เครื่องบินขับไล่ใหม่ กองทัพอากาศไทย

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

ข้อความและรูปภาพถูกลบโดยเจ้าของคอมเม๊นต์

[-Joke-]

ลำใหญ่ๆแบบนี้จะเป็นอุปสรรค ในการรบมั้ยครับ เพราะเป็นเป้าใหญ่ เสี่ยงต่อการหลบหลีกในระยะประชั้นชิด..

สงครามปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วครับที่จะกัดกัน(Dog Fight)ในระยะประชิดเหมือนอย่างยุคสงครามเวียดนามหรือสงครามของยิวกับกลุ่มประเทศอาหรับ นั้นคือรูปร่างของอากาศยานจะใหญ่จะเล็กไม่มีผลต่อการเป็นเป้าหมายแล้ว เทคโนโลยีทุกวันนี้ใครเห็นก่อนคนนั้นยิงก่อน ยิงกันที่ระยะ50-70กิโลเมตรหรือที่ระยะ100กว่าๆกิโลเมตรโน้น อาศัยตัวช่วยอื่นๆ อย่างสงครามอ่าวรอบแรกและรอบสองจนถึงสงครามที่อัฟกานีสถานทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่นเครื่อง Fokker F-16AM ของดัตซ์ทีสอยเครื่อง Mig-29 ของยูโกสลาเวียในสงครามโคโซโว ดัตซ์ได้รับข้อมูลและเป้าหมายก่อนจากเครื่องAWACS เลยเป่าเครื่องMig-29ซะ ด้วยAIM-120A AMRAAM ระยะมากกว่า50กว่ากิโลเมตร ระยะสายตามองไม่เห็นหรอก  

ยากครับที่จะไม่มีการ Dogfight ยังงัยมันก็เป็นอีกวิธีในการรบทางอากาศ ในสมัยสงครามเวียดนามก็มีคนคิดแบบนี้ จน F-4 รุ่นแรกๆไม่มีปืน แต่สุดท้ายจนตั้งติดปืนกลับใน F-4E และตั้ง Top Gun

[อดิศักดิ์--รักในหลวง--]

เหมือนพระเอกหนังไทยดวลปืนกับผู้ร้าย  แต่สุดท้ายต้องมาดวลกำปั้นกัน   

[NaiMai>รักในหลวง]

ลำใหญ่ๆแบบนี้จะเป็นอุปสรรค ในการรบมั้ยครับ เพราะเป็นเป้าใหญ่ เสี่ยงต่อการหลบหลีกในระยะประชั้นชิด..

สงครามปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วครับที่จะกัดกัน(Dog Fight)ในระยะประชิดเหมือนอย่างยุคสงครามเวียดนามหรือสงครามของยิวกับกลุ่มประเทศอาหรับ นั้นคือรูปร่างของอากาศยานจะใหญ่จะเล็กไม่มีผลต่อการเป็นเป้าหมายแล้ว เทคโนโลยีทุกวันนี้ใครเห็นก่อนคนนั้นยิงก่อน ยิงกันที่ระยะ50-70กิโลเมตรหรือที่ระยะ100กว่าๆกิโลเมตรโน้น อาศัยตัวช่วยอื่นๆ อย่างสงครามอ่าวรอบแรกและรอบสองจนถึงสงครามที่อัฟกานีสถานทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่นเครื่อง Fokker F-16AM ของดัตซ์ทีสอยเครื่อง Mig-29 ของยูโกสลาเวียในสงครามโคโซโว ดัตซ์ได้รับข้อมูลและเป้าหมายก่อนจากเครื่องAWACS เลยเป่าเครื่องMig-29ซะ ด้วยAIM-120A AMRAAM ระยะมากกว่า50กว่ากิโลเมตร ระยะสายตามองไม่เห็นหรอก  

  อย่าลืมว่า กรีซกับตุรกีก็ dog fight กันจนมีคลิปออกมาให้ดูหลายชุด
  การบินรบแบบ dog fight ยังมีความจำเป็นอยู่ครับ เพราะถึงจะมีอาวุธปล่อยที่สามารถสังหารข้าศึกได้จากระยะไกล แต่ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะได้ผล 100% และเครื่องบินเองก็มีการติดตั้งอาวุธปล่อยได้จำกัดด้วย อีกทั้งมีกรณีศึกษาอยู่หลายครั้งเช่นนักบิน F-5E ของไทยเราสามารถบินทำยุธวิธีจนสามารถเข้าไปสังหาร F-15 ได้ด้วยปืนใหญ่อากาศในการฝึกซ้อม และมีอีกหลายครั้งที่นักบิน F-16 ของเราสามารถหลุดรอดเข้ามา dog fight กับเครื่องบินขับไล่ของอเมริกันที่เหนือกว่าได้ในการฝึกเช่นกัน

[เจ็บ]

ลำใหญ่ๆแบบนี้จะเป็นอุปสรรค ในการรบมั้ยครับ เพราะเป็นเป้าใหญ่ เสี่ยงต่อการหลบหลีกในระยะประชั้นชิด..

สงครามปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วครับที่จะกัดกัน(Dog Fight)ในระยะประชิดเหมือนอย่างยุคสงครามเวียดนามหรือสงครามของยิวกับกลุ่มประเทศอาหรับ นั้นคือรูปร่างของอากาศยานจะใหญ่จะเล็กไม่มีผลต่อการเป็นเป้าหมายแล้ว เทคโนโลยีทุกวันนี้ใครเห็นก่อนคนนั้นยิงก่อน ยิงกันที่ระยะ50-70กิโลเมตรหรือที่ระยะ100กว่าๆกิโลเมตรโน้น อาศัยตัวช่วยอื่นๆ อย่างสงครามอ่าวรอบแรกและรอบสองจนถึงสงครามที่อัฟกานีสถานทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่นเครื่อง Fokker F-16AM ของดัตซ์ทีสอยเครื่อง Mig-29 ของยูโกสลาเวียในสงครามโคโซโว ดัตซ์ได้รับข้อมูลและเป้าหมายก่อนจากเครื่องAWACS เลยเป่าเครื่องMig-29ซะ ด้วยAIM-120A AMRAAM ระยะมากกว่า50กว่ากิโลเมตร ระยะสายตามองไม่เห็นหรอก  

  อย่าลืมว่า กรีซกับตุรกีก็ dog fight กันจนมีคลิปออกมาให้ดูหลายชุด
  การบินรบแบบ dog fight ยังมีความจำเป็นอยู่ครับ เพราะถึงจะมีอาวุธปล่อยที่สามารถสังหารข้าศึกได้จากระยะไกล แต่ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะได้ผล 100% และเครื่องบินเองก็มีการติดตั้งอาวุธปล่อยได้จำกัดด้วย อีกทั้งมีกรณีศึกษาอยู่หลายครั้งเช่นนักบิน F-5E ของไทยเราสามารถบินทำยุธวิธีจนสามารถเข้าไปสังหาร F-15 ได้ด้วยปืนใหญ่อากาศในการฝึกซ้อม และมีอีกหลายครั้งที่นักบิน F-16 ของเราสามารถหลุดรอดเข้ามา dog fight กับเครื่องบินขับไล่ของอเมริกันที่เหนือกว่าได้ในการฝึกเช่นกัน

เพราะแบบนี้ไงครับเราจึงได้แอมแรม แค่ 8 นัด

[NaiMai>รักในหลวง]

เพราะแบบนี้ไงครับเราจึงได้แอมแรม แค่ 8 นัด

  ไม่เกี่ยวหรอกครับ 555

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

ข้อความและรูปภาพถูกลบโดยเจ้าของคอมเม๊นต์

[รักปืน-รักในหลวง]

โครงสร้างลำตัวส่วนหน้าคล้าย F-22  แพนหางดิ่งคล้าย T-50  ท่อท้ายคล้าย MIG 1.44  มีคาร์นาร์ดทำมุมเชิดขึ้นคล้าย F-15 Active









พญามังกรจะทดสอบเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีกรุ่นใหม่ “เจ 20”

ข่าวจาก ผจก. ออนไลน์ : พญามังกรจะทดสอบเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีกรุ่นใหม่ “เจ 20”

 
เครื่องบินขับไล่ “เจ 20” นับเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่น 5 ที่จีนสามารถผลิตได้ก่อนคำทำนายของสหรัฐฯเกือบ 10 ปี (เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์)
 
 
       เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - นักวิเคราะห์ทางทหารเปิดเผยว่า จีนจะทดสอบเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีกล่าสุดรุ่นที่ 5 “เจ 20” อีกครั้งในสัปดาห์นี้ในแถบตอนใต้เมืองเฉิงตู
       
       เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (27-31 ธ.ค.2553) ได้มีการทดสอบการวิ่งของเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีก “เจ 20” ด้วยความเร็วสูงบนรันเวย์สนามบินสถาบันออกแบบเครื่องบินเฉิงตู และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
       
       รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ดร. โรเบิร์ต เกตส์ เคยพยากรณ์ว่า จีนจะไม่สามารถผลิตอากาศยานรุ่นที่ 5 ได้ภายในปี 2563 แต่ตอนนี้จีนสามารถผลิตเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีกรุ่นใหม่ได้เร็วกว่าคำทำนายเกือบ 10 ปี
       
       นักวิเคราะห์ทางทหารกล่าวว่า “กว่าทศวรรษที่จีนทุ่มเทการผลิต เจ 20 อย่างหนัก จนสำเร็จ นับเป็นก้าวใหญ่ของกองทัพจีน ที่พลิกโฉมจากการพึ่งพิงเครื่องบินแบบเก่า ๆ ของรัสเซียหรืออิสราเอลมาสู่การผลิตแบบใหม่”
       
       อองเดร ฉัง หัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสารรายเดือนคันวา เอเชียน ดีเฟนส์ ชี้ว่า “เจ 20 จะทำการทดลองบินที่โรงผลิตเครื่องบิน 132 ของเมืองเฉิงตู ในอีกไม่กี่วันนี้ หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ซึ่งการทดลองบินจะใช้เครื่องยนต์ประยุกต์รุ่น WS10 ที่จีนเป็นผู้ผลิตเอง”
       
       ขีดความสามารถของเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีกรุ่นใหม่ “เจ 20” ยังไม่เทียบเท่า “ที 50” ของรัสเซียหรือ “เอฟ 22” ของอเมริกา โดยแบบของ “เจ 20” ได้เลียนแบบบางส่วนของเครื่องบินสองรุ่นนี้ รูปทรงที่เป็นสามเหลี่ยมคล้ายกับเครื่องบินขับไล่รุ่นพี่ “เจ 10” ขณะที่ส่วนครีบหางดิ่งคล้ายกับ “ที 50” ของรัสเซีย และด้วยส่วนครีบใต้ท้องที่ลาดเอียงและเล็กกว่า ทำให้รูปร่างของเจ 20 คล้ายกับ “เอฟ 22” ของอเมริกา

       เจ 20 มีขีดความสามารถสูง สามารถเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศได้ สามารถปล่อยจรวดร่อนพิสัยไกล และสามารถบรรทุกอาวุธหนัก เจ 20 ยังมีขนาดใหญ่เกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ ด้วยศักยภาพของ “เจ 20” หากเทียบกับสหรัฐฯ และรัสเซียแล้ว แม้ศักยภาพยังไม่เทียบเท่าแต่ก็ถือว่าทิ้งห่างอีกไม่มาก
       
       อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ Cheung Tai-ming ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพปลดแอกประชาชนจีนแห่งศูนย์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและแปซิฟิกศึกษา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในแซนดีเอโก กล่าวว่า “เจ 20 ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามหรือเทียบขีดความสามารถกับกองทัพอากาศสหรัฐฯได้ เนื่องด้วยขณะนี้สหรัฐฯ สามารผลิตเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีกรุ่น 5 “เอฟ 35” ได้เป็นจำนวนมาก”
       
       ประเทศต่าง ๆ อาจเห็นการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพจีนเป็นภัยคุกคาม และเร่งจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบหลบหลีก ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังหาซื้อ “เอฟ 35” ไต้หวันและเกาหลีใต้ก็ต้องเพิ่มขีดความสามารถกองทัพ ฝ่ายรัสเซียและอินเดียก็เพิ่งจะลงนามข้อตกลงหลักเพื่อผลักดันโครงการความร่วมมือผลิตสร้างเครื่องบินขับไล่รุ่นต่อไป
       
       หนี เล่อสยง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารแห่งเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า “การแพร่ภาพการทดสอบ เจ 20 วิ่งบนรันเวย์ทางอินเทอร์เน็ต เป็นแผนการที่จีนต้องการยับยั้งและข่มขวัญประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนของสหรัฐฯ”

เครดิตข่าวจาก
www.thaifighterclub.org
 http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000000774
 
 

ลำตัวยาวใหญ่มากๆเลยนะครับ  พอจะทราบใหมครับว่า  เครื่องลำนี้ บินเร็วขนานใหน  ถึง  2.5  มัค  ใหมครับ   แต่ก็สวยไปอีกแบบนะครับ

[-Joke-]

ลำใหญ่ๆแบบนี้จะเป็นอุปสรรค ในการรบมั้ยครับ เพราะเป็นเป้าใหญ่ เสี่ยงต่อการหลบหลีกในระยะประชั้นชิด..

สงครามปัจจุบันนี้ไม่มีแล้วครับที่จะกัดกัน(Dog Fight)ในระยะประชิดเหมือนอย่างยุคสงครามเวียดนามหรือสงครามของยิวกับกลุ่มประเทศอาหรับ นั้นคือรูปร่างของอากาศยานจะใหญ่จะเล็กไม่มีผลต่อการเป็นเป้าหมายแล้ว เทคโนโลยีทุกวันนี้ใครเห็นก่อนคนนั้นยิงก่อน ยิงกันที่ระยะ50-70กิโลเมตรหรือที่ระยะ100กว่าๆกิโลเมตรโน้น อาศัยตัวช่วยอื่นๆ อย่างสงครามอ่าวรอบแรกและรอบสองจนถึงสงครามที่อัฟกานีสถานทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่นเครื่อง Fokker F-16AM ของดัตซ์ทีสอยเครื่อง Mig-29 ของยูโกสลาเวียในสงครามโคโซโว ดัตซ์ได้รับข้อมูลและเป้าหมายก่อนจากเครื่องAWACS เลยเป่าเครื่องMig-29ซะ ด้วยAIM-120A AMRAAM ระยะมากกว่า50กว่ากิโลเมตร ระยะสายตามองไม่เห็นหรอก  

  อย่าลืมว่า กรีซกับตุรกีก็ dog fight กันจนมีคลิปออกมาให้ดูหลายชุด
  การบินรบแบบ dog fight ยังมีความจำเป็นอยู่ครับ เพราะถึงจะมีอาวุธปล่อยที่สามารถสังหารข้าศึกได้จากระยะไกล แต่ก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะได้ผล 100% และเครื่องบินเองก็มีการติดตั้งอาวุธปล่อยได้จำกัดด้วย อีกทั้งมีกรณีศึกษาอยู่หลายครั้งเช่นนักบิน F-5E ของไทยเราสามารถบินทำยุธวิธีจนสามารถเข้าไปสังหาร F-15 ได้ด้วยปืนใหญ่อากาศในการฝึกซ้อม และมีอีกหลายครั้งที่นักบิน F-16 ของเราสามารถหลุดรอดเข้ามา dog fight กับเครื่องบินขับไล่ของอเมริกันที่เหนือกว่าได้ในการฝึกเช่นกัน

เพราะแบบนี้ไงครับเราจึงได้แอมแรม แค่ 8 นัด

ทราบได้อย่างไรว่ามี 8 นัดครับ

[NaiMai>รักในหลวง]

กรีซกับตุรกีโดนลูกพี่ไอ้กันห้ามใช้อาวุธมากกว่าครับ ถ้าจะใส่กันจริงๆคงไม่อิรุงตุงนังขนาดเครื่องชนกันตก เพราะต่างฝ่ายต่างมีอาวุธที่สมรรถนะเท่าๆกันแต่ก็ไม่ทำ ก็เลยบินขู่กันไปขู่กันมาแบบว่าโชว์ฝีมือนักบินข่มกัน ที่ยิงกันจริงๆมีอยู่คร่าเดียวคือกรณีเครื่องมิราจ2000ของกรีซใช้จรวดมาร์จิก2สอยF-16ของตุรกีร่วงเหนือเขตพื้นที่ทับซ้อน(เหมือนของประเทศสารขัณฑ์กรณีที่จับ7คนของอีกประเทศไป)เหนือทะเลเอเจี้ยน(Agean Sea) อ้างอิงจากวิกิพีเดียข้างล่าง

  บางทีก็มีบางอย่างที่ไม่เปิดเผยนะ

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

United States Sells Missiles to Thailand
In early July 2001, the State Department approved the sale of an undisclosed number of AIM-120 Advanced Medium Range Air-to-Air Missiles (AMRAAMs) to Thailand. But the Pentagon will not deliver the missiles unless another Asian country acquires a similar capability because U.S. arms transfer policy restricts Washington from being the first to introduce advanced weaponry into a region. The United States has the same arrangement with Singapore and Taiwan.
A defense official said the total number of AMRAAMs was approximately 30. If delivered, Thailand will use them to arm F-16A/B fighter jets it previously acquired from the United States. AMRAAMs have a maximum range of roughly 75 kilometers and an autonomous radar enabling a pilot to ?fire and forget.?Official details of the sale are not available because its total value does not exceed the threshold requiring congressional notification.
-------------------------------------------------------------------------------
ข่าวนี้ในปี 2001 ถ้าเป็นจริงก็แสดงว่าเรามี AIM-120 AMRAAM ประมาณ 30 นัด

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

ส่วนข่าวนี้มาทีหลังครับ
Singapore, Thailand prepare to receive air-toair missiles
Singapore and Tailand are expected within a few months to take in-country delivery of Raytheon AIM-120C Advanced Medium Ranage Air to Air Missles (AMRAAMs), purchased by some time ago but stored in Guam under a US restriction tied to the sale.
Singapore bought 100 AMRAAMs under a package deal worth $85 million, which also included two captive air-training missiles and 60 LAU-129A/A missile lauchers. Thailand's acquisition involved an initial eight AMRAAMs under a package worth $6.1 million.
Concerned over introducing beyond-visual-range (BVR) missiles to the region, Washington insisted that the weapons remain in storage on US teritory until required.
Singapore and Thailand accepted the condition; however, Malaysia, which has been offered the same deal, refused. South Korea and Taiwan also bought the AMRAAM; the former sale involved 147 missiles and the latter 200.
The US appears to have eased its restriction on BVR missile deliveries as the technology become more widespread- including via Russia sales to China and Vietnam, along with unsuccessful efforts by Myanmar to obtain missiles from Ukraine.
Also, Taiwan was already operating the MBDA MICA meduim range AAM, obtained from France, and th indegenously produced Tien Chien II (Sky Sword II) meduim range AAM.
At the same time, Raytheon lobbied strongly to sell and deliver the AMRAAM system more widely in the Asia-Pacific region.
The breakthrough with Singapore and Thailand occurred with an agreement, quietlyconcluded in May, to realease the missiles. Deliveries will take place once some technical issues have been resolved, including transport arrangement s and devlopment of suitable local storage facilities.
According to one source, the AMRAAMs should be in Singapor eand Thailand around September and October.
--------------------------------------------------------------------------------
ขออนุญาตแปลเท่าที่ตัวเองพอจะแปลได้นะครับ คำว่า initial แปลว่าเบื้องต้น ตามข่าวบอกว่าจัดหาเบื้องต้นจำนวน 8 นัดในราคา 6.1 ล้านเหรีย(ข้อความที่ผมเน้น)ซึ่งคาดว่าน่าจะรวมอะไหล่และอุปกรณ์บำรุงรักษาเอาไว้ด้วย จำนวนนี้ต่ำกว่า 14 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่ต้องแจ้งคองเกรสอย่างที่ข้อกำหนดมีไว้
ดังนั้น สรุปว่าจำนวน AIM-120 AMRAAM เราจัดหามา
1. จำนวนจริงๆไม่มีใครทราบอยู่ดี(ความลับทางราชการ ผมก็รู้จากสื่อทางทหารเหล่านี้เหมือนกัน)
2. ถ้าจะตีเอาตามข่าวมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการจัดหา 8 นัดก่อน ไปจนถึง 30 นัด ซึ่งคิดตามราคาปี 2003 นั้น AMRAAM 1 นัดราคา 400,000 เหรียญ ซึ่งถ้าจัดหาจำนวน 30 นัดก็จะมีราคา 12 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่เกิน 14 ล้านเหรียญและไม่ต้องแจ้งคองเกรสตามข่าวก่อนหน้านั้นครับ

[อรชุน-รักในหลวง]

ลำตัวยาวใหญ่มากๆเลยนะครับ  พอจะทราบใหมครับว่า  เครื่องลำนี้ บินเร็วขนานใหน  ถึง  2.5  มัค  ใหมครับ   แต่ก็สวยไปอีกแบบนะครับ

ข้อมูลคร่าวๆที่พอจะหาได้ตอนนี้คือ
ยาว 75 feet (23 m)
ปีกกาง 45 feet (14 m)
takeoff weight  80,000 pounds (36,000 kg) with internal stores only

เครื่องยนต์พัฒนาจาก Saturn AL-31 (SU-27,J-10)
WS-10B - upgraded thrust-vectored
thrust: 135 kN with afterburner (WS-10G - 155 kN with afterburner)

ถ้าน้ำหนัก/แรงขับเท่านี้จริง ความเร็วไม่น่าจะต่ำกว่า 2.3Mach นะครับ

[J_D]

ชั่วโมงนี้อย่าลืมพ่วงของแถมพวกระเบิด GBU หรือ MK เยอะๆหน่อย............

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

ข้อความและรูปภาพถูกลบโดยเจ้าของคอมเม๊นต์