ผมก็เด็กทุน ก.อ. เหมือนกันครับ ไปพร้อมกันกับแฟน เรียนไป ทำงานไป เที่ยวไป ยิงปืนไป ใช้ชีวิตคุ้มครับ แต่เพื่อนเยอะ ช่วยงานคนไทยบ้างเป็นครั้งคราวครับ
เด็กทุนรัฐบาลบางคนเรียนแต่ในห้อง กลับหอ อ่านหนังสือ ไม่คบเพื่อน ไม่มีสังคม แบบนี้เรียนที่เมืองไทยก็ได้ครับ เสียดายภาษีประชาชน น่าจะไปเปิดหูเปิดตานำสิ่งดีๆของประเทศเขาไปพัฒนาบ้านเราบ้าง เพราะนี่คือเหตุผลที่ทุนเขาส่งมาเรียนเมืองนอกเมืองนา กลับกลายเป็นตั้งกำแพงกั้นตัวเองไม่รับรู้ความแตกต่างในด้านที่ดีๆ
ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล
ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม
และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้ ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5
คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี ส่วนเงินค่าใช้จ่าย
ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้ ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ
คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง...
เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย
และไม่กระทบการเรียนด้วย) ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว
เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย...
อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ...
อ่ะ...
นายสมชายกับเมียก็นักเรียนทุนรัฐบาลอีกสองคนครับ... ทั้งนายสมชายกับเมียก็ไม่ค่อยคบกับคนไทย แต่ขับรถเที่ยวไกลครับ ขับเลาะขอบทวีปข้ามแผ่นดินไกลแบบจาก OKC อ้อมเท็กซัสเลาะขอบล่างไปขึ้นเหนือด้วยเส้นทาง I-101 เลียบชายทะเลแคลิฟอร์เนีย ทริปนี้ 21 วัน กว่าสองหมื่นกิโล... เลาะขอบทวีด้านขวาตั้งแต่หลุยส์เซียน่า ฟลอริด้าแล้วขึ้นเหนือไปดูมิสกรีน ทริปนี้อีกเกือบสองหมื่นกิโลครับ(ทะเลาะกับเมีย โดนเมียดุตลอดทางและครับ... ฮา)... อีกทริปวิ่งผ่าทะเลทรายเนวาด้าตรงดิ่งไป CA (ทริปนี้ที่คุณ 686 เจอนายสมชายกำลังเตรียมรถยนต์อยู่หลังอพาร์ตเม้นของมหาลัยฯ - เลยไม่ได้คุยกันมาก จนถึงบัดนี้... ฮา)
นายสมชายเป็นนักเรียนทุนฯ ที่ OCU, เวลาเรียนก็ไม่ได้เรียนอย่างเดียว แต่มีรายงานของหลวงต้องให้ทำด้วย เป็นการรวบรวมข้อมูลสถิติต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ ที่ไม่สามารถค้นได้จากห้องสมุด... นักเรียนทุนสมัยนี้ไม่ได้ทำรายงานคงเป็นเพราะว่าสมัยนี้สามารถค้นได้จาก Internet แต่สมัยนายสมชายปี 1993 ทุกอย่างต้องเก็บข้อมูลจากสนามฯ และขอบางส่วนจากทางการ USA โดยสถานทูตประสานเอาไว้ก่อน ถึงแม้ในเวลาไม่กี่ปีหลังจากนั้นจะกลายเป็นของไร้ค่าก็ตามครับ...
เมียนายสมชายเรียนที่ OCU ด้วยทุนตัวเอง แล้วไปเรียนที่ McGeorge School of Law ที่แคลิฟอร์เนียด้วยทุนเล่าเรียนหลวง(เป็นโรงเรียนกฏหมายหนึ่งใน 33 แห่ง ในรายชื่อสถานศึกษาที่ กต. ให้การรับรอง)... จากประสบการณ์ของทั้งคู่พบว่านักเรียนทุนมักไม่ค่อยคบกับนักเรียนไทยคนอื่น เป็นเพราะไปไหนไปด้วยกันแต่กระเป๋าไม่เท่ากันครับ... และเบื่อสภาพจับกลุ่มเพื่อนแยะ นินทากัน อวดร่ำอวดรวย ยืมหนังสือ ลอกการบ้าน ลอกข้อสอบ ไปไหนไปกันเป็นกลุ่มใหญ่จับกลุ่มแน่นทำให้ไม่ได้ฝึกภาษา นักเรียนไทยหลายท่านกลับมาเมืองไทยยังพูด ฟัง อ่าน ภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง ตัว R ตัว L ตัว Th ยังแยกการออกเสียงไม่ได้... ซึ่งอย่างนี้ไม่ควรเกิดครับ...
ขอยืนยันว่านักเรียนทุนส่วนใหญ่ถูกใช้งานคุ้มค่าภาษีครับ... แต่หลายอย่างบอกใครไม่ได้ถึงแม้จะเป็นข้อมูลประหลาดๆ เช่นจำนวนและที่อยู่ของอู่ซ่อมรถยนต์ที่เป็นเจ้าของโดยคนไทย เวียตนาม และลาว... ฮา