แนะนำ Sword point โดย Harold coyle
ย้อนกลับไปก่อนโซเวียตแตก ในปี 2534 โซเวียตเปิดฉากบุกอิหร่าน ด้วยแผนการที่จะยึดครองน้ำมัน และคราวนี้สหรัฐไม่ยอม ส่งกำลังทหารเข้าไปยัน รบกับโซเวียตและอิหร่าน พร้อมกัน และอิหร่านมีแผนเด็ด อะไรจะเกิดขึ้น มีทั้งการรบภาคพื้นดิน การรบด้วยยานเกราะ การรบทางอากาศ การรบทางเรือ การรบแบบกองโจร การวางแผนการรบตามแบบโซเวียต และสหรัฐ เช่น.....
...เหนืออ่าวเปอร์เซีย...
พอพ้นรัศมีโจมตรีจากเครื่องบินรบโซเวียต เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการบนเอแว็คส์ สะดุ้งเฮือกฉับพลัน เมื่อมองเห็นสถานการณ์ทุกอย่างการจ่างชัด ฝูงบินโจมตีที่พุ่งเข้าใส่ เพียงทำหน้าที่เบี่ยงเบนความสนใจของกองทัพอากาศอเมริกัน สร้างอารามตื่นตระหนกให้หอสังเกตการณ์ลอยฟ้า โซเวียตเชื่อแน่ ขณะการลำเลียงกำลังพลจำนวนมากยังคงลอยอยู่ในอากาศและอยู่ในสถานะง่อนแง่นเปราะบางต่อการถูกโจมตี เครื่องบินรบอเมริกันที่สามารถกวาดล้างกองกำลังขนส่งทางอากาศในพริบตา ระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ ฝูงบินคุ้มกันจาก บันดาร์ อับบาสเป็นฝูงบินที่อยู่ในตำแหน่งใกล้ที่สุดและมีโอกาสทำลายภัยคุกคามของโซเวียตที่มาจากด้านเหนือที่สุด ทว่าตอนนี้คงมาใม่ทันแน่นอน ฝูงบินที่พอจัดสรรได้คือฝูงบินที่มาจากโอมาน ซึ่งได้รับมอบหมายให้คู้มกันเอแว็คส์ หนทางเลือกและตัดสินใจน้อยลง หนึ่ง ส่งเอฟ15 จากบันดาร์ ขึ้นเหนือ ปล่อยให้ฐานว่าง ยอมรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเมืองท่า สอง ส่งฝูงบินจากโอมานขึ้นเหนือ ยอมให้เอเว็คส์ตกอยุ่ในอันตราย สาม ให้ฝูงบินจากโอมานเข้าคุ้มครองบันดาร์ อับบาส แล้วให้ฝูงบินเอฟ 15 ขึ้นเหนือ สี่ ไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้ฝูงบินรบเหล่านั้นปฏิบัติภารกิจตามเดิม แต่จะให้นิ่งดูดายทั้งๆ ที่เห็นฝูงบินเฮลิคอปเตอร์มากมายเหลือคณาของโซเวียต ชุดแรกกำลังร่อนลงสู่เป้าหมายนั้น น่าจะส่งผลเสียหายให้แก่กองกำลังภาคพื้นดินมากว่า ฉับพลันนั้น เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตัดสินในทันที...หน่วยคุ้มกันเอฟ 15 โปรดทราบ เปลี่ยนเป้าหมายด่วน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏับัติการสั่งการด่วนจี้ แข่งกับเวลา เอฟ 15 จากบันดาร์ อับบาสเปลี่ยนเส้นทางขึ้นเหนือ สกัดและทำลาย ย้ำ สกัดและทำลายข้าศึกเหนือ เกอร์มาน.... ช่วงเวลาอันน้อยนิดแบบนั้นไม่น่าจะทันการณ์ แต่ถึงงั้นก็เถอะ ต้องลองพยายามดูสักตั้งดีกว่างอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลย.....
.................ณ ระดับ 42000 ฟุต ด้านทิศเหนือของบันดาร์ อับบาส อิหร่าน....
................มาร์แต็งแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง...อะไรกัน...นี่อยู่ไม่อยู่ก็ได้รับคำสั่งให้ฉีกตัวออกจากเป้าหมาย บ่ายหน้าขึ้นเหนือ ฝูงบินรบส่วนใหญ่เข้ารัศมีเตรียมถล่มข้าศึกอยุ่รอมร่อ ฝูงบิน โอมาฮาเกือบปล่อยอาวุธเล่นงานฝูงมิกสี่ลำที่พุ่งตรงเข้ามาในเส้นทางดันได้รับคำสั่งบ้าๆ ในช่วงวิกฤต ชนิดแทบไม่มีเวลาตั้งตัว.....ริยำ...วิซโซ่ที่นั่งด้านหลังมาณแต็งสบถเสียงลั่น อีกแค่สามสิบวิเท่านั้น....
.................มาร์แต็งมองจอดิสเพลย์ สถานการณ์และสถานภาพทุกอย่างพร้อมโจมตี แน่นอน เขากับเครื่องบินลูกฝูงมีเวลานิดหน่อยกดปุ่มยิงขีปนาวุธพิสัยไกลคนละลูกในวินาทีแรก แล้วค่อยเร่งเครื่องฉีกตัวขึ้นเหนือในวินาทีที่สอง ไม่มีเหตุผลให้มันลอยนวลเข้ามาอย่างสบายใจเฉิบ ที่สำคัญ โอกาสอย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้ว ....มาร์แต็งไม่ยอมปล่อยโอกาสทองหลุดมือไม่มีการลังเลคิดมากให้เปลืองสมอง เสืออากาศผู้หมายมั่นเฉ่งรัสเซี่ยนเต็มแก่ ......
................โอมาฮาสอง นี่โอมาฮาหนึ่ง ผมจะฉะมันด้วยขีปนาวุธตามผมมา....
..............ยังไม่ทันจบความดี เสียงหัวหน้าฝูงบินดังลั่นออกมาจากหูฟัง..........โอมาฮา ฉีกตัวออกพันรัศมี ย้ำ ฉีกตัวพ้นรัศมี นี่เป็นคำสั่ง..............
...................มาร์แต็งกำลังใจจดใจจ่อกับการกล่อมเครื่องบินรบศัตรู เสียงร้องตะโกนของหัวหน้าฝุงไม่ผ่านเข้าหูเลย เขาเอาแต่จ้องจอดิสแพลย์ และเงี่ยงหูฟังเสียงสัญญาณเรดาร์เท่านั้น......
.....................ตาเขาตรึ่งติดอยู่กับจออยุ่นาน ขณะเดียวกันก็ปรับเส้นทางการบินเพื่อให้แสงกระพริบอันเป็นตำแหน่งของบ็อกกี้อยุ่กลางจอ ซึ่งเป็นมุมที่เหมาะ ที่สุด ต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ทันที่ที่แสงกระพริบเลื่อนเข้ามาอยุ่กลางศูนย์เล็ง เสียงเรดาห์ล็อกออนดังก้อง......ยิง มาร์แต็งกระแทกเสียงหนักๆ เสียงขีปนาวุธพุ่งตัดอากาศพ้นฐาน...ขณะเดียวกัน....มาร์แต็งรับสบัดเอฟ 15 หักมุมพ้นเส้นทาง เร่งเครื่องเต็มพิกัด................
..................เมื่อเอฟ 15 พุ่งทะยานด้วยความเร็วเหนือเสียง มาร์แต็งเพิ่งนึกถึงคำสั่งได้ เพราะเสียงตะคอกด่าดังสนั่นแสบแก้วหู ขณะเดียวกันเสียงรายงานจากเจ้าหน้าที่ควบคุมประจำสถานนีลอยฟ้าดังแทรกขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน................ขีปนาวุธโอมาฮา 01 กระทบเป้า...เสียงรายงานของเจ้าหน้าที่แสดงความตื่นเต้นยินดี.....
........น่าจะถีบตาแก่นั้นลงนรกซะ....มาร์แต็งรำพึงในใจ................
------------------ด้านทิศเหนือ -----------แนวหลังโซเวียต
..........ร้อยตรีหนุ่มหัวหน้าหมวดลาดตระเวนอเมริกัน พ่งสายตาไปข้างหน้า พยายามหาช่องทางเข้าโจมตีด้วยความรุ่นแรงเฉียบคม เขาเบื่อกับการหลบซ่อนและเอาแต่รายงานฝ่ายเดียวมานานเต็มที
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นให้หน่วยเหนือสั่งซ้ำ ...................แบร็ดลี่ย์ของหมวดลาดตระเวนหาคันเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดาน ซ่อนตัวหลังเนินโค้งเล็กๆ
รอจังหวะ คาเพลล์พร้อมโจมตีแล้ว ร้อยตรีหน่มยืนเด่นหนือของฝาบัญชาการ ชูมือเหนือหัว ชี้ไปยังตำแหน่งขบวนคอนวอยที่เป็นรถบรรทุกน้ำมัน ลดมือลงตะโกนใส่อินเตอร์คอม..........
.........ทะลวง..............ให้บานฉ่ำไปเลย............
สิ้นเสียงสั่ง .......ผู้บังคับการรถคันอื่นๆ ปฏิบัติการเหมือนๆ กันหมด และแล้วแบร็ดลีย์ทั้งหกก็พุ่งทะยานไปข้างหน้า เริ่มกระบวนการโจมตี .........นั้นตรงหน้า ระยะสามกิโลเมตร ขบวนคอนวอย.......ขณะเริ่มเร่งเครื่อง ผู้บังคับการแต่ละคันจับเป้าหมายของตน ...............
พลปืน...............กระสุนฮีท.เป้าหมาย รถบรรทุกที่เคลื่อนอยู่ข้างหน้า ..........ผู้บังคับการรถออกคำสั่ง...... ด้วยสายตาที่พ่งไปข้างหน้า...สองมือแตะปุ่มควบคุม พลปืนประจำรถแต่ละคันค้นหาเป้าที่ได้รับมอง........และทันทีที่รถบรรทุกคันที่เป็นเป้าหมายปรากฏให้เห็น พลปืนตะโกนรายงานทันควัน.................เป้าหมายข้างหน้า ชัดเจนแจ๋วมาก................
สิ้นเสียงรายงานของพลปืน ผู้บังคับรถแต่ละคันปล่อยหน้าที่ควบคุมให้เป็นของพลปืนโดยอัตโนมัติ.............
...........................อย่างรวดเร็วและฉับพลัน หมวดลาดตระเวนทะยายเข้าหา พริบตาเดียว ระยะห่างหดเหลือแค่สองกิโลเมตร ...........เรียกว่าควบกันฝุ่นตลบ..........พลขับรถขบวนรถบรรทุกคอนวอยกับทหารในสังกัดกองร้อยขีปนาวุธเอสเอ 8 หันมาทางด้านทิสตะวันออก เมื่อเห็นม่านฝุ่นการจายฟุ้ง สายตาทุกคู่พุ่งไปที่นั้นเป็นจุดเดียว รถสายพานลำเลียงพล หก คัน ควบเข้าหาด้วยความเร็วสูง.... นี่พวกมันทำอะไรกันวะ.....คำถามนี้เกิดขึ้นในใจของทุกคนที่มองเห็น........ซุลวินากับ ผบ..ก็เฝ้ามองด้วยความงงงัน โดยเฉพาะ กับ ซุลวินา เขารู้สึกเดือดดาลใจปุดๆ ในภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกหยดเป็นสีงสำคัญ.......แต่บีเอ็มพีพวกนั้นกลับเร่งเครืองยนต์ห้อตะบึงเผานำมันเล่นซะงั้นแหละ ซุลวินาตัดสินใจเดี๋ยวนั้น รอให้รู้ก่อนว่าใครคือ ผบ..กลองกำลังหมวดนั้น เขาจะสั่งปลด ตะเพิดออกจากกองทัพให้รู้แล้วรู้แรดไปเลย..........
...........................เหลือระยะหนึ่งพันห้าร้อยเมตร แบร็ดลี่ย์สองคันหน้ายังคงควบตะบึ่งด้วยความเร็วสูง ส่วนที่เหลือชะลอความเร็วปรับขบวนตามหลักยุทธวิธีการโจมตี คาเพลล์ยังคงยืนเด่นเหนือช่องฝา สวมแว่นก็อกเกิ้ล เศษผ้าสีโอลีฟหรือสีเขียวมะกอกปิดปากปิดจมูกสองมือเกาะฐานป้อมปืน ร่างส่ายโคลงตามจังหวะการวิ่งของแบร็คลี่ย์ ยิ่งเข้าใกล้ ร้อยตรีหน่มหัวหน้าหมวดลาดตระเวนยิ่งรุ้สึกโอร์โมนอะเดรียนาลินแล่นพล่านในระบบการทำงานอวัยวะภายใน ใจเต้นตึ่กๆ อย่างรุนแรงคล้ายจะกระดอนออกจากอกซะให้ได้ เมื่อเข้าใกล้ระยะไม่มีอะไรบดบังทัศนวิสัย ดวงตะวันอยู่ข้างหลัง ร้อยตรีหนุ่มตะโกนสั่งเสียงดังก้อง ........ยิง.................
...................รถสายพานที่ควบเข้ามาทางด้านทิศตะวันออกเริ่มสาดกระสุนจากป้อมปืนเสียงดังสนั่นถี่ยิบ อุบัติการณ์ไม่คาดฝันทำเอากองร้อย เอสเอ 8 กับซุลวินา ตกตะลึงอ้าปากค้าง....แววหวาดหวั่นสาดออกจากเป้าตาที่แทบเหลือถลนนั้น.............และท่ามกลางอารามตื่นตระหนก พวกเขาเห็นรถบรรุทกน้ำมันกว่าครึ่งระเบิดดัง บิ้ม............บิ้ม...บิ้ม.........เป็นแนว เสียงระเบิดดังสนั่นก้อง....นายทหารคนหนึ่งตะโกนสุดเสียง............แบร็ดลี่ย์......................เป็นไปได้ไงพวกมันมาจากไหน...................
พอตั้งมั่นสนิทนิ่งดีแล้ว.........ร้อยตรีคาเพลล์สั่งพลปืนยิงขีปนาวุธทีโอดับเบิล ใส่ บีทีอาร์ที่ลำลังหลบหนีทั้งสองคันก่อนที่มันจะกลืนหายไปกับสภาพภูมิประเทศสูง ๆ ต่ำ ๆ ร้อยตรีหนุ่มเฝ้าจับตาดูฐานขีปนาวูธค่อยๆ เงยขึ้นสู่ตำแหน่งยิง ครั้งเงยทำมุมยิงได้เรียบร้อย ฐานยิงก็ล็อกตัวเองแน่นหนา คันแรกหายสาบสูญไปแล้ว คันที่สอง กำลังแล่นเข้าหาเนินลุกหนึ่ง เขาสั่งพลปืนเล็งเป้าไปที่ บีทีอาร์คันที่สองทันที พลปืนปฏับัติตามคำสั่งในวินาทีนั้น...แต่แล้ว........หมวดครับ...พลปืนรายงานเสียงตื่นระคนแปลกใจ......แสงไฟพร้อมยิงไม่สว่างครับ..............ร้อยตรีหน่ม มุดตัวลงมาตรวจสอบอย่างว่องไว สายตาเหลือบไปเห็นสวิตว์อยู่ในตำแหน่ง ห้ามไก
ปลดห้ามไกซิเว้ย...................อาเพลล์ตะโกนใส่พลปืน..........ทำเอาพลปืนสะดุ้งหายเงอะงะเป็นปลิดทิ้ง ครั้นพลปืนปลดห้ามไก แสงไฟ พร้อมยิงสว่างเรืองบนจอทันควัน คาเพลล์ตะโกนสุดเสี่ยง ยิง............