศึกเข้ามายึด ยิ่งซูลำเบ้อเร่อบ้าร่าอาจต้องทำโรงเก็บให้ใหม่อีก

เท่านี้คงพอทราบความสามารถพื้นฐานและเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณและความต้องการแล้ว

แต่เครื่องบินรบซื้อมารบไม่ใช่มาจอดขายหม้อแกงวันเด็กอย่างเดียว กริเพนจะสามารถต่อกรกับ มิก29 ซู30 F15 ของเพื่อนบ้านได้หรือไม่ในกรณีเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ?

ก่อนจะทราบคำตอบ...ก็ต้องรู้หลักกการรบทางอากาศสมัยใหม่กันสักเล็กน้อย

พูดถึงรบทางอากาศท่านผู้อ่านคงมีภาพของเครื่องบินรบบินไล่กวดกันกลางอากาศเหมือนในหนัง ต่างฝ่ายต่างหาท่าพลิกแพลงเพื่อวางตำแหน่งเครื่องตัวเองให้อยู่ท้ายข้าศึก ล็อคจรวดแล้วยิงออกไปในระยะเผาขนแบบเกม Ace combat อย่างไรอย่างนั้น

ผิดเน้อออ...ผิดๆๆๆๆๆเต็มประตู ยุคการพันตูตะลุมบอนแบบในเกมหมดสมัยไปนานเป็นสิบปีแล้ว การรบทางอากาศสมัยใหม่ส่วนใหญ่ฆ่ากันตั้งแต่ ยังไม่เห็นจมูกเครื่องบินอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป

Amraam ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศของสหรัฐ พิสัยสังหารร้อยกิโลเมตร

ท่าบินพิสดารที่ SU30 ชอบโฆษณาหนักหนา ทั้งเบรกกลางอากาศ บินกลับหัวกะทันหัน อาจดูสวยและเท่ห์เวลาแอร์โชว์ แต่ของจริงใช้ก็ยาก โอกาสจะใช้ก็ยาก แถมหากเครื่องบินติดอาวุธ เติมน้ำมันเต็มพิกัดแล้วฝืนทำกายกรรมเปียงยางก็อาจทำให้เครื่องเสียหายอย่างหนักได้

ถึงความคล่องตัวในระยะใกล้ของกริเพนแม้จะสูสีกับ F16 สู้ Su30 ไม่ได้ โอกาสที่ Su จะเข้ามาใช้ท่าบินมวยจีนในระยะประชิดก็มีน้อย เพราะสงครามทางอากาศสมัยใหม่ที่เริ่มตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซียไม่ได้พึ่งปืนกลอากาศหรือจรวดยิงระยะประชิดอีกต่อไป

 การรบ BVR หรือ Beyond Visual Range แปลไทยว่านอกระยะสายตานั้น มีอาวุธสำคัญสองอย่างคือเรดาห์และจรวดนำวิถี หลักการคือเปิดเรดาห์กวาดหาศัตรู...เมื่อพบแล้วก็ล็อคจรวดยิงปลิดชีพ่จากระยะเกือบ 100 กิโลเมตร

 เมื่อเป็นเช่นนี้หัวใจสำคัญของเครื่องขับไล่ยุคใหม่คือ

1.ระยะเรดาห์ว่าใครเห็นใครก่อน
2.เครื่องใครโดนตรวจจับบนเรดาห์ได้ง่ายกว่ากัน
3.ระยะและความแม่นยำของจรวดนำวิถี

การใช้เรดาห์ก็ใช่ว่าจะเปิดค้างตลอดเวลา เพราะเมื่อใดที่คุณเปิดใช้งานมันข้าศึกก็จะจับสัญญาณได้ เห็นคุณทันทีเช่นกัน

เปรียบง่ายๆเหมือนพกไฟฉายกับปืนลมไปยิงกับเพื่อนในห้องมืดสนิท คนเปิดไฟฉายย่อมมีโอกาสหาอีกฝ่ายเจอ แต่ในกรณีที่หาไม่เจอก็เท่ากับเปิดเผยตำแหน่งให้อีกฝ่ายย่องเข้ามาจัดการ

ไฟฉาย(เรดาห์) ของกริเพนมีระยะไกลกว่าF16 สูสีกับซูแถมยังละเอียดกว่า ใหม่กว่า แถมขนาดที่เล็กของกริเพน(ในที่นี้รวมถึงF16)ยังทำให้ข้าศึกตรวจจับด้วยเรดาห์ได้ยากอีกด้วย

ที่สำคัญมากคือกริเพนมีระบบส่งข้อมูลไฮเทคที่สามารถรับข้อมูลเรดาห์จากสถานีซึ่งอยู่ไกลออกไป 500 กิโลโดยไม่ต้องเปิดเรดาห์ให้ใครเห็น

เปรียบกับการพกไฟฉายกับปืนลมเข้าไปยิงกับคนในห้องมืดแบบเดิม แต่ครั้งนี้เรามี spotlight ฉายจากระยะไกลๆแล้วโทรจิตบอกตำแหน่งของศัตรูให้อย่างแม่นยำ ขณะที่ฝ่ายศัตรูมองคนฉาย spotlight หรือฝ่ายเราไม่เห็น จะยิงก็ไม่ได้ ไล่ก็ไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็เจอสอยจากควมืดเรียบร้อยแล้ว

ปัจจุบันมีกริเพนและ F22 เครื่องบินรุ่นก้าวหน้าของสหรัฐที่ไม่มีวันขายให้ใครเท่านั้นที่ใช้ระบบนี้ ซู30 มิก29 และ F16 ไม่มีความสามารถทำได้ กริเพนจึงได้เปรียบมากในการรบเลยระยะสายตาเพราะสามารถเห็นศัตรูได้ตั้งแต่ 120 กิโลเมตร(ด้วยเรดาห์บนเครื่อง) หรือ 450 กิโลเมตร(ด้วยเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศที่สวีเดนแถมให้ฟรีๆ และประเทศแถบนี้นอกจากสิงคโปร์ไม่มีใช้)


เรดาห์เตือนภัยทางอากาศอีรี่อายที่ได้มาฟรี แม้ไร้อาวุธแต่ก็เป็นตาอินทรีชี้เป้าสังหารได้อย่างแม่นยำ

ในการซ้อมรบกับประเทศพันธมิตรอย่าง ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ กริเพนก็สามารถเอาชนะ F18,F16 ได้อย่างสวยงามด้วยเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้น

ดูคร่าวๆแล้วจะเห็นว่ากริเพนอาจไม่ได้สุดยอดทุกอย่าง แต่เมื่อคิดเทียบกับราคาที่ถูกกว่าคนอื่น ค่าบำรุงรักษาต่ำ สมรรถนะที่สูงกว่าในหลายๆด้าน รวทั้งความได้เปรียบในการรบทางอากาศเหนือเครื่องบินเพื่อนบ้านแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่าและตอบสนองความต้องการทางยุทธวิธีของไทยที่เน้นตั้งรับ...เรานี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ

อีกอย่างคือในสักเจ็ดถึงแปดปีข้างหน้า ไทยก็ต้องจัดซื้อ F35 จากสหรัฐมาประจำการเรือรบหลวงจักรีนฤเบศน์อีก อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นของไม่จำเป็นที่จำเป็น เราจึงควรบริหารรายจ่ายให้คุ้มค่า

ที่มา : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=970408
บันทึกการเข้า
C.J. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 314
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5383


ขอ...นัดเดียว


เว็บไซต์
« ตอบ #9738 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:19:13 PM »

ข่าวการรับเครื่องบินครับ  เนชั่นทันข่าว

ผบ.ทอ.ขอ 2 เดือนตรวจสอบก่อนนำกริพเพนประจำการ
 22:24 น.

 พล.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานต้อนรับเครืองบินขับไล่กริพเพน 6 ลำ ที่เดินทางมาประจำการ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขั้นตอนต่อไปคงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาตรวจสอบ 2 เดือนก่อนที่จะมีการเข้ามาประจำการที่กองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากนั้นจะเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มาเป็นประธาน เพื่อนำเครื่องบินกริพเพนเข้าประจำการ ทั้งนี้ยอมรับว่าด้วยงบประมาณที่จำกัดจึงจัดซื้อกริพเพนได้แค่ 12 ลำ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว การดูแลด้านความมั่นคง กองทัพอากาศไทยต้องมีเครื่องบิน 1 ฝูง หรือ 16-18 ลำ แต่ด้วยงบฯจำกัดจึงจัดซื้อได้เพียงเท่านี้ สำหรับกริพเพนอีก 6 ลำที่ได้มีการลงนามไปเมื่อเดือน พ.ย.53 จะแล้วเสร็จและเข้าประจำการในไทยใน เดือน ก.ย. 2556 
 
 
 




เมื้อกี้ดู ช่อง ๙ รายการ คุณ กนก............. เยี่ยม
บันทึกการเข้า

ธรรมของสัตบุรุษ

๑. ธัมมัญญุตา - รู้จักเหตุ ๒. อัตตัญญุตา - รู้จักผล ๓. อัตตัญญุตา - รู้จักตน ๔. มัตตัญญุตา - รู้ประมาณ ๕. กาลัญญุตา - รู้จักกาล ๖. ปริสัญญญุตา - รู้จักประชุมชน ๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา - รู้จักเลือกบุคคล

http://www.dopaservice.com/eservice/content.do?ctm_id=gun&function=document&gro
Peerapat - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1690


จะรบเป็นชาติพลี มอบวิญญาณ ดวงนี้ เพื่อผืนดินไทย


เว็บไซต์
« ตอบ #9739 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:21:55 PM »



ถึงแล้ว เย้ ๆๆๆๆ  เยี่ยม

ยินดีต้อนรับทุกคนกลับบ้านครับ  Cheesy ไหว้
บันทึกการเข้า

JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #9740 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:22:56 PM »

เครื่องบินรบ Jas-39 Gripen

ทุกท่านคงทราบข่าวตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมแล้วว่า รัฐบาลไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินรบ Jas-39 Gripen (อ่านเป็นไทยว่า ยาส39 กริเพน ประจำการภายใต้รหัส บข20:บินขับไล่20) จำนวนทั้งหมดหกลำจากประเทศสวีเดนเป็นเงิน  19.5 พันล้านบาท เพื่อทดแทน F5 ที่เราใช้มานานกว่า 40 ปีจนเรียกได้ว่าอายุคราวพ่อของใครหลายคน


F5 ไทยจอดเทียบ F15 สหรัฐเห็นได้ว่าขนาดคนละไซส์ Su30 ก็เจ๊อ้วนประมาณนี้แล

บางท่านอาจจะบอกว่านี่ไม่ใช่เวลาเหมาะจะซื้อเครื่องบินรบ แต่พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเท่าไหร่เพราะลูกทัพฟ้าที่ต้องเสียชีวิตกับอุบัติเหตุจาก F5 เสื่อมสภาพมีอย่างน้อยก็ปีละนายสองนาย แต่ละคนกว่าจะฝึกได้ใช้เงินมหาศาล การต้องมาตายเพราะเก้าอี้ดีดตัวไม่ทำงานหรือร่มชูชีพไม่กางเสียเฉยๆย่อมเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลีกเลี่ยงได้

...ไหนจะสงครามทางอากาศยุคใหม่ซึ่งเครื่องแก่คร่ำครึอย่าง F5 จะกลายเป็นเป้าบินให้ข้าศึกไล่ยิงสบายๆเหมือนเป็ดอีกละ?

แต่ Gripen ใช่ว่าจะไร้คู่แข่ง เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยก็พิจารณา ซู30 จากรัสเซียและ F16C/D จากสหรัฐอยู่เช่นกัน (ส่วนตัวผมอยากได้ Starscream จาก Transformers น่ะ หุหุ)

แล้วสุดท้ายไหงเอาเจ้ายาส มันมีดีอะไร? แน่แค่ไหน? ลำเอียงซื้อของห่วยหรือเปล่า? บทความนี้จะขอเสนอสมรรถนะของกริเพนมาให้ท่านผู้อ่านตัดสินเอาเองว่าการจัดซื้อครั้งนี้เหมาะสมหรือไม่

อย่างแรกเรามารู้จักกับ Jas-39 Gripen กันก่อน

กริเพนไม่มีหางหลัง แต่ใช้ปีกเสริมด้านหน้า(Canard)เพิ่มความคล่องตัวและแรงยก

JAS ย่อจาก Jakt (อากาศสู่อากาศ), Attack (อากาศสู่พื้น), and Spaning (ลาดตระเวน)

    * ความเร็วสูงสุด: มัค 2 (เร็วกว่าเสียงสองเท่า)

    * พิสัยปฏิบัติการ: 800 กิโลเมตร

    * เพดานบิน: 15 กิโลเมตร

    * บรรทุกน้ำหนัก(อาวุธ/น้ำมัน)ได้: 8ตัน

    * อัตราการไต่ระดับ: 20,000 ฟุตต่อนาที

    * ค่าดูแลรักษา: 90,000บาทต่อหนึ่งชั่วโมงบิน

    * เข้าประจำการครั้งแรก: ปี1997

จะเห็นได้ว่าเจ้ากริเพนมีความเร็วเท่ากับ F16 และช้ากว่า SU30(2.35 มัค) เล็กน้อย แต่ต้องอย่าลืมว่าเครื่องซูเป็นแบบสองเครื่องยนต์ต้องการเชื้อเพลิงและค่าการบำรุงรักษาสูงกว่าหลายเท่า


F16A/B เจ้าอากาศเก่าของไทยที่อายุจะขึ้นเลขสามสิบ ชักจะไม่แจ๋วเสียแล้วเพราะยิ่งเก่าค่าดุแลรักษาก็มากตาม

งบกลาโหมไทยปีหนึ่งไม่มาก ฝึก รด. ยังได้ยิงปืนแค่สิบนัด ฉะนั้นการมีเครื่องบินค่าดูแลรักษาต่ำจึงสำคัญ (90,000 บาทอย่าคิดว่าแพง F16 ค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมง 130,000 บาทส่วนเครื่องรัสเซียก็เหยียบๆ 3-4 แสนบาท!) เพราะนั่นหมายความว่านักบินจะได้ฝึกซ้อม ใช้งานเครื่องบ่อยจนคุ้นเคยถึงคราวเกิดสงครามจริงๆจะได้ไม่งงว่าปุ่มนี้ทำอะไร สตาร์ทตรงไหน  ยิงจรวดยังไง ยิ่งเครื่องบินเลือดรัสเซียเสืออากาศไทยไม่คุ้น(แต่เดิมเราใช้เครื่องบินสหรัฐซึ่งออกแบบด้วยหลักการเดียวกับเครื่องบินรบค่ายตะวันตกอื่นๆเช่นกริเพน)หากได้ฝึกน้อยย่อมรีดความสามารถเครื่องออกมาไม่เต็มที่

คิดง่ายๆว่าเศรษฐีคนหนึ่งมีเฟอร์รารรี่จอดอยู่บ้านแต่ติดว่าน้ำมันแพงเลยขี้เหนียวไม่กล้าขับ วันหนึ่งโจรบุกขึ้นบ้านก็ลนลานโดดขึ้นรถเตรียมบึ่งหนี แต่เพราะขับไม่เป็นเหยียบคันเร่งทีก็พุ่งชนถังขยะหน้าบ้านนั่นแล!

SU30 พม่าและมาเลเซียมีไว้ประจำการ คู่ต่อกรของ F15,F18(ราคาถูกกว่า F15แต่ยังแพงกว่าF16,กริเพน) แต่อ้วน ใหญ่ เท่ห์ ยังไงก็นัดเดียวตายเหมือนกัน

พิสัยทำการ น้ำหนักบรรทุก กริเพนสูสีกับ F16 แต่แพ้ SU อยู่พอสมควร (3,000 กิโลเมตร, บรรทุกได้ 17 ตัน)

 ก่อนจะบอกว่า โอ้โห! แล้วจะซื้อกริเพนมาเพื่ออะไร ก็ขอให้ท่านๆดูข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของเราสักนิด

ประเทศไทยยาว 1,000 กิโลเมตร กว้างไม่ถึง 800 กิโลเมตร มีความจำเป็นต้องหาเครื่องบินพิสัย 3,000 กิโลเมตร น้ำหนักบรรทุกมากๆมาเพื่ออะไรในเมื่อไม่ได้จะไปทิ้งระเบิดใครเขา?

งั้นทำไมมาเลย์ซื้อ SU30 ล่ะ? ทั้งที่ราคาแพงกว่า กริเพนเกือบเท่านึง ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงก็แพงกว่าตั้งแยะ?

เพราะเราชอบลืมว่าอาณาเขตมาเลเซียไม่ได้อยู่ติดประเทศไทยเท่านั้นน่ะเซ่ มาเลย์ยังมีดินแดนอีกส่วนอยู่ตรงข้ามทะเลจีนใต้ ฉะนั้นการมีเครื่องพิสัยทำการไกลจึงสำคัญกว่าไทย ที่สำคัญงบกลาโหมเราไม่ได้มากเหมือนเขาด้วย = ='

ข้อดีอีกอย่างของกริเพนที่เครื่องบินรบอื่นๆโลกทำไม่ได้คือเรื่องของรันเวย์...ทราบหรือไม่ว่ากริเพนบินขึ้นได้จากถนนหลวงขนาดกว้างเพียง 9 เมตร ยาว 400 เมตรเท่านั้น พูดง่ายๆคือถ้าเคลียร์รถออกจากถนนด้านหน้าธรรมศาสตร์รังสิตหมดก็สามารถใช้เป็นรันเวย์ให้กริเพนขึ้นลงได้ทันที!


ขึ้นจากถนนสั้นและแคบอย่างทางหลวงหลายสายในเมืองไทยได้สบาย

ตรงนี้เป็นความสามารถที่กริเพนทำได้เครื่องเดียวในโลกเพราะสวีเดนมีนโยบายทางทหารเหมือนไทยคือรับไม่ใช่รุก สมมติเกิดสงครามแล้วสนามบินใหญ่ๆอย่างดอนเมือง ตาคลี อู่ตะเภาถูกทำลาย เราก็ยังให้กริเพนขึ้นต่อสู้จากถนนหลวงและหาถนนสายเหนือ อิสาน ตะวันออกตรงจุดเรียบๆ ที่ไม่โดนกรมการทางกินจนหน้าดินทรุดใช้ลงจอดได้

ไม่เหมือนSUหรือ F16 ที่หากสนามบินถูกทำลายก็ต้องหนีไปลงจอดประเทศอื่น หรือไม่ก็นอนบ้อท่าอยู่ในโรงเก็บรอให้กองกำลังข้าศึกเข้ามายึด ยิ่งซูลำเบ้อเร่อบ้าร่าอาจต้องทำโรงเก็บให้ใหม่อีก

เท่านี้คงพอทราบความสามารถพื้นฐานและเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณและความต้องการแล้ว

แต่เครื่องบินรบซื้อมารบไม่ใช่มาจอดขายหม้อแกงวันเด็กอย่างเดียว กริเพนจะสามารถต่อกรกับ มิก29 ซู30 F15 ของเพื่อนบ้านได้หรือไม่ในกรณีเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ?

ก่อนจะทราบคำตอบ...ก็ต้องรู้หลักกการรบทางอากาศสมัยใหม่กันสักเล็กน้อย

พูดถึงรบทางอากาศท่านผู้อ่านคงมีภาพของเครื่องบินรบบินไล่กวดกันกลางอากาศเหมือนในหนัง ต่างฝ่ายต่างหาท่าพลิกแพลงเพื่อวางตำแหน่งเครื่องตัวเองให้อยู่ท้ายข้าศึก ล็อคจรวดแล้วยิงออกไปในระยะเผาขนแบบเกม Ace combat อย่างไรอย่างนั้น

ผิดเน้อออ...ผิดๆๆๆๆๆเต็มประตู ยุคการพันตูตะลุมบอนแบบในเกมหมดสมัยไปนานเป็นสิบปีแล้ว การรบทางอากาศสมัยใหม่ส่วนใหญ่ฆ่ากันตั้งแต่ ยังไม่เห็นจมูกเครื่องบินอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป

Amraam ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศของสหรัฐ พิสัยสังหารร้อยกิโลเมตร

ท่าบินพิสดารที่ SU30 ชอบโฆษณาหนักหนา ทั้งเบรกกลางอากาศ บินกลับหัวกะทันหัน อาจดูสวยและเท่ห์เวลาแอร์โชว์ แต่ของจริงใช้ก็ยาก โอกาสจะใช้ก็ยาก แถมหากเครื่องบินติดอาวุธ เติมน้ำมันเต็มพิกัดแล้วฝืนทำกายกรรมเปียงยางก็อาจทำให้เครื่องเสียหายอย่างหนักได้

ถึงความคล่องตัวในระยะใกล้ของกริเพนแม้จะสูสีกับ F16 สู้ Su30 ไม่ได้ โอกาสที่ Su จะเข้ามาใช้ท่าบินมวยจีนในระยะประชิดก็มีน้อย เพราะสงครามทางอากาศสมัยใหม่ที่เริ่มตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซียไม่ได้พึ่งปืนกลอากาศหรือจรวดยิงระยะประชิดอีกต่อไป

 การรบ BVR หรือ Beyond Visual Range แปลไทยว่านอกระยะสายตานั้น มีอาวุธสำคัญสองอย่างคือเรดาห์และจรวดนำวิถี หลักการคือเปิดเรดาห์กวาดหาศัตรู...เมื่อพบแล้วก็ล็อคจรวดยิงปลิดชีพ่จากระยะเกือบ 100 กิโลเมตร

 เมื่อเป็นเช่นนี้หัวใจสำคัญของเครื่องขับไล่ยุคใหม่คือ

1.ระยะเรดาห์ว่าใครเห็นใครก่อน
2.เครื่องใครโดนตรวจจับบนเรดาห์ได้ง่ายกว่ากัน
3.ระยะและความแม่นยำของจรวดนำวิถี

การใช้เรดาห์ก็ใช่ว่าจะเปิดค้างตลอดเวลา เพราะเมื่อใดที่คุณเปิดใช้งานมันข้าศึกก็จะจับสัญญาณได้ เห็นคุณทันทีเช่นกัน

เปรียบง่ายๆเหมือนพกไฟฉายกับปืนลมไปยิงกับเพื่อนในห้องมืดสนิท คนเปิดไฟฉายย่อมมีโอกาสหาอีกฝ่ายเจอ แต่ในกรณีที่หาไม่เจอก็เท่ากับเปิดเผยตำแหน่งให้อีกฝ่ายย่องเข้ามาจัดการ

ไฟฉาย(เรดาห์) ของกริเพนมีระยะไกลกว่าF16 สูสีกับซูแถมยังละเอียดกว่า ใหม่กว่า แถมขนาดที่เล็กของกริเพน(ในที่นี้รวมถึงF16)ยังทำให้ข้าศึกตรวจจับด้วยเรดาห์ได้ยากอีกด้วย

ที่สำคัญมากคือกริเพนมีระบบส่งข้อมูลไฮเทคที่สามารถรับข้อมูลเรดาห์จากสถานีซึ่งอยู่ไกลออกไป 500 กิโลโดยไม่ต้องเปิดเรดาห์ให้ใครเห็น

เปรียบกับการพกไฟฉายกับปืนลมเข้าไปยิงกับคนในห้องมืดแบบเดิม แต่ครั้งนี้เรามี spotlight ฉายจากระยะไกลๆแล้วโทรจิตบอกตำแหน่งของศัตรูให้อย่างแม่นยำ ขณะที่ฝ่ายศัตรูมองคนฉาย spotlight หรือฝ่ายเราไม่เห็น จะยิงก็ไม่ได้ ไล่ก็ไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็เจอสอยจากควมืดเรียบร้อยแล้ว

ปัจจุบันมีกริเพนและ F22 เครื่องบินรุ่นก้าวหน้าของสหรัฐที่ไม่มีวันขายให้ใครเท่านั้นที่ใช้ระบบนี้ ซู30 มิก29 และ F16 ไม่มีความสามารถทำได้ กริเพนจึงได้เปรียบมากในการรบเลยระยะสายตาเพราะสามารถเห็นศัตรูได้ตั้งแต่ 120 กิโลเมตร(ด้วยเรดาห์บนเครื่อง) หรือ 450 กิโลเมตร(ด้วยเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศที่สวีเดนแถมให้ฟรีๆ และประเทศแถบนี้นอกจากสิงคโปร์ไม่มีใช้)


เรดาห์เตือนภัยทางอากาศอีรี่อายที่ได้มาฟรี แม้ไร้อาวุธแต่ก็เป็นตาอินทรีชี้เป้าสังหารได้อย่างแม่นยำ

ในการซ้อมรบกับประเทศพันธมิตรอย่าง ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ กริเพนก็สามารถเอาชนะ F18,F16 ได้อย่างสวยงามด้วยเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้น

ดูคร่าวๆแล้วจะเห็นว่ากริเพนอาจไม่ได้สุดยอดทุกอย่าง แต่เมื่อคิดเทียบกับราคาที่ถูกกว่าคนอื่น ค่าบำรุงรักษาต่ำ สมรรถนะที่สูงกว่าในหลายๆด้าน รวทั้งความได้เปรียบในการรบทางอากาศเหนือเครื่องบินเพื่อนบ้านแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่าและตอบสนองความต้องการทางยุทธวิธีของไทยที่เน้นตั้งรับ...เรานี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ

อีกอย่างคือในสักเจ็ดถึงแปดปีข้างหน้า ไทยก็ต้องจัดซื้อ F35 จากสหรัฐมาประจำการเรือรบหลวงจักรีนฤเบศน์อีก อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นของไม่จำเป็นที่จำเป็น เราจึงควรบริหารรายจ่ายให้คุ้มค่า

ที่มา : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=970408

เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม  ขอ +๑ ให้คุณ HOW  ครับ...

บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #9741 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:23:15 PM »

ความคล่องตัวจะเทียบกับ ฮ.โจมตีได้หรือเปล่าครับ   Grin

ความคล่องตัวจะสู้พวก AH แท้ๆไม่ได้หรอกครับ แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือน้ำหนักบรรทุก
สามารถเข้าพื้นที่ได้พร้อมทหารราบหรือรับทหารที่บาดเจ็บกลับ สามารถคุ้มกันตนเองและสนับสนุนการรบได้

 
เครื่องบินรบ Jas-39 Gripen

ทุกท่านคงทราบข่าวตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมแล้วว่า รัฐบาลไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินรบ Jas-39 Gripen (อ่านเป็นไทยว่า ยาส39 กริเพน ประจำการภายใต้รหัส บข20:บินขับไล่20) จำนวนทั้งหมดหกลำจากประเทศสวีเดนเป็นเงิน  19.5 พันล้านบาท เพื่อทดแทน F5 ที่เราใช้มานานกว่า 40 ปีจนเรียกได้ว่าอายุคราวพ่อของใครหลายคน


F5 ไทยจอดเทียบ F15 สหรัฐเห็นได้ว่าขนาดคนละไซส์ Su30 ก็เจ๊อ้วนประมาณนี้แล........................................................................................
ดูคร่าวๆแล้วจะเห็นว่ากริเพนอาจไม่ได้สุดยอดทุกอย่าง แต่เมื่อคิดเทียบกับราคาที่ถูกกว่าคนอื่น ค่าบำรุงรักษาต่ำ สมรรถนะที่สูงกว่าในหลายๆด้าน รวทั้งความได้เปรียบในการรบทางอากาศเหนือเครื่องบินเพื่อนบ้านแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่าและตอบสนองความต้องการทางยุทธวิธีของไทยที่เน้นตั้งรับ...เรานี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ

อีกอย่างคือในสักเจ็ดถึงแปดปีข้างหน้า ไทยก็ต้องจัดซื้อ F35 จากสหรัฐมาประจำการเรือรบหลวงจักรีนฤเบศน์อีก อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นของไม่จำเป็นที่จำเป็น เราจึงควรบริหารรายจ่ายให้คุ้มค่า

ที่มา : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=970408

ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ  ไหว้ ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:42:31 PM โดย อรชุน-รักในหลวง » บันทึกการเข้า
HOW
Hero Member
*****

คะแนน 92
ออฟไลน์

กระทู้: 1467


« ตอบ #9742 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:42:21 PM »

ของแถมน่าสนใจครับ........ผู้ใหญ่เลยเลือกเป็น Gripen Grin

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทอ.ตัดสินใจเลือกเครื่องจากสวีเดนนอกเหนือจากสมรรถนะก็คือ "ของแถม" ที่มากมายเป็นประวัติการณ์ ได้แก่

1.เครื่องบินแอร์บอร์นเออร์ลี่ วอร์นนิ่ง จำนวน2 เครื่อง

2.ขีปนาวุธโจมตีอาร์บีเอส15 พร้อมเรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน SAAB เครื่องเปล่าอีก 1 เครื่อง

พร้อมทั้งให้"รหัสข้อมูลพิเศษ" เกี่ยวกับรายละเอียดของเครื่องบิน ซึ่งบริษัทอื่นไม่ได้มอบสิ่งนี้ให้ โดยรหัสพิเศษชุดนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตของกองทัพอากาศ

ขณะที่ระบบสื่อสารปกติภาคพื้นดินปกติจะต้องมีสายในการติดต่อพูดคุยแต่กริพเพนมีเทคโนโลยีไร้สาย หรือ "บลูทูธ" ในการสื่อสาร

ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานระบุว่า ของแถมมากับเครื่องบินกริพเพน คือ เรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จะเป็นจานเรดาร์ที่ติดตั้งไว้บริเวณตัวเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินมีการติดจานเรดาร์เวลานำเครื่องบินสู่อากาศจะทำให้ตรวจจับสิ่งผิดปกติได้ไกลขึ้น
สมมติมีสิ่งผิดปกติลอยอยู่บริเวณพื้นที่ กทม. และเรามีเอแวคอยู่บริเวณ จ.สระบุรี ข้อมูลก็จะปรากฏอยู่บนจอเรดาร์ไกลถึง จ.นครราชสีมา แต่หากเป็นเครื่องบินทั่วไปจะปรากฏอยู่แค่บริเวณปริมณฑลเท่านั้น ทั้งนี้ เรดาร์ของกริพเพนอาจจะด้อยกว่าของ ซู-30 หรือ เอฟ 16 แต่เรดาร์ของกริพเพนสามารถต่อสัญญาณถึงกันได้ ซึ่งเครื่องแบบอื่นไม่สามารถทำได้"

นอกจากนี้ประเทศสวีเดนยังให้ทุนการศึกษาจำนวน 200 ทุน โดยเป็นทุนเกี่ยวกับด้านวิศวกรรมอากาศยาน ซึ่งสนับสนุนการผลิตของไทยในอนาคต
บันทึกการเข้า
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #9743 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 02:52:44 AM »

เครื่องบินรบ Jas-39 Gripen

ทุกท่านคงทราบข่าวตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมแล้วว่า รัฐบาลไทยได้สั่งซื้อเครื่องบินรบ Jas-39 Gripen (อ่านเป็นไทยว่า ยาส39 กริเพน ประจำการภายใต้รหัส บข20:บินขับไล่20) จำนวนทั้งหมดหกลำจากประเทศสวีเดนเป็นเงิน  19.5 พันล้านบาท เพื่อทดแทน F5 ที่เราใช้มานานกว่า 40 ปีจนเรียกได้ว่าอายุคราวพ่อของใครหลายคน


F5 ไทยจอดเทียบ F15 สหรัฐเห็นได้ว่าขนาดคนละไซส์ Su30 ก็เจ๊อ้วนประมาณนี้แล

บางท่านอาจจะบอกว่านี่ไม่ใช่เวลาเหมาะจะซื้อเครื่องบินรบ แต่พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกเท่าไหร่เพราะลูกทัพฟ้าที่ต้องเสียชีวิตกับอุบัติเหตุจาก F5 เสื่อมสภาพมีอย่างน้อยก็ปีละนายสองนาย (ไม่จริงครับ แม้ F-5 จะเก่า แต่ก็ไม่ถึงกับเกิดอุบัติเหตุมากขนาดนั้น) แต่ละคนกว่าจะฝึกได้ใช้เงินมหาศาล การต้องมาตายเพราะเก้าอี้ดีดตัวไม่ทำงานหรือร่มชูชีพไม่กางเสียเฉยๆย่อมเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หลีกเลี่ยงได้

...ไหนจะสงครามทางอากาศยุคใหม่ซึ่งเครื่องแก่คร่ำครึอย่าง F5 จะกลายเป็นเป้าบินให้ข้าศึกไล่ยิงสบายๆเหมือนเป็ดอีกละ? (กับ F-5 T ที่เราปรับปรุงใหม่ก็ดูถูกไม่ได้นะครับ ความคล่องตัวของ F-5 T + หมวกศูนย์เล็ง + Python IV รบระยะประชิดไม่แพ้ใคร แม้จะไม่สามารถรบ BVR (ระยะนอกสายตา) ได้ แต่ก็ประมาทฝีมือนักบินไทยได้ครับ)

แต่ Gripen ใช่ว่าจะไร้คู่แข่ง เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยก็พิจารณา ซู30 จากรัสเซียและ F16C/D จากสหรัฐอยู่เช่นกัน (ส่วนตัวผมอยากได้ Starscream จาก Transformers น่ะ หุหุ)

แล้วสุดท้ายไหงเอาเจ้ายาส มันมีดีอะไร? แน่แค่ไหน? ลำเอียงซื้อของห่วยหรือเปล่า? บทความนี้จะขอเสนอสมรรถนะของกริเพนมาให้ท่านผู้อ่านตัดสินเอาเองว่าการจัดซื้อครั้งนี้เหมาะสมหรือไม่

อย่างแรกเรามารู้จักกับ Jas-39 Gripen กันก่อน

กริเพนไม่มีหางหลัง แต่ใช้ปีกเสริมด้านหน้า(Canard)เพิ่มความคล่องตัวและแรงยก

JAS ย่อจาก Jakt (อากาศสู่อากาศ), Attack (อากาศสู่พื้น), and Spaning (ลาดตระเวน)

    * ความเร็วสูงสุด: มัค 2 (เร็วกว่าเสียงสองเท่า)

    * พิสัยปฏิบัติการ: 800 กิโลเมตร

    * เพดานบิน: 15 กิโลเมตร

    * บรรทุกน้ำหนัก(อาวุธ/น้ำมัน)ได้: 8ตัน

    * อัตราการไต่ระดับ: 20,000 ฟุตต่อนาที

    * ค่าดูแลรักษา: 90,000บาทต่อหนึ่งชั่วโมงบิน

    * เข้าประจำการครั้งแรก: ปี1997

จะเห็นได้ว่าเจ้ากริเพนมีความเร็วเท่ากับ F16 และช้ากว่า SU30(2.35 มัค) เล็กน้อย แต่ต้องอย่าลืมว่าเครื่องซูเป็นแบบสองเครื่องยนต์ต้องการเชื้อเพลิงและค่าการบำรุงรักษาสูงกว่าหลายเท่า


F16A/B เจ้าอากาศเก่าของไทยที่อายุจะขึ้นเลขสามสิบ ชักจะไม่แจ๋วเสียแล้วเพราะยิ่งเก่าค่าดุแลรักษาก็มากตาม

งบกลาโหมไทยปีหนึ่งไม่มาก ฝึก รด. ยังได้ยิงปืนแค่สิบนัด ฉะนั้นการมีเครื่องบินค่าดูแลรักษาต่ำจึงสำคัญ (90,000 บาทอย่าคิดว่าแพง F16 ค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมง 130,000 บาทส่วนเครื่องรัสเซียก็เหยียบๆ 3-4 แสนบาท!) เพราะนั่นหมายความว่านักบินจะได้ฝึกซ้อม ใช้งานเครื่องบ่อยจนคุ้นเคยถึงคราวเกิดสงครามจริงๆจะได้ไม่งงว่าปุ่มนี้ทำอะไร สตาร์ทตรงไหน  ยิงจรวดยังไง ยิ่งเครื่องบินเลือดรัสเซียเสืออากาศไทยไม่คุ้น(แต่เดิมเราใช้เครื่องบินสหรัฐซึ่งออกแบบด้วยหลักการเดียวกับเครื่องบินรบค่ายตะวันตกอื่นๆเช่นกริเพน)หากได้ฝึกน้อยย่อมรีดความสามารถเครื่องออกมาไม่เต็มที่

คิดง่ายๆว่าเศรษฐีคนหนึ่งมีเฟอร์รารรี่จอดอยู่บ้านแต่ติดว่าน้ำมันแพงเลยขี้เหนียวไม่กล้าขับ วันหนึ่งโจรบุกขึ้นบ้านก็ลนลานโดดขึ้นรถเตรียมบึ่งหนี แต่เพราะขับไม่เป็นเหยียบคันเร่งทีก็พุ่งชนถังขยะหน้าบ้านนั่นแล!

SU30 พม่าและมาเลเซียมีไว้ประจำการ คู่ต่อกรของ F15,F18(ราคาถูกกว่า F15แต่ยังแพงกว่าF16,กริเพน) แต่อ้วน ใหญ่ เท่ห์ ยังไงก็นัดเดียวตายเหมือนกัน

พิสัยทำการ น้ำหนักบรรทุก กริเพนสูสีกับ F16 แต่แพ้ SU อยู่พอสมควร (3,000 กิโลเมตร, บรรทุกได้ 17 ตัน)

 ก่อนจะบอกว่า โอ้โห! แล้วจะซื้อกริเพนมาเพื่ออะไร ก็ขอให้ท่านๆดูข้อมูลเกี่ยวกับประเทศของเราสักนิด

ประเทศไทยยาว 1,000 กิโลเมตร กว้างไม่ถึง 800 กิโลเมตร มีความจำเป็นต้องหาเครื่องบินพิสัย 3,000 กิโลเมตร น้ำหนักบรรทุกมากๆมาเพื่ออะไรในเมื่อไม่ได้จะไปทิ้งระเบิดใครเขา?

งั้นทำไมมาเลย์ซื้อ SU30 ล่ะ? ทั้งที่ราคาแพงกว่า กริเพนเกือบเท่านึง ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงก็แพงกว่าตั้งแยะ?

เพราะเราชอบลืมว่าอาณาเขตมาเลเซียไม่ได้อยู่ติดประเทศไทยเท่านั้นน่ะเซ่ มาเลย์ยังมีดินแดนอีกส่วนอยู่ตรงข้ามทะเลจีนใต้ ฉะนั้นการมีเครื่องพิสัยทำการไกลจึงสำคัญกว่าไทย ที่สำคัญงบกลาโหมเราไม่ได้มากเหมือนเขาด้วย = ='

ข้อดีอีกอย่างของกริเพนที่เครื่องบินรบอื่นๆโลกทำไม่ได้คือเรื่องของรันเวย์...ทราบหรือไม่ว่ากริเพนบินขึ้นได้จากถนนหลวงขนาดกว้างเพียง 9 เมตร ยาว 400 เมตรเท่านั้น พูดง่ายๆคือถ้าเคลียร์รถออกจากถนนด้านหน้าธรรมศาสตร์รังสิตหมดก็สามารถใช้เป็นรันเวย์ให้กริเพนขึ้นลงได้ทันที!


ขึ้นจากถนนสั้นและแคบอย่างทางหลวงหลายสายในเมืองไทยได้สบาย

ตรงนี้เป็นความสามารถที่กริเพนทำได้เครื่องเดียวในโลกเพราะสวีเดนมีนโยบายทางทหารเหมือนไทยคือรับไม่ใช่รุก สมมติเกิดสงครามแล้วสนามบินใหญ่ๆอย่างดอนเมือง ตาคลี อู่ตะเภาถูกทำลาย เราก็ยังให้กริเพนขึ้นต่อสู้จากถนนหลวงและหาถนนสายเหนือ อิสาน ตะวันออกตรงจุดเรียบๆ ที่ไม่โดนกรมการทางกินจนหน้าดินทรุดใช้ลงจอดได้

ไม่เหมือนSUหรือ F16 ที่หากสนามบินถูกทำลายก็ต้องหนีไปลงจอดประเทศอื่น หรือไม่ก็นอนบ้อท่าอยู่ในโรงเก็บรอให้กองกำลังข้าศึกเข้ามายึด ยิ่งซูลำเบ้อเร่อบ้าร่าอาจต้องทำโรงเก็บให้ใหม่อีก
(เครื่องขับไล่ของเราเช่น F-16, F-5 สามารถลงบนถนนหลวงได้หมดครับ และเครื่องขับไล่แทบทุกแบบก็สามารถทำได้ถ้ามีถนนที่กว้างและยาวพอ ซึ่งทั้ง F-16 และ F-5 สามารถใช้ถนนหลวงบ้านเราได้สบาย หาดูคลิปการซ้อมขึ้นลงจากถนนหลวงของ ทอ.ไต้หวันได้ในยูทูปครับ มีทั้ง F-16, Mirage 2000, Shingua ไม่แน่ใจว่ามี F-5 ด้วยหรือเปล่า)


เท่านี้คงพอทราบความสามารถพื้นฐานและเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณและความต้องการแล้ว

แต่เครื่องบินรบซื้อมารบไม่ใช่มาจอดขายหม้อแกงวันเด็กอย่างเดียว กริเพนจะสามารถต่อกรกับ มิก29 ซู30 F15 ของเพื่อนบ้านได้หรือไม่ในกรณีเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ?

ก่อนจะทราบคำตอบ...ก็ต้องรู้หลักกการรบทางอากาศสมัยใหม่กันสักเล็กน้อย

พูดถึงรบทางอากาศท่านผู้อ่านคงมีภาพของเครื่องบินรบบินไล่กวดกันกลางอากาศเหมือนในหนัง ต่างฝ่ายต่างหาท่าพลิกแพลงเพื่อวางตำแหน่งเครื่องตัวเองให้อยู่ท้ายข้าศึก ล็อคจรวดแล้วยิงออกไปในระยะเผาขนแบบเกม Ace combat อย่างไรอย่างนั้น

ผิดเน้อออ...ผิดๆๆๆๆๆเต็มประตู ยุคการพันตูตะลุมบอนแบบในเกมหมดสมัยไปนานเป็นสิบปีแล้ว การรบทางอากาศสมัยใหม่ส่วนใหญ่ฆ่ากันตั้งแต่ ยังไม่เห็นจมูกเครื่องบินอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป

Amraam ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศของสหรัฐ พิสัยสังหารร้อยกิโลเมตร

ท่าบินพิสดารที่ SU30 ชอบโฆษณาหนักหนา ทั้งเบรกกลางอากาศ บินกลับหัวกะทันหัน อาจดูสวยและเท่ห์เวลาแอร์โชว์ แต่ของจริงใช้ก็ยาก โอกาสจะใช้ก็ยาก แถมหากเครื่องบินติดอาวุธ เติมน้ำมันเต็มพิกัดแล้วฝืนทำกายกรรมเปียงยางก็อาจทำให้เครื่องเสียหายอย่างหนักได้

ถึงความคล่องตัวในระยะใกล้ของกริเพนแม้จะสูสีกับ F16 สู้ Su30 ไม่ได้ โอกาสที่ Su จะเข้ามาใช้ท่าบินมวยจีนในระยะประชิดก็มีน้อย เพราะสงครามทางอากาศสมัยใหม่ที่เริ่มตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซียไม่ได้พึ่งปืนกลอากาศหรือจรวดยิงระยะประชิดอีกต่อไป

 การรบ BVR หรือ Beyond Visual Range แปลไทยว่านอกระยะสายตานั้น มีอาวุธสำคัญสองอย่างคือเรดาห์และจรวดนำวิถี หลักการคือเปิดเรดาห์กวาดหาศัตรู...เมื่อพบแล้วก็ล็อคจรวดยิงปลิดชีพ่จากระยะเกือบ 100 กิโลเมตร

 เมื่อเป็นเช่นนี้หัวใจสำคัญของเครื่องขับไล่ยุคใหม่คือ

1.ระยะเรดาห์ว่าใครเห็นใครก่อน
2.เครื่องใครโดนตรวจจับบนเรดาห์ได้ง่ายกว่ากัน
3.ระยะและความแม่นยำของจรวดนำวิถี

การใช้เรดาห์ก็ใช่ว่าจะเปิดค้างตลอดเวลา เพราะเมื่อใดที่คุณเปิดใช้งานมันข้าศึกก็จะจับสัญญาณได้ เห็นคุณทันทีเช่นกัน

เปรียบง่ายๆเหมือนพกไฟฉายกับปืนลมไปยิงกับเพื่อนในห้องมืดสนิท คนเปิดไฟฉายย่อมมีโอกาสหาอีกฝ่ายเจอ แต่ในกรณีที่หาไม่เจอก็เท่ากับเปิดเผยตำแหน่งให้อีกฝ่ายย่องเข้ามาจัดการ

ไฟฉาย(เรดาห์) ของกริเพนมีระยะไกลกว่าF16 สูสีกับซูแถมยังละเอียดกว่า ใหม่กว่า แถมขนาดที่เล็กของกริเพน(ในที่นี้รวมถึงF16)ยังทำให้ข้าศึกตรวจจับด้วยเรดาห์ได้ยากอีกด้วย

ที่สำคัญมากคือกริเพนมีระบบส่งข้อมูลไฮเทคที่สามารถรับข้อมูลเรดาห์จากสถานีซึ่งอยู่ไกลออกไป 500 กิโลโดยไม่ต้องเปิดเรดาห์ให้ใครเห็น

เปรียบกับการพกไฟฉายกับปืนลมเข้าไปยิงกับคนในห้องมืดแบบเดิม แต่ครั้งนี้เรามี spotlight ฉายจากระยะไกลๆแล้วโทรจิตบอกตำแหน่งของศัตรูให้อย่างแม่นยำ ขณะที่ฝ่ายศัตรูมองคนฉาย spotlight หรือฝ่ายเราไม่เห็น จะยิงก็ไม่ได้ ไล่ก็ไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็เจอสอยจากควมืดเรียบร้อยแล้ว

ปัจจุบันมีกริเพนและ F22 เครื่องบินรุ่นก้าวหน้าของสหรัฐที่ไม่มีวันขายให้ใครเท่านั้นที่ใช้ระบบนี้ ซู30 มิก29 และ F16 ไม่มีความสามารถทำได้ (F-16 บล๊อคใหม่ และบล๊อคเก่าที่ผ่านการอัพเกรด MLU ก็มีความสามารถนี้ครับ ในสงครามอ่าวรอบสองนักบิน F-16 A/MLU ของเนธอร์แลนด์ ก็ใช้เรดาร์จากเครื่องบินอีกลำหนึ่งส่งข้อมูลให้เครื่องอีกลำหนึ่งยิงเครื่องบินอิรัคตกด้วย AIM120 ครับ ซูเองก็มีครับแต่ประเทศที่ซื้อจะติดตั้งไปหรือเปล่า) กริเพนจึงได้เปรียบมากในการรบเลยระยะสายตาเพราะสามารถเห็นศัตรูได้ตั้งแต่ 120 กิโลเมตร(ด้วยเรดาห์บนเครื่อง) หรือ 450 กิโลเมตร(ด้วยเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศที่สวีเดนแถมให้ฟรีๆ และประเทศแถบนี้นอกจากสิงคโปร์ไม่มีใช้)


เรดาห์เตือนภัยทางอากาศอีรี่อายที่ได้มาฟรี แม้ไร้อาวุธแต่ก็เป็นตาอินทรีชี้เป้าสังหารได้อย่างแม่นยำ

ในการซ้อมรบกับประเทศพันธมิตรอย่าง ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ กริเพนก็สามารถเอาชนะ F18,F16 ได้อย่างสวยงามด้วยเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้น

ดูคร่าวๆแล้วจะเห็นว่ากริเพนอาจไม่ได้สุดยอดทุกอย่าง แต่เมื่อคิดเทียบกับราคาที่ถูกกว่าคนอื่น ค่าบำรุงรักษาต่ำ สมรรถนะที่สูงกว่าในหลายๆด้าน รวทั้งความได้เปรียบในการรบทางอากาศเหนือเครื่องบินเพื่อนบ้านแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่าและตอบสนองความต้องการทางยุทธวิธีของไทยที่เน้นตั้งรับ...เรานี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาดได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ

อีกอย่างคือในสักเจ็ดถึงแปดปีข้างหน้า ไทยก็ต้องจัดซื้อ F35 จากสหรัฐมาประจำการเรือรบหลวงจักรีนฤเบศน์อีก อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นของไม่จำเป็นที่จำเป็น เราจึงควรบริหารรายจ่ายให้คุ้มค่า

ที่มา : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=970408

 Grin ข้อมูลคลาดเคลื่อนเยอะครับ แต่ไม่ได้เจตนาจะค้านแต่อย่างใดนะครับ เพียงแต่ในข้อความนี้มองจนกลายเป้นพระเอกมากไปหน่อย จนข้อเท็จจริงบางอย่างคลาดเคลื่อนไป Grin


ของแถมน่าสนใจครับ........ผู้ใหญ่เลยเลือกเป็น Gripen Grin

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทอ.ตัดสินใจเลือกเครื่องจากสวีเดนนอกเหนือจากสมรรถนะก็คือ "ของแถม" ที่มากมายเป็นประวัติการณ์ ได้แก่

1.เครื่องบินแอร์บอร์นเออร์ลี่ วอร์นนิ่ง จำนวน2 เครื่อง

2.ขีปนาวุธโจมตีอาร์บีเอส15 พร้อมเรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน SAAB เครื่องเปล่าอีก 1 เครื่อง

พร้อมทั้งให้"รหัสข้อมูลพิเศษ" เกี่ยวกับรายละเอียดของเครื่องบิน ซึ่งบริษัทอื่นไม่ได้มอบสิ่งนี้ให้ โดยรหัสพิเศษชุดนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตของกองทัพอากาศ

ขณะที่ระบบสื่อสารปกติภาคพื้นดินปกติจะต้องมีสายในการติดต่อพูดคุยแต่กริพเพนมีเทคโนโลยีไร้สาย หรือ "บลูทูธ" ในการสื่อสาร

ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานระบุว่า ของแถมมากับเครื่องบินกริพเพน คือ เรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จะเป็นจานเรดาร์ที่ติดตั้งไว้บริเวณตัวเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินมีการติดจานเรดาร์เวลานำเครื่องบินสู่อากาศจะทำให้ตรวจจับสิ่งผิดปกติได้ไกลขึ้น
สมมติมีสิ่งผิดปกติลอยอยู่บริเวณพื้นที่ กทม. และเรามีเอแวคอยู่บริเวณ จ.สระบุรี ข้อมูลก็จะปรากฏอยู่บนจอเรดาร์ไกลถึง จ.นครราชสีมา แต่หากเป็นเครื่องบินทั่วไปจะปรากฏอยู่แค่บริเวณปริมณฑลเท่านั้น ทั้งนี้ เรดาร์ของกริพเพนอาจจะด้อยกว่าของ ซู-30 หรือ เอฟ 16 แต่เรดาร์ของกริพเพนสามารถต่อสัญญาณถึงกันได้ ซึ่งเครื่องแบบอื่นไม่สามารถทำได้"

นอกจากนี้ประเทศสวีเดนยังให้ทุนการศึกษาจำนวน 200 ทุน โดยเป็นทุนเกี่ยวกับด้านวิศวกรรมอากาศยาน ซึ่งสนับสนุนการผลิตของไทยในอนาคต


 Grin อีกอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครพูดถึง คือการส่งเครื่อง C-130 ของ ทอ. สวีเดนมาปรับปรุง Glass Cockpit กับ TAI ของบ้านเราครับ ทอ.สวีเดนส่งคนมาดูการปรับปรุงแล้วที่ศูนย์ TAI ตาคลี เหลือเพียงรอการประเมิน ถ้าผ่านก็ลงนามส่งเครื่องมาทำ Grin
บันทึกการเข้า

mambo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 65
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1114


Gripen RTAF


« ตอบ #9744 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 09:03:13 AM »

Gripen ได้รับการคัดเลือก ก็เพราะข้อเสนอที่ดี และ การเมือง จริงๆ แล้ว ทอ.อยากได้ F-16 มากที่สุด แต่ติดขัดหลายๆ อย่าง

Aerospace Magazine



Uploaded with ImageShack.us

http://www.facebook.com/TheAerospace#!/album.php?aid=270929&id=205583336821
บันทึกการเข้า
PED KRUB
Full Member
***

คะแนน 11
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 160



« ตอบ #9745 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 09:24:22 AM »





 Grin อีกอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครพูดถึง คือการส่งเครื่อง C-130 ของ ทอ. สวีเดนมาปรับปรุง Glass Cockpit กับ TAI ของบ้านเราครับ ทอ.สวีเดนส่งคนมาดูการปรับปรุงแล้วที่ศูนย์ TAI ตาคลี เหลือเพียงรอการประเมิน ถ้าผ่านก็ลงนามส่งเครื่องมาทำ Grin


 การค้าต่างตอบแทน ไม่เอาเปรียบกันแบบนี้สนับสนุนให้ ทอ.เอามาอีกซักฝูงครับ
บันทึกการเข้า


[URL=http://g.imageshack.us/g.php?h=292&i=tanfolo
Wachira1973
"กระบี่อยู่ที่ใจ...ปืนก็อยู่ที่ใจเช่นกัน"
Sr. Member
****

คะแนน 81
ออฟไลน์

กระทู้: 724



« ตอบ #9746 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 09:58:10 AM »

ขอต้อนรับน้องใหม่ทั้ง 6 ลำที่จะมาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับทอ.ไทยให้น่าเกรงขามยิ่งขึ้นจากใจจริงครับ... เยี่ยม
บันทึกการเข้า

"...แล้วสอนว่าอย่าใว้ใจมนุษย์   มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
 ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน.."
                                                                                            ...สุนทรภู่...
vichai01++รักในหลวง++
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 110
ออฟไลน์

กระทู้: 2775



« ตอบ #9747 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 10:06:19 AM »

 Grin Grin เดี๋ยวมีเงินก็ซื้อเพิ่มได้ครับ
บันทึกการเข้า

คาถาป้องกันภัยพิบัติทั้งปวง
ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ
จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
Peerapat - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1690


จะรบเป็นชาติพลี มอบวิญญาณ ดวงนี้ เพื่อผืนดินไทย


เว็บไซต์
« ตอบ #9748 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 10:51:29 AM »

ของแถมน่าสนใจครับ........ผู้ใหญ่เลยเลือกเป็น Gripen Grin

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทอ.ตัดสินใจเลือกเครื่องจากสวีเดนนอกเหนือจากสมรรถนะก็คือ "ของแถม" ที่มากมายเป็นประวัติการณ์ ได้แก่

1.เครื่องบินแอร์บอร์นเออร์ลี่ วอร์นนิ่ง จำนวน2 เครื่อง

2.ขีปนาวุธโจมตีอาร์บีเอส15 พร้อมเรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน SAAB เครื่องเปล่าอีก 1 เครื่อง

พร้อมทั้งให้"รหัสข้อมูลพิเศษ" เกี่ยวกับรายละเอียดของเครื่องบิน ซึ่งบริษัทอื่นไม่ได้มอบสิ่งนี้ให้ โดยรหัสพิเศษชุดนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตของกองทัพอากาศ

ขณะที่ระบบสื่อสารปกติภาคพื้นดินปกติจะต้องมีสายในการติดต่อพูดคุยแต่กริพเพนมีเทคโนโลยีไร้สาย หรือ "บลูทูธ" ในการสื่อสาร

ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานระบุว่า ของแถมมากับเครื่องบินกริพเพน คือ เรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จะเป็นจานเรดาร์ที่ติดตั้งไว้บริเวณตัวเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินมีการติดจานเรดาร์เวลานำเครื่องบินสู่อากาศจะทำให้ตรวจจับสิ่งผิดปกติได้ไกลขึ้น
สมมติมีสิ่งผิดปกติลอยอยู่บริเวณพื้นที่ กทม. และเรามีเอแวคอยู่บริเวณ จ.สระบุรี ข้อมูลก็จะปรากฏอยู่บนจอเรดาร์ไกลถึง จ.นครราชสีมา แต่หากเป็นเครื่องบินทั่วไปจะปรากฏอยู่แค่บริเวณปริมณฑลเท่านั้น ทั้งนี้ เรดาร์ของกริพเพนอาจจะด้อยกว่าของ ซู-30 หรือ เอฟ 16 แต่เรดาร์ของกริพเพนสามารถต่อสัญญาณถึงกันได้ ซึ่งเครื่องแบบอื่นไม่สามารถทำได้"

นอกจากนี้ประเทศสวีเดนยังให้ทุนการศึกษาจำนวน 200 ทุน โดยเป็นทุนเกี่ยวกับด้านวิศวกรรมอากาศยาน ซึ่งสนับสนุนการผลิตของไทยในอนาคต


นี้คือข้อมูลที่ถูกต้องใช่หรือไม่ครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #9749 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2011, 11:24:15 AM »

400เมตร ความยาวเท่ากับดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบินเลยนี้ครับ  Shocked Shocked Shocked Shocked
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
หน้า: 1 ... 647 648 649 [650] 651 652 653 ... 1487
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.215 วินาที กับ 21 คำสั่ง