เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 27, 2024, 01:45:31 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 1133 1134 1135 [1136] 1137 1138 1139 ... 1487
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องบินขับไล่ใหม่ กองทัพอากาศไทย  (อ่าน 3908448 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 13 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #17025 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 08:27:41 PM »

ขนาดของเครื่องบิน ไม่ได้บอกถึง ขนาดที่ปรากฎบนเรด้า ครับ เครื่องบินขนาดใหญ่ อาจมี ภาคตัดเรด้า เล็กกว่า เครื่องบินขนาดเล็ก ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับ การออกแบบ และ วัสดุที่ใช้เคลือบผิว ว่า มีการ ดูกลืน หรือ สะท้อน คลื่นเรด้า มากเพียงได แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การปล่อยคลื่นรังสี อินฟาเรด และ การบินเข้าสู่สมรภูมิ โดยไม่ต้องเปิดเรด้าค้นหา เพราะ เรด้าค้นหา ของเครื่องบินนี่แหล่ะ เป็นตัวชี้เป้าอย่างดีให้กับเครื่องบินอื่น

ขนาดหน้าตัดเครื่องบิน จะมีผล กับ การมองเห็นด้วย สายตา มากกว่า เพราะ เครื่องบิน ขนาดใหญ่ จะมองเห็นได้ไกลกว่า เครื่องบินที่มีขนาดเล็ก
บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #17026 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 08:50:06 PM »

ขนาดของเครื่องบิน ไม่ได้บอกถึง ขนาดที่ปรากฎบนเรด้า ครับ เครื่องบินขนาดใหญ่ อาจมี ภาคตัดเรด้า เล็กกว่า เครื่องบินขนาดเล็ก ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับ การออกแบบ และ วัสดุที่ใช้เคลือบผิว ว่า มีการ ดูกลืน หรือ สะท้อน คลื่นเรด้า มากเพียงได แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การปล่อยคลื่นรังสี อินฟาเรด และ การบินเข้าสู่สมรภูมิ โดยไม่ต้องเปิดเรด้าค้นหา เพราะ เรด้าค้นหา ของเครื่องบินนี่แหล่ะ เป็นตัวชี้เป้าอย่างดีให้กับเครื่องบินอื่น

ขนาดหน้าตัดเครื่องบิน จะมีผล กับ การมองเห็นด้วย สายตา มากกว่า เพราะ เครื่องบิน ขนาดใหญ่ จะมองเห็นได้ไกลกว่า เครื่องบินที่มีขนาดเล็ก

ก็คงใช่กับเครื่องบินแบบปกติ แต่ที่ผมโพสคือเครื่อง "Stealth" ทั้งคู่ใช่หรือไม่?

ถ้าเครื่องทั้ง2แบบใช้วัสดุซึมซับคลื่นเรดาร์เคลือบผิวเหมือนกัน  เครื่องที่หน้าตัดเครื่องใหญ่กว่า RCS ก็ต้องใหญ่กว่าถูกหรือไม่?
ถ้าวัสดุเคลือบผิวเหมือนกัน และออกแบบให้เหลี่ยมมุมลดการสะท้อนเรดาร์ได้ในระดับเดียวกัน ตัวใหญ่กว่า RCSก็ต้องใหญ่กว่าถูกหรือไม่?

กลับมาที่ T-50 PAK-FA กับ F-22 Raptor ทั้งคู่เป็น Stealth fighter ใช้วัสดุซึบซับคื่นเรดาร์เคลือบผิวเหมือนกันใช่หรือไม่?
จากภาพเปรียบเทียบเห็นชัดเจนว่าหน้าตัดของ F-22 ใหญ่กว่าและมีเหลี่ยมมุมชัดเจนกว่า T-50 ใช่หรือไม่?
มีแนวโน้มที่ F-22 จะมี RCS ใหญ่กว่า T-50 เมื่อบินหน้าตรงใช่หรือไม่?  เป็นสิ่งที่เห็นได้ "ด้วยตาเปล่า" โดยไม่ต้องนั่งเทียนมั่วเอาใช่หรือไม่?

เรื่องการแผ่รังสีอินฟาเรด เครื่องบินทั้งคู่มี Supercruise เดินทางโดยไม่ต้องใช้สันดาปท้าย เท่ากันคือ 1.8Mach การแผ่รังสีจะมากน้อยกว่ากันซักเท่าไหร่?
เมื่อต้องจุดสันดาบท้ายจะมีการแผ่รังสีมากน้อยกว่ากันแค่ไหน?  

F-22 มีท่อท้ายที่ทำมุมลดการสะท้อนเรดาร์  T-50ใช้วิธีเคลือบผิวภายนอกทั้งหมดด้วยวัสดุซึมซับคลื่นเรดาร์ ประสิทธิภาพจะต่างกันกี่มากน้อย?

เรื่องการเปิดเรดาร์ ถ้าเครื่องบินทั้งคู่ไม่เปิดเรดาร์เลยตรวจพบได้ยากก็จริง แต่จะปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพได้แค่ไหน?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 04, 2013, 09:02:08 PM โดย อรชุน-รักในหลวง » บันทึกการเข้า
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #17027 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 09:46:34 PM »

เครื่องบิน สเตลท์ น่ะไช่ แต่ วัสดุ ที่ใช้ ไม่มี่ทางเหมือนกันแน่ นอกจาก ฝ่ายหนึ่ง อาจโดน จารกรรม ยิ่ง สารเคลือบผิว ยิงเป็นคนละชนิดกัน แน่นอน ย่อมส่งผล ให้กับ การสะท้อนคลื่นเรด้า ต่างกัน การ แพร่รังสี อินฟาเรด F-22 ฝังเครื่องยนต์ ทั้งเครื่องใว้ในลำตัว ส่วน T-50 ออกแบบให้ ช่องรับอากาศ บังใบพัด หน้า ของ เครื่องยนต์เท่านั้น แต่ ส่วนท้ายเครื่องยนต์ ไม่ได้ซ่อนในลำตัว ทำให้มีรังสี อินฟาเรด และ พื้นที่สะท้อนสัญญาณเรด้า ได้มากกว่า

ในอดีต ก็เคยมี กรณี นี้มาแล้ว คือ เครื่อง SR-71 ของ สหรัฐ ไม่สามารถตรวจจับด้วยเรด้าได้ (ในสมัยนั้น) แต่ ไอเสียความร้อน ของ เครื่องบิน ที่ใช้เครื่องยนต์ แรมเจ็ต ทิ้งร่องรอย ความร้อนใว้ในอากาศ ตามเส้นทางที่เครื่องนี้ผ่าน

เครื่องยนต์ ยุคใหม่ ถึงมีการบินเหนือเสียง โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ After Burn นอกจากประหยัดน้ำมันแล้ว ยังเพิ่มพิศัยการบินได้อีก

F-22 มี ดาต้าลิ๊งค์ ที่สามารถสื่อสาร กับ เรด้า จา่กแหล่งอื่น ทั้ง จาก เครื่อง เอแว็คส์ หรือ เรด้าภาคพื้น โดยเครื่องจะคำนวน ระยะห่างเป้าหมาย ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องเรด้า ของตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 04, 2013, 09:56:34 PM โดย 686 » บันทึกการเข้า
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #17028 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 10:33:40 PM »

 Grin
บันทึกการเข้า

soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #17029 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 10:36:35 PM »

 ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #17030 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2013, 11:58:34 PM »



F-22 มี ดาต้าลิ๊งค์ ที่สามารถสื่อสาร กับ เรด้า จา่กแหล่งอื่น ทั้ง จาก เครื่อง เอแว็คส์ หรือ เรด้าภาคพื้น โดยเครื่องจะคำนวน ระยะห่างเป้าหมาย ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องเรด้า ของตัวเอง

อันนี้  ของรัสเซียก็มีครับ   Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #17031 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 08:11:51 AM »

เครื่องบิน สเตลท์ น่ะไช่ แต่ วัสดุ ที่ใช้ ไม่มี่ทางเหมือนกันแน่ นอกจาก ฝ่ายหนึ่ง อาจโดน จารกรรม ยิ่ง สารเคลือบผิว ยิงเป็นคนละชนิดกัน แน่นอน ย่อมส่งผล ให้กับ การสะท้อนคลื่นเรด้า ต่างกัน การ แพร่รังสี อินฟาเรด F-22 ฝังเครื่องยนต์ ทั้งเครื่องใว้ในลำตัว ส่วน T-50 ออกแบบให้ ช่องรับอากาศ บังใบพัด หน้า ของ เครื่องยนต์เท่านั้น แต่ ส่วนท้ายเครื่องยนต์ ไม่ได้ซ่อนในลำตัว ทำให้มีรังสี อินฟาเรด และ พื้นที่สะท้อนสัญญาณเรด้า ได้มากกว่า

ในอดีต ก็เคยมี กรณี นี้มาแล้ว คือ เครื่อง SR-71 ของ สหรัฐ ไม่สามารถตรวจจับด้วยเรด้าได้ (ในสมัยนั้น) แต่ ไอเสียความร้อน ของ เครื่องบิน ที่ใช้เครื่องยนต์ แรมเจ็ต ทิ้งร่องรอย ความร้อนใว้ในอากาศ ตามเส้นทางที่เครื่องนี้ผ่าน

เครื่องยนต์ ยุคใหม่ ถึงมีการบินเหนือเสียง โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ After Burn นอกจากประหยัดน้ำมันแล้ว ยังเพิ่มพิศัยการบินได้อีก

F-22 มี ดาต้าลิ๊งค์ ที่สามารถสื่อสาร กับ เรด้า จา่กแหล่งอื่น ทั้ง จาก เครื่อง เอแว็คส์ หรือ เรด้าภาคพื้น โดยเครื่องจะคำนวน ระยะห่างเป้าหมาย ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องเรด้า ของตัวเอง

สารเคลือบผิวเป็นเป็นชนิดเดียวกันคือ RAM (Radar-absorbent material) หรือวัสดุซึมซับคลื่นเรดาร์ จะต่างกันที่ส่วนผสม ซึ่งวัสดุนี้ไม่ใช้ของใหม่
มีการนำมาใช้ในเครื่องบินรบสมัยใหม่นานแล้ว โดยอยู่ในส่วนของกรวยจมูกและช่องรับอากาศ และทางทร.ไทยของเราก็เคยมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ส่วนผสมจะต่างกันบ้างถ้าต้องเน้นให้ดูดซับความถี่ต่างกันเช่น S , KU หรือ X Band



เรื่องการแผ่รังสีอินฟาเรดมาจากความร้อนในห้องเผาไหม้ การที่F-22 ร่นเครื่องยนต์เข้าไปเพียงฟุตเดียวจะลดการแผ่รังสีได้จริงหรือ?
ถ้ามันง่ายขนาดนั้นเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบของเฮลิคอปเตอร์ทั้งหลายก็คงไม่เดือดร้อนจากอาวุธปล่อยนำวิถีด้วยความร้อนแล้ว








เรื่องการสะท้อนคลื่นเรดาร์ของท่อท้าย ถ้าบินตรงสัญญาณเรดาร์จะกระทบที่หัวเครื่องโดนดูดซับและหักเหออก จะโดนท่อท้ายมากแค่ไหน
ท่อท้ายของ F-22 ออกแบบมาเพื่อตัดสัญญาณเรดาร์ระดับต่ำ ซึ่งT-50ทำไม่ได้เพราะใช้ท่อท้ายเคลื่อนไหวได้ทุกทิศทาง
จึงใช้วิธีเคลือบผิวเครื่องยนต์ทั้งหมดด้วยวัสดุซึมซับคลื่นเรดาร์แทน



เรื่อง Data-Link เป็นระบบพื้นฐานของเครื่องบินรบยุคที่4 และยุคที่3บางรุ่น ฝั่งรัสเซียมีระบบที่สมบูรณ์ใช้มาตั้งแต่ช่วงสงครามเย็น
เครื่องบินรบอย่าง Mig-29 , 31, Su-27 มีใช้กันถ้วนหน้า ทั้งเรดาร์ภาคพื้นและเครื่องควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศอย่าง Beriev A-50
 






F-22 มี ดาต้าลิ๊งค์ ที่สามารถสื่อสาร กับ เรด้า จา่กแหล่งอื่น ทั้ง จาก เครื่อง เอแว็คส์ หรือ เรด้าภาคพื้น โดยเครื่องจะคำนวน ระยะห่างเป้าหมาย ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องเรด้า ของตัวเอง

อันนี้  ของรัสเซียก็มีครับ   Grin

มันทันกันหมดนั่นแหละครับพี่ AWAC ก็มีเหมือนกันเพียงแต่ปรัชญาการออกแบบต่างกันเราเลยไม่รู้ว่าของใครดีกว่าใคร
จะรู้ได้ก็ตอนซ้อมรบกันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ผมก็เห็นแค่ข้อมูลแล้วก็มองจากข้อมูลที่เห็นด้วยตา ไม่ได้หลงไปทำคำโฆษณาของทั้ง2ค่าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2013, 01:37:17 PM โดย อรชุน-รักในหลวง » บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #17032 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 08:55:41 AM »

ผมมองว่าอาวุธฝั่งรัสเซีย  R-37 (AA-13 Arrow) ระยะยิง ๓๙๘ กม.  จัดเป็นอาวุธคุกคามเครื่อง AWAC ชั้นดีเลย

ซึ่งเครื่อง AWAC มันไม่เป็น Stealth แถมยังต้องเปิดเรด้าอยู่ตลอดเวลา  อเมริกายังไม่มีอาวุธระยะไกลขนาดนี้

การจะไปยิงเครื่อง AWAC ของรัสเซียหมายถึงต้องยิงเครื่องบินรบของรัสเซียให้หมดก่อน  ผิดกับทางรัสเซีย

ที่สามารถล็อคเป้า AWAC ของอเมริกา  แล้วยิงออกไปได้ก่อน   Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10363



« ตอบ #17033 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 10:52:30 AM »

ดีนะตอนนี้นโยบายของโอบาม่าเรื่องการติดตั้งระบบป้องกันภัยขีปนาวุธข้ามทวีปในยุโรปตะวันออกแกไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก ไม่เหมือนสมัยบุชผู้ลูก คนนั้นแค่คิดว่าจะทำพี่หมีขาวก็ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดบินมากวนTeenพี่กันถึงบ้านเลย ในรูปเจ้านกนักล่าจากฐานทัพอากาศ Elmendorf ใน ALASKA โค้ดที่หางอักษร"AK" บินขึ้นสกัดกั้น นักบินพี่กันที่ฐานทัพอากาศนี้ต้องพูดภาษารัสเซียเป็น เพราะทุกๆครั้งที่เครื่องพี่หมีบินมาแหย่ นักบินรัสเซียจะไม่พูดภาษาอังกฤษติดต่อทางวิทยุจะพูดแต่ภาษาตัวเอง ดีที่พูดกันรู้เรื่อง ไม่งั้น..... Grin



บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #17034 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 11:24:32 AM »

ยิงกันที400กิโลเมตร  ไม่เป็นนักบินดีกว่า  ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #17035 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 11:42:24 AM »

ยิงกันที400กิโลเมตร  ไม่เป็นนักบินดีกว่า  ขำก๊าก

ส่วนใหญ่จะเอาไว้ล็อกเป้ายิงแท้งเกอร์กับเอแวค... เพราะถ้าล็อกเป้าเครื่องบินรบไกลขนาดนี้... คงเผ่นทันครับ...

...อีกนัยหนึ่ง... อาจจะเอาไว้ขู่แท้งเกอร์กับเอแวคว่า... "อย่าแหยม" เข้าไปในรัศมีสี่ร้อยกิโลเมตรครับ... คิก คิก คิก คิก คิก คิก

บันทึกการเข้า
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7665
ออฟไลน์

กระทู้: 9988



« ตอบ #17036 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 12:28:06 PM »

400 กิโล ยิงไปแล้วก๊่นาทีจะถึงเป้า AWAC มันมองเห็นและมีเวลาทำอะไรได้ตั้งเยอะ
บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #17037 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 01:51:35 PM »

400 กิโล ยิงไปแล้วก๊่นาทีจะถึงเป้า AWAC มันมองเห็นและมีเวลาทำอะไรได้ตั้งเยอะ

R-37 (AA-13 Arrow) ความเร็ว Mach 6  ประมาณ 7,400 km/h  ก็จะใช้เวลา195วินาที ในการเดินทางถึงเป้าหมายที่ระยะ400km.
ในช่วงเวลา3นาทีนิดหน่อย อาจจะทำอะไรได้หลายอย่างแต่ อย่างหนึ่งแน่ๆคือปิดเรดาร์หนี

และพิสัยยิงที่แจ้งไว้เป็นระยะยิงจากเครื่องบินรบ ถ้าใช้เรดาร์ AWAC หรือพื้นดินนำทางแทนระยะจะขยายเป็นเท่าไหร่
แล้วเครื่องบินที่อุ้ยอ้ายแบบ AWAC หรือ Tanker จะมีโอกาสหลบหลีกได้มากแค่ไหน ถ้าแจมมิ่งแล้วไม่อยู่ก็คงไม่รอดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2013, 05:07:18 PM โดย อรชุน-รักในหลวง » บันทึกการเข้า
พญาจงอาง +รักในหลวง+
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1870
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10363



« ตอบ #17038 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 03:17:20 PM »

ผมคำนวณเวลาที่จรวด R-37 (AA-13 Arrow) วิ่งเข้าสู่เป้าหมายตามทฤษฎีทางฟิสิกส์ง่ายๆเรื่องจลคณิต(Kinematics) ที่ระยะ400กม.ด้วยความเร็ว6มัค เมื่อ1มัค เท่ากับ 340m/s ได้เวลามากกว่าท่านอรชุนคำนวณอยู่1วินาที(ผมคิดได้196.078วินาที) ในทางฟิสิกส์ถือว่าเวลาใกล้กัน
การป้องกันจรวดตัวนี้เราปล่อยChaffป้องกันได้ไหม ส่วนแฟลร์(Flare ตามรูปที่น้องยาสกำลังปล่อย)นั้นเลิกคิดได้เลย จรวดตัวนี้คงไม่ได้นำวิถีด้วยความร้อน
กรณี Chaff ท่านที่นึกไม่ออกให้ดูหนังเรื่อง Air Force One ตอนที่เฮริสัน ฟอร์ด สั่งให้เครื่อง F-15 ที่บินคุ้มกัน ยิงจรวด AIM-120 AMRAAM (หรือเปล่า)ใส่เครื่อง ทำให้ระบบป้องกันตัวเองของเครื่อง Air Force One ปล่อยสะเก็ดขาวๆเหมือนเศษอลูมิเนียมออกมา ทำให้จรวดพุ่งเข้าชนม่านสะเก็ดขาวๆนั้นแทน สะเก็ดขาวๆนั้นและเขาว่าเป็นChaff ที่เป็นระบบที่ป้องกันตัวเองจากจรวดที่นำวิถีด้วย Radar Active ไม่รู้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า Grin


เจ้าเหยี่ยวขณะปล่อยพลุความร้อน(releasing a Flare) เครดิตรูป Mr Katsuhiko Tokunaga  Grin
บันทึกการเข้า

..The only thing neccessary for the triump of evil is for the good man to do nothing..
"สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้รับชัยชนะ คือการที่คนดีๆนิ่งดูดาย "
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #17039 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 03:27:24 PM »

สมมุติว่า AWAC ฝั่งอเมริการู้ตัวว่าโดนล็อคเป้ายิงด้วย R-37 มีเวลา ๑๙๕ วินาทีที่จะเตรียมตัว

ทางฝั่งอเมริกาจะรับมือจรวดที่ยิงมายังไง ?  หากปิดเรด้าแล้วเครื่องบินขับไล่ที่คุ้มกัน เครื่อง AWAC ล่ะ ?

ไม่โดนล็อคเป้าตามมาหรือ ?   ช่วยวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยครับ   ไหว้
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
หน้า: 1 ... 1133 1134 1135 [1136] 1137 1138 1139 ... 1487
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.275 วินาที กับ 22 คำสั่ง