ผม กลับมองว่า ไม่ไช่
เรื่องนี้ ต้องมองว่า เครื่องบินลำนี้เข้ามาประเทศไทย โดยไม่ได้แจ้งตารางบิน ล่วงหน้า แล้วขอลงจอดเติมน้ำมัน โดยไม่ได้ระบุสินค้าที่ บรรทุกมาว่าเป็นอะไร ในเมื่อ เป็นอาวุธ หากมาจากประเทศ อื่น จะเป็นอย่างที่ คุณ รพินทรนาถ ว่า แต่ถ้ามาจาก เกาหลีเหนือ เป็นอีกกรณี ครับ เพราะ ประเทศไทยเป็นสมาชิกของ องค์การ สหประชาชาติ ดังนั้นประเทศที่โดน บอยคอร์ด เรื่อง อาวุธที่ส่งออกจาก เกาหลีเหนือ ประเทศสมาชิกต้องร่วมปฎิบัติตาม อย่าเข้าใจ คลาดเคลื่อนครับ ส่วนการฟ้องร้องเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะ กฎหมายระหว่างประเทศ มีข้อยกเว้นเรื่อง อาวุธ อยู่แล้ว หาก สิ่งที่บรรทุกในเครื่องบินลำนี้ เป็นอย่างอื่นก็คงไม่มีการยึดอย่างนี้
เรื่องมติของ UN รัฐไทยจะนำมาใช้ได้ก็จำต้องมีการตรากฎหมายภายในออกมารองรับเสียก่อนครับ เพราะรัฐไทยถือ
"หลักทฤษฎีทวินิยม (Dualism)" ในการนำกฎหมายระหว่างประเทศมาใช้ โดยถือว่ากฎหมายภายในกับกฎหมายระหว่างประเทศแตกต่างและเป็นอิสระจากกัน ไม่เหมือนประเทศในกลุ่มระบบกฎหมายแบบ Common Law หรือระบบ Anglo-Saxon เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกาที่ถือ
"หลักทฤษฎีเอกนิยม (Monism)" ว่ากฎหมายภายในกับกฎหมายระหว่างประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงสามารถนำกฎหมายระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสนธิสัญญาหรือมติขององค์ระหว่างประเทศ เช่น UN มาปรับใช้ได้ทันที
ดังนั้น ถ้ารัฐไทยไม่มีกฎหมายภายในมารองรับเราก็ไม่มีอำนาจไปจับกุมอาวุธตามมติ UN แต่อาจจะจับด้วยกฎหมายภายในของรัฐไทย ถ้าเครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดในราชอาณาจักรไทยครับ
แล้วในช่วงหลังมานี้ รัฐไทยจะระวังและสงวนท่าทีไม่ค่อยลงนามในสนธิสัญญาใดๆกับองค์กรหรือรัฐอื่น เพราะมีประสบการณ์จากกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร ที่รัฐไทยร่วมลงนามในสนธิสัญญาเกี่ยวกับศาลสถิตย์ยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Permanent Court of Justice ; IPCJ ปัจจุบันเปลี่ยนศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice ; ICJ) แล้วครับ) จึงทำให้เราต้องนำข้อพิพาทดังกล่าวขึ้นสู่ศาลโลก ทั้งๆที่ประเทศมหาอำนาจต่างๆจะตั้งข้อสงวนเพื่อหลีกเลี่ยงศาลนี้ไว้ครับ