...ยังติดตามอาการพี่ RroamD อยู่เสมอครับ...
...ผมเองก็กำลังอยู่ในวิกฤตเรื่องสุขภาพเช่นเดียวกัน เพิ่งย้ายออกจากICU เมื่อวานศุกร์ ตอนนี้หมอยังไม่ยอมให้กลับบ้านเหมือนกัน ที่ต้องอาศัย wi-fi เซอร์วิสในโรงพยาบาลแก้เบื่อไปวันๆ เหมือนกัน ไม่งันแย่เลยเหมือนกันครับ...
กรณีที่เป็นความดันโลหิตสูงอย่างท่านพี่ CT_Pro4 นั้นต้องดูแลสุขภาพมากๆครับ...
ข้อแนะนำนะครับ...
1.รับประทานยาให้สม่ำเสมอ ทั้งยาควบคุมความดัน ยารักษาภาวะแทรกซ้อน และยาป้องกันเกล็ดเลือดเกาะตัวกัน ไม่ควรซื้อยากินเองเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะเป็นยาตัวเดิมที่เคยกินอยู่แต่การรักษาความดันโลหิตสูงที่มีภาวะแทรกซ้อนนั้นอาจต้องปรับยาตามความเหมาะสมเป็นระยะๆครับ...
2.ไปพบแพทย์ตามนัด และตรวจสุขภาพตามหมายกำหนดการ เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนและควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมครับ...
3.ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูงๆ เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เนื้อปลาจากทะเลลึก บริโภคผักและผลไม้เป็นประจำ...
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายที่เหมาะสมควรเลือกการออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การวิ่งจ๊อกกิ้ง การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน การออกกำลังกายที่เป็นแอนแอโรบิค คือการออกกำลังกายที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอ มีการเร่งและการหยุด เช่น เทนนิส บาสเกตบอล แบทมินตัน ไม่ค่อยเหมาะกับผู้ป่วยที่มใความดันโลหิตสูงครับ อีกอย่างก่อนออกกำลังกายควรวอร์มอัพทุกครั้ง และก่อนหยุดก็ควรคูลดาวน์ด้วยครับ ผมแนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 20 - 30 นาทีเป็นอย่างน้อยครับ...
5.การทำสมาธิและลดความเครียดจะช่วยลดความดันโลหิตลงได้ครับ (ข้อนี้ผมแนะนำได้แต่ทำเองไม่ได้ซักที)...
6.การพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยรักษาระดับความดันให้เหมาะสมครับ การนอนหลับในเวลาที่ควรและนอนให้นานพอก็จะช่วยครับ ผมแนะนำให้นอนต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อวันครับ...
7.ลดปัจจัยเสี่ยงอื่นๆลง เช่น งดการบริโภคแอลกอฮอล์ หยุดสูบบุหรี่ หากใช้ฮอร์โมนชดเชยในกรณีวัยทองต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ครับ...
8.ถ้าหากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ครับ...
ผมคิดออกแค่นี้เองครับ ถ้าหากคิดออกจะเข้ามาเพิ่มครับ...
...ขอบคุณมากครับท่านหมอ rute ผมพยายามทำตามแนะนำของคุณหมอที่ดูแลผม แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการจัดระเบียบการใช้ชีวิตของตัวเองครับ ผมต้องเดินทางเป็นประจำ เวลาเปลี่ยนปลงตลอด อีกเรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องคสามเครียด ทั้งงาน ทั้งเรื่องสนตัว เหนื่อยจริงๆ ครับ ผมพยายามปลงว่าเป็นกรรมเก่าก็ช่วยบ้างครับ ผมเพิ่งรุ้ว่าเป็นเรื่อวอันตรายตริงๆ ผมไม่กลังตายแต่ห่งแต่คนที่บ้าน อีกหลายชีวิต ถ้าเกิดอะไรกับผม ผมไม่รู้ว่าคนที่ผมรักไม่รู้จะเป็นอน่างไร...
ขอบคุณพี่ CT_Pro4 ที่ให้กำลังใจผมมาตลอดขณะที่ตัวพี่ก็ไม่สบายอยู่ด้วย ขอให้รักษาสุขภาพและพยายามปรับตัวเรื่องชีวิตประจำวัน การทำงาน ถ้าส่วนใดให้ลูกน้องหรือคนที่ไว้ใจทำแทนได้ก็สั่งงานนะครับ
ขอบคุณพี่หมอรุต ที่ได้ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงซึ่งผมได้อ่านและทราบว่าอันตรายถึงชีวิตที่อาจเกิดแบบเฉียบพลันได้ พี่ๆ ต้องเริ่มต้นตรวจเช็คร่างกายกันบ้างแล้วอย่าละเลยนะครับ
ได้ความรู้มากค่ะในกระทู้นี้
และก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ขอบคุณครับพี่ Ramsjai ผมจะพยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุดครับ
หายไวๆครับพี่
ขอบคุณครับพี่
9 ธันวาคม 2007นัดกับเพื่อนนักเรียนตั้งแต่ ป.5 และครอบครัวไปทานข้าวมื้อเย็นกันที่ร้านบึงวาปี ถนนศรีนครินทร์ หกโมงเย็น แฟนกับลูกสาวชวนไปสวนหลวง ร.9 เพื่อดูและซื้อไม้ประดับเพราะมีงานประกวด ผมอาสาขับรถให้เมื่อจอดรถยังที่หมายเรียบร้อยเตรียมกล้องเพื่อถ่ายรูปดอกไม้ เดินถ่ายรูปได้สักสามสี่ภาพเริ่มรู้สึกปวดเอวและหลังซ้ายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน บอกให้แฟนไปเดินกับลูกสาวผมขอนั่งรอที่รถดีกว่า ปรับเบาะเอนหลังที่รถลงเพื่อจะได้นอนแต่มันไม่ราบเหมือนที่นอนทำให้ปวดมากขึ้น ยาแก้ปวดก็ไม่มีจึงต้องปรับเบาะขึ้นนั่งให้หลังตรงที่สุดและหลับไปพักหนึ่งครับแฟนกับลูกสาวมาปลุกหลังจากซื้อไม้ดอกมาสองต้นและบอกว่าผมหลับไปประมาณ 40 นาที ขับรถออกจากสวนหลวง ร.9 ไปที่ร้านอาหาร อาการปวดของผมน้อยลงจึงนั่งทานมื้อเย็นกับเพื่อนจนถึงสองทุ่มเศษแยกย้ายกัน กลับถึงบ้านระหว่างอาบน้ำผมก็รู้สึกปวดอีกครั้งจึงบอกให้แฟนเตรียมยาแก้ปวด (พาราเซทตามอล) ไว้ให้พร้อม หลังจากนั้นลูกสาวเอายาและน้ำมาให้กิน ผมดูเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ รู้สึกปวดมากขึ้น หนาว ลูกสาวเอามือแตะที่คอและหน้าผากและตะโกนบอกแม่ว่า แม่ค่ะ...พ่อตัวร้อนจี๋เลยค่ะ แฟนผมนำกาลามังพลาสติคใส่น้ำกับน้ำแข็งมาไว้ข้างเตียงนอน ลูกสาวเอาผ้าขนหนูแช่แล้วบิดหมาดๆ โปะไว้ที่หน้าผากผมจนผมหลับครับ
ตื่นและลุกจากที่นอนดูนาฬิกา...8 โมงกว่า พาถุงเก็บปัสสาวะที่ต่อพ่วงจากถุงติดหน้าท้องไปด้วยทำกิจวัตรในห้องน้ำเสร็จ เทปัสสาวะจากถุงพ่วงเหมือนทุกวันสังเกตุว่าขุ่นกว่าปกติแต่ปริมาณที่อ่านได้ยังเท่ากับทุกวัน อาการปวดทุเลาลงเกือบหายผมทานอาหารเช้าแล้วทานยาแก้ปวดอีก 1 เม็ด ช่วงบ่ายให้แฟนขับรถออกไปไหว้พระที่วัดมังกรกมลาวาส พร้อมกับลูกสาวเพราะผมตั้งใจจะไปไหว้หลังจากออกจาก รพ. เมื่อพักฟื่นได้สักพัก ตรงนี้พี่ๆ อาจจะตำหนิผมก็ได้ว่ายังไม่ควรอย่างยิ่งสำหรับการนั่งรถหรือออกไปนอกบ้านบ่อยๆ เพราะเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาไม่ถึงเดือนครึ่ง...ผมขอโทษด้วยที่อาจะประมาทเกินไปครับ11 ธันวาตม 2007 ตื่นเช้าเพราะตั้งใจจะไปพบอาจารย์วันอังคารและวันศุกร์เป็นวันที่ออกตรวจคนไข้นอก ทำตามขั้นตอนเหมือนผู้ป่วยนอกที่ไม่มีใบนัดเพราะตามนัดตรวจผมเดือนหน้าวันที่ 8 ครับ ไปที่ห้องตรวจแผนกศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งคนไข้รอตรวจเต็มตลอดยื่นและรับบัตรคิว พยาบาลจำได้ว่าเพิ่งมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาและถามว่ามีอาการผิดปกติอะไรจะได้เขียนในแฟ้มผมแจ้งให้ทราบแล้วพยาบาลก็บอกให้ไปหาข้าวกินแล้วค่อยกลับมาเพราะคิวตรวจผมอีกประมาณชั่วโมงกว่า ผมขอบคุณแล้วก็เดินลงจากห้องตรวจชั้น 2 ลงมาชั้นล่างของ รพ. เดินออกไปหาอาหารเช้าแบบย่อยง่ายๆ ทานครับ
ระหว่างทานโจ๊กก็คิดอยู่ว่าพบอาจารย์แล้วจะให้เขียนในใบสั่งยาขอเบิกแป้นติดหน้าท้องและถุงที่อาทิตย์ก่อนทางห้องจ่ายยาแจ้งว่าของหมด ระหว่างกำลังเดินกลับไปที่ รพ. แวะซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ 1 พวงเพื่อนำไปไหว้ท่าน บรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ ที่ศาลบริเวณที่จอดรถ จุดธูปภาวนาพระคาถาบูชาท่านเสร็จแล้วถวายพวงมาลัยแล้วเดินกลับไปที่ห้องตรวจรออีกประมาณครึ่งชั่วโมงพยาบาลก็เรียก ยกมือไหว้สวัสดี...อาจารย์พูดว่า...อ้าวเพิ่งมานี่...เป็นยังไงบ้าง ผมก็เรียนให้ท่านทราบซึ่งท่านก็บอกว่าเป็นอาการติดเชื้อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ท่านขอดูจุดเปิดทวารที่หน้าท้องเสร็จแล้วก็สั่งยาฆ่าเชื้อให้มาทาน ผมจึงขอให้ช่วยเบิกอุปกรณ์ให้อีกครั้งท่านก็เขียนในใบสั่งยาและบอกว่าคนไข้มาบ่นให้ฟังว่าอุปกรณ์ขาดแคลน ออกไปหาซื้อจากร้านขายยา+อุปกรณ์ใหญ๋ๆ แถว รพ.ศิริราช และตรงข้าม รพ.จุฬา เหมือนที่ผมไปหาซื้อก็ไม่มี อาจารย์บอกว่าได้เรียนให้ ผอ. ทราบด้วยแล้วว่าอุปกรณ์เหล่านี้มึความจำเป็นและสำคัญต่อผู้ป่วยที่ผ่าตัดเปิดทวารที่หน้าท้องทั้งระบบปัสสาวะและอุจจาระ ดังนั้นคิดว่าวันนี้น่าจะได้อุปกรณ์แน่นอน ลาอาจารย์แล้วลงมายื่นใบสั่งยาที่ชั้นล่างคนเยอะมากเหมือนทุกครั้งผมได้บัตรคิวรับยาแล้วก็ไม่ได้รอเรียกรับสำเนาใบสั่งยา เดินออกจาก รพ.อีกครั้งไปหาซื้อโดนัทมา 12 ชิ้นแล้วขึ้นไปบนตึกชั้นที่ 22 (ไม่ได้คิดฆ่าตัวตายนะครับ)
ออกจากลิฟต์เดินไปตามทางเดินซึ่งผมเคยเดินเข็นเก้าอี้ (wheel chair) หลังจากผ่าตัดได้ไม่กี่วันตามที่แพทย์ประจำบ้าน (Residence Doctor) แนะนำเพราะเป็นการป้องกันลำไส้ติดหลังตัดต่อลำไส้ เดินตรงไปที่ห้องที่ผมเคยนอนพักรักษาตัว WARD พิเศษ 4 (หอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษชาย) แล้วก็เดินกลับมาที่ห้องปฏิบัติงานของ WARD ยกมือสวัสดีพยาบาลซึ่งผมจำได้ว่าเป็นหัวหน้าหอ แกก็รับไหว้พร้อมถามว่ามาเยี่ยมคนไข้ห้องไหนผมก็ยิ้มและบอกว่า พี่...ผมซื้อขนมมาฝากครับ...แกก็เรียกเพือนพยาบาลหลายคนออกมาและพูดว่า...แข็งแรงและดูดีขึ้นมากแล้วเอาเก้าอี้ให้ผมนั่งและคุยกันเพราะเป็นช่วงเที่ยงวันแล้วแกถามผมว่าวันนี้มาตรวจตามนัดหรือ...ผมก็เล่าให้ฟังซึ่งก็ได้คำตอบว่า...ขนาดที่หอผู้ป่วยเบิกอุปกรณ์ชนิดเดียวกับผมยังต้องรอสองอาทิตย์กว่าเพราะทางแผนกพัสดุแจ้งว่าของขาดตลาด แต่คิดว่าคงมีพร้อมแล้ว พี่พยาบาลขออนุญาตดูที่หน้าท้องผมและให้คำแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้หาอุปกรณ์อีกหนึ่งตัวคล้ายกล่องซึ่งมีเข็มขัดคาดปิดบริเวณแป้นและถุงรับปัสสาวะที่เปิดทวารหน้าท้องด้วยลำไส้เพื่อป้องกันการกระแทกในสถานที่ๆ มีคนมากต้องเดินเบียดกันซึ่งผมก็ได้ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ คุยกันประมาณ 20 นาทีก็ลาและลงจากตึกกลับไปที่ห้องจ่ายยา รับสำเนาใบสั่งแล้วไปยื่นที่ช่องรับยา...ถามเภสัชกรว่าได้ครบมั้ยครับ
ดีใจมากครับถุงรับปัสสาวะหน้าท้อง 5 ใบ
แป้นติดหน้าท้องเพื่อติดถุง 10 ชิ้น
ถุงสำหรับต่อพ่วง 1 ใบ
ยาฆ่าเชื้อ 14 เม็ด