ต้นไม้กับทะเล นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มาจากประเทศที่ไม่มีพื้นที่ติดต่อกับทะเล และ ป่าชายเลน เมื่อได้เ
ดินเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ป่า ชายเลน หลายคนได้เห็นถึงความแปลกของ ต้นไม้ ว่า ทำไมจึงสามารถเจริญเติบโต
ขึ้นอยู่ได้ในน้ำทะเล ที่มีความเค็มสูง ลมพัดแรง และ มีไอเกลือจาก น้ำทะเล ทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุที่ค่อนข้างวิกฤต
ที่เกิดขึ้น ปกติแล้ว ในสภาวะที่วิกฤต เช่นนี้ พืชทั่วๆไปที่ไม่ใช่พืชทนเค็ม จะไม่สามารถเจริญ เติบโตอยู่ได้
ตามปกติ ป่าชายเลน เป็นป่าที่เกิดขึ้นเฉพาะในเขตร้อนชื้น หาพบได้ยากในเขตกึ่งร้อนชื้น ป่าชายเลนที่พบในเขต
กึ่งร้อนชื้น มักมีลักษณะ เตี้ยแคระ อาจจะเรียกว่า " ป่าชายเลนแคระ " ก็ได้ พรรณพืชมีการปรับตัวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
การปรับตัวทางด้านสรีระวิทยาของพืชเอง ซึ่งมีอยู่ หลายรูปแบบ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ระบบราก ขึ้นไปจนถึง ใบ ดอก และ ผล
และ การโปรยของ เมล็ดด้วย เช่น
การสร้างรากพิเศษ เพื่อยึดตรึงลำต้นให้ตั้งอยู่ได้ ในสภาวะที่เป็นดินเลน หรือ รากที่แช่น้ำจนไม่สามารถหายใจได้
( มีปริมาณก๊าซออกซิเจนน้อย ) หรือ การป้องกันกระแสน้ำกัดเซาะ โคนต้น ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้รากของต้นไม้ในป่า
ชายเลนมีอยู่หลายลักษณะ ปรับตัวแตกต่างกันไป ตามชนิดของ พืช เช่น
รากค้ำยัน ส่วนใหญ่ เป็นรากที่แตกออกมาจากส่วนลำต้น มีลักษณะคล้ายสุ่ม ตัวอย่างพันธุ์ไม้ที่มีรากแบบนี้
เช่น โกงกางใบเล็ก โกงกางใบใหญ่ ถั่วขาว ถั่วดำ ประสักขาว และ ประสักแดง ฯลฯ
รากหายใจ เป็นรากขนาดเล็ก ที่แตกออกมาจากระบบรากหลัก อีกทอดหนึ่ง ปลายรากแทงจากพื้นดินสู่อากาศ
เพื่อใช้แลกเปลี่ยนก๊าซ ชนิดของพืชที่มีรากแบบนี้ เช่น แสมขาว แสมดำ และ ลำพู ฯลฯ
รากแผ่น เป็นรากที่แผ่ตัวจนทำให้เกิดเป็นแผ่นกว้าง ปรับตัวเพื่อลดแรงปะทะของคลื่น ที่ซัดเข้ามาบริเวณ
โคนต้น พันธุ์ไม้ในป่าชายเลน ที่มีรากแบบนี้ ได้แก่ ตะบูนขาว ตะบูนดำ
รากแบบหัวเข่า เป็นรากที่มีลักษณะโค้งงอ คล้ายการงอของข้อศอก เป็นการปรับตัว เพื่อลดแรงปะทะของ
กระแสน้ำทะเล ที่ซัดเข้ามาบริเวณ โคนต้น ชนิดพันธุ์ไม้ ที่มีรากแบบนี้ได้แก่ ประสักแดง และ ประสักขาว
พูพอน เป็นการปรับตัว ของโคนต้นไม้ ที่มีลักษณะเป็นแผ่นกว้างโดยรอบโคนต้น ทั้งนี้ เพื่อลดแรง
ปะทะของคลื่น ที่ซัดเข้ามาบริเวณ โคนต้น พืชที่มีรากแบบนี้ คือ หงอนไก่ทะเล
นอกจากนี้ พืชในป่าชายเลน ยังมีการปรับตัวในส่วนต่างๆ แทบทุกส่วน ไม่ว่าการสร้างสารไขมันเคลือบ
แผ่นใบหนา และ มีปากใบ จมฝังลึก ลงไปในเนื้อใบ เพื่อป้องกันการคาย และ ระเหยของน้ำ , การโปรยเมล็ด
ของไม้ต้น ในป่าโกงกาง ส่วนใหญ่จะมีการแตกรากตั้งแต่อยู่บนต้น จนถือกันว่า
เป็นพืชที่มีผลแบบ ทวิชาติ
( แตกรากสองครั้งก่อนโตเป็นต้น ) เมื่อหล่นลงมา จาก เรือนยอด สามารถปักลงไปในดิน และ งอกเป็นต้น ทันที
เพราะถ้าฝักที่ร่วงมาแล้วไม่ปักลงในดินเลน จะถูกกระแสน้ำพัดพาไปที่อื่น และ ไม่สามารถงอกได้ เนื่องจากไปตกอยู่ใน
สภาพแวดล้อม ที่ไม่เหมาะสมที่เหลือคลิกเข้าไปอ่านเองแล้วกันครับ
เวบไซด์อ้างอิง