up หนังชิวีต ดุลพินิจครับ ใจร้อนเล่นยอมหักไม่ยอมงอเลยไม่ฟังใครเลยก็เห็นใจนะครับ แต่เรื้องนี้ดุลพินิจอย่างเดียวเลยครับและหาเหตุผลได้ทังนั้นเหละครับ นโยบายให้สั้น1 ยาว1 เท่านั้นต่อคนนะครับ จริงๆแล้วมีสั้น 1 กระบอก ก็เพียงพอต่อการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินแล้วสำหรับพลเรือน แต่ต้องการเพิ่มคือกิเลสตัวเดียวครับเป็นความจริงที่คงไม่มีใครปฎิเสธ ผมเองก็มีกิเลส แต่ขออีกจริงๆเหตุผลดีๆคุยกันดีก็ได้นะครับ แต่อาจไม่100%ทุกคนและกรณีนี้ก็อาจเป็น1%ที่ไม่ได้ อีกด้านหนึ่งถ้าคุณเป็นนายอำเภอกรณีนี้คุณจะทำอย่างไร ท่านก็ไม่ได้ใช้อำนาจการปกครองเกินจากนโยบายครับ หากถามว่าทำไมคนอืนขอได้เราไม่ได้เป้นการเลือกปฎีบัติหรือไม่ ตอบแบบกำบั้นทุบดินคือคนละคนกันสภาพสังคมจิตรใจต่างกัน เรื่องนี้อยากให้ลงเอยด้วยดีทุกฝ่ายครับ ย้ายไปข้อที่อื่นง่ายกว่า(ตอนนั้น)ตอนนี้เป็นเรื่องแพ้ชนะไม่มีใครยอมถอย หากไม่มีฐิถิถอยคนละก้าวwin winครับ คอยดูรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเถิดครับหนักกว่านี้แน่ ถ้าจำไม่ผิด3-4ปีก่อนเคยมีนโยบายและแผนจะเก็บปืนทั่วประเทศใน5ปีรวมทั้งไม่ขายกระสุนทุกกรณีผมจำไม่ได้อย่างเดียวว่าใครเป็นรัฐบาล ขิงแก่เขาเห็นเขาใจปัญหาสภาพบ้านเมืองไทยปัจจุบันและแนวโน้มอนาคต เข้าจึงให้พลเรือนมีได้สดวกที่สุดกว่าทุกยุคก็ว่าได้ ตอนนี้อะไรได้ง่ายๆก็ทำเถิดครับ
ด้วยความเคารพนะครับ
๑ ผมเห็นว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้ใจร้อน อย่างที่คุณออกความเห็น
๒ ดุลพินิจที่ไม่มีตัวบทกฎหมายกฎหมายรองรับ เป็นการใช้อำนาจที่ผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๗
๓ ไม่มีกฎหมายกำหนดว่าประชาชนมีปืนได้กี่กระบอก และประชาชนที่คุณเรียกว่า "พลเรือน" ก็มีสิทธิเท่ากับประชาชนประเภทอื่น ๆ การเลือกปฏิบัติต่อประชาชนเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา หรือการศึกษาอบรม เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๐ การที่คุณอ้างว่า "คือคนละคนกันสภาพสังคมจิตใจต่างกัน" ควรจะเป็นคำพูดของข้าราชการเมื่อยี่สิบปีมาแล้ว
๔ ข้ออ้างว่าข้าราชการทหาร ตำรวจควรจะมีปืนมากกว่าพลเรือน มีปืนที่มีอานุภาพมากกว่าพลเรือน ก็ควรที่จะเลิกอ้างกับชาวบ้านได้แล้ว ผมรับราชการทหารมาเกือบสามสิบปี เวลาปฏิบัติราชการ ก็ใช้ปืนของทางราชการ ไม่ต้องใช้ปืนส่วนตัว
๕ นายอำเภออาจจะไม่ได้ใช้อำนาจเกินนโยบายแบบที่คุณพูด แต่ข้าราชการจะอ้างนโยบายกับประชาชนไม่ได้ ต้องนำนโยบายไปออกเป็นกฎหมายเสียก่อน ถึงจะใช้กับประชาชนได้
สำหรับในเรื่องนี้ ผมทราบว่าเจ้าของกระทู้กับ สพป.เขาตกลงกันไว้แล้วว่า เมื่อศาลปกครองมีคำพิพากษาว่านายอำเภอออกคำสั่งทางปกครองที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ก็จะนำเอาคำพิพากษาของศาลปกครอง ไปดำเนินคดีอาญาต่อไปจนถึงที่สุด เพื่อที่จะได้เป็นกรณีตัวอย่าง ไม่ให้มีการออกคำสั่งทางปกครองตามอำเภอใจ โดยไม่มีกฎหมายรองรับกันอีก
ด้วยความเคารพครับ ความเห็นไม่ตรงกันครับ แล้วท่านผู้การก็คือครูผมคนหนึ่ง ผมได้ความรู้จากท่านมากมายหลายเรื่อง ท่านได้กล่าวไว้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญก็จริงของท่านครับ เรื่องความเท่าเทียมกัน ในกฎหมายระดับพ.ร.บ.หลายฉบับก็ได้กำหนดไว้ในหลายมาตรา แต่ในความจริงเรามักไม่ได้อะไรที่เท่าเทียมกันอยู่แล้วบางทีบางคนอาจได้สิทธิพิเศษบางอย่าง หลักเกณฑ์บางหลักเกณท์ เขากำหนดมามันก็ไม่แฟร์กับทุกคนอยู่แล้ว เช่นคน1คนมีผู้คุ้มกันเป็นกองทัพ ผมและหลายท่านยังไม่มีสิทธคุ้มกันตัวเองเลย หรือบัตรทองรักษาพยาบาล ประกันสังคมฯลฯ เคดิดบางบัตร มีส่วนลด10% หรือบางบัตรได้ลด20%ไม่เท่ากันแล้วแต่สิทธ์
การเลือกปฏิบัติต่อประชาชนเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา หรือการศึกษาอบรม เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๐ การที่คุณอ้างว่า "คือคนละคนกันสภาพสังคมจิตใจต่างกัน" ควรจะเป็นคำพูดของข้าราชการเมื่อยี่สิบปีมาแล้ว เรื่องนี้ทุกคนเห็นด้วยทั้งนั้นแหละครับ ธรรมชาติความจริงมีข้อยกเว้นเสมอครับ เรื่องการเลือกปฎิบัติตามร.ธ.ม. หากเป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน เช่น สิทธิการมีชิวิต การดูแลรักษาพยาบาล การคึกษา ความเสมอภาคในการเดินทางฯลฯ เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ แต่ก็ยังมีการเลือกปฎิบัติหรือเปล่า? ตัวอย่างเรื่องเชื้อชาติ เช่นคนต่างด้าวก็โดนจำกัดสิทธิบางอย่าง เช่นการข้ามจังหวัด การรวมตัวตั้งองค์กร การเป็นสมาชิคสหกรณ์ สหภาพแรงงาน การรวมทั้งการมีปืน แบบนี้ขัด ม.30 ไหม งานบางอย่างกำหนดต้องเป็นหญิงเช่นพยาบาล เป็นต้น แบบนี้ขัดม.30ไหม การขอ ป.12ต้องระบุทรัพย์สิน ก็เรื่องฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ขัดม.30ไหม มาตรา13(5)พ.ร.บ.อาวุธปืน บุคคลซึ่งไม่สามารถใช้อาวุธปืนได้โดยกายพิการ .... เว้นมีเพื่อเก็บ ขัดม.30ไหม ตัวอย่างเหล่านี้มีเหตุผลที่สามารถอ้างได้ทั้งนั้นครับ ว่าเป็นเรื่องความมั่นคง เรื่องระเบียบสังคม ความปลอดภัย หรือการมาตรการคุ้มครองพิเศษ ก็ได้แล้วขัด ม.30ไหมครับ?? เพียงแต่สังคมต้องการแบบไหนครับ?
เคยมีกรณีใกล้เคียงขอยืมมาสรุปสั้นๆเป็นแนวทางครับ คือมีผู้ขออนุญาตรับโอนปืนลูกซองแฝดซ้อน สำหรับแข่งกีฬาเป้าบินจำนวน ๒ กระบอก แต่นายทะเบียนอาวุธปืน มีคำสั่งไม่อนุญาต โดยแจ้งเป็นหนังสือ ไม่ระบุเหตุผลว่าไม่อนุญาตเพราะอะไร มีการอุทธรณ์คำสั่งต่อ มท.๑ โดยยื่นผ่านนายทะเบียน มท.1ไม่ได้วินิฉัยตามกำหนด ต่อมาฟ้องนายทะเบียน และ มท.๑ ต่อศาลปกครองกลาง ประเด็น
1. ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ๙๐ วันยังไม่ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์จาก มท.๑ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าตามที่กฎหมายกำหนด
2. ผู้ขอมีคุณสมบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๑๓
3. คำสั่งไม่อนุญาตโดยไม่บอกเหตุผล ถือว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(ดูข้อ1.ข้อ3.หนักใจแทนผู้ถูกฟ้องแล้วครับ ข้อ2.แค่เสริม)
ต่อมา มท.๑ มอบให้พนักงานอัยการเป็นผู้แทนในการต่อสู้คดี โดย
1.ยื่นคำให้การไม่แก้ข้อกล่าวหาในเรื่องปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า (ยอมรับ หลักฐานชัด)
2.ชี้แจงว่าคำสั่งเรื่องสั้น ๑ ยาวหนึ่งไม่ใช่คำสั่งเด็ดขาด แต่เป็นเพียงแนวทางให้นายทะเบียนใช้ดุลพินิจ (ข้อนี้ก้ำกึ่ง)
3.ขอให้ศาลยกฟ้องเพราะกำลังจะวินิจฉัยอุทธรณ์ให้นายทะเบียนออกใบอนุญาต (ทราบผลล่วงหน้าว่าแพ้)
สำหรับนายทะเบียน ฯ ไม่ยื่นคำให้การต่อสู้คดี
ผู้ฟ้องขอให้ศาลพิจารณาคดีนี้ต่อไปในประเด็น
1.ข้อกฎหมาย คำสั่งเรื่องสั้น ๑ ยาว ๑ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มท.๑ มีอำนาจตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๖ ที่จะกำหนดจำนวนปืนที่จะได้รับอนุญาตเฉพาะหน่วยงานของรัฐเท่านั้น แต่มาตรา ๕๕ ซึ่งเป็นเรื่องของการออกใบอนุญาตให้กับภาคประชาชน กฎหมายได้ให้อำนาจ มท.๑ กำหนดได้เฉพาะชนิด และขนาดเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจกำหนด จำนวน ดังเช่นมาตรา ๖ (ข้อนี้น่าจะนำเป็นข้อต่อสู้ของ จขกท.)
สรุปคือ นายทะเบียน ฯ ได้ออกใบอนุญาตอาวุธปืนทั้ง ๒ กระบอกแล้ว โดยปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ของ มท.๑ ผู้ขอยื่นถอนฟ้องครับ กินเวลา8เดือนกว่า
เรื่องนี้มีความต่างกับ จขกท.คือ
1.ข้อเพื่อกีฬา
2.มท.1ไม่ได้วินิฉัยตามกำหนดเวลา
สรุปว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่คำอธิบายแง่มุมกฎหมายของแต่ละฝ่าย ว่าต่างฝ่ายอ้างเหตุผลข้อกฎหมาย ขั้นตอน นโยบาย ระเบียบต่างๆในประเด็นใด หาก จขกท.ชนะเรื่องนี้ผมและทุกคนดีใจนะครับ หากไม่ชนะ กรณีผิดขั้นตอนสู้ใหม่ได้ ไม่ชนะกรณีข้อกฎหมาย กฎระเบียบ หรือมีสิทธิตามอำนาจหน้าที่ จบครับ หากต่อไปใครจะขอหลายกระบอกยากกว่าเดิมครับ ท่านผู้รู้ลองพิจนาให้ความเห็นดูครับ อีกอย่างหนึ่งผมอาจคิดผิดก็ได้หากผมคิดผิดผมยอมรับครับ
ส่วนตัวผมเห็นใจ จขกท.นะครับแต่สภาพความจริงเป็นแบบนี้ครับ ถ้าเป็นผมเองแล้ว ต้องคุยกันครับ เพื่อให้ได้ปืนตามจุดประสงค์ บางทีการมีคนให้กำลังใจเราเป็นสิ่งดีครับ ฮึกเหิมใจดี แต่เราไม่ได้ปืนครับ ทำอย่างไรให้เราได้ปืนอย่างสบายใจทุกฝ่ายดีที่สุดครับ
ขอให้ท่านสมประสงค์นะครับด้วยความจริงใจครับ