โอกาสของเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีรัสเซียในกองทัพอากาศไทยA model of the IL-112 concept at the MAKS in 2009.
A model of the UAC/HAL IL-214 Multi-role Transport Aircraft (MTA) at the Aero India exhibition in 2009.
อย่างที่ทราบว่า บ.ล.๘ C-130H และ C-130H-30 ซึ่งประจำการในฝูงบิน๖๐๑ กองทัพอากาศไทยตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๓
นั้นแม้จะได้รับการปรับปรุงระบบ Avionic และยืดอายุการใช้งานแล้วก็ตาม แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะต้องฉลอง
ครบรอบการเข้าประจำการเป็นปีที่ ๔๐ แล้ว ซึ่งถือว่านานทีเดียวสำหรับเครื่องบินลำเลียงที่เป็นม้าใช้ของกองทัพ
แบบหนึ่ง ถ้าดูจากผลปฏิบัติการล่าสุดในการขนส่งเจ้าหน้าที่และสิ่งของไปช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหวในเนปาล
ปี ๒๕๕๘ นี้ล่าสุด แม้ว่า C-130H ของกองทัพอากาศไทยจะยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่ แต่ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่นำ
เครื่องบินลำเลียงทางทหารที่มีขนาดใหญ่บรรทุกได้มากและพิสัยบินไกลกว่าเข้าปฏิบัติการแล้ว กองทัพอากาศไทย
ก็คงทราบข้อจำกัดของ C-130H อยู่ และน่าจะมีความต้องการเครื่องบินลำเลียงที่มีพิสัยบินไกลกว่าและมีน้ำหนัก
บรรทุกมากกว่า ถ้าจะมีการจัดตั้งโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงแบบใหม่ทดแทน บ.ล.๘ ในอนาคตอันใกล้ ประกอบกับ
โครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางที่จะมาแทน บ.ล.๑๔ G222 ที่ปลดประจำการไปหลายปีแล้วก็ยัง
ไม่มีความคืบหน้านักในขณะนี้
ก็เคยมีการแสดงความเห็นอยู่ว่าทำไมกองทัพอากาศไทยจึงไม่สนใจที่จะจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีจากรัสเซีย
มีราคาไม่แพงนักถ้าเทียบกับเครื่องบินลำเลียงจากค่ายตะวันตกและมีสมรรถนะดี ซึ่งทางรัฐบาลรัสเซียเองก็ให้ความสนใจ
และพร้อมที่จะเสนอขายยุทโธปกรณ์แบบต่างๆที่ตนพัฒนาและผลิตเองในประเทศให้กองทัพไทย แต่ทั้งนี้ก็มีผู้ให้ความเห็น
ว่าอากาศยานของรัสเซียมีโอกาสที่จะถูกจัดหาโดยกองทัพอากาศไทยได้ยาก เนื่องจากนักบินและช่างอากาศยานของ
กองทัพอากาศไทยฝึกและศึกษาการใช้งานระบบอากาศยานมาตรฐานตะวันตกในกลุ่ม NATO มาตลอด การเปลี่ยนไปใช้งาน
ระบบอากาศยานรัสเซียซึ่งมีเครื่องยนต์ ระบบเครื่องวัด Avionic อุปกรณ์สนับสนุนใหญ่เล็ก จนถึงระบบอาวุธที่เป็นคนละแบบ
โดยสิ้นเชิงกับระบบพื้นฐานที่กองทัพอากาศใช้งานอยู่เดิมนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากไม่ค่อยคุ้มค่าในทางปฏิบัติ ซึ่งในกลุ่ม
ASEAN เองก็มีตัวอย่างกองทัพอากาศมิตรประเทศหลายประเทศที่มีปัญหาความพร้อมรบเมื่อต้องใช้อากาศยานต่างค่ายร่วมกัน
ในกองทัพอากาศตนจนความพร้อมรบต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นสำหรับประเทศที่มีงบประมาณด้านความมั่นคงที่จำกัดเช่น
ไทยแล้ว การจัดหาอากาศยานที่ใช้ระบบต่างค่ายกันโดยสิ้นเชิงจึงไม่น่าจะใช้แนวคิดที่ดีนักในด้านการจัดการบริหารทรัพยากร
ของกองทัพอากาศ
อย่างไรก็ตามจากข่าวที่ออกมาเมื่อปีที่แล้วว่ากองทัพอากาศมีแผนจะจัดหาเครื่องบินโดยสาร Sukhoi Superjets 100 จำนวน
๓ เครื่องจากรัสเซีย สำหรับภารกิจรับส่งบุคคลสำคัญ ซึ่ง SSJ-100 เป็นเครื่องบินโดยสารที่รัสเซียออกแบบตามมาตรฐาน
การบินตะวันตก และเริ่มกระแสข่าวการที่กองทัพอากาศไทยอาจพิจารณาการให้ความสนใจเครื่องบินลำเลียงจากรัสเซียด้วย
แล้วทำให้มีคำถามเกิดตามมาว่าจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่กองทัพอากาศไทยสนใจจะจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี
จากรัสเซีย ? คำตอบที่ได้จากการหาข้อมูลคือเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีของรัสเซียส่วนใหญ่ยังเป็นโครงการในอนาคตครับ
กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานหลักของรัสเซียคือเครือ United Aircraft Corporation(UAC) ที่ประกอบด้วยบริษัทหลายๆย่อย เช่น
Ilyushin และ Tupolev ซึ่งเป็นผู้ออกแบบพัฒนาและสร้างเครื่องบินลำเลียงและเครื่องบินโดยสารหลักของรัสเซียนั้น ปัจจุบัน
กองทัพอากาศรัสเซียกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีหลายขนาดเพื่อทดแทนเครื่องบินลำเลียงรุ่นเก่า
ที่ใช้งานมาตั้งแต่สมัยอดีตสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะเครื่องของ Antonov ที่ปัจจุบันเป็นของยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียตัดสินใจ
ที่จะไม่ดำเนินโครงการทางทหารใด ๆ ร่วมกับยูเครนแล้ว เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองที่เลวร้ายลงจาก
วิกฤตการณ์ใน Crimea และ Donbass ตั้งแต่ปี 2014
ตัวอย่างเช่นเครื่องบินลำเลียง IL-112 นั้นกองทัพอากาศรัสเซียตั้งใจจะพัฒนาขึ้นเพื่อนำมาทดแทนเครื่องบินลำเลียง An-26
ที่มีใช้งานเป็นจำนวนมากในรัสเซียและหลายประเทศทั่วโลกตั้งแต่ช่วงปี 1970s IL-112 นั้นเป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดเบา
ใช้เครื่องยนต์ turboprops แบบ Klimov TV7-117ST กำลังเครื่องละ 2,800 hp สองเครื่อง สามารถบรรทุกสิ่งของได้หนักสุด
6 tons ทำความเร็วได้สูงสุด 550-580 km/h(297-313knots) มีพิสัยทำการไกลสุด 1,000 km(540nmi) เมื่อบรรทุกเต็มอัตรา
และ 5,000 km(2,700nmi) เมื่อบรรทุกหนัก 2 tons ซึ่งกองทัพอากาศรัสเซียเคยสั่งยกเลิกโครงการ IL-112 ในปี 2011 เพื่อ
จัดหา An-140 จากยูเครน ๗เครื่องสำหรับเป็นเครื่องบินลำเลียงสินค้า แต่กองทัพอากาศรัสเซียได้อนุมัติให้ Ilyushin ดำเนิน
การพัฒนาต่อในปี 2013 และยกเลิกการจัดหา An-140 คาดว่าเครื่องต้นแบบจะมีกำหนดบินขึ้นได้ในราวปี 2017 โดยแผนการ
ดังเดิมรัสเซียต้องการจัดหา IL-112 รุ่นเครื่องบินลำเลียงทางทหารราว ๗๐ เครื่อง
ถ้าอ้างอิงจากแผนพัฒนากองทัพของกระทรวงกลาโหมเก่าซึ่งกำหนดความต้องการโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี
ขนาดกลางที่มีรายละเอียดดังนี้แล้ว
บันทึก 14 โครงการจัดหา บ.ลำเลียง ทดแทน (ระยะที่ 1)
จัดหา บ.ลำเลียง (จำนวนผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 40 คน น้ำหนักบรรทุกไม่ต่ำกว่า 4,000 กก.
ความเร็วเดินทางไม่ต่ำกว่า 240 นอต และพิสัยบินไม่ต่ำกว่า 1,000 ไมล์ทะเล )
จำนวน 6 เครื่อง พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม และเอกสารเทคนิค
IL-112 อาจจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่น่าสนใจนักถ้าเทียบกับเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางสองเครื่องยนต์ของตะวันตก
ที่มีสมรรถนะสูงกว่า เช่น
C-27J Spartan ที่ใช้ ย.turboprops Rolls-Royce AE2100-D2A กำลังเครื่องละ 3,400 hp ทำความเร็วได้สูงสุด
325 knots บรรทุกได้หนักสุด 11.5 tons มีพิสัยทำการไกลสุด 1,000 nmi เมื่อบรรทุกหนัก 10 tons
หรือ C-295M ที่ใช้ ย.turboprops Pratt & Whitney Canada PW127G กำลังเครื่องละ 2,645 hp ทำความเร็วได้สูงสุด
311 knots บรรทุกได้หนักสุด 9.25 tons มีพิสัยทำการไกลสุด 1,000 nmi เมื่อบรรทุกเต็มอัตรา จะเห็นได้ว่าในกลุ่ม
เครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีที่มีขนาดใกล้เคียงกันนั้น IL-112 ของรัสเซียมีสมรรถนะต่ำที่สุด ดังนั้นกองทัพอากาศ
จึงอาจจะไม่สนใจ IL-112 ซึ่งยังไม่เปิดสายการผลิตในขณะนี้ครับ
ส่วนเครื่องบินลำเลียงทดแทน C-130H นั้นโครงการหนึ่งของที่น่าสนใจคือ IL-214 ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเครื่องบิน
ลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางร่วมระหว่าง UAC รัสเซีย และ Hindustan Aeronautics Limited(HAL) IL-214 เป็น
เครื่องลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางใช้เครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ Aviadvigatel PD-14M สองเครื่อง
กำลังเครื่องละ 34,392 lbf ทำความเร็วได้สูงสุด 470 knots บรรทุกได้หนักสุด 20 tons มีพิสัยทำการไกลสุด 1,755nmi
เมื่อบรรทุกเต็มอัตรา กองทัพอากาศอินเดียต้องการนำเครื่อง IL-214 เข้าประจำการแทน An-32 ราว ๖๐ เครื่อง ซึ่งมี
กำหนดเข้าประจำการในราวปี 2018 หลังจากที่เครื่องต้นแบบเริ่มทำการบินครั้งแรกในปี 2017 เช่นเดียวกับ IL-112
แต่ก็เช่นเดียวกับ IL-112 ว่ากลุ่มเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางสองเครื่องยนต์ไอพ่นแบบอื่นๆที่เปิดสายการ
ผลิตหรือมีเครื่องต้นแบบแล้ว เช่น
http://www.youtube.com/v/rxRDSB7rPnQEmbraer KC-390 ที่ใช้ ย.turbofan แบบ IAE V2500-E5 กำลัง 31,330 lbf สองเครื่อง ทำความเร็วสูงสุด 0.8MACH
บรรทุกได้หนักสุด 23.6 tons มีพิสัยทำการไกลสุด 1,400 nmi เมื่อบรรทุกเต็มอัตรา ที่เพิ่งทำการบินครั้งแรกไปเมื่อ
๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ก็เป็นเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีมาตรฐานตะวันตกที่มีหลายประเทศให้ความสนใจจัดหา
ไปประจำการเป็นจำนวนมาก ตามที่เคยรายงานไปแล้วว่ามียอดสั่งจัดหารวมไม่ต่ำกว่า ๖๐เครื่องแล้วในขณะนี้จาก
ประเทศในกลุ่มอเมริกาใต้และยุโรป
http://www.youtube.com/v/Pbz_E02RcNQhttp://www.youtube.com/v/RIk_civvY7cหรือ Antonov An-178 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีแบบล่าสุดของยูเครนซึ่งเพิ่งเปิดตัวจากโรงงานให้สาธาณชน
ชมเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ที่ผ่านมาและจะมีกำหนดทำการบินครั้งแรกในราวเดือนพฤษภาคมนี้ โดย An-178 ใช้ ย.turbofan
แบบ Progress D-436-148FM กำลัง 7,880 kgf(17,372lbf) สองเครื่อง มีพิสัยทำการไกลสุด 1,000 km(540nmi)
เมื่อบรรทุกหนัก 18 tons แม้ว่าจะมีสมรรถนะน้อยกว่า IL-214 แต่ An-178 ก็ดูจะมีข้อได้เปรียบกว่าที่มีเครื่องต้นแบบจริงแล้ว
ซึ่งทาง Antonov ตั้งเป้าที่จะขาย An-178 ได้ ๒๐๐ เครื่อง ทั่วโลก (ความเห็นส่วนตัวอาจจะยากเพราะ KC-390 ดูจะมีข้อ
ได้เปรียบด้านสมรรถนะถ้าเทียบกับ An-178 และ Embraer มีโอกาสในการทำการตลาดทั่วโลกที่ดีกว่า Antonov
ซึ่งอุตสาหกรรมทางทหารเพื่อส่งออกของยูเครนได้รับผลกระทบในภาพรวมจากสงครามกับกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย)
และคงไม่ต้องกล่าวถึงเครื่องบินลำเลียงทางยุทธศาสตร์อย่าง IL-76MD-90A หรือ IL-476 อันเป็นรุ่นปรับปรุงล่าสุดของ
IL-76 ที่ออกแบบผลิตมาตั้งแต่ปี 1970s โดยกองทัพอากาศรัสเซียสั่งจัดหาเครื่องใหม่ ๓๙เครื่อง และจะทำการปรับปรุง
IL-76MD ที่มีอยู่เดิมโดยใช้เครื่องยนต์ใหม่แบบ PS-90A-76 ระบบ Avionic ระบบควบคุมการบินใหม่ และ glass cockpit
อีกจำนวนหนึ่ง เพราะก็เหมือนกับ Boeing C-17 Globemaster III ที่ใหญ่และแพงเกินความจำเป็นสำหรับกองทัพอากาศไทย
ไปหน่อย
http://www.youtube.com/v/sh3rHL2RPYMถ้ากองทัพอากาศไทยจะสนใจเครื่องบินลำเลียงขนาดหนักที่ใหญ่กว่า C-130 แล้ว Airbus A400M Atlas อย่างที่กองทัพ
อากาศมาเลเซียจัดหาไป ๔ เครื่อง ซึ่งเพิ่งได้รับมอบชุดแรกไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า โดย
A400M นั้นใช้ ย.turboprops สี่เครื่องแบบ Europrop TP400-D6 กำลังเครื่องละ 11,060 hp ทำความเร็วสูงสุด 420 knots
บรรทุกได้หนักสุด 37 tons มีพิสัยทำการไกลสุด 1,780 nmi เมื่อบรรทุกเต็มอัตรา และตามที่เคยรายงานไปว่ากองทัพ
อากาศเยอรมนีและกองทัพอากาศสเปนต้องการจะขายเครื่องส่วนเกินที่ลดจากจำนวนที่ตนต้องการจำนวนหนึ่ง ถ้าลูกค้า
หลักของเครื่องส่วนเกินนี้ไม่ใช่เฉพาะสมาชิกในกลุ่ม NATO หรือสหภาพยุโรปก็น่าสนใจอยู่ถ้าไม่ติดขัดปัญหาอะไรกับไทย
http://www.youtube.com/v/fBsU5z7ItlIหรือ An-70 ของยูเครน ซึ่งใช้เครื่องยนต์ propfans แบบ Progress D-27 สี่เครื่อง กำลังเครื่องละ 13,880 hp ทำความเร็ว
ได้สูงสุด 421 knots บรรทุกได้หนักสุด 47 tons มีพิสัยทำการ 5,000 km(2,700nmi)เมื่อบรรทุกหนัก 35 tons ที่มีต้นแบบ
แล้ว ๒ เครื่อง ซึ่งกองทัพอากาศรัสเซียได้ยกเลิกการจัดหา An-70 จำนวน ๖๐ เครื่อง เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านจากปัญหาความ
สัมพันธ์ทางทหารกับยูเครนที่ได้กล่าวในข้างต้น ตามที่เคยรายงานไปเช่นกันว่า Antonov กำลังปรับปรุงระบบอากาศยาน
ของตนให้เข้าสู่มาตรฐาน NATO เพื่อมองหาลูกค้ารายใหม่ๆในกลุ่มประเทศตะวันตกแทนรัสเซียที่ยกเลิกการจัดหาเครื่องบิน
ลำเลียงของ Antonov หลายโครงการ (ถ้าเทียบกันแล้ว An-70 มีสมรรถนะบางด้านที่สูงกว่า A400M แต่เช่นเดียวกับการ
เปรีบเทียบระหว่าง An-178 กับ KC-390 ที่ Airbus ที่มีโอกาสในการทำการตลาดมากกว่า Antonov)
สรุปได้ในภาพรวมครับว่า ณ ขณะนี้โครงการพัฒนาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีใหม่ๆของรัสเซียเองที่พอจะน่าสนใจ
สำหรับกองทัพอากาศไทยนั้น ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาไม่มีเครื่องต้นแบบทำการบินจริงเลย ซึ่งตรงนี้เป็นผลมาจาก
การที่รัสเซียยกเลิกโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงของ Antonov กับยูเครนเป็นจำนวนมาก เช่น An-70 และ An-140
ทำให้การพัฒนาเครื่องใหม่ทดแทนเครื่องรุ่นเก่าที่ใช้มาตั้งแต่สมัยอดีสหภาพโซเวียตเกิดความล่าช้า ถ้ากองทัพอากาศ
ไทยจะเริ่มตั้งโครงการจัดหาเครื่อบินลำเลียงขนาดกลางใหม่หรือทดแทน C-130H ในเร็วๆนี้แล้ว จะเห็นว่ายังมีเครื่องบิน
ลำเลียงทางยุทธวิธีแบบต่าง ๆ มีมีสายการผลิตพร้อมแล้ว รวมถึงมีความเข้ากันได้กับระบบพื้นฐานของกองทัพอากาศไทย
เป็นจำนวนมากให้สนใจเลือกพิจารณามากกว่าเครื่องบินลำเลียงของรัสเซีย ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของท่านผู้บัญชาการ
ทหารอากาศคนปัจจุบันคือ พลอากาศเอก ตรีทศ สนแจ้ง ซึ่งเติบโตมาในสายนักบินเครื่องบินลำเลียงด้วยว่าจะเป็นไปใน
ทิศทางใดครับ
http://aagth1.blogspot.com/2015/05/blog-post_5.html