พวกฝรั่งเขามีประเด็นคุยกันได้น่าสนใจดี ข้างล่างนี้เป็นข่อมูลเปรียบเทียบคร่าวๆระหว่างเครื่องขับไล่รุ่นล่าสุดของทั้งสองค่าย
ภาคตัดขวางด้านหน้า เห็นได้ชัดเจนว่า T-50 PAK-FA เล็กว่า
ตำบลติดอาวุธภายใน T-50 PAK-FA สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัยใกล้นำวิถีด้วยอินฟาเรดแบบ R-73 (AA-11 Archer) ระยะยิง 40km ได้2ลูก ที่ตำบลติดอาวุธใต้โคนปีก
ติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัยปานกลางนำวิถีด้วยเรดาร์แบบ R-77M Missile (AA-12 Adder) ระยะยิง 160km ได้6ลูก ที่ตำบลติดอาวุธใต้ลำตัว2จุด
หรือเลือกติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัยไกลนำวิถีด้วยเรดาร์แบบ R-37 (AA-13 Arrow) ระยะยิง 398 km ได้4ลูก ที่ตำบลติดอาวุธใต้ลำตัว2จุด
F-22 Raptor สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัยใกล้นำวิถีด้วยอินฟาเรดแบบ AIM-9X Sidewinder ระยะยิง 40km ได้2ลูก ที่ตำบลติดอาวุธข้างลำตัว
ติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัยปานกลางนำวิถีด้วยเรดาร์แบบ AIM-120D ระยะยิง 180km ได้6ลูก ที่ตำบลติดอาวุธใต้ลำตัว
และไม่สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยพิสัยไกลได้
ความสามารถในการตรวจจับ T-50 PAK-FA ติดตั้งเรดาร์ประสิทธิภาพสูงไว้4จุด
เรดาร์หลัก AESA N050 X-band radar พัฒนาจาก Irbis-E ที่ติดตั้งใน Su-35BM ในกรวยจมูกขนาด 900mm และ 700mm ในกรวยหาง
สามารถตรวจพบเป้าหมาย RCS ขนาด3ตารางเมตร ได้ที่ระยะ 400km , 1ตารางเมตร ที่300km. และ 0.01ตารางเมตรได้ที่ 90km
ชายหน้าปีกติดตั้ง AESA L-band radar ไว้ทั้งสองข้างเพื่อเพิ่มความสามารถในการตรวจจับ
รวมทั้งติดตั้ง OLS-35 IRST (infra-red search and track system) ติดตั้งด้านหน้าบนกรวยจมูกสำหรับตรวจจับคลื่นความร้อนด้านหน้า
แก้ไขเพิ่มเติม F-22 Raptor ติดตั้ง AN/APG-77 Multifunction radar สามารถตรวจพบเป้าหมายหน้าตัด1ตารางเมตร ได้ที่ระยะ 240km
ติดตั้งในกรวยจมูกและด้านข้างกรวยหัว ไม่มีเรดาร์มองหลังและระบบตรวจจับด้วยอินฟาเรด
ห้องนักบินมีความทันสมัยเหมือนกัน แต่T-50 PAK-FA ก็ยังมีความได้เปรียบเล็กๆที่ติดตั้งจอ HUD ขนาดใหญ่กว่า
ความคล่องแคล่ว T-50 PAK-FA มีพื้นที่ในการควบคุมบังคับมากกว่า F-22 Raptor อย่างเห็นได้ชัด
ถ้าพิจารณาจากขอมูลเบื่องต้นนี้จะเห็นได้ว่า T-50 PAK-FA มีข้อได้เปรียบเหนือกว่า F-22 Raptor ในหลายๆด้าน
ส่วนของจริงคงต้องผลจากการซ้อมรบว่าที่เห็นว่าหนือกว่านี้ มันจริงแค่ไหน