นิตยสาร TOPGUN ฉบับที่198 ความพยายามเพื่อความอยู่รอดของหนังสือทหารในไทยปัจจุบันแจ้งความคืบหน้าของเรื่องนิตยสาร TOPGUN ต่อจากที่เคยรายงานไปเมื่อเดือนที่แล้วครับ
ล่าสุดนิตยสาร TOPGUN ได้มีมีการย้ายหัวหนังสือจากเดิมที่เป็นของ Animate Group ไปสำนักพิมพ์ใหม่แล้ว
และจะมีการออกฉบับที่198 เป็นเล่มควบสองเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายที่ยังเป็น
ในรูปแบบเดิม ๘๘หน้า ราคา๕๕บาท หลังจากนั้นคาดว่าในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ นิตยสาร TOPGUN
จะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ๑๒๘หน้า ในราคาใหม่ โดยจะออกทุกวันที่ ๒๕ ของเดือน ดูจากตัวอย่างหน้าปกแล้ว
เข้าใจว่าหัวข้อบทความต่างๆในเล่มเป็นบทความที่มีการเตรียมข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก่อนจะมีการประกาศ
ปิดตัวหนังสือในฉบับที่197 เมื่อเดือนที่แล้ว Topgun ฉบับที่198 นี่จึงออกหนังสือในรูปแบบเดิมเป็นฉบับสุดท้าย
ก่อนจะเปลี่ยนโฉมใหม่ในฉบับใหม่ปีหน้า แต่ตอนที่เขียนนี้(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เท่าที่สอบถามจากร้านหนังสือ
ที่ซื้อนิตยสารฉบับนี้ประจำและร้านหนังสืออื่นๆในละแวกใกล้เคียง ปัญหาคือตอนนี้ทางเจ้าของร้านกับสายส่ง
ยังไม่ทราบเรื่องเลยครับว่า Topgun ยังจะออกฉบับใหม่อยู่ อาจจะต้องรอดูว่าในวันที่ ๒๕ นี้จะมีหนังสือเข้ามา
วางแผงในร้านหนังสือทั่วไปหรือไม่ครับ ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดหนังสือในไทยมีการลดขนาดลงไปมาก
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้อ่านที่เปลี่ยนไป ตัวอย่างนิตยสารทหารหัวใหม่ที่เคยออกมาเมื่อหลายปีก่อน
เช่น นิตยสาร Military ที่มีเนื้อหาดีแต่ออกมาต่อเนื่องได้ไม่กี่ปีก็ต้องปิดหัวหนังสือไป เพราะราคาค่อนข้างแพง
และกลุ่มคนอ่านมีน้อย สิ่งที่ผมพอจะแนะนำได้ในการทำหนังสือทหารลักษณะนิตยสารรายเดือนคือเนื้อหา
ที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือมีความสำคัญมากๆครับ ซึ่งนิตยสารที่ดีควรที่ลงเรื่องราวไม่สามารถหาอ่านได้จากที่อื่น
โดยเฉพาะจาก Internet เช่น บทความพิเศษที่ไปถ่ายภาพและสัมภาษณ์จากแหล่งข้อมูลโดยตรง แต่สำหรับ
Topgun แล้วตรงนี้ขอว่าตามตรงนะครับ บ่อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการนำบทความที่แปลจากแหล่งใน Internet
ที่ไม่ได้หายากนักมาลงและมีข้อผิดพลาดหลุดออกมาบ่อยๆ อย่างเช่นในฉบับที่197 นี่บทความ Sukhoi PAK FA T-50
ตรงกรอบข้อมูลสมรรถนะหน้าท้ายดันไปลอกข้อมูลจาก wikipedia หน้าของ Dassault Rafale ไปเสียได้ ถ้านิตยสาร
Topgun จะยังคงออกต่อไปในรูปแบบใหม่เพิ่มหน้าพร้อมราคาใหม่ ผมหวังว่ารูปแบบเนื้อหาของนิตยสารจะพัฒนา
ให้ดีกว่าที่เคยทำมาแล้วนะครับ เพราะถ้าจะให้กล่าวแบบตรงๆคือถ้าไม่นับเรื่องปัญหาสายส่งหนังสือแล้ว ถ้ารูปแบบ
เนื้อหายังเป็นแบบเดิมๆอยู่ก็เกรงว่าจะทนออกหนังสือต่อเนื่องไปได้ไม่นานอยู่ดีครับ
http://aagth1.blogspot.com/2014/11/topgun-198.html