มาโม้ต่อครับ
พวกผมไปถึง Bryce Canyon ก็เย็นแล้วเลยยังไม่ได้เข้าไป หาที่พักก่อน พอดีเห็น Holiday Inn ก็เลยแวะพัก แต่คราวนี้ ไม่ได้ทำอาหาร เพราะ ไม่ได้ซื้อของ สดเตรียมใว้ พอเช้าก็กินที่ ร้านอาหารของโรงแรมเลย ออกจากโรงแรม ก็เข้าไป Bryce Canyon แต่ได้แต่ดู เพราะ ไปหน้าหนาว เค้าปิดไม่ให้เดินลงไป ถ่ายรูป ที่ Bryce Canyon สวยกว่า Grand Canyon ครับ อาจเป็นเพราะ ผมคุ้นตากับ ภาพแกรนด? แคนย่อน ที่เห็นมาจนชินตาแล้ว ก็เป็นได้ แต่ที่ Bryce Canyon เป็นภูเขาที่ถูก ธารน้ำแข็ง และ แม่น้ำ กัดเซาะ ทำให้เห็น ส่วนที่เหลือ เป็นลักษณะ ภูเขา เป็นแท่ง ๆ สีส้ม สลับขาว ส่วน แกรนด์ แคนย่อน เป็น หุบเขาที่ถูก แม่น้ำโคโลราโด้ กัดเซาะ จึงเห็นเป็นหุบเขา ที่กว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตา
พอถ่ายรูป ซื้อของที่ระลึก แล้วก็ลง ขับรถทั้งวัน ตามเส้นทาง ไฮเวย์ 89 ขึ้นเหนือ ช่วงนี้ ต้องเปิดแผนที่บ่อย เพราะ ที่เที่ยวแต่ละที่ ไกลกันมาก และ เส้นทาง น่าหวาดเสียวมากด้วย ปกติ ถ้าเจอเหว ก็จะเจออีกด้านเป็นภูเขา เพราะ ถนนจะตัดเลียบถูเขาไป แต่ ที่นี่ มีเหว 2 ด้าน ซ้ายขาวเลยครับ ถ้าพลาด ตกเหวสถานเดียว ผมที่ง่วงนอนมาตลอด เลยหายง่วงเลย
อ้อ ผมแวะเข้าไปดู หินที่โดนลมกัดกร่อน จนเป็น รูปโค้ง แต่จำชื่อไม่ได้ ( อิอิ แก่แล้ว) พอไปถึง I+70 ก็มุ่งหน้าไป โคโลราโด้กันเลย แต่พอถึงเมือง ใกล้ ๆ เขตรัฐ ก็ค่ำ เลยแวะซื้อของสดก่อนมาทำกินกันในห้องพักโรงแรม เพราะ พวกที่ไป ไม่ชอบ อาหารฝรั่ง ผมเลยต้องทำหน้าที่ พ่อครัว กินเสร็จ ก็นอนเลย พอรุ่งเช้าก็ขับรถต่อ ตอนอยู่ รัฐ ยูธ่า (Utah) ไม่ค่อยเห็นต้นไม้ สักเท่าไหร่ ดินก็เป็นสีแดง พอขับไปสักพัก ก็เห็น ทางเข้าอุโมงขนาดใหญ่ แต่เปิดให้เข้าได้ 1 ช่องทาง และ ออกอีก 1 ช่องทาง รถทุกคันต้องต่อคิวกันเข้าอุโมงนี้ครับ
แต่พอออกมา วิวทิวทัศน์ เปลี่ยนไปอย่างกับอยู่คนละโลกเลย เพราะ อีกฝั่งของ อุโมง เป็น ภูเขา ที่มี ต้นสนขึ้นอยู่เต็ม แถมมีหิมะปกคลุมอยู่ด้วย ถนน เป็น ถนน 2 ระดับ เกาะไหล่เขา (เพราะ เขาชันมาก เลย ต้องทำถนน 2 ระดับ ถ้าทำระดับเดียวกัน เปลืองกว่า) มองไปด้านขวา เห็น แม่น้ำ อีกฝั่ง เป็นเขาเหมือนกัน และ เห็นรถไฟวิ่งอยู่ด้วย เป็นภาพที่สวยมาก แต่มีผมเห็นคนเดียว เพราะ ในรถ หลับหมด พอขับไปสักพัก ก็เจอกับ ภายุหิมะ พวกเราอุดอู้อยู่ในรถ ไปไหนไม่ได้ ต้องค่อย ๆ คลานไป พอพ้นพายุ มองออกไปข้างทางก็เจอกับ สกี รีสอร์ท ทำให้พวกเรา เปลี่ยนใจ แทนที่จะตรงไปหาเพื่อน ที่เรียน ที่นี่ (ใจง่าย) เลย แวะพักอีกสัก 1 คืน (ผมจำชื่อเมืองไม่ได้แล้ว) ก่อนเข้าที่พัก เราได้ไปเช่า รองเท้า สกี กัน ทุกคน แล้ว ก็ต้องแปลกใจกับ ราคาห้องพักที่นี่ด้วย ว่า 79 เหรียญ แต่ได้ห้อง สูทขนาดใหญ่ มี 3 ห้องนอน มีเครื่องครัว ครบ ทำอาหารกันได้โดยไม่ต้องไปถอดถ่านเครื่องเตือนภัย พอถึงเช้า พวกเราก็ไปเรียน สกี โดยที่นี่ มีสอนสกีด้วย ตอนที่เราไป เป็นจังหวะที่หิมะเพิ่งตก เลยทำให้หิมะไม่แข็งตัว เรียก เพาเดอร์ ไม่ลื่นมา เล่นสกีได้สนุก แล้ว ยังไม่ถึง ฤดูท่องเที่ยวด้วย ทำให้คนยังไม่มาก เล่นสกีที่นี่ สนุกมากครับ ต่างคนต่างล้มลุกคลุกคลานกันเป็นแถว เสร็จแล้วก็นั่งกระเช้าชึ้นไปบนเขา แล้ว สกี ลงเขามา ผม อยากจะต่ออีกรอบ แต่เพื่อน ๆ ไม่เอาด้วย เลย ต้องกลับ พอมาถึง เดนเว่อ (Denver) ก็เย็นแล้ว เลยหาอาหารทานกัน เห็นร้านอาหาร แม็กซิกัน ที่นี่ เลยเข้าไปทาน ผมสั่งพวก Fajita อ่าน (ฟาฮีต้า ไม่ไช่ ฟาจีต้า) หรือพวก ย่าง เพราะ เป็นอะไรที่ทานได้ แต่เพื่อนผม ไม่เคยทานอาหารแม็กซิกันเลย สั่งมาแล้วทานกันไม่ได้สักคน ผมเลย เหมา แทบอ้วก
คืนนั้นเราพักกันในเดนเวอร์ อีกคืน พอรุ่งเช้า ก็ขับรถโดยใช้เส้นทาง สาย I-25 ลงมาผ่าน Colorado Springs มายังเมือง Pue Blo พอถึง เพื่อน ด่า ใหญ่ เพราะ น่าจะถึงตั้งแต่ 2 วันก่อน (เพราะ สกี แท้ ๆ) เย็นวันนั้น ผมก็ทำ ข้าวมันไก่ กินกัน ต้องหุ้งข้าวถึง 2 หม้อเลย ตอนแรก พวกเรากะจะไปต่อ เมื่อขับลงมาทางใต้ ตามสาย I-25 จนเข้าเขต รัฐ นิวแม็กซิโก แต่ตกค่ำก่อนถึง Albuquerque (ออกเสียง อัล บู กอร์ กี้) เป็นเมืองเล็ก ๆ เราก็แวะพักอีกคืน
พอรุ่งเช้า พวกเราต่างเหนือย ผมเลย บอกว่า กลับกันมั๊ยหล่ะ ถ้ากลับ คืนนี้ก่อนถึง เที่ยงคืน เราถึง San Diego แน่ แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะ เราเดินทางมาหลายวัน พอบอกว่า คืนนี้กลับถึงจุดเริ่มต้น เลยไม่มีใครเชื่อ แต่ทุกคนก็ลงความเห็นว่า กลับ พวกเราก็กลับ โดยใช้เส้นทาง I-25 ลงใต้ ไปเมือง อัลบูกอร์กี้ แล้วใช้เส้นทาง I-40 ที่ผมคุ้นเคย ไปทางตะวันตกจนถึง แฟล๊ก สเตฟฟ์ ( Flagstaff) แล้วเปลี่ยนลงใต้โดยใช้เส้นทาง I-17 ลงไปยัง ฟีนิกส์ ก่อนเข้า ฟีนิกส์ เพื่อนผมยังมีแรง ช๊อปปิ้ง ซื้อของกันที่ Outet ข้างทาง จากนั้นเราก็เปลี่ยนมาใช้ I-10 เข้า แคลิฟลอเนีย ตรงนี้เอง เพื่อนผม ขับ แล้วโดนใบสั่ง แต่ เค้าไม่จ่าย เพราะ จะกลับเมืองไทย อยู่แล้ว แล้วเราก็ถึง ซานดิเอโก้ ก่อนเที่ยงคืน