เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 13, 2024, 11:27:08 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เอามาให้พี่น้องอ่านกันอีกครั้ง  (อ่าน 4953 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Rock
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: มิถุนายน 28, 2005, 09:08:38 PM »


ดับไฟใต้ ภาค 2 รู้ยุทธศาสตร์ - รู้ยุทธวิธี โดย พลเอก หาญ ลีนานนท์
สมาชิกวุฒิสภาสตูล มติชนรายวัน วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ปีที่ 27 ฉบับที่ 9782

จนถึงวันที่เขียนบทความนี้ 12 ธันวาคม 2545 ก็มีการสูญเสียของฝ่ายเรามิเว้นแต่ละวัน
เนื่องมาจากการก่อการร้ายของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้

ในฐานะที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร ถ้าทหารถูกฆ่าตาย ถูกโจมตีฐาน
ถูกซุ่มยิงทุกวัน เอาหน้าไว้ที่ไหน

ถ้าเป็นอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการ ก็ต้องเดือดร้อนอยู่ในใจว่า
ลูกศิษย์ลูกหาที่สำเร็จกันไป กำลังทำอะไรกันอยู่

นายทหารระดับ ผบ.พัน ผู้การกรม ผบ.พล และฝ่ายเสนาธิการต่างๆ นั้น
ผ่านโรงเรียนเสนาธิการทหารบกมาแล้วทั้งนั้น
เข็มเสธฯคงจะขึ้นสนิมเขียวไปหมดแล้วจึงคิดอะไรไม่ออก ไม่ว่าแต่เฉพาะทหาร ตำรวจ ตชด.ก็ผ่านโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
มาหลายคนแล้วเช่นกัน

คนเป็นเสธฯนั้นต้องทำตัวเป็นผู้บังคับบัญชา ต้องคิดแทน ผบ.กรม ผบ.พล หรือแม่ทัพ
งานของเสนาธิการจึงจะรุ่งเรือง

หน่วยจะพิชิตศัตรู หรือการรบได้ราบคาบ มิใช่ให้รอว่า นายจะสั่งอย่างไร
ถ้านายเป็นคนคิดไม่เป็น หน่วยของเรามิแพ้ข้าศึกศัตรู
หรือถูกล่าทุกวันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ผู้เขียนมีประสบการณ์ในอาชีพทหาร เป็นทั้งเสนาธิการ และเป็นผู้บังคับบัญชา
ระดับแม่ทัพ ที่ทำงานเสร็จให้แก่แผ่นดินนี้ คนทั่วประเทศ รู้จัก และไม่ลืม
ใต้ร่มเย็น ไม่ลืม ทัวร์นรก

นโยบายใต้ร่มเย็นนั้น ผู้เขียนคิดเอง เขียนเอง หลังจากรับหน้าที่ได้เพียง 2 วัน
และประกาศใช้ทันทีเมื่อ 2 ตุลาคม 2524 ไม่ต้องมารอ ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์

มีนโยบายแล้ว ต้องมีแนวทางปฏิบัติในขั้นตอนรายละเอียดต่างๆ
เพราะนโยบายนั้นมักจะเป็น นามธรรม หรือขอบเขตกว้างๆ
เป็นยุทธศาสตร์ก็ว่าได้เพื่อให้บรรลุนโยบาย ก็ต้องมีแนวทาง
เปรียบด้วยการปฏิบัติทางยุทธวิธีของทหาร ก็มักจะมีคำถาม(ปุจฉา) ระบายออกมาทางสื่อ(น.ส.พ.)
ว่าพวกโจรก่อการร้ายนี้ เขาก่อเหตุร้ายทำไม ประสงค์อะไร

อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย กลไกรัฐทั่วไป หรือข้าราชการที่ทำงานอยู่ที่ 3 จชต.
ขณะนี้ไม่แน่ใจว่า รู้จักโจรก่อการร้ายเหล่านี้หรือไม่

ถ้ารู้จักก็คงสยบ หรือดับไฟใต้ให้มอดลงได้แล้ว

โจรก่อการร้ายเหล่านี้คือ นักรบของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ผู้เขียนไม่สามารถบอกได้ว่า หัวหน้ากลุ่มต่างๆ(มีหลายกลุ่ม) มีใครบ้างและชื่ออะไร?
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัฐต้องรู้ ซึ่งต้องปิดลับ แต่ผู้เขียนบอกหน้าตาของเขาได้
และบอกพฤติกรรมที่เขากำลังทำอยู่นี้ได้

ที่ว่ารู้หน้าตาของขบวนการได้ก็คือ รู้ยุทธศาสตร์ และยุทธวิธี ทางการเมือง
และการทหารของเขา ซึ่งได้จากการอ่าน ศึกษา และประสบการณ์ในอดีต

ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของขบวนการโจรก่อการร้ายฯคือ
แบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้ของประเทศไทย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลาบางส่วน(อ.นาทวี
และ อ.สะบ้าย้อย) เป็นรัฐเอกราช ปกครองตนเอง เช่น รัฐอิสลามอื่นๆ ในโลก

เพื่อให้บรรลุยุทธศาสตร์ทางการเมืองดังกล่าว ก็ต้องมีวิธีการปฏิบัติ(ยุทธวิธี)
เป็นขั้นเป็นตอน คือ ก่อนรัฐธรรมนูญปี 40 โจร หรือแนวร่วม เขาสอนให้ ยึดตำแหน่ง
ผู้ใหญ่บ้าน,กำนัน,สภาตำบล

เมื่อมีรัฐธรรมนูญปี 40 ก็เปิดโอกาสให้คนไทยมุสลิมที่มีความรู้ ตื่นตัว
และเข้ามาสู่ขบวนการทางการเมืองมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี
เพราะคนมุสลิมมีจำนวนมากถึง 80% เมื่อเทียบกับคนไทยพุทธในพื้นที่
จะได้เข้ามามีส่วนร่วมปกครองดูแลพี่น้องมุสลิมด้วยกันเองถูกต้องแน่นอน
ถ้าไม่มีความคิดแอบแฝงซ่อนเร้น

ผู้เขียนเกิดสตูล เรียนที่สตูล จบชั้นมัธยมปีที่ 4 จึงต้องไปเรียนต่อที่
จังหวัดภูเก็ต เพราะตอนนั้นสตูล มีแค่มัธยมปีที่ 4 เพื่อนทั้งหมดเกือบ 30 คน
ในชั้นเรียนทุกชั้น มีเด็กพุทธไม่ถึง 10 คนไม่เห็นใครคลุมฮิญาบ(หญิง)
หรือสวมกะปิเยาะห์(ชาย)

ทุกวันนี้ที่สตูลมีคนไทยมุสลิม อายุร่วม 70 ปี มาทำงานอยู่กับผู้เขียนเขาเคยอยู่
ปัตตานี ในวัยหนุ่ม(ไม่เกิน 35 ปี ขณะนั้น) เขาบอกว่าไม่มี ฮิญาบ และกะปิเยาะห์
ในสมัยนั้น

การแต่งกายแบบนี้เพื่อแสดงออกความเป็นคนนับถืออิสลาม เกิดขึ้น
เมื่อนักการเมืองไทยมุสลิมเข้ามาในสภา ก็ยังคิดในแนวทางที่ดี คือ
เขาต้องการสร้างความยิ่งใหญ่ในกลุ่มของตน ที่พรรคจะต้องแคร์

แต่ขณะเดียวกันความรู้สึกแปลก ทางภาษา ศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมได้ค่อยๆ
เข้าเกาะกุมใจลูกหลานไทยมุสลิมโดยไม่รู้ตัวว่า แผ่นดินนี้ต้องแบ่งแยกเพราะถูกสอนให้
ไม่ให้เอาหนังสือไทยขึ้นบ้าน พูดไทยไม่ได้บาป ปู่ ย่า ตา ทวด
ของเขาอยู่ทางอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำตากใบ และแม่น้ำโก-ลก

เหตุร้าย โจรก่อการร้าย เผาบ้านพักครู โรงเรียนมุจลินทราราม เมื่อ 17 มีนาคม 2547
วันรุ่งขึ้นไปถึง พูดคุยกับครูหลายคน ครูเล่าให้ฟังว่า สงสารเด็กเป็นที่สุด
เพราะถูกสอนไม่ให้พูดไทย เอาหนังสือไทยขึ้นบ้านไม่ได้บาป

หนังสือที่ครูแจกวันเปิดเทอมเด็กมิเคยเอากลับบ้าน เด็กไม่เคยทำการบ้านจึงสอบตกทุกปี
แต่ก็สอบซ่อมยกชั้นทุกปี จบ ป.6 แล้วจึงพูดไทยไม่ได้ ทั้งๆ ที่เด็กมุสลิมพูดไทย(กลาง)ได้ชัด
ลูกไทยใต้แท้ๆ เมื่อพูดไทยแล้วออกทองแดง วันหนึ่งครูแจกนมกล่อง
เด็กมุสลิมมารับนมกล่องจากมือครูพุทธ เมื่อรับนมไปแล้วยังไม่ดื่ม วิ่งหาก๊อกน้ำ
เอากล่องนมไปล้าง(มือครูพุทธสกปรก ห้ามรับของกินจากคนนอกศาสนา)
ครูสงสารเด็กน้ำตาซึม

เยาวชนมุสลิมถูกมอมเมาทำนองนี้มานาน 20 ปีเศษแล้ว
ถ้ามีคนทำต่อใต้ร่มเย็นจากผู้เขียนเมื่อหมดวาระ มทภ.4 ปี 2526 ความเกลียดชิงชัง
ระหว่างพุทธ-มุสลิม อย่างลึกซึ้งเข้าสายเลือดเช่นนี้หมดไปแน่นอน

ความคิดแต่เบื้องต้นที่จะแสดงให้เห็นความสำคัญของกลุ่มมุสลิมในพรรคการเมืองไทย
ได้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ตอกลิ่มให้เกิดความร้าวฉานในทางสังคมโดยไม่รู้ตัว เช่น
สอนให้เด็กๆ เกลียดพระสงฆ์ เมื่อพบเห็นพระบิณฑบาตตอนเช้า จะเอามือปิดจมูก
และถ่มน้ำลายรด

ในโรงเรียนเด็กเล็ก(ตาดีกา) สอนให้รู้จักการฆ่าโดยไม่มีเหตุผล
ถ้าพบคนแต่งตัวเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ใช้มือเปล่า 2 นิ่ว ทำท่ายิง
จ้องไปยังคนเหล่านั้น เด็กโตหน่อยก็ทำปืนอาก้า ด้วยโฟม ประทับยิงประกอบเสียงด้วยปาก
ปัง...ปัง...ๆ..ๆ

วันที่ท่านนายกฯทักษิณ ทัวร์ 3 จชต.ครั้งแรก เมื่อผ่านแถวเด็กๆ
นายกฯทักษิณยังชี้ให้ ส.ส.ที่ติดตามไปในคณะ
ดูเด็กทำมือแทนปืนชี้มาที่ทางคณะเมื่อผ่านไป
ไม่ทราบว่านายกฯเข้าใจความหมายเขาหรือไม่

ยุทธวิธีทางการเมืองของขบวนการโจรก่อการร้าย ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่กำลังทหารได้รับคำสั่งให้ถอนตัวโดยสิ้นเชิง เมื่อปี 45
เพื่อไปปฏิบัติภารกิจอื่น และให้ตำรวจรับผิดชอบพื้นที่ที่ทหารเคยควบคุมอยู่
โจรบนเขาได้ลงมาควบคุมหมู่บ้านทันที และสร้างแนวร่วมขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ทุกหมู่บ้านที่ชายแดนมีคนของโจรควบคุม

และเมื่อถึงเวลาการเลือกตั้งตาม รัฐธรรมนูญปี 40
ตัวแทนของโจรก็ได้รับการเลือกตั้งเข้ามานั่งอยู่ในการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างพร้อมเพรียง
และโดยธรรมชาติของการเลือกตั้งระดับชาติ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นสมาชิก อบต. ส.ท. หรือ
ส.จ. ในการปกครองส่วนท้องถิ่นก็มักจะเป็นหัวคะแนน

ผู้ที่ลงรับสมัครการเลือกตั้งระดับชาติ(ส.ส.,ส.ว.) ท่านผู้อ่านคงคิดออกแล้ว
โดยผู้เขียนมิต้องบอกว่า ความคิดแบ่งแยกดินแดนนั้น ไปลึกเกินขอบเขต
ของผู้ที่คิดแสดงความคิดให้เห็นความสำคัญของกลุ่มของตน
เพื่อดึงความสนใจของพรรคการเมือง สิ่งที่เขาคิด และ
ทำเป็นแนวร่วมของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนโดยไม่รู้ตัว(แนวร่วมมุมกลับ)

เขาลืมไปว่า องค์การบริหารส่วนตำบลนั้น ย่อมมีทั้งคนพุทธและมุสลิม
แน่นอนคนมุสลิมต้องมีมากกว่า เช่น ใน อบต.หนึ่งมีมุสลิม : พุทธ 10 : 3
แล้วจะมาบอกว่าต่อไปนี้เวลาประชุม อบต.พวกเราต้องพูดภาษายาวีกัน หมายความว่าอย่างไร
อบต.ที่เป็นพุทธ จะทำงานใน อบต.นั้นต่อไปได้อย่างไร

ใครเป็นคนสั่งให้ทำอย่างนี้ ถ้ามิใช่นักการเมืองที่มีตำแหน่งในระดับสูง
และคงจะเป็นคนคนเดียวกันกับที่เสนอให้รัฐบาลถอนทหาร เมื่อปี 45

โดยสรุปขณะนี้ ขบวนการโจรก่อการร้ายได้ยึดการเมืองท้องถิ่นไว้หมดแล้วใน 3 จชต.เหตุการณ์ร้ายจึงเกิดขึ้นทุกวัน
ฝ่ายรัฐบาลและประชาชน ถูกฆ่าตายเป็นประจำทุกวัน จนเป็นเหตุการณ์ปกติ ฝ่ายรัฐบาล(ขรก.,พลเรือน,ตำรวจ
และทหาร) มองไม่เห็นโจร เพราะเขาอยู่ในที่มืด(ปะปนกับชาวบ้านอยู่ในหมู่บ้าน)

ทุกครั้งที่เกิดเหตุร้าย ไม่ว่า ยิง,ฆ่า,ซุ่มยิง,ก่อวินาศกรรม
ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฝ่ายเราจะต้องยกกำลังไปไล่ล่า 100-200 คน
เพราะกว่าจะรวบรวมกำลัง ปรับขบวนพร้อมเคลื่อนที่ได้ ก็ร่วม 1-2 ชม.
ฝ่ายเราตามล่าไปในป่าเขา 2-3 ชม. พบแต่ความว่างเปล่าไม่มีที่หมาย
ไปถามชาวบ้านบอกไม่รู้ไม่เห็น ในขณะที่โจรก่อการร้ายกลับมานอนอยู่ในบ้านแล้ว
หลังจากเสร็จการก่อการร้าย 5-10 ฝ่ายเราทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่เคยเปลี่ยนแปลง

โรงเรียนเสนาธิการทหารบก อันเป็นสถาบันที่ผู้เขียนเทิดทูน
เพราะเป็นแหล่งที่ประสิทธิประสาท ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหาร
ให้แก่บรรดาแม่ทัพนายกอง ของกองทัพบกเอาชนะศึกของชาติ มาหลายสงครามแล้ว
ทั้งภายในและภายนอก คงจะต้องทบทวนบทเรียนจากการรบ
และเขียนแนวทางการแก้ปัญหาให้เหล่าสานุศิษย์ทั้งหลาย ที่ติดเข็มเสนาธิปัตย์
อยู่ที่อกเสื้อด้านขวาเสียใหม่

ขณะนี้โจรก่อการร้าย เป็นฝ่ายรุกมาร่วมปีแล้ว(ขาดอีกไม่กี่วันก็ถึง 4 ม.ค. 47 ครบปี)
ลูกศิษย์ยังแก้ปัญหาไม่ตก เป็นฝ่ายรับตลอด พร้อมกับการสูญเสียชีวิตของฝ่ายเรา 300
เศษแล้ว

ไม่ทราบว่า โจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
เรียนวิชาเสนาธิการกิจมาจากสำนักไหนแต่ที่แน่ๆ ก็คือ แม่ทัพใหญ่(มทภ.4)
ของฝ่ายเราถูกเปลี่ยนไป 3 คนแล้ว ภายในปีเดียว เพราะทำงานไม่เข้าตานายกฯทักษิณ
สถานการณ์ก่อการร้ายที่ จชต.เป็นสถานการณ์ทางทหาร
ที่ใช้แม่ทัพเปลืองที่สุดเท่าที่เคยมีมา และผมก็ไม่ทราบว่า
ใครจะเป็นหนูทดลองยาตัวต่อไป

ตราบใดเรายังไม่รู้ว่าฝ่ายศัตรูนั้นเขาคิดอย่างไร มียุทธศาสตร์และ
ยุทธวิธีทางการเมือง,ทางการทหารอย่างไร กล่าวคือไม่รู้จักหน้าตาของศัตรู ไม่รู้เขา
ประกอบกับ ไม่รู้เรา คือไม่มีแนวทางให้หน่วยปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เมื่อ
ไม่รู้เขา-ไม่รู้เรา รบร้อยครั้งก็แพ้ทั้งร้อยครั้ง
ตามพิชัยสงครามขอฝากให้แม่ทัพคนต่อไป

ดับไฟใต้ (2) นี้ โดยสรุปคือ แนะนำให้รู้จัก ศัตรูว่าเขาคิดอย่างไร
กล่าวคือให้รู้จักยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ทั้งทางการเมืองและทางการทหาร
ของขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนโดยย่อ ผู้อ่านคงต้องรอ ดับไฟใต้ (3) คือ
วิธีแก้ปัญหาของฝ่ายเรา(เฉลยเฉพาะที่ไม่ลับ) ต่อไป
บันทึกการเข้า
Rock
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2005, 09:09:56 PM »

ดับไฟใต้ (3)

โดย พลเอกหาญ ลีนานนท์ มติชนรายวัน วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่
9811

เมื่อไม่นานมานี้ ข่าวจากแหล่งข่าวเปิด ในหนังสือพิมพ์ ระบุว่า สายลับอเมริกัน
และอิสราเอล แจ้งว่า โจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
จะทำงานใหญ่ด้วยระเบิดพลีชีพ(คาร์บอมบ์ หรือจักรยานยนต์บอมบ์)
เพื่อสร้างภาพที่เป็นลบให้กับรัฐบาลทักษิณ ให้มากขึ้นก่อนเลือกตั้ง คือ
ประมาณต้นปีใหม่

ขณะเดียวกันสายลับอเมริกันและอิสราเอลก็กำลังติดตามข่าว
ให้รู้แน่ว่าการก่อการร้ายสากล คือ กลุ่ม อัลเคด้า และเจไอ
ได้เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้(ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส)
หรือไม่

อีกทั้งแหล่งข่าวดังกล่าวได้เดินทางไปที่ 3 จังหวัดชายแดนถิ่นใต้ บ่อยครั้งได้พบว่า
คนหนุ่มสาวหายไปจากหมู่บ้านที่ติดชายแดนมากเมื่อถามก็ได้ความว่าไปทำงานในมาเลเซีย

แม้จะเป็นข่าวเปิดในหน้าหนังสือพิมพ์ผู้เขียนก็ให้ความสนใจ
เพราะเกาะติดข่าวนี้มาตลอดเวลา ประสบการณ์ในการทำงานในอดีต
เมื่อบวกกับสถานการณ์ของการก่อการร้ายสากล ซึ่งเป็นการก่อการร้ายแนวใหม่
ที่เรียกว่า นีโอเทอเรอรีสซึม (Neo Terrorism) หรือการก่อการร้ายที่ไร้ผู้นำ
ที่เคยนำเสนอใน ดับไฟใต้ (1) แล้วนั้น อยากจะเตือนว่า
ฝ่ายเรามิควรเพิกเฉยต่อข่าวเปิดนี้
เพราะระเบิดพลีชีพย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายในเมื่อโจรก่อการร้ายฯ
มีความเชื่อทางจิตวิญญาณว่าเขาไม่ตาย ทันทีที่เนื้อหนังมังสาของเขาแตกแยกเป็นชิ้นๆ
เพราะระเบิดพลีชีพนั้น วิญญาณของเขาก็ไปสู่อ้อมอกของพระศาสดาของเขาทันใดนั้น
เขาไม่ได้ตายจริง

แต่...ถ้ากลุ่มก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนไม่สามารถทำได้เอง นักรบรับจ้างทั่วโลก
ของการก่อการร้ายแนวใหม่ ก็จะรับอาสามาทำให้
เพียงแต่ให้นักรบท้องถิ่นเป็นผู้ชี้เป้า

ถ้ากลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดน อาศัยมือของ อัลเคด้า หรือเจไอ เมื่อใด
นั่นแหละจะเป็นสะพานทอดให้ กองทัพต่างชาติ หรือตำรวจโลก
เข้ามาปราบกลุ่มโจรก่อการร้าย ชาวไทยเราคงไม่อยากเห็นบ้านเมือง ที่ 3
จังหวัดชายแดนสลักหักพัง เช่น สงครามในอีรัก และอัฟกานิสถาน

แน่นอนประชาชนเท่านั้นเป็นผู้รับทุกข์แสนสาหัส

ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ มิได้เป็นปัญหาสลับซับซ้อน
ถ้าผู้แก้ปัญหารู้แก่นแท้ของปัญหาและรู้จริง เสียสละ
และทุ่มเทให้กับการแก้ปัญหาทั้งชีวิต

สำคัญว่าต้องละทิ้งความคิดเห็นของตนเองเสียบ้าง ฟังความเห็นของคนอื่น อย่ามีอัตตา
ทำใจให้กว้าง โดยเฉพาะความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา และหน่วยงาน
ที่เขาคร่ำหวอดอยู่กับงาน เรียกมาใช้ใกล้ตัว เมื่อกรองดีแล้วเอาความคิดนั้นๆ
มาเป็นความคิดส่วนรวม และออกเป็นคำสั่งยุทธการหน่วย
ทำให้ทุกคนทุกระดับการบังคับบัญชา มีส่วนร่วมในแผนยุทธการนั้นๆ

แผนยุทธการใต้ร่มเย็นของผู้เขียนนั้น ผู้บังคับหน่วยทุกระดับ และฝ่ายเสนาธิการต่างๆ
มีส่วนร่วมในการวางแผน ผู้เขียนตัดสินใจแก้แผนยุทธการ
ที่ฝ่ายเสนาธิการประจำตัวแม่ทัพภาคที่ 4 วางแผนชั้นต้นให้ กลางที่ประชุมใหญ่กองทัพ
หลายครั้ง จึงทำให้สามารถทำ ใต้ร่มเย็น ในยุทธการต่างๆ ประสบความสำเร็จทุกครั้ง
ความเป็นห่วงกังวลที่ทับถม หนักอึ้งอยู่ จะมลายหายไปอย่างปลิดทิ้ง
เบาตัวทันทีเพราะแผนยุทธการนั้น มีผู้บังคับหน่วยทุกระดับ และฝ่ายอำนวยการ(เสนาธิการ)
มีส่วนร่วมรับผิดชอบวางแผน มิได้รับผิดคนเดียว เมื่อเป็นดังนี้
ฐานที่มั่นที่สำคัญทุกแห่งของ ทปท.ถูกทำลายทันทีเมื่อถึง วัน ว. เวลา น.

ขอย้อนกลับไปแหล่งข่าวเปิดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทราบขีดความสามารถของฝ่ายศัตรู
ที่กล่าวข้างต้นแล้ว ขอวิเคราะห์ว่า
เป้าหมายของศัตรูที่จะระเบิดพลีชีพต่อเรานั้นน่าจะเป็นที่ตั้ง สถานที่ราชการ เช่น
อำเภอ ศาลากลาง โรงพักต่างๆ และฐานที่ตั้งทางทหาร
ฝ่ายศัตรูน่าจะไม่กระทำต่อเป้าหมายที่เป็นประชาชน ที่คนมุสลิมจะไปชุมนุมกัน เช่น
ร้านน้ำชา หรือตลาดนัด
เพราะจะสร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นในกลุ่มมุสลิมที่ไม่ต้องการความรุนแรง
กลุ่มโจรก่อการร้ายยังคงต้องการความร่วมมือจากประชาชน เพื่ออาศัยเป็นที่หลบซ่อน

เพราะฉะนั้น พึงระวังในเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงหลังวันครบรอบปีของวันจุดดอกไม้ไฟ ของแผนยุทธศาสตร์ขั้นที่ 6 เมื่อ 4
มกราคม 47 ยุทธศาสตร์ทหาร 7 ขั้นตอนของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ตามเอกสารที่ฝ่ายทหารยึดได้ที่บ้าน อุสตาซ สะมะแอ ดูเซ็ง ครูสอนศาสนาที่
โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อ 1 พ.ค. 46

หลังจาก 4 มกราคม 47 โจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ได้จุดไฟขึ้นหลายหย่อม
เมื่อมองดูในแผนที่ยุทธการ หย่อนไฟต่างๆ จะพยายามให้ลุกโชนเชื่อมต่อกัน
และใกล้กันมากขึ้นในอำเภอต่างๆ ที่ชายแดน ถ้าผู้เขียนเป็นผู้บังคับบัญชา
ที่แก้ปัญหาขณะนี้ ต้องคิดให้ได้ว่า ยุทธศาสตร์ ปฏิวัติ 7 ขั้นของ
รัฐเอกราชปัตตานีนั้นก้าวมาถึงไหนแล้ว และมีความเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร
ฝ่ายเรามิสามารถหยุดมันลงเสียได้ หรือจะปล่อยให้เป็นไปตามเป้าหมาย

ที่แหล่งข่าวเปิด นายทหารผู้ใหญ่คนหนึ่งเคยพูดถึงยุทธศาสตร์ 1,000 วัน
เวลานี้เหลือกี่วัน....?

และเป้าหมายของยุทธศาสตร์ 1,000 วัน ของศัตรูนั้นคืออะไร
ที่ไหนที่เป็นเป้าหมายแตกหักใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ในดับไฟใต้ (2) ผู้เขียนได้แนะนำให้รู้จักหน้าตา หรือภาษาทหารก็คือให้รู้จัก
ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการเมืองของฝ่ายศัตรู แล้วดับไฟใต้ (3)
นี้เป็นการแนะนำให้ผู้อ่านรู้ว่า ถ้าเป็นผู้รับผิดชอบแก้ปัญหาของชาติ ที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ จะมีแนวทางอย่างไร

คงจะต้องแยกการแก้ปัญหาชาติที่แผ่นดินถิ่นใต้ที่ชายแดน เป็น 2 ระดับ
และคงจะพูดได้เฉพาะขอบเขตจำกัด ไม่เปิดเผยเกินไป และไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ
ที่ว่าแยกการแก้ปัญหาเป็น 2 ระดับ คือ ระดับชาติ(ครม.และ นรม.)
และระดับผู้ปฏิบัติในภูมิภาค คือระดับผู้บังคับบัญชาหน่วย ทหาร ตำรวจ และ ตชด.และข้าราชการพลเรือน(พตท.=พลเรือน
ตำรวจ ทหาร)

ระดับชาติ คือ ระดับรัฐบาล เมื่อรู้ยุทธศาสตร์การเมือง และยุทธวิธีการเมือง
ของฝ่ายศัตรูหรือฝ่ายโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนในดับไฟใต้ (2) แล้ว

วิธีแก้ไขก็คือ ต้องหาทางสร้างความคิดใหม่ให้เกิดขึ้นแก่เยาวชนรุ่นใหม่
ไม่ปล่อยให้ครูสอนศาสนา(อุสตาซ) มามอมเมาเด็กในโรงเรียนตาดีกา,สถานสอนศาสนาปอเนาะ
และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ซึ่งต้องมีโครงการระยะยาว
และระยะสั้นเฉพาะหน้าที่ต้องทำโดยรีบด่วน ต้องมีการควบคุม,

กำกับดูแล การเรียนการสอน ของลูกหลานมุสลิม และแนะแนวตลอดเวลา รวมถึงผู้ปกครอง
และพ่อแม่ของเด็กให้ทราบวิถีชีวิต และอนาคตของเด็กไทย ในการพัฒนาประเทศ
ศาสนาอย่างเดียวมิสามารถพัฒนาประเทศได้ เยาวชนมุสลิมต้องศึกษาสายสามัญไปด้วยพร้อมๆ
กัน เมื่อจบอุดมศึกษาแล้ว หรือมีครอบครัวแล้ว ก็เรียนศาสนาที่ปอเนาะได้ไม่มีขีดขั้น

เมื่อมีแนวทางเช่นนี้ คนหนุ่มสาวมุสลิมก็จะมีโอกาสมาทำงานรับใช้ชาติบ้านเมือง
ทุกสาขาอาชีพ มีการงานทำ ดำรงชีวิต ตามวิถีไทย และมีโอกาสดูแล
พี่น้องมุสลิมได้มากขึ้น เยาวชนมุสลิมจะได้รับการศึกษา ตามแนวทางที่ชาติกำหนด
มีงานทำ ไม่ต้องไปทำงานตามแพปลา ไม่ถูกหลอกไปติดยา
ซึ่งล่อแหลมต่อการถูกมอมเมาทางความคิด ไปกู้ชาติเป็นรัฐเอกราชปัตตานี

ที่ว่ามาแล้วนี้ เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาทางการเมือง เป็นเรื่องของความคิด
และอุดมการณ์สร้างความคิดใหม่ให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่

ถามว่า แล้วคนที่เก่าแก่ที่มีรากเหง้าหยั่งลึกอยู่ในการเมืองไทยขณะนี้ละ
และมีอยู่แล้วที่เป็นนักการเมืองระดับชาติ ส่วนการเมืองท้องถิ่นนั้น ถูกครอบงำไว้
อย่างน้อยก็ 70% กลุ่มนี้ก็คือ หัวคะแนนของนักการเมืองระดับชาติ
และการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นแล้วใน 6 กุมภาพันธ์ 2548
นี้ความคิดทางการเมืองในการแบ่งแยกดินแดน กำลังรุกเข้าไปสู่รัฐสภา...ใช่ไหม...?

ส่วนในทางยุทธวิธี(การปฏิบัติ) คงต้องสงวนไว้ มิสามารถเปิดเผยทางสื่อได้
เพื่อมิให้ศัตรูของเรารู้ว่าเราจะเอาชนะเขาอย่างไร
ควรจะรู้เฉพาะกับฝ่ายปฏิบัติเท่านั้น

อย่างไรก็ดี บรรดาผู้บังคับหน่วยทั้งหลาย ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ไม่ว่า
ทหารตำรวจ หรือตำรวจตระเวนชายแดน หากนำพฤติกรรมต่างๆ ของศัตรู(โจรก่อการร้าย)
ที่ปฏิบัติการรุนแรงต่อฝ่ายเรา
ฆ่าฝ่ายเราตายเป็นรายวันได้นั้นเป็นสิ่งที่จะต้องมาใคร่ครวญให้จงหนัก

และน่าจะมีคำถามในใจว่า ฝ่ายเราหมดหนทางสู้โจรหรืออย่างไร ทำไมโจรมีเสรีในการฆ่า
และเลือกเป้าหมายทำลายได้ตามที่ตนต้องการ

อะไรมาบังตาไม่ให้ฝ่ายเรามองเห็นโจร

เราเคยคิดที่จะย้อนรอยโจรบ้างไหม

ถ้าคิดออกก็ทำเลยอย่ามัวรีรอให้ชาวบ้านต้องสังเวยชีวิต
แก่การกระทำของโจรวันแล้ววันเล่า

ในทางตอบโต้ทางปฏิบัติทางยุทธวิธี ก็คงเฉลยได้เพียงแค่นี้
ผู้บังคับบัญชาต้องมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชา และประชาชน
ในสงครามที่ไม่ประกาศนี้

กำลัง พตท.(พลเรือน ตำรวจ ทหาร) ต้องรีบดับไฟใต้
ก่อนที่ดอกไม้ไฟจะบานลุกโชติช่วงแดงฉานไปทั่วถิ่นใต้ที่ชายแดน เลยจุดที่ยากจะดับได้

เนื่องจาก ศาสนาอิสลาม เป็นธรรมนูญแห่งชีวิตของคนไทยมุสลิม
วิถีชีวิตของพี่น้องมุสลิมถูกกำหนดไว้ในคัมภีร์ กุรอ่านอันศักดิ์สิทธิ์
คำสอนในคัมภีร์ถูกบิดเบือนไป เป็นคัมภีร์มรณะ
ซึ่งถูกเปิดเผยขึ้นในตัวกลุ่มโจรที่ถูกยิงตายในกรณี กรือเซะ ทำให้จุฬาราชมนตรี
ผู้นำทางศาสนาอิสลามในประเทศไทยต้องแปลคำสอนในคัมภีร์ที่ถูกต้องส่งไปตามมัสยิดต่างๆ
ทั่วประเทศไทย ถึง 200,000 เล่ม

เพราะฉะนั้นความคิดทางการเมือง หรืออุดมการณ์ทางการเมือง
เป็นประเด็นปัญหาในการคิดแก้ปัญหาที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ความคิดแบ่งแยกดินแดนได้เริ่มมา 107 ปีแล้ว(ดับไฟใต้ (1) นับถึง 4 มกราคม 47
ความคิด และ/อุดมการณ์ เป็นตัวนำไปสู่การปฏิบัติในการต่อสู้
ถึงขั้นจับอาวุธลุกขึ้นสู้อย่างรุนแรง เพื่อให้การต่อสู้ทางการเมืองบรรลุเป้าหมาย
และเหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นแล้วที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ผู้รับผิดชอบสถานการณ์ทั้งสิ้นในภาคใต้ที่ชายแดนพึงตระหนักในเรื่องนี้ให้จงหนัก
ถ้าแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งเป็นปัญหาหลักได้ถูกต้อง ปัญหาอื่นก็จะพลอยตกไปด้วย

อุดมการณ์ทางการเมือง ของคนมุสลิมที่ชายแดนใต้
สอนกันตั้งแต่เด็กเล็กที่โรงเรียนตาดีกา(ชั้นประถม) สถานศึกษาทางศาสนาที่ ปอเนาะ
และที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในระดับมัธยมศึกษา ทางกระทรวงศึกษาธิการของรัฐบาลไทย
มิได้สนใจในการศึกษาของเยาวชนลูกหลานมุสลิมมาเป็นเวลาช้านานแล้ว เขาสอนให้ฆ่า
ให้เกลียดชังคนพุทธตั้งแต่เด็กๆ (ดับไฟใต้ (2))

ผู้เขียนก็ยังรู้สึกดีใจเมื่อเร็วๆ นี้ได้ยินข่าวทางวิทยุว่า รัฐมนตรี อดิศัย
โพธารามิก ได้จัดสรรงบประมาณสร้างเสาธงไปให้ปอเนาะต่างๆ เพื่อให้ลูกหลานเด็กๆ
มุสลิม รู้จักร้องเพลงชาติ เวลาชักธงชาติตอน 08.00 น. ทั่วประเทศ
และเห็นความสำคัญของเพลงชาติ และธงชาติว่าเป็นตัวแทนของสถาบัน ชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ ถ้ารัฐบาลได้ทำเรื่องนี้ เมื่อ 20-25 ปีที่แล้ว
สถานการณ์รุนแรงเช่นปัจจุบันคงไม่เกิดขึ้นแน่นอน

เมื่อพูดถึงเพลงชาติที่เห็นในจอทีวีตอนเช้า เวลา 08.00 น. ถ้าเราเป็นเด็ก หรือ
เยาวชนมุสลิมที่เริ่มคิดได้แล้ว ก็อยากจะถามว่า รูปประกอบที่เห็นในทีวีนั้น
ทำไมไม่มีรูปมัสยิด และเยาวชนมุสลิมที่ สวมฮิญาบและหมวกกะปิเยาะห์
เป็นภาพประกอบให้เป็นที่ประทับใจของคนมุสลิมบ้างว่าชาติไทยเราก็มีคนทุกชาติ
และทุกศาสนาความคิดแบ่งแยกดินแดนในคนรุ่นเก่าคงไม่สามารถสืบทอดมาถึงเยาวชนรุ่นใหม่ปัจจุบันนี้ได้

อ่าน หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 2 มกราคม 48
รู้สึกดีใจที่ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ออกแผนยุทธการ "แผนกวนเมือง"
โดยระดมกำลังตำรวจ 100 นาย จัดเป็นชุดปฏิบัติการ 45 ชุด ออกค้นหา
ตรวจจับบุคคลผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากรรม ในรูปปลอมแปลงตัวปะปน
เป็นพลเรือนเหมือนกับชาวบ้าน

ยุทธการง่ายๆ แบบนี้ ต้องได้ตัวโจรก่อการร้ายที่ฆ่า ยิง
ก่อวินาศกรรมหรือซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ หรือครู ที่ตายเป็นรายวันได้แน่นอน

ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมพวกเราที่ศึกษามาทางวิชาการทหาร และตำรวจมากมายแล้ว คิดกันไม่ออก

แผนของผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นี้ขอใช้คำว่า เป็นแผนย้อนรอยศัตรู
สถานการณ์ขณะนี้ ฝ่ายเรามองไม่เห็นศัตรู แม้จะเป็นเวลากลางวัน เพราะโจร
เป็นชาวบ้านอยู่ในหมู่บ้าน โจรใช้รถกระบะ หรือจักรยานยนต์ ฝ่ายเรา(ทหาร,ตำรวจ)
แต่งเครื่องแบบ รถทหาร รถเกราะ ไปลาดตระเวน กลางวัน,ดักซุ่มกลางคืน
โจรรู้หมดเพราะชาวบ้าน และ/หรือแนวร่วม อยู่ในหมู่บ้านรู้เห็นตลอด
ข่าวการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่มิได้รอดสายตาของโจรไปได้ ตำรวจ ทหาร
ที่ไปวางกำลังดักซุ่มกลางคืน 30-40 จุด ไม่เคยพบเป้าหมาย
ทำให้กำลังพลฝ่ายเราหมดกำลังใจ ท้อแท้ ขวัญตก

เมื่อ นายเชิดพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
ริเริ่มปฏิบัติการทางยุทธการให้กำลังพลแต่งกายเป็นชาวบ้าน ถึง 45 ชุด ทุกวัน
พวกคอมมานโดที่นั่งจักรยานยนต์คู่ พกอาวุธมาไล่ยิง ไล่ฆ่า ครู เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทหาร ให้ตายและบาดเจ็บเป็นรายวัน หรือเอาระเบิดมาซุกซ่อน แล้วกดระเบิด
มันจะเล็ดลอดสายตาของกำลังพลของผู้ว่าฯไปได้อย่างไร

ย้อนรอยแบบนี้ ถ้าทุกจังหวัดทำ ทหาร
ตำรวจทุกหน่วยที่ลงไปปฏิบัติการปราบโจรทำตามที่ผมได้ทำการอบรมไปแล้ว
การฆ่ารายวันเงียบหายไปแน่นอน

ดับไฟใต้ (3) ที่ผู้อ่านกำลังติดตามอยู่นี้ ขอใช้ แผนกวนเมือง
ของผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นแนวทาง
เฉลยคำถามที่ผู้คนยังสงสัยอยู่ได้บ้างพอสมควร
แม้ไม่กระจ่างนักก็ต้องขออภัยเพราะเราต้องไม่ให้ฝ่ายศัตรูรู้เสียทั้งหมดว่า
ไม้ตายของเรานั้น...ไม้ไหน...?

รู้เราที่พูดนี้ถ้าเปรียบกับมวยไทยก็แค่ขึ้นยกสองเท่านั้น
บอกได้เพียงแค่นี้ในสื่อเปิด
บันทึกการเข้า
Rock
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2005, 09:11:56 PM »

ดับไฟใต้ (4)

โดย พลเอกหาญ ลีนานนท์ มติชนรายวัน วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ปีที่ 28
ฉบับที่ 9833

จากวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 ที่พระตำหนักจิตรลดาฯ
ซึ่งสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้บรรดาข้าราชการการเมืองชั้นผู้ใหญ่
ข้าราชการประจำ รวมทั้งบรรดาผู้บังคับบัญชาระดับสูงของเหล่าทัพต่างๆ และตำรวจ
ให้ช่วยกันหาทางดับไฟใต้ อันเนื่องมากจากการกระทำของโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ที่ฆ่าประชาชนตายเป็นรายวัน อีกทั้งสวนยาง สวนผลไม้ของชาวบ้าน ถูกฟัน
หรือถูกทำลายด้วยการใส่สารพิษให้ยืนตาย

จนบัดนี้ล่วงเวลามาเกือบครบ 3 เดือนแล้ว ยังไม่มีวี่แวว หรือรหัสใดๆ
ที่แสดงให้ประชาชนชาวบ้านได้อุ่นใจว่า
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนั้นดีขึ้นแล้ว เพราะสถานการณ์ต่างๆ
ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่กล่าวข้างต้น

ตอนนี้นายกฯทักษิณริเริ่มความคิดขึ้นใหม่
เมื่อตอนที่ท่านนายกฯไปนอนกับหน่วยทหารที่บ้านพรุโต๊ะแดง ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก
จังหวัดนราธิวาส เมื่อ 3 มกราคม 2548 ท่านนายกฯให้ข่าวกับสื่อว่า
ท่านจะให้มีหน่วยทหารหน่วยใหม่เข้ามารับผิดชอบสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
และไม่ขึ้นกับกองทัพภาคที่ 4

แสดงว่าการจัดตั้งกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่ดำเนินการมาร่วม 3 เดือนแล้วนั้น ไม่ถูกต้องแน่นอน
เพราะมีแต่เหตุการณ์เลวร้ายลงทุกวัน สถานการณ์ฆ่าเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน ซุ่มยิง
วางระเบิด วินาศกรรม เป็นเหตุการณ์ปกติที่ท้าทายและบ่อนทำลายอำนาจรัฐ
ประชาชนชาวบ้านเกิดความกลัว หวาดระแวงซึ่งกันและกัน เพราะเจ้าหน้าที่ยังถูกฆ่าตาย
ป้อมตำรวจถูกวางระเบิด หรือฐานทหารยังถูกยิงรบกวน แล้วประชาชนจะอยู่อย่างไร
ครูจึงหยุดสอน ปิดโรงเรียนไม่มีกำหนดหลายโรงเรียน

เมื่อนายกฯคิดจะตั้งหน่วยใหม่เพื่อไปช่วยแก้สถานการณ์ให้กองทัพภาคที่ 4 นั้น
ผู้เขียนว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะขณะนี้กองทัพบกก็ส่งกำลังทหารไปจากภาคอีสาน
และภาคกลาง ลงไปช่วยกองทัพภาคที่ 4 เมื่อรวมๆ กันแล้วก็ร่วม 1 กองพลแล้ว

สถานการณ์ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้บ่งชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่กองทัพภาคที่ 4
จะต้องมีกำลังทหารเพิ่มขึ้นอีก 1 กองพล เพื่อรักษาความสงบภายในและอธิปไตยของชาติ
และเพื่อพัฒนาประเทศตามรัฐธรรมนูญ

แต่ก็ไม่ทราบว่า นักการทหารผู้ใดได้ไปเสนอความคิดให้นายกฯทักษิณว่า
หน่วยนี้จะต้องเป็นหน่วยทหารพิเศษ ไม่ขึ้นต่อกองทัพภาคที่ 4

ท่านผู้นั้นคงลืมนึกถึงหลักการจัดและการบังคับบัญชาหน่วยทหารว่า
กองทัพบกนั้นเมื่อจะส่งหน่วยทหารไปอยู่ที่ใด จะต้องให้ไปขึ้นกับกองทัพภาค
หรือมณฑลทหารบก หรือจังหวัดทหารบกอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นหน่วยปกครองพื้นที่
หรือไปฝากการบังคับบัญชาไว้กับหน่วยนั้นๆ

กองพลเป็นหน่วยรบทางยุทธวิธี ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ให้หน่วยนี้ขึ้นตรงกับกองทัพบก
เพราะห่างไกลสถานการณ์จากชายแดน ที่ต้องการแก้ไขโดยรีบด่วนและทันเหตุการณ์
อีกทั้งในการจัดหน่วยในการปราบปรามการก่อการร้ายนั้น
สายการบังคับบัญชาต้องสั้นที่สุด ไม่มีขั้นตอนมากนัก

สถานการณ์ก่อการร้ายของกลุ่มโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนขณะนี้
แม้กองทัพบกจะส่งกำลังไปให้กองทัพภาคที่ 4
เพิ่มขึ้นแล้วอีกเท่าหนึ่งของกำลังที่ทัพภาคที่ 4 มีอยู่เดิม
นอกจากนั้นก็มีกำลังตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน อีกตั้ง 4 กองกำกับการ

ทหารที่ไม่ใกล้ชิดกับตำรวจตระเวนชายแดน
ก็ไม่รู้ว่ากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนหมายเลขต่างๆ นั้น
มีกำลังรบเทียบเท่ากองพันทหารราบของเราก็ว่าได้ นอกจากมีกองร้อยรบถึง 4 กองร้อยแล้ว
ยังมีกองร้อยสนับสนุนทั่วไปอีก 3 กองร้อย

เพราะฉะนั้น กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน หมายเลข...นอกจากมีกำลังรบเยี่ยงทหารราบแล้ว
ยังมีหน่วยงานทางปฏิบัติการทางการเมือง ปจว., แพทย์, หมวดรถเกราะ, หมวดสื่อสาร ฯลฯ

พูดได้ว่า
ผู้วางแผนทางทหารของฝ่ายเรามิได้ใช้ตำรวจตระเวนชายแดนให้เต็มขีดความสามารถของหน่วยนี้เลย

การจัดตั้งมวลชนทางการเมืองนั้น พื้นฐานของตำรวจตระเวนชายแดนมีมาก
สมัยที่สมเด็จย่ายังมีพระชนม์อยู่
ลูกเสือชาวบ้านทั่วประเทศมีตำรวจตระเวนชายแดนเป็นแกนหลัก

การวางแผนการยุทธแบบบูรณาการ ควรอย่างยิ่งที่ต้องนึกถึงตำรวจตระเวนชายแดนเสมอ
เพราะหน่วยนี้มีความคล่องตัว ทั้งด้านการทหารและด้านการเมือง
ผู้วางแผนของฝ่ายทหารจะต้องชี้แนะหรือให้แนวทางปฏิบัติไปด้วย
มิใช่แบ่งพื้นที่ให้รับผิดชอบไปเป็นส่วนๆ
แล้วไปทำตามที่ต่างคนต่างคิดดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

เมื่อ 13 มกราคม 2548 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.)ลงมาเสริม
กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อีกราวๆ 2,000 นาย

ตำรวจหนุ่มความรู้ความสามารถพิเศษ สำเร็จใหม่ นอกจากแบ่งไปประจำที่จังหวัดสงขลาเสีย
5 อำเภอ อำเภอละ 35 นายแล้ว นอกนั้นให้ลงไปรายงานตัวต่อผู้บังคับการตำรวจที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไปนี้ภายในจังหวัด แต่ละกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจะมี(นปพ.)
จังหวัดละ 600 นาย แยกไปอยู่ตาม สภ.อ.ได้ ประมาณ 30-40 นาย/สภ.อ.

เมื่อเปรียบเทียบกำลังของทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายศัตรู(กลุ่มโจรก่อการร้ายฯ)
และฝ่ายรัฐบาล(ตร.ภ.,ตชด. และทหาร) ฝ่ายเราได้เปรียบหลายขุม
เฉพาะกำลังรบก็หลายหมื่น มากกว่าโจรหลายเท่านัก ยังขาดแต่วิธีคิด(สติและปัญญา)
และการบูรณาการ ทั้งความคิดและการปฏิบัติ ทั้งการเมืองและการทหาร จึงตกเป็นฝ่ายรับ
เป็นฝ่ายแก้ปัญหา

โจรซึ่งมีกำลังน้อยกว่าหลายสิบเท่า กลับเป็นฝ่ายรุก เป็นฝ่ายตั้งโจทย์ให้ฝ่ายเราแก้
ฝ่ายเราซึ่งเป็นผู้รักษากฎหมาย ตายรายวัน รวมทั้งชาวบ้าน และนักเรียนผู้เคราะห์ร้าย
โจรเหิมเกริมขึ้นทุกวัน

การตายรายวันเป็นเหตุการณ์ร้ายปกติ
ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผู้บังคับหน่วยทหารทุกวันนี้ทนดูผู้ใต้บังคับบัญชา และประชาชน
ถูกฆ่าตายทุกวันได้อย่างไร

ทั้งนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกประเด็นก็คือ องค์กรรับผิดชอบการก่อการร้ายที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น
ไม่มีขีดความสามารถที่จะพิชิตกลุ่มโจรของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนได้

ถ้าจะให้แนะนำตอนนี้ ยุทธวิธีที่จะเอาชนะโจรก่อการร้ายก็คือ ต้องย้อนรอยโจร
ดังที่ผู้ว่าฯเชิดพันธุ์ จังหวัดปัตตานี ได้ริเริ่มทำไปแล้วครั้งหนึ่ง
รับรองว่าโจรจะหมดสิทธิในการเคลื่อนย้ายบนถนนโดยเสรี
เพราะจะมีกองกำลังฝ่ายเราปูพรหม ลาดตระเวนบนถนน ในแต่ละเขตที่รับผิดชอบ
โจรซึ่งพกพาอาวุธติดตัวไป, พาระเบิดไปวางเพื่อก่อวินาศกรรม
ก็ไม่สามารถเล็ดลอดการตรวจจับของฝ่ายเราไปได้ เราจะได้ข่าวโจรตายรายวันแทนประชาชน
ดังที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันขณะนี้

ส่วนยุทธวิธีการต่อสู้ทางการเมืองนั้น ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่การปฏิบัติการจิตวิทยา(ปจว.)
และไม่ใช่การช่วยเหลือประชาชนดังที่คนทั่วไปมักจะพูดกัน

การปฏิบัติการทางการเมือง ต้องทำลายอำนาจโจรที่ควบคุมชาวบ้านในหมู่บ้าน

ต้องกำจัดข้าราชการชั่วที่ทำตัวเป็นหลังพิงให้ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น

ประการสุดท้าย ต้องยึดอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นให้สำเร็จ

หากทำดังนี้ได้ หมู่บ้านนั้นจะเป็นหมู่บ้านเข้มแข็ง
และเป็นการสอดคล้องกับการจัดตั้งหมู่บ้านชายแดนในยุทธศาสตร์สงครามเบ็ดเสร็จในการป้องกันประเทศ

เมื่อพิจารณาในแง่ยุทธศาสตร์
คือการรวมพลังทั้งสิ้นของชาติไปแก้ปัญหาที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จัดได้ว่ารัฐบาลค่อนข้างจะคิดถูกแล้ว แต่ต้องพอเหมาะพอดีกับความต้องการ
มีกลไกที่จะแก้ปัญหาโดยครบถ้วน เป็นองค์กรที่ไม่ใหญ่อุ้ยอ้าย มีอำนาจเบ็ดเสร็จ
และมีอำนาจในการให้คุณให้โทษต่อกำลังพลที่ขึ้นต่อศูนย์บังคับบัญชานั้นได้

ศูนย์บังคับบัญชาองค์กรนั้นขณะนี้ก็คือ กอ.สสส.จชต. คำเต็มว่า
กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อมองดูหน้าตาของ กอ.สสส.จชต. แล้วส่วนหัวนั้นใหญ่เกินไป มีนายทหารยศพลเอก, พลโท
และพลตรี หลายนาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชา และฝ่ายเสนาธิการต่างๆ
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนายทหารยศสูงๆ ที่ไม่เคยสัมผัสกับ สถานการณ์ต่างๆ
ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 และไม่เคยรับราชการในกองทัพภาคที่ 4 มาก่อนเลย

เพราะฉะนั้น ถ้าจะวิเคราะห์แล้วบุคคลเหล่านี้ขาดความรับรู้ในสถานการณ์
ต้องมาศึกษากันใหม่ ปรับตัวเองให้เข้ากับภูมิประเทศ, แผนที่, สังคมประเพณี และ
วัฒนธรรมที่หลากหลายและอ่อนไหว กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงได้ง่าย

เมื่อมองไปถึงสายการบังคับบัญชาหน่วยทหารด้วยกัน กอ.สสส.จชต.มิใช่หน่วยบังคับบัญชาทหาร
เพราะชื่อก็บอกชัดเจนว่า จัดมาเพื่อเสริมสร้างสันติสุข
งานเสริมสร้างสันติสุขเป็นงานฝ่ายพลเรือน
งานเสริมสร้างสันติสุขจะเดินไปได้ด้วยดีก็ต่อเมื่อไม่มีสถานการณ์รบหรือสถานการณ์สงคราม
ขณะนี้ประเทศเรากำลังสู้รบกับการก่อการร้ายแนวใหม่ การก่อการร้ายแบบไร้ผู้นำ(นีโอเทอเรอรีสซึม)
ในดับไฟใต้(1)

หน่วยที่จะควบคุมบังคับบัญชาการรบได้ ต้องเป็นหน่วยทหาร เป็นกองทัพภาค, กองพล
เป็นต้น เพราะฉะนั้นเมื่อตั้ง กอ.สสส.จชต. มาควบคุมการรบ จึงค่อนข้างจะวุ่นวาย
เพราะต้องมีกองทัพส่วนหน้า กองพลส่วนหน้า
ผิดหลักการของการปราบปรามการก่อการร้ายอย่างยิ่ง
เพราะต้องมีสายการบังคับบัญชาสั่งการไปยังหน่วยปฏิบัติที่สิ้นสุด

อีกทั้งอำนาจทางกฎหมายนั้น
ได้มอบให้ไว้กับผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่เท่านั้น เช่น แม่ทัพ,
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก, ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก
แม่ทัพเป็นผู้ถืออำนาจกฎอัยการศึก เหตุการณ์ที่กรือเซะและตากใบ
ที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตมากมาย ถ้าทบทวนให้ดีแล้วจะมองเห็นความลังเล ล่าช้า
ในการตัดสินใจสั่งการ เป็นเหตุหนึ่งของความเสียหาย สุดท้าย
ผู้ที่ถูกลงโทษทางวินัยก็คือ แม่ทัพ, รองแม่ทัพ และ ผบ.พล เป็นผู้รับเคราะห์

เนื่องจากโครงสร้างองค์กรมีความสับสน
ไม่มั่นใจในขีดความสามารถของกลุ่มผู้บริหารองค์กร
นายกฯทักษิณจึงตั้งกองบัญชาการตำรวจส่วนหน้า, สภาความมั่นคงส่วนหน้า
และทุกฝ่ายก็รายงานตรงไปยังหน่วยต้นสังกัดของตนที่กรุงเทพฯ
การข่าวในพื้นที่จึงไม่เป็นข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล

นอกจากทำให้การข่าวกรองล้มเหลวแล้ว ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่มีเฟืองขบกัน จนทำให้นายกฯทักษิณต้องเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.ส่วนหน้า
ทั้งๆ ที่ พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ เป็นนายตำรวจที่มีขีดความสามารถชั้นแนวหน้าคนหนึ่ง

สถานการณ์ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น
ขอกราบเรียนนายกฯทักษิณว่า ให้แม่ทัพภาคคนเดียวก็สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ
เพียงแต่มอบความไว้วางใจ และมอบอำนาจให้แม่ทัพภาคที่ 4 มีอำนาจให้คุณให้โทษ
ปูนบำเหน็จรางวัลให้แก่ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร
ที่เข้ามาร่วมปฏิบัติการในพื้นที่แต่ผู้เดียว ตัวอย่างเช่น
ที่ปฏิบัติในสงครามเย็นในอดีต

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 4 มกราคม 2547 (วันปล้นค่ายทหารที่เจาะไอร้อง)
คนไทยพุทธและคนไทยเชื้อสายจีน เริ่มอพยพเข้ากรุงเทพฯ
แม้แต่ทำเลการค้าติดถนนดำกลางเมืองยะลา ก็ประกาศขายผู้ที่มีอำนาจซื้อก็คือ
ตัวแทนบังหน้าของขบวนการโจรก่อการร้ายฯ(เงินต่างประเทศ)

ข่าว นสพ.มติชน วันที่ 17 มกราคม 2548 พาดหัวข่าวหน้า 1 ว่า คนไทยพุทธทั้ง 3
จังหวัด อพยพร่วมแสนคนแล้วจากเดิมที่เคยมี 4 แสนคน เป็นสิ่งบอกเหตุว่าดินแดน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้จะค่อยๆ ถูกยึดครองโดยเผ่าพันธุ์มุสลิม เชื้อชาติมุสลิม
จนหมดสิ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเรียกร้องสิทธิการปกครองตนเองง่ายขึ้น
เป็นรหัสเตือนภัยอันใหญ่หลวงของชาติ สำหรับรัฐบาลใหม่

ชายแดนไทย-มาเลเซียนั้น ฝ่ายเรามีกำลังเฝ้าตรวจที่โปร่งบาง
ความมั่นคงทางทหารด้านนี้อยู่ในลักษณะที่เสี่ยงมาก
เนื่องจากเป็นพื้นที่ชายแดนที่เป็นแผ่นดินติดต่อกับ มาเลเซีย มีถึง 11 อำเภอ
ที่ชายแดนของไทยเราคือ นราธิวาส 5 อำเภอ, ยะลา 3 อำเภอ, สงขลา 3 อำเภอ
ซึ่งประชาชนเดินไปมาหาสู่กันโดยเสรี เพราะเป็นสวนยาง ไปตัดยาง ไปเยี่ยมญาติ
เป็นคนสองสัญชาติก็มาก

ทางมาเลเซียนั้นเขาตระหนักเรื่องความมั่นคงมาก เอาเฉพาะตั้งแต่อำเภอตากใบ
จังหวัดนราธิวาส ถึงกิ่งอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชน 2 ฝ่าย
อยู่ค่อนข้างหนาแน่น มีความยาวตามชายแดนประมาณ 1,000 กม. มาเลเซียวางกำลังไว้ถึง 4
กองพันทหารราบ เพิ่มเติมด้วย 2 กองร้อย ตชด. สนับสนุนทั่วไป

ฝ่ายเราก็ทราบแต่มิได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
ถ้าไม่ปิดชายแดนด้วยกำลังทหารที่เพียงพอ
จะทุ่มกำลังมากสักเท่าไรในการกวาดล้างกลุ่มโจรของขบวนการก่อการร้ายฯ
ในพื้นที่ภายในก็ไม่มีวันสำเร็จได้

ยุทธวิธีการปิดชายแดนในพื้นที่ 11 อำเภอ ที่คนเดินไปมาหาสู่กันได้ที่กล่าวข้างต้น
และการปราบกลุ่มโจรในพื้นที่ภายในด้วยการเมืองและการทหารอย่างพลิกแพลง
ต้องเป็นคนคนเดียวกันวางแผนการยุทธ และการให้แนวทางต่างๆ
ภารกิจนี้เป็นของแม่ทัพภาคเท่านั้น กอ.สสส.จชต. ไม่สามารถทำได้

แต่เพื่อใช้ประโยชน์จาก กอ.สสส.จชต.ที่รัฐบาลออกแบบไว้ ก็ควรยุบ กอ.สสส.จชต.ให้เล็กลง
และให้ มทภ.4 เป็น ผอ.กอ.สสส.จชต. โดยตำแหน่ง ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ควรจัดให้มี กอ.สสส.จังหวัด(ปัตตานี,
ยะลา, นราธิวาส) เพื่อให้บรรดาผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ
ได้มีงานทำให้สอดคล้องกับกองทัพ

การจัดกองทัพใหม่ตามนโยบายของนายกฯทักษิณ สอดคล้องกับความต้องการที่เคยเรียกร้องว่า
ให้เพิ่มเติมกำลังให้ ทภ.4 เพื่อจะได้ปิดชายแดนให้สนิท

การมีกองบัญชาการกองพลอยู่ในพื้นที่ชายแดน จะเป็นการบำรุงขวัญให้แก่พี่น้องไทย
ทั้งชาวพุทธและมุสลิมว่า รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชนแน่

ยิ่งมีกำลังไปปิดชายแดนอย่างจริงจังด้วยวิธีการทหารบรรดาอุสตาซหัวรุนแรง คอมมานโด,
ครูฝึกต่างชาติ, แนวร่วม คนสองสัญชาติ จะหมดสิทธิแทรกซึมเข้าออกอย่างเสรี

ชาวพุทธ พระสงฆ์ และคนไทยเชื้อสายจีน จะเกิดความมั่นใจ ไม่ขายที่แน่นอน
แต่จะกลับรวมพลังลุกขึ้นสู้เคียงคู่กับกลไลรัฐ
เพื่อกำจัดกลุ่มโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนให้หมดไป

ส่วนบรรดาพี่น้องมุสลิมที่เป็นกลาง จะมีความมั่นใจในความปลอดภัยของตนมากขึ้น
ข่าวสารต่างๆ ฝ่ายรัฐบาลจะได้รับมากขึ้น หูตาสว่างมากขึ้น
อันจะนำไปสู่การรุกทางการเมืองของรัฐบาลในที่สุดๆ

ถ้ารัฐบาลรุกทางการเมืองได้เมื่อใด ก็เป็นอันจบสงครามที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นั่นคือฝ่ายรัฐบาลสามารถเข้าควบคุมการเมืองท้องถิ่นได้
หมายความว่าบรรดาสมาชิกเทศบาล, อบต. และ อบจ. ในอำเภอต่างๆ ที่ชายแดนนั้น
เป็นกลุ่มคนที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยอำนาจบริสุทธิ์ของประชาชน
มิใช่เป็นการเลือกตั้งที่กลุ่มโจรคัดเลือกคนมาให้ประชาชนเลือกสภาท้องถิ่นเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

นี่คือการรุกทางการเมือง ทำให้ประชาธิปไตยระดับรากหญ้าเป็นของประชาชน
การเมืองมิใช่แต่เพียงการปฏิบัติการจิตวิทยา(ปจว.) และช่วยเหลือประชาชน
ตามที่นักการเมืองและนักการทหารบางคนพูดกัน

แหล่งข่าวเปิด นสพ. คม ชัด ลึก ประจำวันพฤหัสฯที่ 27 มกราคม 2548 หน้า 16
ยืนยันเรื่องนี้อย่างชัดเจน สรุปความว่า กลุ่มพูโลใหม่ ใช้วัยรุ่นในพื้นที่
ขี่จักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันไปส่งเสบียงให้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
ที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แล้วหลบซ่อนอยู่บริเวณตะเข็บชายแดนด้านตำบลยะรม,
ตำบล อัยเยอร์เวง และตำบลธารน้ำทิพย์ ของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา

ข่าวเปิดนี้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ถ้าจะให้สงครามการก่อการร้ายที่ชายแดนนี้สงบ
ต้องปิดชายแดนด้วยกำลังทหาร ยุทธวิธีทหาร

ผู้เขียนได้ร้องเรียนนายกฯทักษิณมานานแล้ว ตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2547
แต่ไม่มีรหัสใดๆ ชี้ให้เห็นว่า ได้มีการปิดชายแดนไทย-มาเลเซียอย่างสนิท เพราะอุสตาซ,
คอมมานโด, ครูฝึก, คนสองสัญชาตินับแสนคนยังคงเข้าออกได้อย่างเสรี

ใครจะรู้ได้ว่า
คนสองสัญชาติเหล่านี้เป็นแนวร่วมของกลุ่มโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนไปแล้วกี่คน.....?
น่าวิตก
บันทึกการเข้า
Rock
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2005, 09:13:14 PM »

ดับไฟใต้ (5)

โดย พลเอกหาญ ลีนานนท์ มติชนรายวัน มติชนรายวัน วันที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปีที่
28 ฉบับที่ 9852

สถานการณ์ฆ่ารายวัน ไม่เปลี่ยนแปลง วันที่เริ่มเขียนดับไฟใต้(5) 12 กุมภาพันธ์ 2548
ที่สำนักงานสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสตูล ฟังรายการนายกฯทักษิณคุยกับประชาชน
นายกฯทักษิณพูดถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า
ถึงแม้พรรคไทยรักไทยจะไม่ได้รับการเลือกตั้งแม้แต่ที่นั่งเดียว
แต่ท่านนายกฯก็ไม่เสียกำลังใจ ไม่ท้อถอยกลับจะเป็นพลังให้ท่านมุ่งมั่นพัฒนา 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเด็ดเดี่ยวมากขึ้น เพื่อให้พี่น้อง 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พ้นทุกข์จากความยากจน และสร้างนักการเมืองที่มีคุณภาพ
มีความรู้ ความสามารถ
ให้ประชาชนเลือกเข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในรัฐสภาให้จงได้

ฟังนายกฯทักษิณแล้ว
รู้สึกชื่นชมและปลื้มใจไปกับพี่น้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปด้วย
ท่ามกลางความหวังที่ริบหรี่ทุกวัน เพราะมีการฆ่ากันตายทุกวัน
ด้วยการทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
จากการกระทำของกลุ่มโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
การฆ่ารายวันยังเป็นสถานการณ์ปกติไม่เปลี่ยนแปลง

ก่อนเลือกตั้ง 2-3 วัน ที่กรุงเทพฯ นักข่าวประจำสภามาถามผู้เขียน "จะมีเหตุการณ์รุนแรงไหมระหว่างเลือกตั้ง"

ก็ตอบไปว่า "ไม่มีแน่นอน"

ประการหนึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมกันดูแลกลุ่มโจรมือปืนเข้มงวดมากขึ้น

อีกประการหนึ่งตัวแทนของกลุ่มโจรก่อการร้าย หรือแนวร่วมที่อยู่ในหมู่บ้าน(หมู่บ้านเป็นของโจรแล้วส่วนมาก)
ต้องเข้ามาควบคุมชาวบ้านอย่างแน่นแฟ้นให้ไปเลือกคนที่โจรคัดสรรไว้แล้ว
ชาวบ้านไปกันอย่างพร้อมเพรียง อย่างไม่เคยปรากฏ
เป็นประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งทั่วไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ในเช้าวันเลือกตั้งเอ็กซิตโพลยังออกมาเลยว่า พรรคไทยรักไทยได้ที่นั่งถึง 8 ที่นั่ง(คนเดิม)
ใน 11 เขต แต่ตอนเปิดหีบนับคะแนนก็ปรากฏว่า พรรคไทยรักไทยสูญพันธุ์ใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นั่งของไทยรักไทยเดิมถูกเบียดโดยพรรคประชาธิปัตย์หน้าเก่าๆ

และที่แปลกสุดคือ นายกูเฮ็ง ยาวอหะซัน
ยังสามารถปักธงของพรรคชาติไทยลงได้อย่างสวยงาม โดยไม่มีพรรคใดคาดคิด

ทำไมนักการเมืองกลุ่มวาดะห์ ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย
จึงถูกมือของประชาชนทั้ง 3 จังหวัด ไม่กาให้คะแนน
ประชาชนพิพากษาลงโทษนักการเมืองเหล่านั้นอย่างรุนแรง พร้อมเพรียง
ไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งใดที่มีเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สิทธิมากมายถึงเพียงนี้ คือ
จังหวัดยะลากว่า 70% จังหวัดปัตตานี 72.69% จังหวัดนราธิวาส 73.59% (หนังสือพิมพ์คม
ชัด ลึก หน้า 17 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548)

ฟังจากทหารที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน 3 จังหวัด
รวมทั้งประชาชนในจังหวัดสตูลเขาเลือกปาร์ตี้ลิส เบอร์ 9 และเลือก ส.ส.เขต เบอร์ 4
ทั้ง 4 จังหวัด

ประชาชนทั่วไปชอบนายกฯทักษิณ และนโยบายของทักษิณ แต่เขามองไม่เห็นว่า ส.ส.เขตเคยช่วยอะไรได้จากสถานการณ์ที่ประชาชน
ชาวบ้าน ถูกฆ่ารายวัน ตลอดปีที่ผ่านมากรณีกรือเซะและตากใบนั้น เป็นของแถม
เนื่องจากการผิดพลาดทางเทคนิค

การไปเลือกตั้งกันอย่างพร้อมเพรียงด้วยอำนาจบริสุทธิ์ที่เป็นพลังเงียบสามารถควบคุมประชาชนไปเลือกตั้งโดยสงบ
และเลือกเบอร์อื่นแทน เบอร์ที่ถูกตัวแทนของโจรที่อยู่ในบ้านสั่งให้กา

คิดให้ลึกแล้วมองเห็นว่าอำนาจบริสุทธิ์ 70% ที่ไปลงคะแนนนั้น
เป็นพลังทางการเมืองที่รักสันติ เขาไม่ต้องการการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ไม่ต้องการให้มีเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้นแก่ชีวิตประจำวันของเขา

เพราะฉะนั้นนายกฯทักษิณ ไม่ต้องกังวลกับที่นั่งของ ส.ส. 3 จังหวัด
เพราะท่านนายกได้เสียงมาจากภาคอื่นอย่างท่วมท้น
สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้แล้ว

สิ่งที่รัฐบาลใหม่ของนายกฯทักษิณต้องรีบทำก็คือ สร้างฐานการเมืองในหมู่บ้านขึ้นใหม่
ทำการเมืองท้องถิ่นให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์
ทำให้ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเข้าไปอยู่ในเทศบาล องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่างๆ
เป็นผู้ได้รับเลือกจากอำนาจบริสุทธิ์ของประชาชน มิได้เลือกคนที่ผู้มีอิทธิพล
หรือโจรก่อการร้ายคัดสรรไปให้เลือก สภาตำบลต้องปลอดจากอำนาจและอิทธิพลโจร

หมู่บ้านต่างๆ ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงจะเป็นหมู่บ้านเข้มแข็ง ตามโครงการของ
กอ.รมน. ที่พันเอกอรรถพร โบสุวรรณ กำลังดำเนินการอยู่อย่างเงียบๆ
แต่สูงด้วยประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของชาติอย่างยิ่ง
เพราะหมู่บ้านเข้มแข็งนี้จะเป็นหมู่บ้านยุทธศาสตร์
ในยุทธศาสตร์ของสงครามเบ็ดเสร็จในการป้องกันประเทศ

วันนี้ 18 กุมภาพันธ์ 2548
สื่อทุกฉบับลงข่าวบึ้มนราธิวาสด้วยคาร์บอมบ์ติดกำแพงโรงแรมมารีน่า ตาย 4 สาหัส 5
บาดเจ็บเล็กน้อยราวๆ 20 เป็นเหตุการณ์ที่ท้าทายการลงไปศึกษาสถานการณ์ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยตนเองของนายกฯทักษิณ เพราะเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548
ก่อนวันเกิดเหตุ นายกฯทักษิณนอนอยู่ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

ท่านนายกฯทักษิณ คิดแก้การดับไฟใต้ด้วยการแบ่งพื้นที่ ที่มีเหตุการณ์รุนแรงเป็น 3
สี แปลความได้ว่า สีแดงแรงที่สุด
มีการควบคุมของโจรก่อการร้ายอย่างเป็นระบบประชาชนหวาดกลัว ไม่มีข่าวสารใดๆ
ล่วงรู้เป็นถึงฝ่ายเจ้าหน้าที่
ส่วนสีเหลืองนั้นดีกรีก่อการร้ายของโจรก่อการร้ายเพลาลงมาก ประชาชนยังโลเล
ราชการได้ข่าวจากชาวบ้านบ้าง ประชาชนทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ส่วนสีเขียวนั้น
ปลอดอำนาจโจรก่อการร้าย

พอข่าวการแบ่งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นโซนสีต่างๆ
แพร่ไปทางสื่อนักการเมือง ฝ่ายค้าน นักวิชาการ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์
ความคิดของนายกทักษิณไปในด้านลบ

ผู้เขียนขอสนับสนุนความคิด การแบ่งแยกพื้นที่เป็นสีต่างๆ
เพราะทางทหารเรานั้นทำมานานแล้วในสมัยสงครามเย็น
เพื่อให้ง่ายต่อการที่ฝ่ายรัฐบาลจะปฏิบัติต่อพื้นที่เป้าหมายทั้งการเมือง
และการทหาร

การปฏิบัติการทางการเมืองและการปฏิบัติการทางการทหารนั้น
ต้องรู้จักใช้และใช้อย่างพลิกแพลง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายเรา
กำลังทหารในกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 4
มีประสบการณ์ในการใช้การเมืองประกอบกับทางทหารได้อย่างพลิกแพลงมีความสำเร็จเห็นได้ชัด
เพราะการก่อการร้ายในสงคราม(ของ) ประชาชน
เริ่มมอดลงที่อีสานและมาจบลงที่ภาคใต้ในที่สุด
เพราะผู้นำทหารในกองทัพทุกระดับชั้นมีความเข้าใจ การเมืองนำการทหาร อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ดี ในความคิดของผู้เขียน พื้นที่สีแดงนั้นยังมีความจำเป็นต้องพัฒนา
แต่พัฒนาในเรื่องอุดมการณ์ และความคิดของคนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องทำแต่บัดนี้
ต้องเริ่มตั้งแต่เด็กก่อนวัยเรียน(ก่อนขึ้นชั้น ป.1) ที่โรงเรียนตาดีกา
สอนในลูกหลานมุสลิมพูดไทยได้ เมื่อเริ่มขึ้นชั้น ป.1 เด็กจะไม่สอบตกทั้งชั้น
และพร้อมๆ กันต้องอบรมพ่อแม่และผู้ปกครองเด็กด้วย
ไม่ห้ามเอาหนังสือแบบเรียนขึ้นบ้าน และต้องหัดพูดไทยกับลูกหลานไปด้วย

นี่คือการเริ่มต้นการเข้าถึงและจะนำไปสู่การเข้าใจ และพัฒนาในตอนท้าย
ตามที่พวกเราได้พูดตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่ไม่ทราบว่าลึกซึ้งแค่ไหน การพัฒนาอื่นใดในพื้นที่สีแดงควรระงับ
เพราะงบประมาณจะไปหล่อเลี้ยงกลุ่มโจรที่ควบคุมหมู่บ้านไว้หมดแล้ว

การปฏิบัติการทางทหารของกลุ่มโจรก่อการร้ายรุนแรงขึ้นทุกวัน
ตอนนี้นอกจากใช้รถจักรยานยนต์นั่งคู่ ไล่ยิง ไล่ฆ่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล
และประชาชนชาวบ้านแล้ว
กลุ่มโจรเพิ่มการปฏิบัติการวางระเบิดจุดระเบิดด้วยสัญญาณมือถือ
มีการลวงวางระเบิดเพื่อทำลายกลุ่มเจ้าหน้าที่เป็นกลุ่มก้อน ที่หลงกลลวง
แล้วไปตรวจสอบ
เป็นการแสดงว่ากลุ่มโจรก่อการร้ายได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำลายที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ครูฝึกการทำลายแบบนี้ มาจากต่างประเทศแน่นอน

เพราะขณะนี้ ชายแดนไทยมาเลเซียนั้นเป็นแผ่นดินติดต่อกัน เดินข้ามไปมาได้สะดวก
เป็นระยะทางประมาณ 1,200 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส 5 อำเภอ คือ
อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน และอำเภอจะแนะ จังหวัดยะลามี 3
อำเภอ คือ อำเภอเบตง อำเภอธารโต และกิ่งอำเภอกาบัง จังหวัดสงขลา มี 3 อำเภอ คือ
อำเภอนาทวี อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอสะเดา รวม 11 อำเภอ พื้นที่ติดชายแดนเหล่านี้
ฝ่ายศัตรูของชาติ ใช้ส่งพวกครูฝึก, หน่วยกล้าตาย(คอมมานโด)
แนวร่วมคนสองสัญชาติของกลุ่มโจร, นักรบรับจ้างของการก่อการร้ายแนวใหม่(การก่อการร้ายแบบไร้ผู้นำ)
เข้ามาก่อกวนบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติได้โดยสะดวก

พื้นที่ชายแดน 1,200 กิโลเมตรนี้
มีประชาชนของทั้งสองประเทศอยู่หนาแน่นในช่วงอำเภอตากใบ ของจังหวัดนราธิวาส
ถึงกิ่งอำเภอกาบัง จังหวัดยะลา ยาวประมาณ 900 ถึง 1,000 กิโลเมตรเศษ
ทางฝ่ายมาเลเซียถือว่าสำคัญมาก
ใช้กำลังทหารเฝ้าตรวจรักษาชายแดนป้องกันการแทรกซึมถึง 4 กองพันทหารราบเต็มกำลัง
สนับสนุนด้วย 2 กองร้อย ตชด. สนับสนุนทั่วไป ผลัดเปลี่ยนทุก 4 ถึง 6 เดือน
เพื่อให้สดชื่นอยู่เสมอ

ฝ่ายเรามีกำลังกึ่งทหาร เฝ้าตรวจชายแดน ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นศูนย์
เมื่อเทียบกับมาเลเซีย
ก็ไม่ทราบว่านักการทหารบ้านเราทำไมไม่ให้ความสำคัญการป้องกันชายแดนด้านนี้
การเพิ่มกำลังทหาร ตำรวจปราบปรามภายในมากสักเท่าใดก็ไร้ผล
เพราะเราเปิดทางหนีไว้ตลอด และศัตรูก็กลับเข้ามาใหม่ได้ทุกครั้ง
ความรุนแรงของการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายโจรก่อการร้ายมีแต่จะเพิ่มทวีขึ้น

การวางระเบิดที่โรงแรมมารีน่า อำเภอสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 นั้น
ยังไม่ใช่เป็นระเบิดพลีชีพ
เป็นแต่เพียงเอาระเบิดใส่รถยนต์ไปจอดไว้ในจังหวะและเวลาที่เหมาะสม
แล้วกดระเบิดด้วยสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เป็นระเบิดทำลาย ที่เรียกว่าคาร์บอมบ์
มิใช่ระเบิดพลีชีพ

การระเบิดพลีชีพนั้น ต้องการนักรบของพระเจ้า ต้องเป็นนักรบที่มีอุดมการณ์
ฝึกหนักมีความเชื่อในจิตวิญญาณสูงสุด มีความเชื่อว่าเขาไม่ได้ตายจริง(ดับไฟใต้ 3)
เพราะพอชิ้นส่วนร่างกายแยกฉีกเป็นชิ้นๆ
จิตวิญญาณของเขาก็ไปอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้าโลกนี้เป็นทางผ่าน
เพื่อให้เขาได้ไปพบพระเจ้าเท่านั้น ได้ฟังจากหนุ่มสาวที่ไปศึกษา ที่ลิเบีย, ซีเรีย
ถ้าไปศึกษาเรื่องการก่อการร้าย เขาจะให้เรียนฟรี
แล้วขึ้นทำเนียบเป็นนักรบรับจ้างของพระเจ้าทั่วโลก ถ้าตนเองตายไป เพราะภารกิจพลีชีพ
ขบวนการก่อการร้ายแนวใหม่ จะส่งเสียพ่อแม่ที่อยู่ข้างหลังตลอดชีวิต

สำหรับประเทศไทยเรานี้ ถ้าฝ่ายกลุ่มโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ยังสามารถทำลายฝ่ายเราได้ด้วยคาร์บอมบ์ หรือรถจักรยานยนต์บอมบ์อย่างง่ายๆ
เพราะฝ่ายโจรยังเคลื่อนย้ายไปบนถนนโดยเสรี และแนวชายแดนยังเปิดโล่ง
เปิดโอกาสให้เข้า-ออก ได้โดยเสรี ฝ่ายโจรก่อการร้ายจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ
ที่ต้องใช้ระเบิดพลีชีพ

ย้อนกลับมาที่การแบ่งโซน 3 สี อีกครั้ง ผู้เขียนระบุไว้ในวรรคต้นๆ แล้วว่า
โซนแดงนั้นยังต้องมีการพัฒนา แต่พัฒนาเพื่อสร้างอุดมการณ์ และความคิดของคนรุ่นใหม่
คือ พัฒนาด้วยการศึกษานั้นเอง แต่พออ่านหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 21
กุมภาพันธ์ 2548 นายกฯทักษิณ พูดชัดเจนว่า ต้องตัดโครงการเอสเอ็มแอลในพื้นที่สีแดง
เพื่อมิให้เอาภาษีของราษฎรผันไปพัฒนากลุ่มโจร แต่นายกฯทักษิณใช้คำว่า "ต้องตัดน้ำเลี้ยง..."

ไม่ทราบว่าแหล่งมันสมองของท่านนายกฯทักษิณจะคิดทันหรือไม่
และหรือจะทำอย่างไรต่อไปคิดหรือไม่ว่า ถ้าต้องตัดน้ำเลี้ยงที่หมู่บ้านในโซนแดง
โจรก็หันไปสร้างหรือเปลี่ยนสีเหลืองให้เป็นสีแดง รับเอาว่า ฝ่ายเราตามโจรไม่ทัน
ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน

แนวทางแก้ไข ในทางการเมืองที่ยั่งยืนในโซน 3 สี ก็คือ
บรรดาองค์การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ชายแดน
ก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ในไม่ช้านี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีของนายกฯทักษิณ
ที่จะโหมโรงสร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ ให้เกิดขึ้นในการปกครองส่วนท้องถิ่นปลดแอก
ร่มเงา และหรืออิทธิพลโจรในหมู่บ้านให้ได้ นี่คือแนวทางทางการเมือง
ที่จะเอาชนะกันที่หมู่บ้าน โดยไม่ใช้อาวุธ

แต่คนที่จะไปพูด ไปทำงานแบบนี้ต้องเป็นทหาร ชาวบ้าน
เชื่อทหารมากกว่าข้าราชการพลเรือน

ประชาชนชาวบ้าน 70% ขึ้นไป เลือกให้ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ
เพราะฉะนั้น ท่านทักษิณควรใช้โอกาสนี้นำสร้างอำนาจอธิปไตยให้เป็นของประชาชน
ทำให้หมู่บ้านหลุดพ้นจากร่มเงา หรืออิทธิพลโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ที่ครอบงำชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาช้านานให้สำเร็จ...
บันทึกการเข้า
Rock
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2005, 09:15:34 PM »

ดับไฟใต้ (6)

โดย พลเอกหาญ ลีนานนท์ มติชนรายวัน วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่
9939

สถานการณ์ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตั้งแต่เกิดวางระเบิดที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ห้างคาร์ฟูร์
และโรงแรมกรีนเวิลด์ จ.สงขลา ในเวลาเดียวกัน เมื่อวันที่ 3 เมษายน
ต่อมาก็เกิดเหตุซ้ำ กลางเมืองยะลา 3 แห่ง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม และ
ตามมาด้วยการเผาเมืองปัตตานี ที่เป็นตู้โทรศัพท์ บ้านพักข้าราชการ และโรงเรียนรวม
32 แห่ง และที่จังหวัดสงขลา 2 จุด ในคืนเดียวกัน ในวันที่ 15 พฤษภาคม

ส่วนการฆ่ารายวันนั้นมีทุกวัน จนเป็นเหตุการณ์ปกติไปแล้ว
ผู้ตกเป็นเหยื่อคือเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ชาวบ้าน รวมทั้งกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน

ภาพที่เด็กนักเรียนยืนร้องไห้หน้าเสาธงในวันเปิดเรียน เช้าวันที่ 16 พฤษภาคม
มีเด็กชายเป็นผู้ถือธงด้ามยาวแทนเสาธง เพราะเสาธงถูกทำลาย
ธงชาติถูกเผาไปด้วยเป็นภาพที่น่าสลดใจ และซึ้งใจในขณะเดียวกัน

นี่หรือ ที่ผู้รับผิดชอบมักจะพูดเสียงเดียวกันว่า "สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว"

ขอฝากให้นักการเมือง ข้าราชการประจำ ทั้งตำรวจและทหาร ให้คิดว่า
ขณะนี้การจุดดอกไม้ไฟตามยุทธศาสตร์ขั้นที่ 6
ของการปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจรัฐเป็นรัฐเอกราชปัตตานี ที่ทหารกองทัพภาคที่ 4
ยึดได้เมื่อ 1 พฤษภาคม 2546 ที่บ้านครูสอนศาสนาสะมะแออูเซ็ง โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา
อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นั้น กำลังลุกลามไปเมืองใหญ่ ขยายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ขวัญของพี่น้องประชาชนชาวบ้าน จะคิดอย่างไรต่อความรับผิดชอบของชนชั้นปกครอง
และเจ้าหน้าที่ข้าราชการ ตำรวจ และทหาร

ขณะนี้กำลังของพลเรือน ตำรวจ และทหารที่ลงไปปราบปรามขบวนการโจรก่อการร้ายภาคใต้
หรือ ขจก.นั้น ประมาณ 56,000 นาย งบประมาณที่ผ่านมาประมาณ 16,000 ล้านบาท
ฝ่ายเราคงจะหลงทิศหลงทางแน่นอน เพราะไม่มีรหัสใดๆ บอกว่า สถานการณ์ดีขึ้นตามที่พูด
การฆ่ารายวันยังเป็นเหตุการณ์ปกติ

สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์สงคราม แต่เป็นสงครามที่ไม่มีแนวรบ ไม่มีแนวหน้า
และแนวหลัง เพราะฝ่ายก่อการร้ายสร้างหมู่บ้านเป็นแนวรบ ฝ่าย ขจก.ยึดหมู่บ้านไว้ได้หมดแล้ว
เริ่มตั้งแต่เมื่อปี พ.ร.บ.เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เมื่อปี 2532
ทำให้โจรก่อการร้ายที่มีฐานปฏิบัติการในต่างประเทศได้เข้ามาวางแผน
บีบบังคับให้ประชาชนเลือกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตามที่ตัวเองต้องการ

การยึดการเมืองท้องถิ่นของ ขจก.ประสบความสำเร็จมากขึ้นอีก เมื่อมี พ.ร.บ.ว่าด้วยองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น
มีการเลือกตั้งครั้งแรกตาม พ.ร.บ.นี้เมื่อปี 2538, 2539 และ 2540 จนครบทั่วประเทศ
ตามความพร้อมของแต่ละท้องถิ่น แต่ละครั้งของการเลือกตั้ง
หัวหน้าโจรระดับแกนนำจากต่างประเทศจะเข้ามาวางแผนการเลือกตั้งทุกครั้งให้เป็นไปตามกรอบที่ตัวเองต้องการ

หน่วยทหารพรานของกองทัพภาคที่ 4 ที่ควบคุมพื้นที่ป่า และภูเขา ในจังหวัดยะลา
นราธิวาส จับข่าวความเคลื่อนไหวแทรกซึมของโจรได้
และเข้าสกัดกั้นได้เริ่มปะทะกับกลุ่มโจรในปี 2543 เป็นต้นมา
ได้ยิงหัวหน้าโจรระดับแกนนำ 4-5 คน กับสมุนโจร 8-10 คน ตายในที่รบ
แต่เนื่องจากหัวหน้าโจรเหล่านั้นเป็นลูกน้องของนักการเมืองระดับสูง
ข่าวทหารพรานฆ่าโจรตาย จึงถูกบิดเบือนไปว่าทหารฆ่าตัดตอนเกี่ยวกับยาเสพติด

หลายๆ ครั้งเข้า กลายเป็นข่าวทหารและตำรวจขัดกัน
ในที่สุดรัฐบาลสั่งให้กองทัพบกถอนกำลังทั้งสิ้นออกจากชายแดน เมื่อปี 2545
และให้ตำรวจเข้ารับหน้าที่ในการปราบ ขจก.แทน ตามข้อเสนอของผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค
9 ขณะนั้น และเป็นผู้ที่รับกับนายกฯทักษิณว่า ตำรวจรับสถานการณ์ได้

จากนั้นกองทัพบก็ได้สั่งให้ผู้บังคับบัญชาทหารพรานยศพันเอก 2 นาย พร้อมลูกน้อง 8-9
คน ออกจากพื้นที่ชายแดน ห้ามเข้าพื้นที่โดดเด็ดขาด
และหลังจากทหารชุดนี้ถูกสั่งห้ามเข้าพื้นที่ ข่าวการเคลื่อนไหวของ ขจก.ของฝ่ายเราจึงบอดสนิทตั้งแต่นั้นมา
หลังจากทหารถูกถอนออกจากพื้นที่หมด ขจก.ก็ลงมาจากเขา
เข้าทำการยึดการปกครองส่วนท้องถิ่น(เทศบาล, อบต. และ อบจ.) ได้หมดสิ้น

นี่คือกลไกสำคัญของ ขจก. ที่กำลังก้าวไปสู่การยึดการเลือกตั้งระดับชาติต่อไป
เพราะผู้ที่เป็น อบต. หรือ อบจ.ก็คือหัวคะแนนใหญ่ของการเลือกตั้งระดับชาติ
นักการเมืองระดับสูงและชนชั้นปกครองของเรา มิได้เฉลียวใจแม้แต่น้อย

หากได้นำมาใคร่ครวญเรื่องที่ผู้เขียนพูดว่าการปกครองท้องถิ่นที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูก ขจก.ยึดครองไว้หมดแล้ว ขอย้ำอีกทีว่า ยุทธศาสตร์การเมืองของ
ขจก.นั้น คือยึดดินแดนแผ่นดินใต้ ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูล
และสงขลาบางส่วน(อ.นาทวี และสะบ้าย้อย) เป็นรัฐเอกราชปัตตานี
ปกครองตนเองเช่นประเทศมุสลิมทั้งหลาย

ส่วนยุทธวิธีทางการเมืองนั้น คือยึดการปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน
อบต. อบจ. และเทศบาล เมื่อพิจารณาเฉพาะยุทธวิธีทางการเมือง พูดได้ว่า ขจก.ประสบความสำเร็จก้าวหน้าไปมาก
เพราะตัวแทนหรือแนวร่วม ขจก.
ได้เข้ามายึดการปกครองส่วนท้องถิ่นที่รัฐบาลต้องการให้เกิดประชาธิปไตยระดับรากหญ้าได้สำเร็จ
โดยอาศัยกฎระเบียบ และ พ.ร.บ.ต่างๆ ตั้งแต่ให้มีการเลือกตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน
เลือกตั้ง อบต. อบจ. และเทศบาล

ล่าสุดคือการเลือกตั้งตรงนายก อบต. และนายก อบจ.
ทำให้การเมืองท้องถิ่นตกอยู่ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จของ ขจก.มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ
นั่นก็หมายถึงอำนาจทางการเมือง
ของขบวนการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนได้แฝงตัวเข้ามายึดการเมืองในรัฐสภาได้บ้างแล้ว
ดังจะเห็นได้ชัดเจนมีการโยนหินถามทางโดยนักการเมืองระดับสูงบางคนออกมาพูดเรื่องการปกครองตนเองของ
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

สถานการณ์ปัจจุบันที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เมื่อ ขจก.ยึดการปกครองส่วนท้องถิ่นได้
และมีกำลังติดอาวุธที่ ขจก.ฝึกไว้แล้วคุมชาวบ้านหมู่บ้านละ 10 คน
ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ 70%-80% ในหมู่บ้าน เกิดความหวาดและระแวงกันเอง
ไม่กล้าพูดหรือแสดงตนว่าไม่ชอบสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ไม่กล้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่
ไม่กล้าไปสถานที่ราชการ เพราะจะถูกสงสัยว่า เป็นคนให้ข่าว และถูกฆ่าตามที่เป็นข่าว
เจ้าหน้าที่ ชนชั้นปกครอง ทหาร และตำรวจจึงถูกปิดหูปิดตา

การปฏิบัติการทางทหารใดๆ ของฝ่ายเราจึงประสบความล้มเหลว
เพราะมีสายของโจรอยู่ในหมู่บ้าน

ขจก.ปฏิบัติการทางทหารรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และต่อเนื่อง ทั้งการซ้อมการปฏิบัติ(ลวง)
และการปฏิบัติจริง
สร้างความสูญเสียให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร
และชาวบ้าน ไม่เว้นแต่พระเณร เป็นการเสียชีวิตของฝ่ายเรา ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
มากกว่าเมื่อรัฐบาลปราบคอมมิวนิสต์ทั่วประเทศในสงครามเย็นเปรียบเทียบกันภายใน 1 ปี

เมื่อปฏิบัติการทางทหารของ ขจก.เข้มแข็งขึ้น ก็ทำให้สถานการณ์ทางการเมือง
และกำลังทหารเมือง คือแนวร่วมของ ขจก.ใหญ่โตขึ้นเป็นเงาตามตัว
ภาพนี้ผู้เขียนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น มันเป็นภาพที่ทำให้คิดว่า
อำนาจทางการเมืองและการปกครองของรัฐบาลถูกบ่อนทำลายลงเรื่อยๆ
และเมื่อยุทธวิธีทางการเมืองของ ขจก.ก้าวไปสู่ความสำเร็จมากขึ้นก็จะทำให้ยุทธศาสตร์ทางการเมือง
การแบ่งแยกดินแดนเป็นรัฐปัตตานี ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น
เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ควรรีบปรับขบวน
และแนวทางการต่อสู้ของฝ่ายเราโดยรีบด่วนที่สุด มิฉะนั้นจะสายเกินแก้

ขณะนี้กำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร ของเรามี 56,000 นาย
ส่วนกองกำลังติดอาวุธโจรก่อการร้ายอย่างสูงมี 3,000 นาย ฝ่ายเรามีกำลังมากกว่าโจร
20 เท่า ตั้งแต่ปี 2547 มีงบประมาณลงไปที่จังหวัดชายแดนภาใต้ 16,000 ล้านบาท
สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย วัดด้วยการฆ่ารายวันยังมีอยู่
และแรงมากขึ้นเราคงมาผิดทางแน่นอน

ผู้เขียนเสนอแนวทางยุติการฆ่ารายวันที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้นายกฯ
ทักษิณอย่างน้อย 3 ครั้งแล้ว และเมื่อมีการประชุมร่วมกันโดย ส.ส. และ ส.ว.
เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้เมื่อ 30 เมษายน 2548 ได้มอบแนวทางนี้
ซึ่งได้แก้ไขให้ทันสมัยแล้วให้นายกฯทักษิณอีกครั้งหนึ่งโดยผ่านประธานรัฐสภา
และได้มอบสำเนาให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แล้วในเวลาเดียวกัน

ในแนวทางยุติการฆ่ารายวันที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น
ได้ชี้ให้เห็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหารและทางการเมืองของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
และวิธีการแก้ไขในการปฏิบัติทางการเมืองและการปฏิบัติการทางการทหาร(ทั้งทหารและตำรวจ)
ของฝ่ายเรา พร้อมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น

ถ้ารัฐบาลยังคิดอะไรไม่ออก ก็น่าจะลองหยิบแนวทางที่ผู้เขียนเสนอนั้นมาศึกษา
และยินดีที่จะไปอธิบายเพื่อประกอบความเข้าใจให้ชัดเจน

อนึ่ง ในการปราบปราม ขจก.นั้น
เนื่องจากขณะนี้โจรและแนวร่วมของโจรสามารถควบคุมชาวบ้านในหมู่บ้านได้
การปราบโจรของฝ่ายเรา จะต้องทำตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้าน แต่งตัวเหมือนกับชาวบ้าน
ยานพาหนะเหมือนชาวบ้าน อาวุธซุกซ่อนปกปิด

เงินรัฐบาลสั่งจ่ายไปมากกว่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น หากนำมาซื้อรถกระบะ รถจักรยานยนต์
วิทยุไอคอม และจีพีเอสให้ชุดปฏิบัติการต่างๆ ที่ต้องจัดตามแนวทางที่เสนอ
แล้วออกปฏิบัติการพร้อมๆ กันทุกวัน
โจรก่อการร้ายจะไม่สามารถออกมาขับรถวิ่งบนถนนและไล่ยิ่งไล่ฆ่าฝ่ายเราได้โดยเสรี
แต่ฝ่ายเราจะจับโจรได้เป็น พร้อมอาวุธในขณะที่เสียงบประมาณเพียงเล็กน้อย

ความต้องการที่ผู้เขียนเสนอให้หน่วยคือ รถกระบะ 12 คัน รถจักรยานยนต์ 12 คันต่อ 1
กองร้อย ร. ส่วนวิทยุไอคอมและจีพีเอสนั้น เท่ากับจำนวนรถกระบะและจักรยานยนต์
จำนวนความต้องการต่อ 1 กองพัน ก็เอา 3 คูณ

ยุทธวิธีง่ายๆ ด้วยการย้อนรอยโจรนี้อยากให้ลองปฏิบัติดู
ผู้เขียนพร้อมที่จะมาสาธิตให้ดู ถ้าหน่วยทหาร ตำรวจต้องการ

ถึงเวลาแล้ว ที่รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดและการปฏิบัติ
ในการแสวงหาข้อยุติในการปราบปรามโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนต้องรู้ยุทธศาสตร์
ยุทธวิธี ของโจรก่อการร้าย (รู้เขา) แก้ไขและปรับเปลี่ยนการวิธีปฏิบัติของฝ่ายเรา (รู้เรา)

เมื่อรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง

หน้า 7

บันทึกการเข้า
paisit
ไม่แม่น
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 5
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 628


ยิงไปเรื่อยๆ งงๆ


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 09:40:18 AM »

ขยันพิมพ์จัง

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ยิงจนปืนหลวม ยังไม่แม่นซักที เฮ้อ
Dhong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 10:00:02 AM »

...............เป็นข้อเขียนที่มีประโยชน์มาก...........ขอบคุณครับ Smiley Smiley
บันทึกการเข้า
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 10:08:58 AM »

เท่าทราบและได้มานะครับ...

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
บันทึกการเข้า
HanumanA
ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน
Full Member
***

คะแนน 0
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 125

หะ นุ มา นะ


« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 10:57:20 AM »

ให้พวกมันจัดตั้งไปรัฐปัตตานีอะไรนั่นหน่ะ จะได้ฆ่ายกรัฐปัตตานีเอาประเทศของเราคืน หึๆ พวกไม่เคยสำนึกในบุญคุณแผ่นดินไทย พระมหากษัตริย์ของเราทรงโปรดเกล้าอนุญาติ ไม่กีดกันไม่แบ่งศาสนา ทั้งๆที่ศาสนาพุทธนั้นดั้งเดิมอยุ่แล้วได้เป็นศาสนาประจำชาติของไทย พี่น้องอิสลามที่เค้ารักสงบยังมีอีกเยอะไป เพราะหลักศาสนาอิสลามจริงๆแล้วก็ไม่ได้สอนให้มานั่งฆ่าฟันกันแบบนี้หรอก
ถ้าวันใดที่เปิดรับสมัครอาสาลงไปปฏิบัติงานที่พื้นที่ล่อแหลมที่ภาคใต้แล้วและอนุญาติว่า
ถ้าสืบเสาะหรือเห็นได้ชัดว่าครัยเป็นพวกก่อการร้ายหรือว่าสนับสนุนใดๆก็ตามในการแบ่งแยกดินแดนแล้วอนุญาติให้ฆ่าทิ้งได้ทันที ผมไปด้วยแน่นอนจะฆ่ามันทิ้งไม่ให้เหลือ
มีสิบฆ่าสิบ มีร้อยฆ่าร้อย รัฐบาลน่าจะจัดหน่วยราชการลับส่งลงไปบ้างประเภที่ว่าเก็บอย่างเดียวแล้วไม่ต้องออกข่าวด้วย ให้พวกมันหายกันไปทีละคนๆ หึๆ ตาต่อตาฟันต่อฟัน
บันทึกการเข้า

Life is Freedom's seed well grown under the sun.
tomtom2548
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 11:05:36 AM »

ปิดชายแดนดีไหม
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 12:02:45 PM »

 Smiley..ขอบคุณมากครับ คุณRock ลูกของชนชั้นที่เปี่ยมสำนึก ..  Cheesy.
    ..อ่านข้อความดังกล่าวที่ดีมาก  พอได้แนวความคิดออกมา.  บางส่วนที่อยากแชร์ด้วย  ครับ. Grin นโยบายทางการเมือง การ
ทหาร.  ไม้นวม ไม้แข็ง. ต้องชัดเจนในการ นำใช้ ให้ถูกกลุ่ม ถูกคน.

    เป็นไปตามหลัก รู้เขารู้เรา.. รู้เขาต้องละเอียดลงถึงประวัติศาสตร์.. ซอย ลงลึก ละเอียดดีครับ
    ประเมินเขา แยกเขาออกจาก แนวร่วม.. วิธีจัดการกับเขา โดดเดี่ยวเขา.. ดึงแนวร่วมให้ทอดทิ้งเขา. โดยสภาพพวกเขาจะยืนอยู่บนสองขาของเขาเองได้ไม่นาน. ก่อนเริ่มยุทธการ .เขามีทางเลือก ๒ ทาง กุญแจมี ๒ ดอก เลือกเปิดเอาเอง ประตูสวรรค์ ประตูนรก... มีวิธีการรองรับจัดการเหมาะสมกับทางเลือกของเขาแล้ว  เด็ดขาด รุนแรง.
     รู้เรา ขีดความสามารถของกำลังพล ปัญหาต่าง ต่าง ที่เป็นข้อด้อยที่อาจส่งเสริมความคิดให้กับฝ่ายเขา.  องค์กรจัดการกับยุทธการ.. ความขัดแย้งของกำลังพล หน่วยงานที่เป็นอุปสรรค.. ขาดความเข้าใจในการดำเนินกรทางการเมือง ทางความคิด..  Smiley
   
     
บันทึกการเข้า

Rock
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 12:20:48 PM »

จริงๆแล้วหากจะศึกษาเรื่องพวกนี้ยังมีอีกที่หนึ่งซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่อ้างว่าจัดทำโดยคนในพื้นที่ ที่รักชาติไทย

http://www.angelfire.com/az3/pulo/

ใช้ชื่อว่า ขบวนการ พูลู ให้ข้อมูลได้ดีทีเดียวเหมาะสำหรับคนขยันอ่านครับ
บันทึกการเข้า
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 12:34:32 PM »

ใจเย็นเถาะครับท่านทั้งหลาย Grin Grin Grin Grin Grinถึงรู้ว่าใจเย็นแล้วไม่ได้อะไรแต่ก็ต้องใจเย็นๆ Grin Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 01:43:25 PM »

ทำไมนักการเมืองกลุ่มวาดะห์ ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย
จึงถูกมือของประชาชนทั้ง 3 จังหวัด ไม่กาให้คะแนน
ประชาชนพิพากษาลงโทษนักการเมืองเหล่านั้นอย่างรุนแรง พร้อมเพรียง
ไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งใดที่มีเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สิทธิมากมายถึงเพียงนี้ คือ
จังหวัดยะลากว่า 70% จังหวัดปัตตานี 72.69% จังหวัดนราธิวาส 73.59% (หนังสือพิมพ์คม
ชัด ลึก หน้า 17 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548)

 :Smiley  :Smiley  :Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 29, 2005, 01:45:07 PM โดย babor » บันทึกการเข้า
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2005, 01:57:46 PM »

ทำไมนักการเมืองกลุ่มวาดะห์ ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย
จึงถูกมือของประชาชนทั้ง 3 จังหวัด ไม่กาให้คะแนน
ประชาชนพิพากษาลงโทษนักการเมืองเหล่านั้นอย่างรุนแรง พร้อมเพรียง
ไม่เคยมีการเลือกตั้งครั้งใดที่มีเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สิทธิมากมายถึงเพียงนี้ คือ
จังหวัดยะลากว่า 70% จังหวัดปัตตานี 72.69% จังหวัดนราธิวาส 73.59% (หนังสือพิมพ์คม
ชัด ลึก หน้า 17 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548)

 :Smiley :Smiley :Smiley


โดนใบสั่ง สาเหตุจากอำนาจรัฐซ้อนที่ขบวนการสร้างขึ้นมาซ้อนอำนาจรัฐอีกที  พูดง่ายๆ ขบวนการมีอำนาจขนาดที่ว่าจะให้สั่งให้ใครเป็นตัวแทนประชาชนได้ ( ตอนนี้ผู้นำท้องถิ่นส่วนใหญ่ ได้รับการคัดเลือกเพราะขบวนการหนุนขึ้นมา )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 29, 2005, 02:01:54 PM โดย natjoe » บันทึกการเข้า

บางโพ 5
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.17 วินาที กับ 22 คำสั่ง