SAAB เปิดสำนักงานใหญ่ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกในประเทศไทย
รายละเอียด :
วันนี้ ซาบ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง ได้ทำพิธีเปิดสำนักงานที่ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ ซาบระบุว่าเอเชียแปซิฟิกเป็นพื้นที่ตลาดที่ซาบมุ่งให้ความสนใจและจะเพิ่มการเข้ามามีบทบาทให้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อที่จะให้ความร่วมมือกับทุกโอกาสในทั่วทั้งภูมิภาค สำนักงานที่กรุงเทพฯ จะเป็นศูนย์กลางสำหรับภูมิภาคนี้ ซาบมีสำนักงานในมาเลเซีย, เกาหลี, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และจีน ในโอกาสนี้ซาบยังได้ทำการเปิดตัวเวปไซต์ส่วนที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับบทบาทในประเทศไทยโดยเฉพาะอีกด้วย
http://www.saabgroup.com/thailand.
เพื่อที่จะให้การสนับสนุนโครงการที่ประสบความสำเร็จแล้วด้วยดีอย่าง โครงการกริเพน, เออีดับเบิ้ลยู และเรือฟริเกต ตลอดจนโครงการอื่น ๆ ในอนาคตของประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซาบจึงได้มีการเพิ่มบทบาทในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและได้เปิดสำนักงานใหญ่ของกลุ่มตลาดภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกที่กรุงเทพฯ
ซาบ นำผลิตภัณฑ์, บริการและโซลูชั่นระดับโลกมาสู่ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่การป้องกันภัยประเทศจนถึงการรักษาความปลอดภัยของพลเรือน
ประเทศไทยเป็นตลาดหนึ่งในสิบอันดับแรกของซาบมาในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว บริษัทมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางกับทั้งภาคการป้องกันประเทศและภาคพลเรือนของประเทศไทย
ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความร่วมมือในระยะยาวภายในประเทศ ซาบจึงได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวกับเอวิเอแซทคอม โดยการเข้าไปถือหุ้นจำนวน 37% ของบริษัท ความร่วมมือกับเอวิเอแซทคอมได้ดำเนินการเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ปี 2011
ซาบในประเทศไทย
ความสัมพันธ์ของเรากับกองทัพไทยนั้นหมายรวมถึง ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการกริเพน, ระบบควบคุมและบังคับบัญชา, ระบบเรดาร์ และจรวดต่อสู้อากาศยาน RBS 70 สำหรับกองทัพอากาศ; ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังคาร์ล กุสตาฟ และเครื่องฝึกจำลองอุปกรณ์เลเซอร์สำหรับกองทัพบก และระบบอำนวยการรบ (9LV) และเรดาร์ตรวจการณ์แบบ Sea Giraffe AMB สำหรับกองทัพเรือ ซาบมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในระยะยาวเพื่อตอบสนองความต้องการของไทย
บริษัทมีสัมพันธภาพอันดีกับทุกเหล่าทัพ รวมถึงการได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสวีเดนในการส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทย
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอจากสวีเดน ซาบกำลังทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงด้านอากาศยาน (aerospace) เป็นจำนวน 100 ปีทำงาน (man-year)ให้กับประเทศไทย จุดประสงค์ของการถ่ายทอดเทคโนโลยีซึ่งเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระยะยาวของทั้งสองประเทศนี้ เป็นไปเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมการบินและอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศในประเทศไทย
ความร่วมมือของซาบกับประเทศไทยนั้นมีกับทุกภาคส่วนของรัฐบาล ซาบ ซึ่งเป็นบริษัทด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง ได้ปรับปรุงระบบอำนวยการรบและระบบควบคุมการยิงบนเรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวรทั้งสองลำของกองทัพเรือไทย ทั้งเรือหลวงนเรศวรและเรือหลวงตากสินได้รับการติดตั้งระบบอำนวยการรบ 9LV Mk4 และระบบควบคุมการยิง CEROS 200 รุ่นใหม่ล่าสุด และยังมีคำสั่งซื้อระบบตรวจการณ์และระบบสื่อสารเพิ่มเติมเพื่อทำให้ระบบอำนวยการรบบนเรือฟริเกตทั้งสองลำทำงานได้อย่างสมบูรณ์
ซาบยังได้ส่งมอบอุปกรณ์สำหรับระบบเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Data Link) ให้กับเรือทั้งสองลำ ซึ่งจะทำให้เรือทั้งสองลำสามารถติดต่อสื่อสารกับกริเพนและซาบ 340 ที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วได้ โดยซาบ 340 นั้นติดตั้งระบบเรดาร์แจ้งเตือนล่วงหน้าแบบอิรี่อาย
ซาบยังได้ปรับปรุงระบบควบคุมและบังคับบัญชาของเรือหลวงจักรีนฤเบศร โดยเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ได้ติดตั้งระบบอำนวยการรบ 9LV Mk4 รุ่นล่าสุด ซาบยังได้ส่งมอบอุปกรณ์สำหรับระบบเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งทำให้เรือหลวงจักรีนฤเบศรและเครื่องบินขับไล่กริเพน รวมถึงเครื่องบินแจ้งเตือนล่วงหน้าซาบ 340 เออีอับเบิ้ลยู ซึ่งติดตั้งระบบเรดาร์แจ้งเตือนล่วงหน้าอิรี่อายสามารถติดต่อสื่อสารกันได้
ซาบในเอเชียแปซิฟิก
สำหรับซาบ เอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่มีความสำคัญเพราะมีการเติบโตในวงกว้างและความมีศักยภาพในด้านความสัมพันธ์ ซาบมุ่งมั่นที่จะให้ความร่วมมือในระยะยาวกับเอเชียแปซิฟิกเพื่อที่จะรองรับและส่งมอบตามความต้องการของแต่ละประเทศในภูมิภาค
ผลิตภัณฑ์ของซาบมีการใช้งานอยู่ในหลายประเทศทั่วทั้งภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น เกาหลี, ญี่ปุ่น, จีน(ระบบรายงานตนอัตโนมัติ), ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ปัจจุบันซาบมีส่วนร่วมในการส่งมอบโครงการหลายโครงการให้แก่ประเทศไทย รวมถึงมีการติดตามโอกาสทางการขายรายบุคคลในอีกหลายประเทศของภูมิภาค
ธุรกิจทั้งหมดของซาบมีให้บริการในเอเชียแปซิฟิก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิเช่น กริเพน, อากาศยานไร้นักบินรุ่น Skeldar, หอบังคับการบิน, ระบบควบคุมและบังคับบัญชา, ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบป้องกันตนเอง), การจัดการการตรวจจับ, ฐานการบิน, ระบบติดต่อสื่อสาร, ระบบตรวจการณ์, ระบบควบคุมการยิงและระบบเรดาร์
ที่มา
http://www.thaiarmedforce.com/distribution/viewtopic.php?f=7&t=16&p=75730#p75730