คิดว่าน่าจะเป็นจริงไปตั้งนานแล้ว............
แปลกใจจังครับ ทำไม
กฎหมายบ้านเราจึงรวมเอาปืนลมเป็นอาวุธด้วย......... ทั้งๆที่หากจะใช้ทำร้ายกันจริงๆแล้ว ธนู หน้าไม้ หรือแม้แต่หนังสะติ๊กก็ยังมีอานุภาพเหนือกว่าซะอีก......... หากคิดว่าจะนำไปใช้ข่มขู่ผู้อื่น ปืน BB หรือปืนเด็กเล่นที่วางขายกันเกลื่อนก็หน้าตาเหมือนปืนจริงมากกว่า
พอกลายเป็นอาวุธ ก็โดนระบบโควต้า ระบบภาษีไปด้วย ทำให้ปืนอัดลมราคาไม่กี่เหรียญ พอตกมาถึงบ้านเราแพงจนจับไม่ลง......... อยากจะสนับสนุนให้ลูกๆหลานๆเล่นเป็นกีฬามั่ง ก็ซื้อไม่ไหว.......... แถมหากเด็กๆเอาไปยิง ก็กลายเ็ป็นผิดกฎหมายอีก
ถามเล่นๆครับ (แต่อยากได้คำตอบจริงๆ ฮา)......... หากเรารวบรวมรายชื่อกัน เพื่อขอให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายข้อนี้ จะพอมีความเป็นไปได้หรือไม่ครับ....... โดยจะกำหนดให้ปืนอัดลมจะต้องทาสีแดงที่ลำกล้อง หรือทำอะไรให้แตกต่างจากอาวุธปืนจริงๆก็ได้น่ะครับ
หากปืนลมเป็นอุปกรณ์กีฬา เสียภาษีกีฬา ไม่โดนโควต้า......... เราน่าจะมีปืนดีๆในราคาระดับพันกว่าๆ หรือหมื่นต้นๆเล่นกันแล้ว......... แถมร้านปืน พอหารายได้จากการขายปืนลมได้ทั้งปี อาจใจดีลดราคาปืนจริงลงมาอีกก็ได้ง่ะ
ก็เป็นเพราเหตุนี้ กีฬา ยิงปืนบ้านเรา ถึงไม่ไปไหน
ถ้าพูดถึงการแข่งขันยิงปืนสากลตามสหพันธ์ISSF นักกีฬาไทยไม่ด้อยกว่าใคร ทั้งปืนสั้นและปืนยาวอัดลม นะครับ
และในความเป็นจริงปืนกีฬาสามารถขอป.2สั่งนำเข้าได้โดยไม่เกี่ยวข้อง-ไม่นับรวม กับระบบโควต้าของร้านปืน
ปืนกีฬาราคาไม่ถูกนัก อัตราภาษีแพงก็ยิ่งแพง
ถ้าชมรม-สมาคมยิงปืนผลักดัน ตีเหล็กเวลาร้อน .....เพียงแก้ไขเพิ่มเติมพิกัดภาษี เราก็เสียภาษีต่ำ-หรือรับการยกเว้นได้
น่าเสียใจที่ชมรมยิงปืนโดยทั่วไป มักไม่สนใจผลักดันปืนกีฬาส่วนนี้ อาจเป็นเพราะระบบการแข่ง ไม่ทำให้เกิดรายได้
ทั้งๆที่ถ้าเยาวชนเล่นกีฬายิงปืนมากขึ้น ..... เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวได้อย่างถูกต้อง...จะมาสนับสนุนกิจกรรมชมรมฯแบบยั่งยืน
แต่ในกลุ่มปืนลมเพื่อนันทนาการ และกลุ่มปืนลมเพื่อการ"ล่า" (ที่มันอาจถูกดัดแปลงเพิ่มเติมเพื่อการ"ฆ่า")
ยังน่าคิดว่าจะแยกแยะควบคุมอย่างไร