เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 19, 2024, 09:39:30 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 7 8 9 [10] 11 12 13 ... 17
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ?  (อ่าน 52653 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 43 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #135 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 10:29:14 AM »

 
กะเฉดเคยกินครับ  เพราะพวกแม่บ้านคนไทยแถวๆ San Bernardino เค้าปลูกเอง  คนปลูกชื่อป้าสร้อย  แกปลูกใน bath tub ที่คนเค้าทิ้งแล้ว  สามีแกไปเก็บมาให้   ที่เป็นขวดมาก็เคยมีแต่ไม่เห็นนานแล้ว  ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านนอกไม่ได้กิน ต้อมเลือดหมูอร่อยอีกเลย  เพราะร้านเวียตนามที่นี่  ไม่ทำเลือดหมูขายเหมือนคนไทย  พอเอาไปต้มแล้วมันแข็งปาหัวหมาร้อง  ที่ L.A. มีแบบที่ต้มแล้วไม่แข็งขาย   หน่อไม้สดก็มีขายมีคนไปเก็บมาขาย

คุณ USP 40 โชคดีที่ได้กินครับ

ทุเรียน แช่แข็งจากเมืองไทย มีขายตาม ซุปเปอร์ มาเก็ต ทั้งของ จีน และ เวียตนามด้วยครับ พวกคนจีนชอบกิน ทุเรียนมาก เรียกกันว่า Stingy Fruit หรือ ผลไม้เหม็น แต่ไม่ทุกคน ผม เห็นเพื่อนผม ที่เป็น ผู้หญิงจีน ตัวเล็ก ๆ กินคนเดียว เกือบหมดลูก

ส่วน กุ้งแกะเปลือก แช่แข็ง มีทั้งของไทย และ อินเดีย ตอนไปแรก ๆ ก็มีแต่ของ ไทยครับ หลัง ๆ เห็นกุ้ง อินเดีย เข้ามาแย่งพื้นที่ใสตู้แช่มากขึ้น

ที่สำคัญคือ ข้าวไทย ในอเมริกา ขายดีกว่าข้าวพื้นเมือง คนเอเซีย เกือบทั้งหมด ชอบซื้อข้าวไทย ไปหุงกิน เพราะ อร่อยกว่า ข้าว แม็กซิกัน ผม เคยซื้อข้าว แม็กซิกันมาหุงแล้ว ตอนหุงเสร็จใหม่ ๆ ก็พอทานได้ แต่พอเย็นแล้ว แข็งมากเหมือนกินข้าวดิบเลย ทำได้แต่ข้าวต้ม แต่ก็ไม่หอมอยู่ดี เลยต้องซื้อข้าวไทยกิน แล้ว ข้าว หอมมะลิ ที่อเมริกานี่ อร่อยกว่า ข้าวหอมมะลิ บางยี่ห้อ ที่ขายที่เมืองไทยอีก

อากาศ ที่อเมริกา บางรัฐ ก็อยู่สบายครับ อย่าง แคลิฟลอเนีย ที่อากาศ และ ฟลอริด้า ที่ อุณหภูมิ ทั้งปีไม่ต่างกันสุดขั้ว ในบางรัฐ อุณหภูมิ ในฤดู ร้อน กับ ฤดูหนาว ต่างกันเกิน 50 องศาฟาเรนไฮ ก็มี อย่างในฤดูร้อน ก็ขึ้นไป เกือบ ร้อย พอ ฤดูหนาว กลับลงมาที่เกือบ 0 ส่วน แถว ๆ บ้าน พี่ บุญ อากาศ เย็น ๆ สบาย เกือบทั้งปี เพราะ หน้าร้อน ก็มีกระแสน้ำเย็น จากเหนือลงมา พอหน้าหนาว ก็มีกระแสน้ำอุ่นจาก ใต้ขึ้นไป ไม่เหมือน กลางทวีป ที่หนาวจัด ร้อนจัด

ผมเคยขับรถผ่านรัฐ อริโซน่า และ ผ่านทะเลทราย คือ ขับจากบ้านพี่ชาย ที่ เมือง Hemet ซึ่งอยู่ใน River Side County ต้องขับกลางคืนอย่างเดียวครับ เพราะ อากาศ ร้อน และ แห้งมาก ขนาดขับตอนกลางคืน ยังร้อนเลย เพราะ รถผมไม่มี แอร์ ครับ ซื้อ ถูก ๆ มือ 2 มา 2 พันเหรียญ เอง ตก เกือบ 5 หมื่นบาทไทย คันนี้ใช้คุ้มมาก ไปกลับ แคลิฟลอเนีย โอกลาโฮม่า กว่า 10 เที่ยว ระยะทาง จาก แคลิฟลอเนีย ไป โอกลาโฮม่า ซิตี้ ตกราว ๆ 1,400 ไมล์ หรือ ราว ๆ 2 พันกิโลเมตร ผม ขับไป ก็แวะข้างทางหลับไปครับ เส้นทาง Inter State ของ อเมริกา จะมีจุดพักรถ หรือ ที่เรียกกันว่า Rest area ใว้สำหรับพักรถที่เดินทางไกล ในนั้นมี ห้องน้ำ ตู้ขายของแบบหยอดเหรียญ พอพักเสร็จ หายง่วง ก็ขับต่อ ไม่เคยแวะพักโรงแรม ข้างทางเลย นอนในรถตลอด
บันทึกการเข้า
BADBOY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #136 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 10:50:54 AM »

..เข้ามาอ่าน ได้ความรู้อีกด้าน จากผู้ที่ได้ประสบมากับตัวเองจริง และมีประโยชน์สำหรับ คนที่ไม่เคยประสบ เช่น ผม ที่ได้แต่เคยเห็น รับรู้ อเมริกา ผ่านทีวี หนังสือบ้าง เท่านั้น ..ขอบคุณพี่ ๆ ทุกท่านมากครับ ... ไหว้
บันทึกการเข้า
'por
Failure is not an Option
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 24
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 490


« ตอบ #137 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 11:45:48 AM »

อ้าวววววว

กลายเป็นกระทู้ 

ซื้อปืน หรือ ซื้อปลา ในอเมริกากันแล้วครับเนี่ย

เห็นด้วยกับพี่บุญครับ เรื่องร้านบัฟเฟต์ (บ้านเราเรียกบุฟเฟต์) ครับ ที่แรกๆกิน ก็สนุกมันดี แต่หลังๆกินแล้วทรมาน เพราะเล่นให้คุ้มครับ คิดไปคิดมาหลังๆนี่ เลือกที่ชอบที่ชอบก็พอครับ ถูกปากถูกเงิน สบายท้องไม่อึดอัดครับ

ในดัลลัสแนะนำร้านบัฟเฟต์ญี่ปุ่น Tokyo One อยู่บน BeltLine Rd., Addison ครับอาหารหลากหลายคุณภาพดีทีเดียวครับ
แล้วก็ร้านบัฟเฟต์จีนแถวๆ US75-Richardson/Plano ครับ แต่จำชื่อไม่ได้แล้วมี Lobster/Seafood ไม่อั้นครับอยู่ใกล้ๆร้าน Bangkok City ครับ มองจาก US75 ไปทางตะวันออกเห็นป้าย "Lobster and Seafood Buffet- all you can eat " ชัดเจนครับ เดี๋ยวนึกชื่อออกแล้วมาเล่าให้ฟังครับ


แค่คนเคยอยู่เกือบสิบปีครับ ปัจจุบันกลับมาเมืองไทยได้หนึ่งปีพอดีๆ ครับ ขอ ป๓ มาใบแรก.22 เดือน เมษายน ใบที่สอง.22 และสาม 9mm พร้อมกันในเดือนกันยายน และกำลังจะขออีกใบสำหรับ .45 ในไม่เกินสองสัปดาห์นี้ครับ เสียเวลานิดนึงครับแต่ไม่ได้ยากเย็นอะไร



จริงๆ แล้ว ซื้อปืนในเมืองไทย หรือ อเมริกา ผมว่าก็ง่ายพอกัน ถ้าคุณเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย

แต่ปืนในเมืองไทยราคาแพงกว่าสามถึงสี่เท่าครับ ผมขายปืนที่อเมริกาหมดคลังแสง Bushmaster AR15 M4, Glock19, Kimber Stainless Target, Walther P22, Beretta 21A, S&W M22A, Springfield V10 Stainless Compact, HK USP .40 ได้เงินแค่พอซื้อ Kimber เมืองไทยได้แค่กระบอกเดียวครับ

เมืองไทยอาจจะใช้เวลามากหน่อย เอกสารยุ่งยากนิดนึง แต่ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร สำหรับใน กรุงเทพ
แต่ในต่างจังหวัด ความยุ่งยาก ไม่ได้อยู่ที่กฎระเบียบ แต่เป็นความยุ่งยากที่มาจากการที่นายทะเบียนท้องที่ หรือ ลิ่วล้อหน้าห้อง ใช้อำนาจในทางที่ผิด หรือ นายทะเบียนอ้างระเบียบบางอย่าง หรือ นายทะเบียนไม่รู้ระเบียบที่แท้จริงครับ เลยทำให้ยุ่งยากไปซะ

ขออนุญาตนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2007, 01:05:12 PM โดย 'por » บันทึกการเข้า

Theera
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #138 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 12:07:35 PM »

ด้วยความเคารพและนับถือครับ ไหว้
เข้ามาอ่าน ได้ความรู้อีกด้านหนึ่งครับ โดยเฉพาะ พี่บุญ ,พี่เจษ ,พี่686 คุณpor ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนครับ
อ่านแล้วสนุกดีครับ
ขอบพระคุณมากครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
Zenith
Jr. Member
**

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 21


« ตอบ #139 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 02:21:09 PM »

ผมก็เด็กทุน ก.อ. เหมือนกันครับ ไปพร้อมกันกับแฟน เรียนไป ทำงานไป เที่ยวไป ยิงปืนไป ใช้ชีวิตคุ้มครับ แต่เพื่อนเยอะ ช่วยงานคนไทยบ้างเป็นครั้งคราวครับ

เด็กทุนรัฐบาลบางคนเรียนแต่ในห้อง กลับหอ อ่านหนังสือ ไม่คบเพื่อน ไม่มีสังคม แบบนี้เรียนที่เมืองไทยก็ได้ครับ เสียดายภาษีประชาชน น่าจะไปเปิดหูเปิดตานำสิ่งดีๆของประเทศเขาไปพัฒนาบ้านเราบ้าง เพราะนี่คือเหตุผลที่ทุนเขาส่งมาเรียนเมืองนอกเมืองนา กลับกลายเป็นตั้งกำแพงกั้นตัวเองไม่รับรู้ความแตกต่างในด้านที่ดีๆ

ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล
ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม
และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้  ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5
คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี  ส่วนเงินค่าใช้จ่าย
ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้  ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ
คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง...

เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย
และไม่กระทบการเรียนด้วย)  ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว
เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย...
อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ...
บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #140 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 02:31:49 PM »

ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล
ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม
และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้  ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5
คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี  ส่วนเงินค่าใช้จ่าย
ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้  ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ
คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง...

เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย
และไม่กระทบการเรียนด้วย)  ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว
เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย...
อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ...

 เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #141 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 02:39:24 PM »

เห็นด้วยกับเรื่อง เด็กทุน ครับ แต่ต้องมองในมุมของเค้าบ้างครับ

เด็กทุน คือ คนที่เรียนเก่ง สอบแข่งขันจนได้ทุนมาเรียน กลับไปก็ต้อง ใช้ทุน อาจเป็น 2 เท่า หรือ เรียน 1 ปี ต้องกลับไปใช้ทุน 2 ปี เลยต้องรีบเรียนให้จบเร็ว ๆ เพราะ ไม่อยากทำงานใช้ทุนนาน

แต่ผมเห็นนักเรียนทุนบางคน หนีทุน อยู่ทำงานต่อ ที่อเมริกา ก็มีครับ คือ เรียนจบ ได้งานดี ๆ ที่นี่ เลย ไม่กลับเมืองไทยเลย


.....ถ้าใช้ทุนคืนเป็นเงินไม่ทำงาน ต้องใช้เงิน 3 เท่า และเขาคำนวนให้คืนเป็นเงินสกุลที่จ่ายไป เช่น เมื่อก่อนจ่ายให้ 100 ปอนด์ = 4,000 บาท ตอนนี้ถ้าจะใช้เงินต้องเป็น 300 ปอนด์ เป็นเงินไทย 68 X 300 = 20,400 บาท

(ปล. ผมไม่ใช่เด็กทุนรัฐบาล)
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #142 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 02:44:36 PM »

.....โอ้ และถ้าบางคนเรียนนานเกินเวลาทุน เช่น รับเงินทุน 5 ปี แต่ต้องเรียน 7 ปี รัฐบาลไม่ให้เงินทุนในช่วง 2 ปีหลังแล้ว แต่เวลากลับมาทำงานต้องทำงานให้รัฐรวม 2 เท่าของช่วงที่จ่ายเงินส่วนตัวด้วย คือต้องทำงานใช้ 14 ปี ไม่ใช่แค่ 10 ปี

เผอิญญาติผมชอบไปเรียนทุนเลยพอรู้เรื่องบ้าง

ส่วนผมโง่กำลังสอง คือโง่ไม่ได้ทุนรัฐ ไปเรียนให้ พ.ก. ออก แถมยังโง่มาทำงานให้รัฐอีก
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
wasanami
Hero Member
*****

คะแนน 272
ออฟไลน์

กระทู้: 4804



« ตอบ #143 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 02:55:34 PM »

.....โอ้ และถ้าบางคนเรียนนานเกินเวลาทุน เช่น รับเงินทุน 5 ปี แต่ต้องเรียน 7 ปี รัฐบาลไม่ให้เงินทุนในช่วง 2 ปีหลังแล้ว แต่เวลากลับมาทำงานต้องทำงานให้รัฐรวม 2 เท่าของช่วงที่จ่ายเงินส่วนตัวด้วย คือต้องทำงานใช้ 14 ปี ไม่ใช่แค่ 10 ปี

เผอิญญาติผมชอบไปเรียนทุนเลยพอรู้เรื่องบ้าง

ส่วนผมโง่กำลังสอง คือโง่ไม่ได้ทุนรัฐ ไปเรียนให้ พ.ก. ออก แถมยังโง่มาทำงานให้รัฐอีก

ทำงานให้รัฐไม่โง่หรอกครับ...ผมเรียกว่าทำงานเพื่อชาติครับ... Smiley
บันทึกการเข้า

มาใช้ dropbox กันเถอะ
https://www.dropbox.com/link/39.XpsLIhKCKt?lk=564ddba31492c671
'por
Failure is not an Option
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 24
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 490


« ตอบ #144 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 04:26:14 PM »



ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล
ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม
และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้  ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5
คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี  ส่วนเงินค่าใช้จ่าย
ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้  ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ
คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง...

เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย
และไม่กระทบการเรียนด้วย)  ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว
เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย...
อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ...

ขออนุญาตครับ น้อมรับความคิดเห็น และขอกราบขอโทษถ้าความคิดเห็นของผมอาจจะดูแรงเกินไป ไหว้ ไหว้ ไหว้

ผมไม่ได้หมายความไปยังนักเรียนทุนทุกคนครับ ผมเองก็มีเพื่อนเป็นนักเรียนทุนหลายคน มีทั้งที่ดีและไม่ดีครับ และเข้าใจในปัจจัยเหล่านั้นครับ และไม่ได้หวังจะต้องเที่ยวหรือสังคมมากมากนะครับ

การตั้งใจเรียนเป็นสิ่งที่ดี การไปเปิดหูเปิดตา หาความรู้นอกกรอบ ก็เป็นสิ่งที่ดี เพื่อนำเอามุมมองที่แตกต่าง มาประยุกต์ใช้ครับ ถ้าคิดว่าเรียนอย่างเดียวแต่ไม่มองสังคมเลยไม่ยอมเรียนรู้ในโลกที่แตกต่าง ก็ไม่เหมาะสมกระมังครับ
การถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ นอกจากจะได้ภาษาแล้ว ยังควรที่จะได้มุมมองที่เราไม่สามารถหามองได้จากในเมืองไทยอีกด้วยนะครับ ซึ่งไม่ว่าจะเด็กทุนหรือไม่ใช่เด็กทุน ก็ควรหาโอกาสรับเอามุมมองนอกกรอบมาประยุกต์ใช้กันได้บ้างครับ หลายๆคนเอาแต่ปิดกั้นตนเองไม่ยอมรับสิ่งใหม่ที่แตกต่างครับ

ผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไปในช่วงปี ๔๐ ต้องทำงานหาเงินเรียนเองด้วยครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2007, 04:45:44 PM โดย 'por » บันทึกการเข้า

nuy_rc 3D Extreme
คุดไห่เลิ้ก..ก๊นไห่เถิง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 65
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1325



« ตอบ #145 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 04:55:52 PM »

ได้ความรู้-ความเป็นอยู่ของคนไทยในอเมริกา  สนุกดีครับ  ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
STeelShoTS
Mossy Oak Duck Blind
Hero Member
*****

คะแนน 534
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6303


If you heard my shot. You were not the target.


« ตอบ #146 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 05:09:27 PM »

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยแง้มกะลาที่ครอบผมอยู่... เยี่ยม ไหว้
บันทึกการเข้า

Natural resources is sufficient for human's need,but not for human's greed
boon(เสือไบ)
ความประพฤติบกพร่อง จะทำให้บิดามารดาอับอาย
Hero Member
*****

คะแนน 532
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6011



« ตอบ #147 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 06:00:10 PM »

มีข้อสงสัยครับ อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ ผมสงสัยเกี่ยวกับ Murphy's law ตรงนี้เป็นอย่างไรครับ
ใครทราบช่วยขยายเป็นไทยให้เข้าใจหน่อยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง
บันทึกการเข้า

If a man says he is not afraid of dying, he is either lying or is a Gurkha
USP40
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #148 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 08:23:37 PM »

มีข้อสงสัยครับ อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ ผมสงสัยเกี่ยวกับ Murphy's law ตรงนี้เป็นอย่างไรครับ
ใครทราบช่วยขยายเป็นไทยให้เข้าใจหน่อยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง
หมายถึงว่า อะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมายในทางลบครับพี่   จะเป็นที่เข้าใจกัน  ถ้าพูดกันเล่นๆว่า Mr.Murphy อยู่แถวๆนี้แหละ ให้ระวัง
อย่างเช่นการทำงานของทหารจะมีการวางแผนการทำงานไว้  แล้วยังมีแผนสอง แผนสามสำรองไว้   เผื่อมีอะไรที่ไม่คาดหมายเกิดขึ้น
ออกจากบ้านจะเดินทางไกล  ตรวจสภาพรถอย่างดี  มีอุปกรณ์ฉุกเฉินครบ  แต่ขับๆอยู่ดีๆรถตายเพราะ fuel pump เสียนั้นก็คือ Murphy law อย่างนึงครับ
บันทึกการเข้า
686
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 471
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3988



« ตอบ #149 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2007, 08:35:13 PM »

ก๊อป เค้ามาครับ พี่ บุญ

ซึ่งมีประโยคง่ายๆ ว่า “If anything can go wrong, it will.” ซึ่งแปลความหมายเป็นไทยก็คือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากเราปล่อยให้มีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ รับรองได้ว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นแน่นอน

ซึ่งมีหลายคนพยายามค้นหาว่ากฎนี้มีที่มาจากผู้ใด จนพบว่าแหล่งที่น่าเชื่อถือมากที่สุดน่าจะมาจาก กับตัน Edward Murphy JR ซึ่งเป็นวิศวกรอยู่ที่ฐานทัพทหารอากาศ Muroc ในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1949 ได้ทดลองเกี่ยวกับความอดทนของมนุษย์ที่มีต่อแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งทำการทดลองโดยมัดคนติดกับยานยนต์ที่เคลื่อนที่เหมือนจรวด และให้หยุดอย่างเร็ว แต่การทดลองมักจะเกิดความผิดพลาดจากผู้ช่วยทดลองที่ดูแลสายไฟฟ้าจนทำให้การทดสอบทำงาน จนกัปตันต้องเปล่งประโยคออกมาว่า “If there’s any way to do it wrong, he will.” ซึ่งเชื่อกันว่าประโยคนี้คือจุดเริ่มต้นของ Murphy’s law ต่อมา Murphy’s Law แตกลูกหลานออกมาอีกมากมาย เช่น กลายเป็น Murphy’s Second Law คือ “Something takes longer than you expect” หรือกฎข้อที่สาม “Nothing is simple as it looks.” และกฎย่อยๆ อีกมากมาย แล้วแต่โอกาส สถานการณ์ และวงการ



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 7 8 9 [10] 11 12 13 ... 17
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.102 วินาที กับ 22 คำสั่ง