ส่งแรงใจเชียร์พี่เสมอครับ....
เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะครับ ..
ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
กำลังใจและแรงต่อสู้ยังมีอยู่ตลอด
ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านครับ
ผมเพิ่งสูญเสียหลานที่รักเหมือนลูกเมื่อปลาย ต.ค 51 เป็นในไขกระดูก เศร้ามาก ขอให้สู้และต้องหายนะครับ
มาโนช
ผมเสียใจด้วยกับการสูบเสียหลานไปครับ โรคนี้ถ้าเป็นที่อวัยวะสำคัญของร่างกาย การรักษาและต่อสู้คงทำได้ยากมากครับ
ขอบคุณที่ให้กำลังใจและอวยพรครับพี่
ไม่ค่อยได้เห็นพี่ CT_Pro4 เข้ามาตอบหรือตั้งกระทู้เลยครับ
สุขภาพเป็นยังไงบ้างครับ พักผ่อนให้มากนะครับ
ผมไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนทางวิทยุสมัครเล่นเพราะใช้เวลาช่วยเพื่อนๆ ดูแลเว๊บบอร์ด 100 วัตต์ ตามคำเชิญครับ
ยังไงพบกันที่
http://www.100watts.com/smf/index.phpถ้าพี่สมัครเป็นสมาชิกแล้ว กรุณาส่ง pm ถึงผม
ผมใช้ชื่อ vswr 1.1 ครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
อรุณสวัสดิ์ครับคุณอารมณ์ดี
ช่วงนี้เห็นเข้าเวปบ่อยขึ้นนะครับ ร่างกายคงจะเริ่มปรับตัวกับคีโมดีขึ้นแล้วนะครับ เดี๋ยวนี้คนเป็นมะเร็งหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ(จากรูปที่โพสมา)เห็นแล้วใจสะท้อนจริงๆ ห้าปีก่อนรุ่นน้องที่เป็นหมอบอกว่าเราทุกคนจะมีชีวิตที่ยืนยาวและหลีกพ้นจากโรคทุกโรคยกเว้นมะเร็ง ผมไม่ค่อยเชื่อแต่เดี๋ยวนี้...
พูดถึงงานศพที่เขาไม่ให้ไปบ่อยมันมีลึกไปกว่าเรื่องความเศร้าใจครับ จริงๆแล้วเขากลัว
ธูปกันครับลูกค้าผมเป็นเจ้าของโรงงานทำผงธูปบอกว่าจริงๆแล้วผงธูปอย่างดีทำจากเครื่องหอมสมุนไพรมีราคาแพงมากถ้าเอาทำธูปทั้งหมดจะต้องขายแพงมากครับส่วนใหญ่จะเอาไปผสมขี้เลื่อย(จากไม้ปาติเกิล?)+ดินปะสิว+กำมะถัน+กาว ในงานศพงานพิธีต่างก็จุดกันคละคลุ้งไปหมดห้ามก็ไม่ได้เสียด้วยเวลาไปงานพวกนี้เลือกทำเลที่นั่งด้วยนะครับ
รักและเป็นห่วงครับ
อภิสิทธิ์
นอกจากเรื่องเขม่าที่เกิดจากการย่างอาหาร สารพิษจากควันบุหรี่ สิ่งใกล้ตัวมนุษย์ตั้งแต่เด็กที่พี่ให้ข้อมูล ส่วนผสมจากลูกค้าโรงงานทำผงธูปจะเป็นคำเตือนสำหรับผู้ที่ต้องจุดธูปเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงต้องกลั้นหายใจเหรือพยายามหายใจให้สั้นที่สุดเพื่อลดปริมาณควันธูปที่หายใจเข้าไปในปอด หรือถือธูปให้สูงเหนือศรีษะมากที่สุด ต้องระวังให้มากเวลาไปงานศพเรื่องที่นั่ง
ขอบคุณ พี่อภิสิทธิ์
ด้วยความเคารพครับ
สารก่อมะเร็ง: ภัยเงียบที่มากับควันธูป "ควันธูป" สัญลักษณ์แห่งศรัทธา ที่อบอวลอยู่ในศาสนสถานมาช้านาน มีสารเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งถึง 3 ชนิด โดยในสถานที่จุดธูป มีสารก่อมะเร็งสูงกว่าที่ไม่จุดถึง 63 เท่า ระบุความรุนแรงของธูป 1 ดอกเทียบเท่าบุหรี่ 1 มวน และหากจุดในบ้าน 3 ดอก โดยไม่ระบายอากาศ ก่อมลพิษเทียบเท่าสี่แยก ที่มีการจราจรพลุกพล่าน พร้อมเสนอโครงการ "จุดแล้วรีบดับ"
นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าแผนกไอซียูโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวระหว่างการเสนอผลวิจัยเรื่อง "สารก่อมะเร็ง: ภัยเงียบที่มากับควันธูป" ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย เมื่อวันที่ 29 ก.ค.51 ณ อาคารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (โยธี) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้เข้าร่วมฟังการเสนองานวิจัยดังกล่าวด้วย
นายแพทย์มนูญเผยถึงวิจัยชิ้นนี้ ที่ร่วมกับ ดร.พนิดา นวสัมฤทธิ์ นักวิจัยสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงร่วมวิจัยด้วยว่า ควันธูปมีสารก่อมะเร็งถึง 3 ชนิดคือ เบนซีน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน ซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งปอดได้
ทั้งนี้ งานวิจัยได้ศึกษาในบริเวณที่มีการจุดธูป ในวัด 3 แห่งที่จังหวัดอยุธยา ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ โดยเมื่อตรวจเลือดและปัสสาวะ ของกลุ่มคนทำงานในวัด ที่ได้รับควันธูป และกลุ่มที่ไม่ได้รับควันธูป พบกรดมิวโคนิค กรดโมโนไฮดรอกซี-บิวท์นิล เมอร์แคปทูลิค (Monohydroxyldroxyl-butenyl mercaptulic: MHBMA) และไฮดรอกซีไพรีน ซึ่งเป็นสารที่บ่งชี้ว่าร่างกายได้รับสารก่อมะเร็งทั้ง 3 ในกลุ่มคนทำงานที่ได้รับควันธูป
เมื่อเปรียบเทียบสารเบนโซเอไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่มีศักยภาพก่อมะเร็งสูงสุด ในสถานที่จุดธูปและไม่จุดธูป พบว่าในวัดที่จุดธูป มีสารดังกล่าวสูงกว่าสถานที่ไม่จุดธูปถึง 63 เท่า
"นอกจากนี้การติดตาม ดูการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมยังพบว่า สารพันธุกรรมในร่างกายของคนทำงาน ที่ไม่ได้รับควันธูป มีการแตกหัก แต่สามารถซ่อมแซมได้ตามปกติ ขณะที่คนทำงานซึ่งได้รับควันธูปเป็นประจำนั้น พบการแตกหักของสารพันธุกรรมเพิ่มขึ้น และมีการซ่อมแซมลดลง ซึ่งระยะเริ่มต้นของการเป็นมะเร็งคือ การแตกหักของสารพันธุกรรมและไม่สามารถซ่อมแซมได้ จนสุดท้ายสารพันธุกรรมจะกลายเป็นเซลล์ใหม่ และมีการแบ่งตัวถาวรแล้วเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด" นพ.มนูญเผยข้อมูล
อย่างไรก็ดี นพ.มนูญกล่าวกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งเนื่องจากควันธูป แต่มีหลักฐานจากงานวิจัยว่า ควันธูปมีสารชักนำให้เกิดโรคมะเร็ง และงานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าควันธูป 1 ดอกมีปริมาณสารก่อมะเร็ง ไม่ต่างจากบุหรี่ 1 มวนเลยทีเดียว และหากจุดธูป 3 ดอกภายในบ้านที่ไม่เปิดให้อากาศระบายจะเทียบเท่ากับมลพิษทางอากาศในสี่แยกที่มีการจราจรพลุ่กพล่าน
"นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยโรคมะเร็งซึ่งไม่สูบบุหรี่และไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ จึงน่าจะมีสาเหตุอื่นที่ก่อให้เกิดมะเร็งและคาดว่าคัวนธูปน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ระยะเวลาที่จะส่งผลให้เป็นมะเร็งนั้นต้องสั่งสมเป็นสิบๆ ปี เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสม" นายแพทย์มนูญกล่าว
ถึงแม้จะพบว่าควันธูปมีอันตราย แต่คงไม่ง่ายนักที่จะเลิกวัฒนธรรมการจุดธูป โดยนายแพทย์มนูญระบุว่า การจุดธูปมีจุดเริ่มต้นจากอียิปต์ที่สักการะเทพเจ้าด้วยควันกลิ่นหอมและปัจจุบันกว่าครึ่งโลกก็ยังยึดถือวัฒนธรรมนี้อยู่ โดยเอาควันหอมเป็นเครื่องสักการะ และเครื่องมือสื่อสารกับสิ่งที่สักการะ
อีกทั้งเพื่อคำนึงผู้ประกอบการด้วย นายแพทย์มนูญจึงมีแนวคิดในการทำโครงการ "จุดแล้วรีบดับ" โดยเสนอว่าผู้ที่จุดธูปอธิษฐานเมื่อขอพรเสร็จแล้ว ก็รีบดับด้วยวิธีจุ่มน้ำหรือทราย ทั้งนี้คนที่จุดธูปจะได้มีส่วนช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อม และลดสารพิษ ในการก่อมะเร็งด้วย
"ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มโครงการ แต่จะเข้าไปพบพระ เพราะพระได้รับผลกระทบมาก กะจะเข้าไปคุยที่วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษกก่อน" นายแพทย์มนูญเผย
ทั้งนี้ โครงการที่ริเริ่มไว้จะมีคำขวัญคือ "ดับควันธูป ลดคาร์บอน หย่อนควันพิษ ทอนฤทธิ์มะเร็ง" และอนาคตจะขอให้ผู้ประกอบการผลิตธูปชนิดใหม่ ที่มีเนื้อบริเวณปลายธูปเท่านั้นเพื่อลดปริมาณควันธูป
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?mode=quote&comment=1&index=0&table_id=1&cate_id=121&post_id=33681