ไม่ให้ไป ป.1 ก็เตรียมไปเองครับ......
จากเวปไซต์ของกรมการปกครองเอง
http://www.dopa.go.th/formreg/p1.htmคำร้องเกี่ยวกับทะเบียนอาวุธปืน (แบบป.1)
หากต้องการดูคำแนะนำ กรุณาเลือก =====> คำแนะนำ
http://www.dopa.go.th/servi/weapon.htmlหากต้องการดูตัวอย่างการเขียนคำร้อง กรุณาเลือก =====>
ตัวอย่าง
หากต้องการพิมพ์คำร้อง กรุณาเลือก =====> แบบพิมพ์ และสามารถสั่งพิมพ์
ทางหน้าจอต่อไป (คำร้องนี้มีจำนวน 1 หน้า)
ตามข้อมูลที่พี่ทัดมาลาแนะนำข้างต้น และได้เข้าไปดูในเว็บฯ กรมการปกครอง พบว่า หลักการพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ยังมีการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่สอดคล้องต่อกฏหมาย ซึ่งหน่วยงานกรมการปกครองควรมีความชัดเจนมากกว่านี้ และไม่ควรสร้างบรรทัดฐานเองโดยไม่ยึดหลักกฏหมายที่จำกัดสิทธิประชาชนทั่วไปในการอนุญาตมีอาวุธปืน (ตามข้อความในข้อ 4 และ 5)
ยิ่งจะส่งผลให้เกิดความไม่ชัดเจนต่อการอนุญาตสำหรับเจ้าหน้าที่ในต่างจังหวัดของพื้นที่อื่นๆด้วย
http://www.dopa.go.th/servi/weapon.htmlหลักการพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน
การพิจารณาออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนให้แก่บุคคลสำหรับใช้ในการป้องกันตัว
และทรัพย์สิน ให้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้........
ข้อ4 ชนิดและขนาดอาวุธปืน ซึ่งจะอนุญาตให้พิจารณาถึงฐานะ และความจำเป็นของผู้อนุญาตเป็นราย ๆ ไป
โดยระลึกว่าการอนุญาตให้เอกชนมีอาวุธปืนนั้นเป็นการอนุญาตตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ 2490
มาตรา 9 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้มีไว้เพื่อป้องกันตัวหรือทรัพย์สินหรือในการกีฬา หรือในการยิงสัตว์
การพิจารณาอนุญาตดังกล่าวข้างต้นนี้ มีหลักเกณฑ์ในการอนุญาตสำหรับชนิดและขนาดอาวุธปืนตามคำสั่ง
กระทรวงมหาดไทยที่ 674/2490 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2490 ข้อ 13 และหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ที่ 0515/13548 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2515 ที่ 0313/ว8583 ลงวันที่ 25 กรกฏาคม 2517 และที่
0515/ว686 ลงวันที่ 30 ธ.ค. 2517 ดังนี้
ก. ถ้าผู้ขออนุญาตเป็นข้าราชการ ซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามตามกฏหมาย หรือมีหน้าที่ ปฏิบัติงานเขตพื้นที่ที่เสี่ยง
อันตรายต่อชีวิตและผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่หัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไป รับรองหน้าที่การงานมาเป็นที่เชื่อถือได้
หรือผู้ขออนุญาตเพื่อการกีฬาโดยมีหนังสือรับรองเป็นนักกีฬายิงปืน และมาฝึกซ้อมยิงปืนเป็นประจำจากเลขาธิการ
สมาคมยิงปืน หรือนายสนามยิงปืนนั้น ๆ ในการพิจารณาอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนพกให้อนุญาตขนาดลำกล้อง
ไม่เกิน .45 หรือ 11 มม.ได้
ข.สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีความจำเป็นต้องมีอาวุธปืนพก อนุญาตให้มีได้ลำกล้องไม่เกินขนาด .38 หรือ 9 มม.
สำหรับบุคคลที่มีคุณสมบัติไม่ขัดกับมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ทั้งนี้ต้องไม่ขัดต่อ
กฏกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ตามที่ระบุไว้ในข้ออื่น ๆ ด้วย สำหรับอาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรงแม้ขนาดลำกล้องไม่เกิน .38 หรือ 9 มม. เช่นอาวุธปืนขนาด .357
ก็ไม่ควรอนุญาตเว้นแต่ผู้ขออนุญาตเป็นข้าราชการตำรวจ ทหารหรือข้าราชการอื่นซึ่มีหน้าที่ปราบปรามตามกฏหมาย
หรือเป็นข้าราชการในท้องที่กันดาร และผู้บังคับบัญชาตั้งแต่หัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปรับรองหน้าที่การงาน
มาเป็นที่เชื่อถือได้ก็ให้พิจารณาอนุญาตได้ สำหรับในต่างจังหวัดให้นายทะเบียนฯ เสนอขอรับความเห็นชอบจาก
ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
ข้อ 5 การอนุญาตให้มีอาวุธปืน ตามปกติควรมีได้เพียงคนละ 2 กระบอก คือ สั้นและยาว แต่ในการพิจารณา
อนุญาตมากน้อยเพียงใดแล้วแต่หลักฐานความจำเป็นของแต่ละบุคคล และควรเข้มงวดกวดขันอย่าให้มีมากเกิน
ความจำเป็นไม่ซ้ำขนาดกันให้วงเล็บวัตถุประสงค์มีและใช้อาวุธปืนในใบอนุญาต (ป.4) ให้ชัดเจน.........